“ขออนุญาตรินน้ำค่ะ” สาวเสิร์ฟคนเดิมอย่างนันลินทร์ทำหน้าที่ดูแลแขก
ร่างอรชรเบียดแทรกขึ้นที่ว่างเพื่อรินน้ำได้ถนัด เทอรินน้ำให้ศจีก่อน ก่อนจะตามด้วยธาฎา
บทสรุปสุดท้ายแล้วจะดีก็ต้องยอมถอย โดยที่ธาฎาเลือกโต๊ะที่ว่างเอาไว้ เขาไม่อยากทำให้แขกมีปัญหา หากแขกที่จองโต๊ะมาแล้วไม่ได้อย่างที่ต้องการอาจเกิดความเสียหายมาถึงเขา ซึ่งเรื่องเพียงแค่นี้เขาไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ศจีเองก็กระไร ควรจะยอมหลับหูหลับตาบ้างกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เขาคร้านจะสืบหาความจริงให้เสียเวลา
จังหวะที่กำลังรินน้ำใส่แก้วให้ชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมนั้น ส่วนท่อนบนของหล่อนก็ดันไปเสียดสีกับปลายจมูกคมเล็กน้อย อันที่จริงหล่อนไม่ได้โน้มตัวเข้าหาเขาเพื่อใกล้ชิดขนาดนั้น เพียงแต่จังหวะที่ศจีหันหน้าออกไปทางกระจกเพื่อคุยโทรศัพท์กับเลขาฯ ส่วนตัวนั้น ธาฎาแอบเอียงหน้าใกล้ชิดสาวเสิร์ฟแทน
“มือสั่นๆ นะ” เขาแอบกระซิบแซวเสียงเบา ให้เพียงนันนลินทร์ได้ยิน ทว่าคนฟังกลับมีท่าทีไม่สนใจ ก่อนที่จะก้าวถอยหลังออกมา
หล่อนค่อนข้างไม่ชอบที่เขามาแอบทำตัวแบบนี้ใส่
“เดี๋ยวอีกสักพักอาหารจะเสร็จแล้วนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”
ว่าจบแล้วก็รีบสะบัดหลังหนีในทันที
ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่เขาพาศจีหรือแพรไหมมาที่นี่ นันนลินทร์กลับรู้สึกอารมณ์ไม่คงที่ หล่อนรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งถ้าว่าไม่กล้าสรุปความรู้สึกของตัวเองที่มีอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
พอเป็นได้แค่คนบนเตียงของเขา คำจำกัดความของนางบำเรออย่างหล่อนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าต่อให้เขาพาใครมาก็ไม่อาจเอ่ยปากโวยวายได้
ทำได้แค่เพียงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ข้างใน
“เป็นยังไงบ้างหนิง ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ?” เสียงของธีรยุทธผู้จัดการห้องอาหารเลยถาม
“เรียบร้อยดีค่ะพี่ยุทธ หนิงไปดูอาหารให้แขกก่อนนะคะ”
จากนั้นร่างอรชรก็เดินเข้าไปในครัว เตรียมจัดจานอาหารและอุปกรณ์ต่างๆไว้ให้พร้อม เสียงในครัวทั้งเชฟและลูกน้องต่างคุยกันเสียงดัง เป็นเพราะเรื่องงานที่จะต้องสื่อสารกัน
นันนลินทร์ยกอาหารที่เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยออกมาก่อน
ระหว่างทางเดินไปยังโต๊ะแขก VIP หล่อนดันมองเห็นธาฎากับศจีก้มหน้าคุยกันจนใบหน้าคมของเขาแทบจะชนเข้ากับแก้มของศจีเต็มทน
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นหรือไม่มีท่าทีจะตงิดหรือชักใบหน้าตัวเองออก ทว่ากลับรู้สึกพึงพอใจเสียด้วยซ้ำหล่อนมองออกในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน
หรือข่าวลือที่เจ๊ตีตี้พูดอาจจะเป็นเรื่องจริง
เพื่อนกันแบบไหนเหรอ ต้องถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้
“ขออนุญาตเสิร์ฟ grill prawn salad ค่ะ”
หล่อนวางจานสลัดไว้ตรงกลางของโต๊ะ มองความเรียบร้อยการแบ่งทั้งสองคนมีครบ เนื่องจากลูกค้าจะทานแบบ sharing[1] จากนั้นจึงเริ่มราดน้ำมันมะกอกลงใส่จานสลัดอย่างรังสรรค์
ขณะทำ ก็ได้ยินเสียงของสองคนพูดคุยกันไปด้วย
“จริงๆ จีก็วาง budget [2] ของโครงการไว้เพิ่มเติมอีก 20% นะ ถ้าเกิดทิมจะอัพสเปคเพิ่ม”
“ไม่หรอกวัสดุเดิมตามที่ interior [3] แจ้งมามันก็พออยู่แล้ว ทิมว่าคงไม่เกินงบหรอก”
“แต่ยังไงจีก็อยากให้ทีมลองไปดูหน้างานจริงๆ นะเผื่ออยากได้อะไรเพิ่มเติม จริงๆ พรุ่งนี้ถ้าจะให้จีลงไปดูหน้างานที่ภูเก็ตคนเดียวมันก็ได้อยู่หรอก แต่จะดีกว่านะถ้าทิมไปด้วยกัน เพราะจีเองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่”
“แต่พรุ่งนี้ทิมไม่ว่าง”
“ทำไมคะ ผู้ช่วยของทิมก็บอกว่าพรุ่งนี้ไม่มีประชุมที่บริษัทนี่ หรือคู่หมั้นของทิมจองคิวก่อนแล้วหรือคะ?”
“ก็ไม่เชิง”
ร่างสูงไหวไหล่นิดๆ เขาจะพูดอย่างไรดีให้เพื่อนสนิทอย่างศจีได้เข้าใจ
การที่ศจีจะหวงและห่วงเขาในฐานะเพื่อนย่อมไม่ผิด ถ้าว่าหลังจากที่เขาตัดสินใจมั่นหมายกับแพรไหม ศจีก็เริ่มตัดพ้อเขามากขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ว่าหล่อนกำลังต้องการอะไร
ทว่ามันคือสิ่งที่เขาให้ไม่ได้
นันนลินทร์เดินก้มหน้าออกมาอย่างเงียบๆ ขณะบทสนทนาของทั้งสองคนยังคงมีอยู่
วันพรุ่งนี้เขาจะไปที่ไหนก็ช่างกระไรมันเรื่องของเขา ใครจะเอาตัวเขาไปก็ช่างสิ
หล่อนพยายามย้ำเตือนตัวเองแบบนั้น ธาฎาเป็นผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วเขามีคู่หมั้น แพรใหม่ต้องมาก่อน
และสัญญาที่เขาเอ่ยไว้เมื่อวันก่อนขณะที่หล่อนก็ยังปรนนิบัติเขาอยู่บนเตียงนั้นอาจจะเป็นเพียงแค่ลมปากของเขาเอาไว้หว่านล้อมเพื่อให้หล่อนเอาอกเอาใจเขาบนเตียงก็เป็นได้
'เดี๋ยววันอังคารฉันว่างตอนเย็น จะพาไปกินร้านอาหารเปิดใหม่ของเพื่อนสนิทฉันเอง'
'จริงเหรอคะ!? คุณไม่ได้โกหกหนิงใช่ไหม?' ที่ต้องถามไปแบบนั้นเพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้ว เขาเทหล่อน โกหกว่าจะพาไปที่ต่างๆ แต่แล้วการนัดหมายก็ต้องล้มลงทุกครั้ง
'คราวนี้ฉันพูดจริง'
ใบหน้าเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ ขนาดที่เดินกลับมาประจำจุดของตัวเองซึ่งไม่ห่างไกลจากการดูแลแขก VIP ศจีกับธาฎายังคงคุยกันต่อเรื่องงาน
ส่วนนันท์นลินก็ไม่ได้สนใจเสียงที่พวกเขาคุยกัน
แต่กลับนึกวกวนอยู่กับคำพูดในหัวที่ธาฎาเคยสัญญาเอาไว้กับหล่อน
'ปวดใจ' นี่คือสิ่งแรกที่รู้สึก
พูดจริง อีกแล้วงั้นเหรอ หล่อนจะเชื่อได้อย่างไรก็ในเมื่อได้ยินกับหูเมื่อครู่นี้เลย ที่คุณศจีถาม เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ต่อไปนี้คำพูดของเขาก็คงเชื่อใจอะไรไม่ได้อีกแล้ว
sharing [1] หมายถึง การแบ่งอาหารจานหลักทานร่วมกัน
budget [2] หมายถึง งบประมาณสำหรับโครงการบางอย่างที่กำลังจะจัดตั้งขึ้น
interior [3] หมายถึง มัณฑนศิลป์ หรือ นักออกแบบภายใน ที่จัดทำโครงการที่กำลังจะจัดตั้งขึ้น
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท