ตอนที่ 6 นอนกอดทั้งคืน
เสียงลมพัดผ่านในยามดึก พิพัฒน์ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ขณะที่สาวน้อยในอ้อมกอดของเขากำลังหลับสบาย และพ่นลมหายใจกระทบลำคอของเขาอย่างต่อเนื่อง ลลิสายังคงนอนอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น เขาจำเป็นต้องนอนกอดเธอเอาไว้ เธอจะได้ไม่ต้องนอนหนาวเหมือนช่วงแรก ลำแขนเล็กกอดรัดกายแกร่งไว้แน่น แก่นกายลำใหญ่แข็งขยายอยู่ตลอดเวลา พิพัฒน์รู้สึกถึงความปวดหนึบตรงกลางกายอยู่ตลอด เขาถอนลมหายใจเพื่อระงับอารมณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดอกุศลกับเธอ แต่ความรู้สึกของผู้ชาย มันเกิดขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติ และร่างกายของเธอก็ไม่ได้เหมือนเด็ก ทั้งหน้าอกและสัดส่วนที่แนบชิดกับร่างของเขา มันเหมือนร่างกายของสาวที่โตเต็มตัว หน้าอกอวบใหญ่เบียดชิดกับหน้าท้องแกร่ง พิพัฒน์พยายามอดทนกับความรู้สึกของเขาเป็นอย่างมาก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดียังมีอยู่เต็มเปี่ยม เขาจึงไม่ฉวยโอกาสล่วงเกินเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอด แสงสว่างจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามา พอให้ได้เห็นใบหน้าสวยหวานที่กำลังหลับสนิท “หึ เด็กอะไร สวยชะมัด ถ้าฉันอายุเท่าๆเธอ หรือเธออายุมากกว่านี้ ฉันคงจะจับเธอกินทั้งคืนแน่ๆ คงไม่ต้องมานอนปวด...อยู่แบบนี้หรอก” เขาเผลอพูดความรู้สึกออกมาเบาๆ ขณะที่ลำแขนแกร่ง ยังกอดร่างสาวไว้แนบแน่น (พรึ่บ) “อ่าส์...ซี๊ด...อยากจะบ้าตาย ไอ้พัฒน์เอ๊ย” เขาถึงกับซู้ดปากและบ่นพึมพำไปเรื่อยเปื่อย เมื่อต้นขาของเขา ถูกขาเรียวยาวของสาวน้อยเกี่ยวรัดไว้แน่น แก่นกายลำใหญ่สัมผัสกับเนินสาวอวบอูม ลลิสาทำแบบนั้นไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว พิพัฒน์แทบไม่กล้าขยับตัว เขาต้องนอนแน่นิ่งอยู่แบบนั้น มันเป็นครั้งแรกที่พิพัฒน์ต้องอดทนกับเรื่องอย่างว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผู้หญิงไหนเข้าใกล้ เขาจะจับกิน แล้วสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี “เฮ่อ...ไอ้พัฒน์เอ๊ย มึงนอนสิวะ ท่องเอาไว้ มึงกำลังนอนกอดตุ๊กตายาง ก็แค่นั้น” ในที่สุดกัปตันพิพัฒน์ก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า “อื้อ” เสียงครางอู้อี้ในลำคอ ขณะที่เปลือกตาสีไข่เริ่มขยับไปมา แสงแดดสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างในช่วงเช้า ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆบริเวณนั้น “ว้าย! คะ...คุณกัปตัน” “อื้อ” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ถูกลำแขนแกร่งกอดรัดไว้แน่น ดวงตากลมโตมองไปเห็นเสื้อผ้าของเขาที่ตากอยู่ใกล้ๆกับเสื้อผ้าของเธอ “ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมา เขายังคงกอดสาวน้อยไว้แน่น “เอ่อ...ทำไมคุณกัปตัน...ถึงได้มานอนกอดหนูแบบนี้คะ อย่าบอกนะว่า...” (พรึ่บ) “ว้าย!” “!” เขาเผลอลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ผ้าห่มหลุดออกจากร่างกายท่อนบนของทั้งสอง ลลิสาร้องออกมาด้วยความตกใจ พิพัฒน์ถึงกับตกตะลึงจนทำตัวไม่ถูก เขาเผลอมองจ้องหน้าอกสวย แถวยังอวบใหญ่เกินตัวอีกต่างหาก มือเล็กรีบคว้าผ้าห่มมาปิดหน้าอกเอาไว้ พิพัฒน์รีบเบือนหน้าหนี “ฉะ...ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมอง คือ...เมื่อคืนหนูนอนละเมอหาพ่อกับแม่ ตัวหนูเย็นมาก ฉันเองก็ทนกับความหนาวไม่ไหว ก็เลยถอดเสื้อผ้าออกไปตาก แล้วก็...ขึ้นไปนอนกับหนู แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับหนูนะ นอกจาก...นอนกอด” ลลิสาหน้าแดงจนเธอรู้สึกร้อนผ่าว “ค่ะ...หนูเข้าใจ ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้หนูคลายหนาว คุณกัปตันไปใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะค่ะ” (พรึ่บ) “กรี๊ดดด! อุ๊บ!” เธอเผลอดึงผ้าห่มมาคลุมศรีษะ ลลิสาลืมไปว่า ท่อนล่างของพิพัฒน์เปลือยเปล่า เธอตกใจที่เห็นแก่นกายของเขาใต้ผ้าห่มจนเผลอกรีดร้องออกมา เขายื่นมือเข้าไปปิดปากเธอไว้ทันที “อย่าเสียงดังสิ หลับตาไว้ ฉันกำลังจะออกไปใส่เสื้อผ้า” “ค่ะ หนูขอโทษ” (พรึ่บ) พิพัฒน์รีบลุกขึ้นจากแคร่ไม้ไผ่ แล้วนำเสื้อผ้ามาสวมใส่ทันที ลลิสาหัวใจเต้นแรง มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นของลับผู้ชาย มันทั้งใหญ่และยาว จนเธอรู้สึกหวั่นไหวใจสั่นระรัว (พรึ่บ) เขาหยิบเสื้อผ้าและชุดชั้นในของเธอมาวางลงที่แคร่ “ใส่เสื้อผ้าเถอะ จะได้ออกเดินทางต่อ” ลลิสาค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม ร่างแกร่งกำยำแต่งกายเสร็จเรียบร้อย เขายืนหันหลังเพื่อให้เธอได้สวมเสื้อผ้า “หนูใส่เสื่อผ้าเสร็จแล้ว คุณกัปตันหันมาเถอะค่ะ” พิพัฒน์หันหน้ากลับมาหาเธอ แต่เขารู้สึกไม่กล้าสบตาเด็กสาวสักเท่าไหร่ ภาพหน้าอกอวบใหญ่ ยอดอกสีหวานแหววยังคงติดตาของเขา ไม่ต่างจากลลิสา ที่ความรู้สึกของเธอยังนึกถึงแก่นกายลำใหญ่ของเขาเหมือนกัน “ทานขนมปังและดื่มน้ำก่อนนะ จะได้มีแรงออกเดินทาง หนูหายปวดข้อเท้าหรือยัง” เขาส่งขนมปังและน้ำดื่มให้เธอ ก่อนจะนั่งลงแล้วจับข้อเท้าของเธอขึ้นมาดู “ดีขึ้นแล้วค่ะ ไม่ค่อยปวดเท่าเมื่อวาน คุณกัปตันทานขนมปังสิคะ จะได้มีแรงเดินทาง” เขาพยักหน้าพร้อมกับยื่นมือไปหยิบขนมปังมารับประทาน เวลาเลยผ่านไปถึงเที่ยงวัน พิพัฒน์ให้สาวน้อยขี่หลังเขาเดินไปตามลำธาร เขารู้สึกถึงสัมผัสจากหน้าอกอวบใหญ่ของเธอ มันถูไถและเบียดเสียดแผ่นหลังของเขาอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งพิพัฒน์คิดว่าตัวเขาเองบ้าไปเสียแล้ว เขาได้แต่พ่นลมหายใจออกมาเป็นระยะ “เหนื่อยมากไหมคะ พักก่อนดีกว่า หนูกลัวคุณกัปตันจะไปต่อไม่ไหว” (พรึ่บ) เขาวางร่างเล็กลงใต้โคนต้นไม้ใหญ่ “หนูไม่ต้องกลัวว่าฉันจะไปต่อไม่ไหว ยังไงฉันก็ต้องพาหนูกลับไปหาพ่อกับแม่ของหนูให้ได้” เขาพูดพร้อมกับนั่งจ้องหน้าสวยหวาน พิพัฒน์มองออกว่าเด็กสาวเป็นห่วงเขามากพอสมควร มือหนายื่นไปลูบศรีษะเล็กด้วยความเอ็นดู (แก่ก..แก่ก) เสียงดังเหมือนมีผู้คนเดินเหยียบกิ่งไม้และใบไม้ ทั้งสองมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น “เสียงอะไรคะ” “น่าจะมีคนมาแถวนี้” (พรึ่บ) เขาใช้ลำแขนข้างขวาโอบไหล่เล็กเข้ามาแนบชิด พิพัฒน์ไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่กำลังเดินมาคือใคร หน้าที่ของเขาคือปกป้องเด็กสาวคนนี้จากอันตรายทุกด้าน “นั่นใคร ทำไมถึงมานั่งอยู่กลางป่าแบบนี้” เสียงชายชราตะโกนถามคนทั้งสอง เขาเดินมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ และยังมีชายสูงวัยเดินตามหลังมาอีกสองคน พวกเขาแต่งตัวคล้ายกับนักล่าสัตว์ “คือ...ผมกับเมียมาเที่ยวแล้วหลงป่าน่ะครับ” เขาโอบไหล่ลลิสาไว้แน่น พิพัฒน์จำเป็นต้องพูดแบบนั้น เพื่อไม่ให้ลลิสาตกเป็นเป้าหมายสายตาของคนแปลกหน้า “อ้าว สองคนนี้น่าจะเป็นคนที่เจ้าหน้าที่พากันออกตามหาแน่ๆเลย” ชายชราพูดออกมา “เจ้าหน้าที่กำลังตามหาผมกับเมีย งั้นเหรอครับ” “ฉันก็ไม่รู้หรอก ว่าเขากำลังตามหาพวกคุณอยู่หรือเปล่า แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า กำลังออกตามหาผู้ชายกับผู้หญิงที่พลัดตกน้ำน่ะ” “ใช่ครับ ผมกับเมียพลัดตกลำธาร เราถูกน้ำซัดไปเรื่อยๆ พอขึ้นฝั่งได้ก็จำทางกลับไม่ได้แล้วครับ” “งั้นก็ตามมา เจ้าหน้าที่อยู่ฝั่งโน้น ฉันจะไปส่ง เดินอีกสองกิโล ไหวหรือเปล่าล่ะ” “ไหวครับ” ลลิสาต้องขี่หลังพิพัฒน์อีกครั้ง เธอรู้สึกเขินและรู้สึกดี ที่เขาบอกว่าเธอเป็นเมียของเขา แม้จะเป็นคำโกหกก็ตาม “โน่นไง ฉันมาส่งแค่นี้นะ เจ้าหน้าที่อยู่ตรงนั้น พวกฉันต้องเข้าป่าแล้ว” “ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยพาพวกผมมาส่ง” “ขอบคุณท่านทั้งสามมากนะคะ” พิพัฒน์และลลิสากล่าวขอบคุณพวกเขา ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปคนละทาง เจ้าหน้าที่เดินนำพิพัฒน์และลลิสากลับไปยังบ้านพักที่ทุกคนรออยู่ “ซาร่า!” “ซาร่า!” บิดามารดาของเธอเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ “คุณพ่อคุณแม่!” “คุณพัฒน์คะ!” “!” แอนนี่วิ่งตรงเข้าไปหาพิพัฒน์ ขณะที่ลลิสายังขี่หลังเขา สาวน้อยรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาหาบิดามารดา และเธอก็ต้องตกใจที่หญิงสาวคนนั้นวิ่งเข้าไปหากัปตันพิพัฒน์ด้วยความดีใจ -------------------------------------- ช่วงเวลาแห่งความสุขของน้องซาร่ากำลังจะผ่านไป เรื่องราวระหว่างกัปตันพิพัฒน์และน้องซาร่าจะเป็นอย่างไร ฝากติดตามตอนต่อไป กด❤️และคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะตอนที่ 8 บอกเลิกผู้หญิงแพศยาประเทศไทยกัปตันพิพัฒน์ทำหน้าที่นำเครื่องบินลงจอดยังสนามบิน ในช่วงเช้าตรู่ ร่างสูงในชุดเครื่องแบบกัปตัน เดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้า“คุณพัฒน์จะกลับบ้านหรือไปคอนโดครับ”คนขับรถของเขาเอ่ยถามทันที“กลับบ้าน วันนี้ฉันจะพาลูกสาวไปดูหนังตอนเย็น”“ครับ”(ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง)เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นต่อเนื่อง พิพัฒน์นำโทรศัพท์ขึ้นมากดปลดล็อคหน้าจอ แล้วเข้าไปอ่านข้อความทันที “หึ ผู้หญิงแพศยา”เขาสบถคำหยาบในลำคอ เมื่อเห็นคลิปวีดีโอที่คนของเขาส่งเข้ามา มันเป็นเหตุการณ์ขณะที่แอนนี่กำลังเต้นยั่วยวน และกอดจูบกับชายหนุ่มเศรษฐีบ่อน้ำมัน ซึ่งเป็นคนที่พิพัฒน์เคยสงสัยความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาก่อนหน้านั้น ทั้งสองกำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่ชายต่างชาติผู้นั้นจะช้อนอุ้มแอนนี่เดินออกจากผับ แล้วไปขย่มกันต่อในรถหรู พิพัฒน์ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือโมโหแต่อย่างใด ที่ผ่านมาเขาไม่ได้คิดจะลงหลักปักฐานกับผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว แต่ความสัมพันธ์ของเขาและเธอ มันคือความใกล้ชิด พิพัฒน์เบื่อกับความสัมพันธ์ชั่วคราวที่เขาเคยผ่านมา เขาจึงเลือกที่จะคบกับแอนนี่
ตอนที่7 หนูจะไม่มีวันลืมคุณพิพัฒน์ย่อตัวลงเพื่อให้สาวน้อยนั่งที่เก้าอี้ บริเวณหน้าบ้านพักของเจ้าหน้าที่(พรึ่บ)“คุณพัฒน์เป็นยังไงบ้างคะ แอนนี่เป็นห่วงคุณมากรู้ไหม แอนนี่นอนไม่หลับทั้งคืน กลัวว่าคุณจะไม่กลับมาหาแอนนี่อีก”หญิงสาวสวมกอดชายคนรักไว้แนบแน่น ก่อนจะปลายตามองลลิสาที่กำลังโอบกอดบิดามารดา อยู่ด้านหลังของพิพัฒน์“ผมไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว คุณไม่ต้องกังวล”มือหนาสองข้างจับที่ไหล่เล็กของแฟนสาว ลำแขนเล็กคลายออกจากร่างหนา พิพัฒน์หันกลับมามองสาวน้อยที่กำลังพูดคุยกับบิดามารดา“ลูกตัวร้อนมากเลยคุณ”มาดามริสาใช้ฝ่ามือแตะที่หน้าผากของลูกสาว “ซาร่าน่าจะมีไข้น่ะครับ รีบพาเธอไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า”พิพัฒน์พูดกับคนทั้งสอง“รถพยาบาลกำลังมาครับ เจ้าหน้าที่ติดต่อมาบอกว่าเจอคุณกับลูกสาวผมแล้ว เจ้าหน้าที่ทางฝั่งนี้โทรแจ้งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วครับ ผมขอบคุณนะครับ ที่คุณช่วยชีวิตลูกสาวผมไว้ ถ้าไม่มีคุณอยู่ตรงนั้น ป่านนี้ลูกสาวของผมจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”มิสเตอร์ฟรังโก้กล่าวขอบคุณกัปตันพิพัฒน์ด้วยความซาบซึ้ง ลลิสามองใบหน้ากัปตันผู้ใจดีอยู่ตลอดเวลา(พรึ่บ)ลำแขนแกร่งถูกสองแขนของแฟนสาวกอดรัดไว้แน่น เธอถลึ
ตอนที่ 6 นอนกอดทั้งคืนเสียงลมพัดผ่านในยามดึก พิพัฒน์ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ขณะที่สาวน้อยในอ้อมกอดของเขากำลังหลับสบาย และพ่นลมหายใจกระทบลำคอของเขาอย่างต่อเนื่อง ลลิสายังคงนอนอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น เขาจำเป็นต้องนอนกอดเธอเอาไว้ เธอจะได้ไม่ต้องนอนหนาวเหมือนช่วงแรก ลำแขนเล็กกอดรัดกายแกร่งไว้แน่น แก่นกายลำใหญ่แข็งขยายอยู่ตลอดเวลา พิพัฒน์รู้สึกถึงความปวดหนึบตรงกลางกายอยู่ตลอด เขาถอนลมหายใจเพื่อระงับอารมณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดอกุศลกับเธอ แต่ความรู้สึกของผู้ชาย มันเกิดขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติ และร่างกายของเธอก็ไม่ได้เหมือนเด็ก ทั้งหน้าอกและสัดส่วนที่แนบชิดกับร่างของเขา มันเหมือนร่างกายของสาวที่โตเต็มตัว หน้าอกอวบใหญ่เบียดชิดกับหน้าท้องแกร่ง พิพัฒน์พยายามอดทนกับความรู้สึกของเขาเป็นอย่างมาก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดียังมีอยู่เต็มเปี่ยม เขาจึงไม่ฉวยโอกาสล่วงเกินเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอด แสงสว่างจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามา พอให้ได้เห็นใบหน้าสวยหวานที่กำลังหลับสนิท“หึ เด็กอะไร สวยชะมัด ถ้าฉันอายุเท่าๆเธอ หรือเธออายุมากกว่านี้ ฉันคงจะจับเธอกินทั้งคืนแน่ๆ คงไม่ต้องมานอนปวด...อยู่แบบนี้หร
ตอนที่ 5 ค้างคืนกลางป่าสองต่อสอง“ฉันว่าเราเดินย้อนขึ้นไปตามแนวลำธารกันเถอะ เดินไปเรื่อยๆก็น่าจะถึงจุดที่เราถูกกระแสน้ำพัดมา”เขาพูดพร้อมกับคลายลำแขนออกจากร่างบาง แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง(พรึ่บ)“โอ๊ย!”(ตุ๊บ!)“หนู! เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”ลลิสาพยายามดันตัวลุกขึ้นยืน แต่แล้วเธอก็ต้องล้มลงไปกองที่พื้น เนื่องจากข้อเท้าของเธอปูดบวม จนทำให้เธอทรงตัวไม่อยู่ กัปตันพิพัฒน์นั่งลงแล้วยื่นมือไปจับที่ข้อเท้าเล็ก“จะ...เจ็บค่ะ”เธอนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด“ข้อเท้าของหนูน่าจะไปโดนกับโขดหิน เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”เขามองหน้าคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกสงสาร“มะ...ไม่ค่ะ เจ็บแค่ข้อเท้า”“งั้นขี่หลังฉันนะ ฉันจะพาหนูกลับไปหาพ่อกับแม่เอง”ลลิสาพยักหน้าตอบกลับ เขาพยายามประคองร่างเล็กขึ้นขี่หลัง (พรึ่บ)นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆบริเวณนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า ทุกอย่างกำลังเงียบสงัด มีแค่เพียงเสียงน้ำไหลเชี่ยว และไม่มีท่าทีว่าจะมีผู้คนอยู่แถวๆนั้น นอกจากเขาและเด็กสาวหน้าสวยคนนี้“คุณกัปตันไหวไหมคะ หนักหรือเปล่า”ลลิสาเอ่ยถามออกไป เขายังคงให้เธอขี่หลังเดินไปเรื่อยๆ“ไม่หนักหรอก ฉันยัง
ตอนที่ 4 อุบัติเหตุในขณะที่กัปตันพิพัฒน์กำลังซุกไซ้ข้างๆซอกคอแฟนสาว จนเธอส่งเสียงครวญคราง และเป็นจังหวะที่ลลิสาเดินมาใกล้ๆเต็นท์ของเขา เธอเรียกหากัปตันผู้ใจดี พิพัฒน์ต้องรีบใช้มือปิดปากแฟนสาวเอาไว้ “คุณกัปตันคะ”“...”เขาไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เพราะเกรงว่าเธอจะรู้ ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่“ไปไหนนะ”เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ และไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้น ลลิสาจึงเดินกลับไปหาบิดามารดาของเธอทันที“ทำไมถือจานบาร์บีคิวกลับมาล่ะลูก”มารดาของเธอเอ่ยถาม“คุณกัปตันไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ เขาคงไม่ได้อยู่แถวนั้น ซาร่าทานเองดีกว่า”เธอหยิบบาร์บีคิวในจานขึ้นมาเคี้ยวตุ้ยๆเหมือนเด็ก มิสเตอร์ฟรังโก้และมาดามริสามองดูลูกสาวทานบาร์บีคิวด้วยความเอ็นดู ลลิสายังทำตัวเหมือนเด็กน้อยเวลาอยู่กับพวกเขา“ใส่เสื้อผ้าเถอะ”น้ำเสียงทุ้มพูดออกมา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกทางปาก มันไม่ใช่การกระทำที่ดูหงุดหงิด และทำให้แอนนี่รู้สึกแปลกใจกับการกระทำของชายคนรัก“ไม่ทำแล้วเหรอคะ”“ไม่”“เด็กนั่นมาหาคุณพัฒน์ทำไมกัน ทำไมต้องมาขัดจังหวะด้วย”เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหงุดหงิด มันควรจะเป็นพิพัฒน์เสียมากกว่า ที่ต้องเป็นฝ่ายอารมณ์เสียเพร
ตอนที่3 เจอคุณกัปตันอีกครั้ง“พร้อมที่จะออกเดินทางหรือยังลูกสาวพ่อ”มิสเตอร์ฟรังโก้ถามลูกสาว หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จสรรพ“ซาร่าพร้อมมากเลยค่ะคุณพ่อ ดูกระเป๋าสิคะ ซาร่าเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายชุดมาก ตื่นเต้นสุดๆเลยค่ะ”เธอชี้นิ้วไปยังกระเป๋าถือใบใหญ่ที่วางอยู่บนโซฟา ลลิสาร่าเริงและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด“คุณเตรียมของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าครบแล้วใช่ไหม คุณริสา”เขาถามภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ“ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”“งั้นเราออกเดินทางกันเลยนะ”“เย้ๆ ซาร่ารักคุณพ่อกับคุณแม่ที่สุดในโลกเลยค่ะ”รถบ้านของมิสเตอร์ฟรังโก้หยุดจอดกลางหุบเขาเขียวชอุ่มในเวลาเที่ยงวัน อากาศค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเข้าสู่ฤดูร้อน “ว้าว! สวยมากเลยค่ะ”ลลิสาก้าวขาลงจากรถบ้านวิ่งไปที่ลานทุ่งหญ้าด้วยท่าทางตื่นเต้น ดวงตากลมโตมองดูใบหญ้าและดอกไม้ที่กำลังปลิวไสวไปตามลม เธอสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ สองสามีภรรยามองดูลูกสาวอย่างมีความสุข จากนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังยืนหลับตาพริ้ม“ลูกอยากพักตรงนี้ใช่ไหมซาร่า หรืออยากจะไปพักที่รีสอร์ทบนภูเขา แล้วแต่ลูกเลยนะ”มิสเตอร์ฟรังโก้พูดกับลูกสาวพร้อมกับพยักพเยิ