LOGINเวลา 07 : 00 น.
วันนี้ฟางเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปสมัครงาน ณ โรงงานแห่งหนึ่ง เป็นโรงงานผลิตถุงมือแพทย์ขนาดกลาง เธอเห็นเขาประกาศรับสมัครพนักงานใหม่หลายอัตราน่าจะพอมีสิทธิ์ แต่สุดท้ายเธอก็หมดสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่ทันจะสมัคร เพราะทุกแผนกที่ประกาศเอาไว้ได้คนเต็มหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เธอมาช้าไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้น หญิงสาวพกพาความผิดหวังกลับบ้าน หล่อนเรียนจบแล้วและอยากทำงานเพื่อจุนเจือครอบครัวทางบ้าน พ่อกับแม่หมดเงินไปกับการส่งเสียให้เธอเรียนมาก็มาก เมื่อเรียนจบแล้วแทนที่จะได้งานทำดันมาตกงาน มารดาเดินเข้ามาปลอบขวัญเมื่อเห็นลูกสาวเดินคอตกทำหน้าเป็นหมาหงอยกลับเข้ามาในบ้านเหมือนทุกๆ วัน “อย่าเสียใจไปเลยนะฟาง เดี๋ยวแม่จะลองถามนายหัวซันให้ ว่าพอจะมีตำแหน่งว่างบ้างไหมพวกเสมียนอะไรพวกนั้นดีกว่าไม่มีงานทำ” “จ้ะ” หล่อนเงยหน้าขึ้นมองมารดาอย่างมีความหวัง ดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างหนักนั้นทอประกายขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวอยากทำงานเพื่อปลดเปลื้องภาระทางบ้าน หวังว่านายหัวซันจะมีตำแหน่งว่างให้เธอสักตำแหน่งเถอะนะ หญิงสาวได้แต่ภาวนา ตอนค่ำมารดาได้โทรศัพท์ไปหาแม่บ้านของนายหัวซันที่ชื่อป้านีเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบและฝากฝังเรื่องงาน ได้รับการตอบรับจากฝ่ายนั้นอย่างดีและน่าจะพอมีหวัง ป้านีวางสายโทรศัพท์จากมารดาของฟาง หันกลับมาเจอเข้ากับนายหัวซันพอดี ป้านียิ้มแก้มปริ “นายหัวคะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ พอดีป้ามีเรื่องอยากจะปรึกษากับนายหัวค่ะ” “ได้สิครับป้า มีอะไรเหรอครับ” “คือพรมันโทรมาถามว่านายหัวรับคนเพิ่มรึเปล่าน่ะค่ะ หนูฟางที่เอาแกงมาให้ป้าเมื่อวันก่อน เขาเพิ่งเรียนจบแล้วอยากหางานทำ” “แล้วเขาจบอะไรมาล่ะครับ” “เห็นว่าจบปวส.บัญชีค่ะนายหัว” “ปวส.บัญชีเหรอ ก็พอมีงานอยู่นะครับ ให้เขามาทำบัญชีเงินสวนยางให้ผมก็แล้วกัน ถ้าจะทำก็ให้มาฝึกดูกับพี่น้อยคนที่รับผิดชอบงานส่วนนี้อยู่” “ค่ะนายหัว ขอบคุณนะคะ” “ครับ” ชายหนุ่มเดินออกไปจากตรงนั้น หญิงชราก็ต่อสายโทรศัพท์ไปหาแม่ของฟางทันที “พร..ฉันมีข่าวดี” “ข่าวดีอะไรเหรอจ๊ะพี่” ปลายสายตอบกลับทันทีอย่างมีความหวัง “ก็เรื่องงานของหนูฟางที่แกให้ฉันถามนายหัวซัน นายหัวรับนะ เขาให้หนูฟางมาทำบัญชีเงินสวนยาง พรุ่งนี้ให้รีบมาทำงานเลย” “จริงหรือจ๊ะ โอ๊ย! ฉันดีใจจังเลย ฟางมันจะได้ทำงานใกล้ๆ ไม่ต้องขี่รถออกไปไกล ขอบคุณพี่มากนะจ๊ะที่ช่วยเป็นธุระให้จนฟางมันได้งานทำ” “ไม่เป็นไรจ้ะ เราใช่คนอื่นคนไกลกันเสียที่ไหนล่ะ” หญิงชราก็พลอยดีใจที่หญิงสาวได้งานทำ เพราะฟางเป็นเด็กน่ารัก ขยัน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ช่วยพ่อแม่ทำงาน ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องผู้ชาย เช้าวันถัดมา... ฟางแต่งตัวออกมาทำงานที่บ้านของนายหัวซัน เธอใส่กางเกงยีนทรงกระบอกกับเสื้อยืดแขนสั้นที่ธรรมดามาก เพราะเป็นการทำงานที่ไม่ใช่สำนักงานนายหัวซันจึงให้เธอใส่ชุดสบายๆ ไม่ได้มียูนิฟอร์มให้สวมใส่ “แม่หนูไปทำงานก่อนนะจ๊ะเดี๋ยวสาย แล้วนี่หนูต้องไปที่บ้านนายหัวหรือไปที่บ่อน้ำยางคะ” “ไปที่บ้านนายหัวก่อนแล้วกัน ถ้านายหัวจะให้ไปทำบัญชีที่บ่อน้ำยางก็ค่อยว่ากันอีกที” “ค่ะแม่ งั้นหนูไปก่อนนะคะ” “โชคดีนะ ตั้งใจทำงานล่ะ” “จ้ะแม่ ไปล่ะนะ” มารดาพยักหน้าส่งยิ้มให้ลูกสาวอันเป็นที่รัก เสียงของฟางสตาร์ทรถขี่ออกไปแล้ว เธอเดินทางมาทำงานที่บ้านของนายหัวซันตามที่แม่สั่ง หญิงสาวยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างนอกไม่กล้าเข้าไปข้างใน ป้านีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของฟางก็เลยเดินออกมาดู เจอหญิงสาวยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ ทำท่าไม่กล้าเข้าไปข้างใน หญิงชรารับไหว้สาวน้อยแทบไม่ทัน “สวัสดีค่ะป้านี หนูมาทำงานค่ะ” “สวัสดีจ้ะหนูฟาง เข้าไปข้างในกันเถอะจ้ะนายหัวซันรออยู่” “ค่ะป้า” หญิงชราเดินนำหญิงสาวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ที่ภายในตกแต่งเอาไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้หรูหรา สะดวกสบายและใหญ่กว่าบ้านพักคนงานที่เธออาศัยอยู่กับครอบครัวหลายเท่านัก “สวยจัง” เธอพึมพำเบาๆ นายหัวซันนั่งกินกาแฟอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแลเห็นหญิงสาวจึงเดินออกมา “สวัสดีค่ะนายหัว ฟางมารายงานตัวค่ะ ไม่ได้มาสายใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มยิ้มรับกับแววตาเจิดจรัสคู่นั้น ก่อนจะแกล้งทำเป็นดุแบบไม่จริงจัง “ไม่สายแต่เกือบสาย” “ห๊ะ! เกือบสายเหรอคะ ฟางว่าฟางมาเช้าแล้วนะคะ” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจกับท่าทีตกใจนั่น คนอะไรน่าแกล้งชะมัด “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่สายหรอกผมหยอกเล่นนะ" หญิงสาวจ้องมองใบหน้าที่มีหนวดเคราบางๆ เขาระบายยิ้มอ่อนจนเห็นลักยิ้มที่แก้มบุ๋มหนึ่งข้าง “ฟางไม่คิดว่านายหัวจะมีมุมขี้เล่นแบบนี้ด้วยนะคะ เห็นหน้าตาเข้มๆ นึกว่าโหด” “ถึงหน้าผมจะดูโหด แต่บางทีผมก็อยู่ในโหมดคิตตี้แล้วแต่อารมณ์” คนพูดยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ฟางไปหนึ่งกรุบ ก่อนจะหุบยิ้มแล้วเข้าสู่โหมดจริงจัง “ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมจะพาไปเจอพี่น้อย จะได้ฝึกทำบัญชีกับพี่เขา เธอจะได้แบ่งเบาภาระเพราะพี่น้อยก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที พี่น้อยคลอดเธอคงทำบัญชีคล่องแล้ว” “ค่ะนายหัว” หญิงสาวตอบรับแล้วเดินตามเจ้านายหนุ่มไปทำงาน ซันแอบมองเด็กสาวอยู่เป็นระยะ แล้วอมยิ้มอย่างพึงพอใจ (เด็กอะไรน่ารักชะมัด) เอาล่ะสิ นายหัวซันเริ่มจิตใจปั่นป่วนเข้าแล้วล่ะค่ะ ชอบน้องฟางเข้าแล้วใช่ไหม ติดตามอ่านต่อในตอนต่อไปกันค่ะฟางรีบเดินไปจากตรงนั้นกำลังจะเข้าห้องน้ำ เสือหนุ่มเดินตามเข้าประชิดเธอจากทางด้านหลัง หล่อนร้องอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อเรือนร่างบอบบางถูกช้อนอุ้มจนตัวลอย แล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำ“อุ๊ย! นายหัวจะทำอะไรคะ!”“พี่ว่า..พี่เปลี่ยนให้เองดีกว่า เดี๋ยวฟางจะเป็นหวัด”สรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองถูกเปลี่ยนเสร็จสรรพ จากผมที่ดูห่างเหินเป็นทางการเปลี่ยนเป็นพี่....หญิงสาวร้องประท้วงออกมาทันที เมื่อหนุ่มใหญ่ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าของเธอออกจากกาย เธอรีบรั้งฝ่ามือหนานั้นไว้ เมื่อมันกำลังตะปบลงไปตรงชายเสื้อด้านล่างแล้วทำท่าจะถลกเสื้อยืดตัวบางไปทางเหนือศีรษะ"นายหัวอย่าค่ะ!"ชายหนุ่มชะงัก เขาหยุดทุกการกระทำ มองสบดวงตาดำขลับ“ไหนลองเรียกว่าพี่สิครับ”“ฟางไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ”“ทำไม..พี่อนุญาต พี่ซันเรียกสิคะ..ไม่เรียกจูบนะ”หญิงสาวแก้มแดงซ่านก้มหลบสายตาแพรวพราวคู่นั้นพัลวัน คนตัวโตพูดพร้อมโน้มใบหน้าหล่อเหลาที่มีไรหนวดบางๆ ลงต่ำเข้ามาใกล้เธออีกนิด“ไม่เรียกพี่จูบจริงๆ นะ”หญิงสาวตาโตเท่าไข่ห่าน ทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะเก้อกระดาก หลบปลายจมูกโด่งรั้นที่โฉบไปเฉี่ยวมา“เรียก..เรียกแล้วค่ะ พี่ซัน....”ชายหนุ่มระบายยิ้มออกม
ฟางมาทำงานกับนายหัวซันได้สามเดือนแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างดูปกติมาก เธอได้แต่เก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในใจอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวว่าตนเป็นแค่ลูกจ้างของนายหัวซัน หญิงสาวได้แต่แอบรักเจ้านายหนุ่มใหญ่อยู่เพียงเท่านั้น หล่อนไม่แสดงอาการให้เขารู้สึกอึดอัดใจชายหนุ่มเองพักหลังมานี้ก็รู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายสั่นไหวแปลกๆ ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับหญิงสาว เลือดในกายของเขามันมักจะพลุ่งพล่านเหมือนภูเขาไฟจะระเบิดลาวาออกมายังไรอย่างนั้นหนุ่มใหญ่ผู้ผ่านประสบการณ์มาสามสิบเก้าร้อน สามสิบเก้าหนาวรู้ตัวเองดีว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร แค่ต้องการรู้หัวใจตัวเองให้ชัดขึ้นกว่านี้ชายหนุ่มจึงยังคงรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาไว้แค่เจ้านายกับลูกน้อง แต่ก็คอยสอดส่องว่ามีใครตามจีบเธอบ้าง แล้ววันนี้ไอ้อาการหวงแบบผิดปกติมันก็ชัดขึ้นต่อหน้าลูกน้อง“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนรึไง!”ชายหนุ่มตวาดใส่คนงานชายที่จ้องมองหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เธอเดินตามเขามาตรวจงานที่บ่อน้ำยาง นัยน์ตาของเจ้าพวกนั้นดูเป็นประกายวิบวับแถมยังอมยิ้มกรุ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้ จนคนตัวโตทนดูไม่ได้ต้องกำราบกันสักหน่อย ให้มันรู้เสียบ้างว่าผู้หญิง
เวลา 07 : 00 น.วันนี้ฟางเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปสมัครงาน ณ โรงงานแห่งหนึ่ง เป็นโรงงานผลิตถุงมือแพทย์ขนาดกลาง เธอเห็นเขาประกาศรับสมัครพนักงานใหม่หลายอัตราน่าจะพอมีสิทธิ์ แต่สุดท้ายเธอก็หมดสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่ทันจะสมัคร เพราะทุกแผนกที่ประกาศเอาไว้ได้คนเต็มหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เธอมาช้าไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้นหญิงสาวพกพาความผิดหวังกลับบ้าน หล่อนเรียนจบแล้วและอยากทำงานเพื่อจุนเจือครอบครัวทางบ้าน พ่อกับแม่หมดเงินไปกับการส่งเสียให้เธอเรียนมาก็มาก เมื่อเรียนจบแล้วแทนที่จะได้งานทำดันมาตกงาน มารดาเดินเข้ามาปลอบขวัญเมื่อเห็นลูกสาวเดินคอตกทำหน้าเป็นหมาหงอยกลับเข้ามาในบ้านเหมือนทุกๆ วัน“อย่าเสียใจไปเลยนะฟาง เดี๋ยวแม่จะลองถามนายหัวซันให้ ว่าพอจะมีตำแหน่งว่างบ้างไหมพวกเสมียนอะไรพวกนั้นดีกว่าไม่มีงานทำ”“จ้ะ”หล่อนเงยหน้าขึ้นมองมารดาอย่างมีความหวัง ดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างหนักนั้นทอประกายขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวอยากทำงานเพื่อปลดเปลื้องภาระทางบ้าน หวังว่านายหัวซันจะมีตำแหน่งว่างให้เธอสักตำแหน่งเถอะนะ หญิงสาวได้แต่ภาวนาตอนค่ำมารดาได้โทรศัพท์ไปหาแม่บ้านของนายหัวซันที่ชื่อป้านีเพื่อไถ่ถา
กลางดึกสงัด ณ สวนยางพาราของนายหัวซัน ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว คือมีการลักขโมยก้อนน้ำยางที่ลูกจ้างวางกองเอาไว้กะว่าจะเก็บขายภายในอาทิตย์นี้ แต่ทว่ามีลูกจ้างของนายหัวซันนายหนึ่งติดยาเสพติดเลยเข้ามาขโมยเสียก่อนแต่ก็ไม่รอดจากสายตาพญามัจจุราชอย่างนายหัวซัน“นายหัวปล่อยผมไปเถอะครับ ผมกลัวแล้ว” หัวขโมยยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเพราะกลัวตาย นายหัวซันพร้อมด้วยลูกน้องชายฉกรรจ์อีกสี่คนยืนจ้องตาเขม็ง“ใครใช้ให้มึงริอาจเป็นขโมยทรยศหักหลังคนที่คอยให้ข้าวให้น้ำมึงกิน!" นายหัวซันตวาดจนสุดเสียงพลางหันไปทางลูกน้อง "พวกมึงจับมันเอาไว้แล้วส่งตัวไปสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้”“ครับนายหัว” บรรดาลูกน้องรับคำทำท่าจะจับตัวไอ้หัวขโมยให้ลุกขึ้นมา“นายหัว นายหัว ผมกลัวแล้วอย่าจับผมไปให้ตำรวจเลยนะครับ ผมขอร้อง”“ขอร้องอย่างนั้นเหรอ..ได้! แล้วมึงมีอะไรมาแลกล่ะ ถ้าน่าสนใจบางทีกูอาจจะพิจารณา”“ผมจะ..ผมจะเลิกเสพยาครับ จะไม่ลักเล็กขโมยน้อยอีกแล้ว ผมสาบาน อย่าส่งผมไปให้ตำรวจเลยนะครับ”หนุ่มใหญ่แสยะยิ้มมุมปาก “นี่ถึงขั้นสาบานเลยเหรอวะ มึงคิดว่ากูจะเชื่อคำพูดของมึงอย่างนั้นเหรอ..""นายหัวเชื่อผมเถอะครับ ให้







