LOGIN"เรียกพี่สิครับ ไม่เรียกจูบนะ!" "ฟางไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ" "ทำไม พี่อนุญาต ไม่เรียก..จูบจริงๆนะ"
View Moreกลางดึกสงัด ณ สวนยางพาราของนายหัวซัน ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว คือมีการลักขโมยก้อนน้ำยางที่ลูกจ้างวางกองเอาไว้กะว่าจะเก็บขายภายในอาทิตย์นี้ แต่ทว่ามีลูกจ้างของนายหัวซันนายหนึ่งติดยาเสพติดเลยเข้ามาขโมยเสียก่อนแต่ก็ไม่รอดจากสายตาพญามัจจุราชอย่างนายหัวซัน
“นายหัวปล่อยผมไปเถอะครับ ผมกลัวแล้ว” หัวขโมยยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเพราะกลัวตาย นายหัวซันพร้อมด้วยลูกน้องชายฉกรรจ์อีกสี่คนยืนจ้องตาเขม็ง “ใครใช้ให้มึงริอาจเป็นขโมยทรยศหักหลังคนที่คอยให้ข้าวให้น้ำมึงกิน!" นายหัวซันตวาดจนสุดเสียงพลางหันไปทางลูกน้อง "พวกมึงจับมันเอาไว้แล้วส่งตัวไปสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้” “ครับนายหัว” บรรดาลูกน้องรับคำทำท่าจะจับตัวไอ้หัวขโมยให้ลุกขึ้นมา “นายหัว นายหัว ผมกลัวแล้วอย่าจับผมไปให้ตำรวจเลยนะครับ ผมขอร้อง” “ขอร้องอย่างนั้นเหรอ..ได้! แล้วมึงมีอะไรมาแลกล่ะ ถ้าน่าสนใจบางทีกูอาจจะพิจารณา” “ผมจะ..ผมจะเลิกเสพยาครับ จะไม่ลักเล็กขโมยน้อยอีกแล้ว ผมสาบาน อย่าส่งผมไปให้ตำรวจเลยนะครับ” หนุ่มใหญ่แสยะยิ้มมุมปาก “นี่ถึงขั้นสาบานเลยเหรอวะ มึงคิดว่ากูจะเชื่อคำพูดของมึงอย่างนั้นเหรอ.." "นายหัวเชื่อผมเถอะครับ ให้โอกาสผมสักครั้ง" "ได้! ในเมื่อมึงขอโอกาสกูจะให้โอกาสมึงก็ได้ แต่มึงต้องไสหัวออกไปจากสวนยางกูเดี๋ยวนี้แล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีกเข้าใจไหม ถ้ากูเห็นมึงอีกครั้ง กูอาจบรรดาลโทสะจับมึงฆ่าทำปุ๋ยในสวนยางกูก็ได้” “ครับนายหัวผมกลัวแล้ว ผมจะออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ครับ ขอบคุณนายหัวที่ให้โอกาสครับ” “โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นจำไว้ แล้วอย่าเสือกเฉียดเข้ามาในสวนยางกูอีก” “ครับ” “พวกมึงปล่อยมัน แล้วเอาขี้ยางที่มันขโมยไปเอาไปเก็บเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรให้แม่ค้ามารับเอาไป” “ครับนายหัว” หนุ่มใหญ่ขับรถออกไปจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ ปัญหาในสวนยางพารามีให้เขาตามแก้ในทุกๆ วัน หนักบ้างเบาบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ ชายหนุ่มเป็นเจ้าของสวนยางที่มีอาณาบริเวณนับร้อยไร่ เป็นธุรกิจครอบครัวที่พ่อแม่ทิ้งเอาไว้ให้ลูกชายคนเดียวก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา.. ฟางสาวน้อยวัยใส อายุ 19 พ่อแม่เธอเป็นลูกจ้างในสวนยางพาราของนายหัวซัน สาวน้อยเพิ่งจบการศึกษาระดับชั้นปวส. ได้เพียงสองอาทิตย์เท่านั้นก็ออกหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระให้พ่อและแม่ เพราะรู้ถึงความยากลำบากของทางบ้านที่พ่อแม่เป็นแค่ลูกจ้างกรีดยาง มีรายได้สองคนรวมกันวันละไม่กี่ร้อยบาท อีกทั้งพวกท่านยังฝากความหวังเอาไว้ที่เธอ หวังว่าจบออกมาจะมีงานดีๆ ทำ เพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว หญิงสาวเลยออกจากบ้านเพื่อตระเวณหางานทุกวันแต่ก็ยังไม่ได้งานทำ หญิงสาวเดินคอตกกลับบ้าน นั่งรับลมเย็นๆ แล้วท่องโลกโซเชียลไปพลางอยู่ใต้ต้นไม้เผื่อมีใครรับสมัครงานผ่านทางช่องทางออนไลน์เธอจะได้สมัคร “ฟาง..ฟางเอ๊ย มาหาแม่หน่อยสิจ๊ะ” มารดาเรียกบุตรสาวที่กำลังนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ที่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน “จ๋า..แม่มีอะไรจะใช้หนูเหรอจ๊ะ” หญิงสาวขานรับแล้วรีบวิ่งกลับมาหามารดาทันที “เดี๋ยวเอาแกงไปให้ป้านีที่บ้านนายหัวหน่อยนะ ยุ่งอยู่หรือเปล่าจ๊ะ” “เปล่าจ้ะ ฟางว่างอยู่พอดี” “งั้นช่วยเอาแกงไปให้ป้านีหน่อยนะ ขี่รถระวังด้วยล่ะไม่ต้องรีบ” “จ้ะแม่” เสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไปแล้ว บ้านของฟางเป็นบ้านพักคนงานที่อยู่ในบริเวณสวนยางของนายหัวซัน ห่างจากบ้านใหญ่ของนายหัวซันไม่กี่กิโลเมตรขับแป๊บเดียวก็ถึง หญิงสาวขับรถมาจนถึงที่หมาย หล่อนจอดรถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่เอาไว้ที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ที่ดูจะเงียบเชียบเกินไปเหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน หล่อนตะโกนเรียกแม่ครัวประจำตัวของนายหัวซันให้ออกมาเอาแกงที่แม่ฝากมาให้ เพราะไม่อยากทะเล่อทะล่าเดินเข้าไปข้างใน “ป้านี ป้านีจ๊ะ แม่ให้เอาแกงมาให้จ้ะ ป้านีอยู่มั้ยจ๊ะ” เงียบ..ไม่มีเสียงตอบรับ หล่อนจึงตะโกนดังๆ อีกครั้งก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา ไม่นานเสียงรถกระบะสี่ประตูก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆ ช้าๆ เจ้าของรถลดกระจกลงจนเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายแบบคนใต้ของนายหัวซัน โผล่พ้นขอบประตูรถกระบะออกมา เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นพลางเอี้ยวตัวลงจากรถกระบะ “มาหาใครเหรอครับ” หญิงสาวหันไปทางรถกระบะ หล่อนเหมือนตกอยู่ในภวังค์เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาชัดๆ แบบนี้ “สวัสดีค่ะนายหัว หนูเอาแกงมาให้ป้านีค่ะ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากทันทีที่ได้เห็นท่าทางประหม่าแบบนั้น “เอาแกงมาให้ป้านีเหรอครับ ฝากผมไปก็ได้ผมกำลังจะเข้าบ้านพอดี” “คนไอ้ไหรหลอพันนี้..อุ๊ย!” เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีพร้อมตีมันเบาๆ ก่อนจะสบถออกมาไม่ดังนัก “บ้าจัง..เมื่อกี้เขาได้ยินที่เราพูดหรือเปล่านะ” "หืม..เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ถนัด” “เอ่อ..ไม่มีอะไรค่ะ” ฟางตอบแค่นั้นแล้วเอาแต่ยืนก้มหน้า (ถ้าไม่ได้ยินก็ดีแล้วล่ะค่ะนายหัวขา) หล่อนแอบคิดในใจ และไม่ยอมพูดอะไรอีก นายหัวซันอมยิ้ม “แล้วจะให้บอกว่าใครฝากมาให้ครับ” คราวนี้เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบคำถาม “บอกว่าแม่พรฝากมาให้ค่ะ งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับยื่นมือไปรับของฝาก “ขี่รถดีๆ นะครับ ขอบคุณมากที่เอาแกงมาฝากนะ” “ค่ะ..สวัสดีอีกครั้งค่ะนายหัว” “สวัสดีครับ” เมื่อหญิงสาวสตาร์ทรถออกไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถือถุงแกงที่สาวน้อยเอามาฝากให้ป้านี “ป้านีครับ พี่พรฝากแกงมาให้ผมวางเอาไว้บนโต๊ะนะครับ” “ค่ะ..ขอบคุณมากนะคะ แล้วนายหัวจะทานข้าวเย็นเลยไหมคะ” “ยังครับ..ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เหม็นเหงื่อจะแย่แล้ว” “ค่ะ เดี๋ยวป้าจัดสำรับไว้ให้นะคะ วันนี้มีแกงส้มปลาดุกด้วยค่ะของโปรดนายหัว” “ดีเลยครับป้า วันนี้สงสัยเจริญอาหารอีกตามเคย” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินดุ่มๆ ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมารับประทานอาหารที่ป้าแม่บ้านเตรียมไว้ เขาเป็นคนรับประทานอาหารง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ป้านีทำอะไรให้ก็ดูจะถูกใจถูกปากไปเสียทุกอย่าง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเขาก็นั่งดูทีวีสักพักแล้วจึงขึ้นไปพักผ่อน กิจวัตรประจำวันของนายหัวซันก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากทำงานกับออกกำลังกาย มีสังสรรค์กับเพื่อนบ้างเป็นครั้งคราว เขาเป็นคนอยู่ติดบ้านไม่เที่ยวเตร่ ไม่สำมะเลเทเมา ตั้งใจทำงานก่อร่างสร้างตัวเพื่ออนาคต เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของสาวๆ ทั้งตำบลกันเลยทีเดียวฟางรีบเดินไปจากตรงนั้นกำลังจะเข้าห้องน้ำ เสือหนุ่มเดินตามเข้าประชิดเธอจากทางด้านหลัง หล่อนร้องอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อเรือนร่างบอบบางถูกช้อนอุ้มจนตัวลอย แล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำ“อุ๊ย! นายหัวจะทำอะไรคะ!”“พี่ว่า..พี่เปลี่ยนให้เองดีกว่า เดี๋ยวฟางจะเป็นหวัด”สรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองถูกเปลี่ยนเสร็จสรรพ จากผมที่ดูห่างเหินเป็นทางการเปลี่ยนเป็นพี่....หญิงสาวร้องประท้วงออกมาทันที เมื่อหนุ่มใหญ่ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าของเธอออกจากกาย เธอรีบรั้งฝ่ามือหนานั้นไว้ เมื่อมันกำลังตะปบลงไปตรงชายเสื้อด้านล่างแล้วทำท่าจะถลกเสื้อยืดตัวบางไปทางเหนือศีรษะ"นายหัวอย่าค่ะ!"ชายหนุ่มชะงัก เขาหยุดทุกการกระทำ มองสบดวงตาดำขลับ“ไหนลองเรียกว่าพี่สิครับ”“ฟางไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ”“ทำไม..พี่อนุญาต พี่ซันเรียกสิคะ..ไม่เรียกจูบนะ”หญิงสาวแก้มแดงซ่านก้มหลบสายตาแพรวพราวคู่นั้นพัลวัน คนตัวโตพูดพร้อมโน้มใบหน้าหล่อเหลาที่มีไรหนวดบางๆ ลงต่ำเข้ามาใกล้เธออีกนิด“ไม่เรียกพี่จูบจริงๆ นะ”หญิงสาวตาโตเท่าไข่ห่าน ทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะเก้อกระดาก หลบปลายจมูกโด่งรั้นที่โฉบไปเฉี่ยวมา“เรียก..เรียกแล้วค่ะ พี่ซัน....”ชายหนุ่มระบายยิ้มออกม
ฟางมาทำงานกับนายหัวซันได้สามเดือนแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างดูปกติมาก เธอได้แต่เก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในใจอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวว่าตนเป็นแค่ลูกจ้างของนายหัวซัน หญิงสาวได้แต่แอบรักเจ้านายหนุ่มใหญ่อยู่เพียงเท่านั้น หล่อนไม่แสดงอาการให้เขารู้สึกอึดอัดใจชายหนุ่มเองพักหลังมานี้ก็รู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายสั่นไหวแปลกๆ ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับหญิงสาว เลือดในกายของเขามันมักจะพลุ่งพล่านเหมือนภูเขาไฟจะระเบิดลาวาออกมายังไรอย่างนั้นหนุ่มใหญ่ผู้ผ่านประสบการณ์มาสามสิบเก้าร้อน สามสิบเก้าหนาวรู้ตัวเองดีว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร แค่ต้องการรู้หัวใจตัวเองให้ชัดขึ้นกว่านี้ชายหนุ่มจึงยังคงรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาไว้แค่เจ้านายกับลูกน้อง แต่ก็คอยสอดส่องว่ามีใครตามจีบเธอบ้าง แล้ววันนี้ไอ้อาการหวงแบบผิดปกติมันก็ชัดขึ้นต่อหน้าลูกน้อง“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนรึไง!”ชายหนุ่มตวาดใส่คนงานชายที่จ้องมองหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เธอเดินตามเขามาตรวจงานที่บ่อน้ำยาง นัยน์ตาของเจ้าพวกนั้นดูเป็นประกายวิบวับแถมยังอมยิ้มกรุ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้ จนคนตัวโตทนดูไม่ได้ต้องกำราบกันสักหน่อย ให้มันรู้เสียบ้างว่าผู้หญิง
เวลา 07 : 00 น.วันนี้ฟางเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปสมัครงาน ณ โรงงานแห่งหนึ่ง เป็นโรงงานผลิตถุงมือแพทย์ขนาดกลาง เธอเห็นเขาประกาศรับสมัครพนักงานใหม่หลายอัตราน่าจะพอมีสิทธิ์ แต่สุดท้ายเธอก็หมดสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่ทันจะสมัคร เพราะทุกแผนกที่ประกาศเอาไว้ได้คนเต็มหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เธอมาช้าไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้นหญิงสาวพกพาความผิดหวังกลับบ้าน หล่อนเรียนจบแล้วและอยากทำงานเพื่อจุนเจือครอบครัวทางบ้าน พ่อกับแม่หมดเงินไปกับการส่งเสียให้เธอเรียนมาก็มาก เมื่อเรียนจบแล้วแทนที่จะได้งานทำดันมาตกงาน มารดาเดินเข้ามาปลอบขวัญเมื่อเห็นลูกสาวเดินคอตกทำหน้าเป็นหมาหงอยกลับเข้ามาในบ้านเหมือนทุกๆ วัน“อย่าเสียใจไปเลยนะฟาง เดี๋ยวแม่จะลองถามนายหัวซันให้ ว่าพอจะมีตำแหน่งว่างบ้างไหมพวกเสมียนอะไรพวกนั้นดีกว่าไม่มีงานทำ”“จ้ะ”หล่อนเงยหน้าขึ้นมองมารดาอย่างมีความหวัง ดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างหนักนั้นทอประกายขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวอยากทำงานเพื่อปลดเปลื้องภาระทางบ้าน หวังว่านายหัวซันจะมีตำแหน่งว่างให้เธอสักตำแหน่งเถอะนะ หญิงสาวได้แต่ภาวนาตอนค่ำมารดาได้โทรศัพท์ไปหาแม่บ้านของนายหัวซันที่ชื่อป้านีเพื่อไถ่ถา
กลางดึกสงัด ณ สวนยางพาราของนายหัวซัน ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว คือมีการลักขโมยก้อนน้ำยางที่ลูกจ้างวางกองเอาไว้กะว่าจะเก็บขายภายในอาทิตย์นี้ แต่ทว่ามีลูกจ้างของนายหัวซันนายหนึ่งติดยาเสพติดเลยเข้ามาขโมยเสียก่อนแต่ก็ไม่รอดจากสายตาพญามัจจุราชอย่างนายหัวซัน“นายหัวปล่อยผมไปเถอะครับ ผมกลัวแล้ว” หัวขโมยยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเพราะกลัวตาย นายหัวซันพร้อมด้วยลูกน้องชายฉกรรจ์อีกสี่คนยืนจ้องตาเขม็ง“ใครใช้ให้มึงริอาจเป็นขโมยทรยศหักหลังคนที่คอยให้ข้าวให้น้ำมึงกิน!" นายหัวซันตวาดจนสุดเสียงพลางหันไปทางลูกน้อง "พวกมึงจับมันเอาไว้แล้วส่งตัวไปสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้”“ครับนายหัว” บรรดาลูกน้องรับคำทำท่าจะจับตัวไอ้หัวขโมยให้ลุกขึ้นมา“นายหัว นายหัว ผมกลัวแล้วอย่าจับผมไปให้ตำรวจเลยนะครับ ผมขอร้อง”“ขอร้องอย่างนั้นเหรอ..ได้! แล้วมึงมีอะไรมาแลกล่ะ ถ้าน่าสนใจบางทีกูอาจจะพิจารณา”“ผมจะ..ผมจะเลิกเสพยาครับ จะไม่ลักเล็กขโมยน้อยอีกแล้ว ผมสาบาน อย่าส่งผมไปให้ตำรวจเลยนะครับ”หนุ่มใหญ่แสยะยิ้มมุมปาก “นี่ถึงขั้นสาบานเลยเหรอวะ มึงคิดว่ากูจะเชื่อคำพูดของมึงอย่างนั้นเหรอ..""นายหัวเชื่อผมเถอะครับ ให้