แสงแดดยามสายเล็ดลอดผ่านม่านโปร่งในห้องนอนของอัยวา เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ รู้สึกเหมือนเมื่อคืนฝันถึงเสียงฝีเท้าของใครบางคน เสียงนั้นหนักแน่น มั่นคง แต่แฝงด้วยความอบอุ่นแปลกประหลาด เหมือนเสียงของคุณเมฆ…
เธอสะบัดศีรษะไล่ความคิด ก่อนลุกจากเตียง ออกไปเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความหวังจาง ๆ ว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีก ทว่าเมื่อเดินลงมายังห้องอาหาร กลับพบกับความเงียบงัน กรณ์นั่งอ่านเอกสารอยู่ เขาไม่ได้มองเธอแม้แต่นิด แต่กลับเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบเย็นชาที่เธอเริ่มชินเสียแล้ว "กินข้าวเสร็จแล้วก็เก็บให้เรียบร้อย อย่าทำบ้านคนอื่นรกอีก" อัยวาพยักหน้า รับคำอย่างไม่กล้าสบตา เธอหันหลังไปหยิบผ้าเช็ดโต๊ะ ก่อนจะเริ่มเก็บจานชามอย่างเงียบ ๆ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเบาและระวังเหมือนคนไม่มีตัวตน เธออยากขอโทษ อยากอธิบาย อยากให้เขาเข้าใจว่าเธอไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากเป็นภาระของใคร…แต่ก็ทำได้เพียงเก็บกลั้น หลังอาหารเช้า กรณ์ออกจากบ้านโดยไม่แม้แต่จะบอกลา ปล่อยให้ความเงียบกับกลิ่นกาแฟที่ยังอุ่นค้างอยู่บนโต๊ะเป็นพยานของช่องว่างที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ บ่ายวันนั้น อัยวาไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเบเกอรีตามปกติ ร้านเล็ก ๆ ที่เธอผูกพันพอ ๆ กับเจ้าของร้านผู้ใจดีชื่อพี่เดือน "ช่วงนี้ดูโทรม ๆ นะเราน่ะ มีอะไรก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว" อัยวายิ้มจาง ๆ เธอไม่เคยบ่น ไม่เคยพูดอะไรให้ใครรู้ ถึงแม้จะเหนื่อย จะเจ็บ จะร้องไห้ในใจทุกคืน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเหมือนหัวใจมันแน่นเกินไป เหมือนกำลังจะระเบิด... "พี่เดือน...คนเราน่ะ ถ้าทำดีแล้ว แต่ยังโดนเกลียดอยู่ มันแปลว่าเรามีปัญหาหรือเขามีปัญหากันแน่คะ" พี่เดือนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะหลังมือเธอเบา ๆ "บางคนเขาเกลียดเราตั้งแต่ยังไม่รู้จัก เพราะเขาเจ็บจากใครสักคนที่คล้ายกับเรา มันไม่ยุติธรรมหรอก แต่มันคือความจริง" อัยวาพยักหน้าช้า ๆ น้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เย็นวันนั้น หลังเลิกงาน เธอกลับถึงบ้านช้ากว่าปกติ แต่ยังไม่ดึกพอจะโดนว่า ทว่าเมื่อเปิดประตูบ้านกลับพบกรณ์นั่งรออยู่ที่โซฟา "ไปไหนมา ทำไมไม่บอก" เธอตกใจ แต่ก็รีบตอบ "หนูไปทำงานพิเศษค่ะ กลับช้านิดหน่อย" "คิดจะกลับเมื่อไหร่ก็กลับสินะ นี่บ้านหรือโรงแรมกันแน่ งานที่ว่านี่งานแบบเมื่อก่อนปะ" อัยวาก้มหน้า ไม่เถียง ไม่อธิบาย เธอเหนื่อยเกินกว่าจะต่อสู้กับความเข้าใจผิดในทุกวัน กรณ์ลุกขึ้นยืน ก้าวมาหาเธอ "เธอนี่มัน...ใจด้านจริง ๆ นะ อยู่บ้านคนอื่น ทำเหมือนตัวเองมีสิทธิ์ทุกอย่าง" อัยวาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำด้วยแรงสะกดกลั้น "หนูไม่ได้อยากมาอยู่ค่ะ หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ แต่หนูก็ไม่มีทางเลือก หนูแค่...อยากตอบแทนบุญคุณพ่อ หนูไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ" คำพูดนั้นทำให้กรณ์ชะงักไปชั่วครู่ สายตาเขานิ่งลงเล็กน้อย แต่ริมฝีปากยังคงเย็นชา "งั้นก็อยู่ให้มันเงียบ ๆ อย่ามาทำให้บ้านนี้วุ่นวายมากกว่าที่เป็นอยู่ก็พอ" อัยวาพยักหน้า ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นห้องทันที เธอไม่รู้ว่ากลั้นน้ำตาไว้ได้นานแค่ไหน แต่พอปิดประตูห้องได้ เธอก็ทรุดลงร้องไห้กับพื้น...อีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะทนอยู่ตรงนี้ได้อีกนานแค่ไหน แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ เพราะนี่คือบ้านที่พ่อของเธอเลือกไว้ให้ แม้จะเป็นบ้านที่ไม่มีใครต้องการเธอก็ตาม...ตอนที่ 60 ตอนจบวันเปิดตัวกิจการใหม่ของอัยวาและกรณ์มาถึงอย่างสง่างาม ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ร่มไม้ by ไพศาลทรัพย์” ที่ไม่ใช่แค่คาเฟ่หรือร้านงานฝีมือ แต่เป็นโมเดลธุรกิจเพื่อชุมชน ที่รวมความอบอุ่นของบ้านเข้าไว้กับโอกาสของคนตัวเล็ก ๆทแขกเหรื่อทยอยเข้ามาจนแน่นสวนหน้าร้านมีทั้งนักข่าว ทายาทนักธุรกิจ และผู้คนในชุมชน เบลส่งดอกไม้มาจากต่างประเทศ แนบการ์ดเขียนมือว่า “ร่มไม้...ที่ช่วยให้ใครหลายคนพ้นพายุ”นิ้งและวายุยืนอยู่ข้างกันในชุดเรียบหรู ยิ้มให้กันเหมือนคนที่เคยผ่านพายุด้วยกัน และเลือกจะจับมือไว้แน่นขึ้นในวันที่ท้องฟ้าเปิด เมฆในชุดสูทสีเทาเข้ม ขึ้นกล่าวเปิดงานแทนทั้งคู่“พ่อเคยคิดว่าความสำเร็จต้องใหญ่ ต้องแข็งแรง ต้องเร่งรีบ แต่ลูกของพ่อสองคนสอนว่าความสำเร็จที่แท้จริง มาจากหัวใจที่กล้ารัก และกล้ายืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ”เมื่อเสียงปรบมือจางลง กรณ์ก้าวขึ้นเวทีเล็ก ๆ หน้าร้านที่ตกแต่งด้วยผ้าขาวและไม้ไผ่ เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาช้า ๆ สบตาอัยวาที่ยืนอยู่ริมเวที แล้วเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“มีคนเคยถามผมว่า ผู้หญิงเปลี่ยนผู้ชายได้ไหม วันนี้ผมตอบได้ว่า ได้ครับ แต่ไม่ใช่เพราะเธอพยายามเปลี่ยนผม”เขาหยุด
ตอนที่ 59ค่ำวันหนึ่งหลังจากฝนตกหนักเมื่อไม่กี่วันก่อน อากาศกลับมาเย็นสบาย ลมพัดเบา ๆ ผ่านร่มไม้ในสวนหลังบ้าน กลิ่นหอมของปีบและมะลิยังคงลอยอวลอยู่ในอากาศกรณ์เดินออกจากครัวด้วยถาดไม้เล็ก ๆ ที่มีขนมปังอบใหม่และชาอุ่นกลิ่นกุหลาบ เขาวางมันลงตรงโต๊ะไม้เตี้ยกลางห้อง ก่อนจะหันกลับไปจุดเทียนบนเชิงเทียนทองเหลืองที่อยู่ใกล้กันอัยวานั่งอยู่ตรงมุมพรม อ่านหนังสือเกี่ยวกับศิลปะเด็กในห้องเรียน เธอสวมเสื้อยืดเนื้อนิ่มกับกางเกงผ้าสีอ่อน ดูเรียบง่ายจนเกือบธรรมดา แต่ในสายตาของเขาเธอคือความสวยงามที่สุด“พี่จะจ้องหนูนานแค่ไหนคะ” เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มล้อ ขณะที่เขานั่งลงข้างเธอกรณ์ยิ้มไม่ตอบ เขาหยิบแก้วชาขึ้นมาส่งให้เธอ ก่อนจะนั่งชิดเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด“คืนนี้พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นคืนพิเศษอะไรหรอกนะ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม “แต่พี่แค่อยากให้มันเป็นของเราแค่ของเราสองคน”อัยวานิ่งไป ดวงตาคู่นั้นวาววับในแสงเทียน เธอวางหนังสือลง แล้วยื่นมือไปแตะแก้มเขา“พี่รู้ไหมหนูไม่เคยรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้เลยค่ะ”“กับพี่หนูไม่ต้องฝืน ไม่ต้องแข็งแรง ไม่ต้องสวย ไม่ต้องฉลาด หนูแค่เป็นหนู”กรณ์กุมมือเธอไว้ แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้“และพี
ตอนที่ 58เสียงฟ้าร้องแรกของค่ำคืนดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลมฝนพัดแรงจนใบปีบปลิวกระจัดกระจาย อัยวารีบเดินไปปิดหน้าต่างทุกบานในร้าน ‘ร่มไม้’ ขณะที่กรณ์วางแก้วกาแฟลงแล้วลุกขึ้นช่วยเธอทันที ไม่นานนัก ฝนก็เริ่มโปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง จังหวะตกกระทบหลังคาไม้สังกะสีทำให้ความทรงจำเก่า ๆ ถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อัยวายืนอยู่ริมประตู มองออกไปยังสายฝน แล้วหลุดพูดขึ้นเบา ๆ“คืนนั้นฝนตกครั้งแรกที่หนูเข้ามาอยู่บ้านพี่ จำได้ไหมคะ”กรณ์หันไปมองเธอ ยิ้มจาง ๆ“พี่จำได้หนูเปียกทั้งตัว หน้าก็ซีดเหมือนจะร้องไห้”“แต่สุดท้ายก็ไม่ร้องเพราะหนูไม่รู้ว่าตัวเองควรเสียใจหรือควรดีใจที่หนีจากบ้านเก่าได้”กรณ์เดินเข้ามาใกล้ วางมือบนไหล่เธอ“ตอนนั้นพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือผู้หญิงที่จะเปลี่ยนโลกของพี่”อัยวายิ้มบาง ๆดวงตาฉ่ำแสงฝนและความทรงจำ“คืนแรกที่ฝนตกหนูเคยเกลียดพี่” เธอพูดอย่างกล้า“เพราะพี่เป็นคนเดียวที่หนูต้องเชื่อฟัง ทั้งที่หัวใจหนูไม่อยากเชื่อใครอีกแล้ว”กรณ์พยักหน้าเบา ๆ“พี่เองก็ไม่เชื่อในความรักเพราะพี่คิดว่ามันเปลี่ยนคนไม่ได้”“แต่หนูเปลี่ยนพี่โดยที่หนูไม่เคยพยายามเลย”ทั้งสองยืนเงี
ตอนที่ 57อัยวาเดินตรวจมุมอ่านหนังสือของร้าน ‘ร่มไม้’ ในตอนสาย ขณะที่แสงแดดลอดผ่านช่องไม้ของหลังคาเป็นลำเส้นเล็ก ๆ เธอจัดหนังสือเด็กเล่มใหม่ลงบนชั้น แล้วลูบปกอย่างเบามือก่อนจะถอนหายใจเงียบ ๆบางครั้งความเงียบสงบก็ทำให้เสียงจากอดีตกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง เธอจึงหยิบขึ้นมาดูหมายเลขไม่คุ้น แต่ขึ้นต้นด้วยรหัสประเทศที่เธอรู้ดีว่าไม่ใช่จากใครอื่นเธอลังเลเพียงอึดใจ ก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ” เสียงเธอเบาลงจนเกือบเป็นกระซิบ“แกจำฉันได้ใช่ไหม อัยวา”เสียงนั้นเย็นชา แต่ยังคงความคุ้นเคยจนเธอขนลุกวาบ“แม่...”ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์โทรมาแต่ตอนนี้ธุรกิจแม่กำลังจะล้มละลายจริง ๆ แกช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลยเหรอ”อัยวากำโทรศัพท์แน่น ดวงตาเธอสั่นไหว“แม่ต้องการอะไรจากหนูอีกคะ”“แค่ให้พ่อของผัวแกช่วยพูดกับธนาคารให้หน่อย ฉันรู้ว่าเขามีอิทธิพลอยู่บ้าง”“หนูไม่ได้เป็นใครในสายตาแม่เลย แต่วันนี้แม่โทรมาเพราะหนูเป็นเมียของลูกชายบ้านไพศาลทรัพย์ใช่ไหมคะ”ปลายสายเงียบกริบ ก่อนจะตอบกลับ“ก็เพราะฉันรู้ว่าแกมันไม่เ
ตอนที่ 56แสงแดดอ่อนของเช้าวันจันทร์ส่องลอดผ่านช่องใบไม้ของต้นปีบสูงใหญ่กลางสวน บ้านไม้หลังเล็กถูกปรับปรุงใหม่เรียบร้อยด้วยโครงสร้างเดิม เสริมด้วยความรักและความตั้งใจของเจ้าของบ้านคู่ใหม่“ร้าน 'ร่มไม้' พร้อมเปิดพรุ่งนี้แล้วนะคะ” อัยวาพูดขึ้นขณะยืนอยู่ตรงหน้าร้านที่เพิ่งตกแต่งเสร็จเธอสวมผ้ากันเปื้อนสีเบจ มีลายปักคำว่า ‘ร่มไม้’ ที่เธอเย็บด้วยมือลงบนกระเป๋าเสื้อด้านหน้า กรณ์เดินออกมาจากมุมกาแฟของร้านที่เขาทำเองกับมือ สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงผ้าสีเข้ม เขายิ้มแล้วเดินมาโอบเอวเธอ“เราเปิดร้านแต่พี่รู้สึกเหมือนเปิดบ้านเลยนะ”“เพราะมันคือบ้านของเราจริง ๆไงคะ”ทั้งคู่หันไปมองต้นปีบที่ออกดอกบานสะพรั่งเหนือหลังคาไม้ ร้าน 'ร่มไม้' มีมุมอ่านหนังสือสำหรับเด็ก ห้องเล็กสำหรับสอนงานฝีมือ และโต๊ะกาแฟกลางสวน และตรงกลางของทั้งหมดนั้นคือความรักที่เติบโตอย่างเงียบงามเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความสงบชั่วขณะ อัยวาหยิบขึ้นมา ดวงตาสว่างไสวเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ“นิ้งโทรมาค่ะพี่”กรณ์พยักหน้า “โอเค เดี๋ยวพี่ไปจัดชั้นหนังสือก่อน”อัยวากดรับสายทันที “ว่าไงมึง คิดถึงอะ”เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังจากปลาย
ตอนที่ 55เช้าวันอาทิตย์ อากาศในสวนหลังบ้านไพศาลทรัพย์อบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอกปีบที่ผลิบานตามฤดูกาล เสียงนกร้องและแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านช่องใบไม้ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบและ เหมาะจะเป็นวันพิเศษแม้จะไม่มีใครเอ่ยออกมาตรง ๆกรณ์ยืนอยู่ริมระเบียง สวมเชิ้ตสีขาวสะอาด ปลายแขนเสื้อถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอก เขาเงยหน้ารับแสงแดดบางเบา สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นปีบ อัยวาสวมเดรสลินินสีครีม ผมยาวถูกรวบครึ่งไว้เรียบร้อย มือของเธอกำลังถักพวงมาลัยดอกมะลิเล็ก ๆ อย่างตั้งใจ เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา แล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้"หนูรู้ไหม ว่าวันนี้มันพิเศษแค่ไหน” เขานั่งลงข้างเธอ เอื้อมมือไปรับพวงมาลัยจากมือเธอ“สำหรับหนูทุกวันที่พี่อยู่ข้างหนู มันพิเศษหมดเลยค่ะ”กรณ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวางพวงมาลัยลงบนตักเธอ แล้วล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ สีขาวไข่มุก วางอยู่บนฝ่ามือของเขา อัยวาชะงักไป ดวงตากะพริบถี่ราวกับไม่แน่ใจว่าภาพตรงหน้าคือเรื่องจริง“พี่เคยแต่งงานกับหนูแต่ตอนนั้น หนูไม่ได้เลือก และพี่เองก็ยังไม่เข้าใจความรักดีพอ”กรณ์เปิดกล่องอ