" มาแล้วค่ะ กลับมากันแล้ว คุณทักกับนังใบ้มาแล้วค่ะคุณผู้หญิง" วารีรีบวิ่งเข้ามารายงาน
" กลับมาแล้วเหรอตาทัก แม่กับทุกคนรอกินข้าวพร้อมแกอยู่ "
ทักขินัยขมวดคิ้วทำหน้างง
" ก็ตาธรรมกับเมียมาด้วย จะกลับมาอยู่ที่นี่เลย "
" กลับมาที่นี่ "
" ใช่ ว่าจะเปิดบริษัทใหม่ที่นี่ อ้าวนั่นมากันพอดีเลย มาดูหลานเร็ว "
ศจีจูงมือทักขินัยเดินเข้าไปหาธรรมรงค์ลูกชายคนโต และจีน่าสะใภ้ลูกครึ่ง ที่กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยขวบเศษ เดินลงบันไดมา ปล่อยพริบพันดาวยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น
" ไงทัก ไม่ได้เจอกันนานเป็นไงสบายดีไหม "
" อือก็เรื่อยๆ แม่บอกว่าพี่จะกลับมาอยู่ที่ไทย "
" ใช่ ที่นู่นค่าครองชีพแพง กิจการที่นู่นไม่ค่อยตอบโจทย์ลูกค้าเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยทำกำไร ก็เลยตัดสินใจกลับไทยดีกว่า "
" สวัสดีจ๊ะทัก มิร่าทักทายคุณอาสิคะ "
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มหวานใส่ ทักขินัยยิ้มกว้างจับมือนุ่มเล็กเอาไว้ พรางคิดว่าถ้าเขามีลูกบ้างจะเป็นยังไงนะ
" ทักก็มีได้แล้วนะแต่งงานมาหลายปีแล้วนี่ "
"โอ้ย ถ้าจะมีก็รอหย่ากับนังใบ้ก่อน จะมีกับใครก็ได้ขอแค่ไม่ใช่นังใบ้ก็พอ ไม่งั้นหลานฉันออกมาจะได้เป็นใบ้เหมือนแม่ของมัน ฉันว่านะทางที่ดีมันอย่าเป็นแม่ใครเลยดีที่สุดสงสารเด็กที่จะมาเกิดเป็นลูกมัน จะต้องเป็นใบ้ "
" คุณแม่ " " คุณแม่ " " คุณแม่"
ทั้งสามคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน แล้วมองไปที่พริบพันดาวที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ จีน่าอุ้มลูกเข้าไปหา
" พริบ ลองอุ้มหลานไหมจ๊ะ "
้เด็กน้อยยิ้มหวานให้กางแขนรออุ้ม พริบพันดาวยังไม่ทันจะแตะถูกตัวเด็กน้อย ศจีก็รีบมาแย่งอุ้มตัดหน้า
" อย่าแตะต้องหลานของฉัน จีน่าเธอนี่สิ้นคิดจริงๆ เดี๋ยวมิร่าติดเชื้อใบ้พูดไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไงห๊า "
พริบพันดาวถึงกับน้ำตาคลอเมื่อถูกว่าขนาดนี้ ศจีทำเหมือนเธอเป็นตัวเชื้อโรคที่ทุกคนไม่ควรเข้าใกล้ เธอหมุนตัวจะเดินขึ้นด้านบน แต่จีน่ารั้งแขนเอาไว้
" อย่าถือสาคุณแม่เลยนะ ท่านห่วงมิร่ามากเลยระแวงไปต่างๆนาๆ อย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้นเลย ไปกินข้าวกันเถอะ "
พอมาถึงโต๊ะอาหาร ที่นั่งก็เต็มหมด ทั้งที่ก่อนหน้าเก้าอี้ก็มีหลายตัว แต่ตอนนี้มันมีพอดีคน ทักขินัย ธรรมรงค์ ศจี จีน่า แต่ไม่มีเก้าอี้สำหรับเธอ
" ฉันจะกินข้าวกับลูกๆของฉันแกจะไปกินที่ไหนก็ไป นู่นในครัวกับพวกคนใช้นู่นที่ของแก "
ศจีเอ่ยปากไล่ พริบพันดาวเดินขึ้นข้างบนไปทันที เธอเองก็ไม่อยากจะร่วมโต๊ะด้วยสักนิด ทักขินัยมองตามแล้วลุกจากเก้าอี้
" จะไปไหนนั่งลง กินข้าวเสร็จแม่มีเรื่องจะคุยกับแก "
ทักขินัยจำใจต้องนั่งลง เขากินไปได้ไม่กี่คำก็อิ่มมันตื้อไปหมด ในหัวก็คิดถึงแต่พริบพันดาว เธอจะหิวหรือเปล่า เธอต้องกินข้าวแล้วก็ต้องกินยา
" เมื่อไหร่แกจะหย่ากับนังใบ้ "
" คุณแม่เมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้ซักที "
" ก็แกบอกเอง ว่าสัญญากับย่าแกไว้ว่าจะดูแลนังนั่นแค่4ปี ตอนนี้มันก็ครบแล้ว แกก็ควรหย่าได้แล้ว "
" เรื่องของผม ผมจัดการเองไม่ต้องให้คุณแม่มาบอก "
" นี่แก แกหาว่าฉันเสือกยังงั้นเหรอ "
" ผมไม่ได้พูดคุณแม่พูดเอง "
" แก ฉันรึก็อยากให้แกได้ดี มีเมียที่เชิดหน้าชูตาได้ ไม่ใช่มีเมียเป็นใบ้พาไปไหนก็มีแต่จะอายเขา ชาติตระกูลก็ไม่มีกำพืดรึก็เป็นแค่เด็กกำพร้า "
ทักขินัยไม่อยากจะฟังต่อ ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว สั่งป้าเจียงทำอาหารอ่อนๆเอาขึ้นไปให้พริบพันดาวข้างบน
" ป้าแยกเอาไว้ให้คุณพริบต่างหากแล้วค่ะ แอบเอาขึ้นไปไว้ในห้องให้ ก่อนหน้าที่พวกคุณจะกลับมาแล้ว ป้ารู้ว่าถ้าคุณผู้หญิงอยู่คุณพริบก็ไม่มีสิทธิ์นั่งร่วมโต๊ะ "
ทักขินัยนิ่งเงียบ ที่ป้าเจียงพูดมาถูกทั้งหมด ตั้งแต่คุณย่าจากไป พริบพันดาวก็ถูกศจีกีดกันอย่างหนัก ไม่ให้นั่งร่วมโต๊ะกินข้าว ถ้าแม่เขาอยู่หน้าบ้าน เธอต้องหลบอยู่หลังบ้าน ก็ไม่รู้จะรังเกียจอะไรเธอหนักหนา
พริบพันดาวถอดพวงกุญแจออกจากกระเป๋า หยิบตุ๊กตากระต่ายเอาไปใส่ไว้ในในกล่อง เธอเก็บทุกอย่างที่เป็นกระต่ายออกหมด ทั้งตุ๊กตาของใช้เสื้อผ้า เก็บรวมไว้ในกล่องทั้งหมด เธอไม่ชอบมันอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นชอบเหมือนเธอ งั้นเธอก็จะเลิกชอบ รวมถึงผู้ชายที่ชื่อทักขินัยด้วย
เธอเปิดดูรูปภาพของคุณย่า แล้วก็คิดถึงท่านขึ้นมา ถึงเวลาที่เธอต้องไปจากที่นี่แล้ว เธอต้องหย่ากับเขาให้ได้
ก็อก ก็อก ก็อก
เธอเดินไปเปิดประตู เขามาทำไมกัน ทักขินัยเดินแทรกเข้ามาในห้อง เขามองไปที่อาหารในจาน มันยังอยู่เหมือนเดิม
" ทำไมไม่กินข้าว เธอต้องกินยา นี่มันก็เย็นมากแล้ว หรือรอให้ฉันมาป้อน "
เขาขยับเข้าไปใกล้ถาดอาหารหยิบช้อนขึ้นมา เธอชี้ไปที่ประตูทำไม้ทำมือให้เขาออกไป เขาหน้าตึงขมวดคิ้วแล้วลุกออกไป เขาเปิดประตูก่อนจะออกไปก็พูดขึ้นมา
" กินข้าวแล้วกินยาซะ ที่แม่ฉันพูดอะไรไม่ดีกับเธอไปอย่าได้ใส่ใจ ฉันขอโทษแทนแม่ฉันด้วย ท่านอยู่ในวัยทองอารมณ์ก็เลยหงุดหงิดบ่อย"
วันต่อมาพริบพันดาวออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า เมื่อมาถึงร้าน แก้วกัญญาบอกว่าวันนี้ภูมินทร์ลา ส่วนเธอเองก็มีธุระจะเข้าร้านได้ช่วงบ่าย จึงเหลือแค่แพรไหมกับพริบพันดาว จะให้พริบพันดาวอยู่ร้านก็กลัวจะสื่อสารกับลูกค้าไม่รู้เรื่อง จึงให้พริบพันดาวไปส่งดอกไม้แทน แค่ส่งดอกไม้ไม่ต้องพูดอะไรส่งเสร็จก็กลับได้เลย ลูกค้าจ่ายตังค์เรียบร้อยแล้ว ให้เธอไปส่งที่ห้างแห่งหนึ่งมีงานเปิดตัวสินค้าและช่อดอกไม้ก็จะถูกมอบให้กับพรีเซนเตอร์
หลังจัดช่อดอกไม้เสร็จ เธอก็ไปส่งดอกไม้ให้เจ้าของงานที่ห้าง เมื่อหันหลังกลับออกมา สายตาดันมองไปเห็นคนคุ้นเคย จึงอดที่จะหันกลับไปดูไม่ได้
" ขอเชิญคุณทักขินัยมอบช่อดอกไม้ให้พรีเซนเตอร์ของเรา คุณบุษบงด้วยค่ะ "
เสียงปรบมือเกรียวกราว ทักขินัยถือช่อดอกไม้ไปมอบให้บุษบง ช่อดอกไม้ที่เธอเป็นคนจัดเอง และนำมาส่งเอง นักข่าวพากันถ่ายรูป เธอมองไปบนเวทีเขายืนเคียงคู่กับบุษบงคนรักของเขา ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน
" เหมาะสมกันเนาะ อีกคนก็หล่ออีกคนก็สวย "
" ใช่ๆ ข่าวลือว่าทั้งสองคบกันขนาดอยู่กินด้วยกันที่คอนโดหรูแล้วด้วย "
" มีคนเห็นทั้งคู่เข้าออกคอนโดเดียวกันบ่อยมาก มีข่าวซุบซิบลงคลิปด้วยแต่ลงได้ไม่นานคลิปก็ปลิว "
" ก็คงจะเป็นเรื่องจริงนั่นแหละ ไม่งั้นจะให้มาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวใหม่เหรอ คงจะช่วยดันคนรักตัวเอง มีข่าวลือว่าจะร่วมทุนสร้างภาพยนตร์ด้วยนะ "
" ฉันว่างานนี้คงไม่พ้นล็อคบทนางเอกให้เธอแน่นอน "
พริบพันดาวยืนฟังคนที่มาร่วมงาน พูดถึงทักขินัยกับบุษบง เธอไม่รู้เลยว่างานในวันนี้ เป็นการเปิดตัวสินค้าตัวใหม่ของบริษัท ที่สามีของเธอเป็นเจ้าของ และไม่รู้เลยว่าเขาให้บุษบงมาเป็นพรีเซนเตอร์
" ได้ข่าวว่าคุณบุษบงกับคุณทักขินัยเป็นคนพิเศษของกันและกัน ไม่ทราบว่าข่าวนี้จริงหรือเปล่าคะ "
พิธีกรสัมภาษณ์บนเวทีเริ่มถามคำถาม บุษบงยิ้มเขินอาย ก่อนตอบ
" เรื่องนี้ให้คุณทักตอบดีกว่าค่ะ "
พริบพันดาวเดินออกไปทันที ไม่อยากรับรู้เรื่องของเขากับคนรัก
" แค่ข่าวลือครับ ผมกับบุษบงเราเป็นแค่เพื่อนกัน เคยเรียนมหาลัยเดียวกัน ผมเคยเป็นพี่รหัสของเธอเราเลยสนิทกันก็แค่นั้น "
บุษบงหน้าเจื่อน เมื่อทักขินัยตอบไปแบบนั้น เธอได้แต่แสร้งยิ้มให้กล้อง ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจเดือดพล่านสุดๆ ที่เขาตอบแบบนี้เพราะนังใบ้มันอยู่ที่นี่ใช่ไหม
เมื่อขับรถเข้ามาจอดในบ้านแล้ว พริบพันดาวก็เดินไปปิดรั้วบ้าน เงยหน้าขึ้นก็เห็นหน้าเขา เธอเบือนหน้าหนีไม่สนใจพาลูกเข้าบ้านหลายวันผ่านไปผู้ชายคนนั้นที่เธอไม่อยากเห็นหน้า ก็ยังคงวนเวียนมาอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะมาทำไมทุกวันนัก เธอพยายามไม่ใส่ใจคิดว่าไม่สนใจเขา เดี๋ยวเขาคงเลิกยุ่งกับเธอไปเอง แต่เธอคิดผิด เขาก็ยังคงมานั่งที่หน้าบ้านเธอทุกวันพอมืดค่ำก็กลับไป เป็นอยู่แบบนี้เป็นเดือน " นายครับ ทำไมไม่เข้าไปขอคุยกับคุณพริบหล่ะครับ นายจะมานั่งมองนั่งเฝ้าอยู่แบบนี้มันไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก นายไม่พูดแล้วเธอจะรู้ได้ยังไง ว่านายรู้สึกแบบไหนกับเธอ "" เธอเกลียดกู แม้แต่หน้ายังไม่มอง เธอทำเหมือนกูไม่มีตัวตน มึงก็เห็นว่ากูพยายามขอคุยกับเธอแล้ว แต่เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยินที่กูพูด ทำเหมือนกูป็นอากาศ ช่างเถอะ ขอแค่กูได้มองดูเธอกับลูกอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว "โทมัสลุกขึ้นเดินกระโผลกกระเผลกออกไป พริบพันดาวมองตาม ทำไมเขาเดินแบบนั้น ขาเขาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอจากมารุ่งเช้าพริบพันดาวไปส่งลูกที่โรงเรียนกลับมา เธอยืนรอเขาที่หน้าประตู ตั้งใจจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เขาจะได้ไม่ต้องมาทำแบบนี
โทมัสยืนมองภาพตรงหน้าไม่ละสายตา ผู้หญิงที่เขาเฝ้ารอคนที่เขาตามหามา4ปีเต็มยืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว แต่เขาไม่มีความกล้าที่เข้าไปหาเธอ เขาทำผิดกับเธอจนเธอต้องหนีมา" นายครับไม่เข้าไปหาเธอหล่ะครับ "โทมัสยังคงยืนนิ่ง เคิร์กเลยพูดขึ้นมาอีก" ถ้าจะข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาแอบดูเธอแบบนี้ จะมีประโยชน์อะไรหล่ะครับ "ลูกบอลกลิ้งมาที่เท้าของโทมัส เขาค่อยๆก้มลงไปเก็บ พอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับเด็กน้อยนัยตาสีเทาอมฟ้า ผมสีน้ำตาลอ่อนผิวขาวยืนมองเขาอยู่ ไม่รู้ทำไมใจเขามันถึงได้เต้นแรงแปลกๆ เคิร์กมองหน้าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า สลับกับมองโทมัส มองกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ แล้วก็อ้าปากค้าง เด็กคนนี้เหมือนโทมัสย่อส่วนชัดๆ" ขอลูกบอลผมด้วยครับ "เสียงเด็กน้อยเรียกสติโทมัสคืนมา เขาเดินกระโผลกกระเผลกเอาลูกบอลไปให้ ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร เสียงเรียกเด็กน้อยก็ดังขึ้นมา เสียงนั่นช่างคุ้นเหลือเกิน" พัตเตอร์ครับ อยู่ไหน กลับกันได้แล้วลูก "" อยู่นี่คร้าบ "โมมัสยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งกับภาพที่เห็นตรงหน้า พริบพันดาวอุ้มเด็กชายตัวน้อยที่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อกี้ " ละ ลูก ลูกเหรอ "เคิร์กเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ชี้มือไปที่สอง
มึงคิดว่าเดินเข้ามาถึงที่นี่ แล้วจะออกไปง่ายๆอย่างงั้นเหรอ "" กูก็ไม่คิดจะออกไปโดยที่มือไม่เปื้อนเลือดเหมือนกัน "จากนั้นเสียงปืนก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งโกดัง ตามมาด้วยเสียงระเบิด ตู้มมมมมม ไฟลุกไหม้ท่วมโกดัง " ว่าไงโทรติดไหม "แอนนาถามเอริค" ไม่เลย ไม่มีคนรับสาย "" งั้นโทรหาเคิร์กดู "" ก็ไม่รับอีกเหมือนกัน คนอื่นๆที่ไปกับนายผมก็ลองโทรแล้วไม่มีคนรับ บางที "" บางทีอะไร "" อาจเกิดการปะทะ"" แล้วจะทำยังไงดี คุณพริบก็หายไป "แอนนาร้อนใจเธอออกไปทำโจ๊กร้อนๆมาให้พริบพันดาว แต่พอเข้ามาในห้องเธอก็หายไปไหนไม่รู้ ตุ๊กตากระต่ายที่เธอนอนกอดทุกวันก็หายไปด้วย พอเปิดดูตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้าบางส่วนก็หายไป สามวันผ่านไปโทมัสลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเคิร์กยืนยิ้มฟันขาวอยู่ข้างๆ"ตื่นแล้วเหรอครับนาย "" ฉันมาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว"" สามวันครับ "" สามวัน "โทมัสขยับตัวลุกขึ้นก็รู้สึกเจ็บปวดที่ขาด้านซ้ายเขาก้มลงดูก็เห็นขาของเขาเหลือแค่ครึ่งท่อน "เอ่อคือ ตอนที่เกิดระเบิดในโกดังนายถูกซากปรักหักพังทับขา หมอก็เลยต้อง ก็เลย "" ก็เลยต้องตัดขาฉัน "เคิร์กพยักหน้าหงึกๆ " เพื่อรักษาชีวิตของนาย หมอจึงต้องตัด นี่นาย
" ไอ้เคิร์กมึงมานี่ "" บอกกูมาว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น"" นายเมา พวกนั้นที่ไปกับนายโทรมาบอกผมให้ไปรับนายกลับมาจากผับ"" แล้วไงต่อ "" ผมก็พานายไปนอนในห้อง "" ไอ้เคิร์ก อย่าลีลาเล่ามาให้หมด "" แล้วผมก็ออกไป "" แล้ว แล้วใคร "" นี่นายจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ "" ถ้ากูจำได้จะถามมึงทำไม "" เฮ่อ! ผมไปบอกคุณพริบ คุณพริบก็ช่วยเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาย แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยในห้อง แต่ตอนเช้าพวกนี้มันเห็นคุณพริบออกมาจากห้องของนายเสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ย แถมยังเดินขาถ่างอีก "เคิร์กเล่าราวกับตาเห็น ทั้งที่จำจากคำบอกเล่าของคนอื่นมาอีกทีโทมัสนิ่งอึ้งเมื่อคืนเขาทำอะไรลงไป เขาขืนใจพริบพันดาวโดยไม่รู้ตัว รอยเลือดนั่นบ่งบอกว่าเขาทำลายความบริสุทธิ์ของเธอด้วยดุ้นใหญ่ยาวของเขาเอง ทั้งที่เขาทะนุถนอมเธอให้เป็นน้องสาวคนหนึ่ง แต่เขาดันไปทำเรื่องแบบนั้นกับเธอได้ยังไง เขาผลุนผลันไปที่ห้องของเธอก็อก ก็อก ก็อก " พริบ พริบ เปิดประตูให้พี่หน่อย พริบ "เงียบไม่มีเสียงตอบกลับ เขาใจไม่ดีให้คนไปเอากุญแจมาเปิดประตู กุญแจพึ่งจะเสียบคารูประตูก็ถูกเปิดออกมา พริบพันดาวมองมาที่เขาแววตาเรียบเฉย
"ปล่อยเธอ "โทมัสชี้ไปที่พริบพันดาว เธอถูกแก้มัดออกแล้วผลักไปหาโทมัส แคทเธอรีนน้ำตาคลอมองโทมัสด้วยสายตาตัดพ้อ" แล้วแคทหล่ะ มึงจะปล่อยเธอเมื่อไหร่"" มึงอย่าโลภมาก ได้คืนไปแล้วคนนึงก็กลับไป ส่วนคนนี้กูจะเก็บเอาไว้ก่อน ไว้คิดออกก่อนว่าจะให้มึงเอาอะไรมาแลก แล้วกูจะติดต่อกลับไป "เอริโต้แบกแคทเธอรีนขึ้นบ่าแล้วเดินออกไป โทมัสจะตามแต่ถูกลูกน้องของเอริโต้เข้าขวาง พร้อมจ่อกระบอกปืนใส่ " นายครับ กลับไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธี มันคงยังไม่ทำอะไรคุณแคทตอนนี้หรอก "เคิร์กเตือนสติ ทำให้โทมัสรีบพาพริบพันดาวออกมาจากโกดังในรถเงียบกริบไม่มีใครพูดจา พริบพันดาวหันหน้าไปอีกทาง โทมัสก็หันหน้าไปอีกทางต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง " จอดรถ มึงไปส่งพริบที่บ้าน"" แล้วนายหล่ะครับ "" กูจะกลับไปช่วยแคท "โทมัสขึ้นรถอีกคันแล้วขับย้อนกลับไป พริบพันดาวขมขื่นในใจ เขากลับไปช่วยคนรักของเขามันก็ถูกแล้ว ที่จริงเขาควรเลือกคนรักของเขาตั้งแต่แรกไม่ใช่เธอ คงเป็นเพราะสัญญากับพ่อแท้ๆของเธอเอาไว้ ว่าจะดูแลปกป้องเธอ และเขาคงรู้สึกผิดที่ครั้งก่อนตอนเธอตกสระน้ำไม่ได้ช่วยเธอ ครัั้งนี้เขาถึงได้เลือกช่วยเธอก่อน" นาย
แคทเธอรีนหันมาพูดกับเธอ เธอพยายามแกะมือของแคทเธอรีนที่จับข้อมือเธอไว้แน่น แถมยังบีบรัดจนเจ็บแปลบ แต่แคทเธอรีนก็ไม่ยอมปล่อย กลายเป็นยื้อยุดกันจนตกลงไปในสระน้ำทั้งคู่ โทมัสมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเพื่อนๆของแคทเธอรีนต่างรุมล้อมอยู่ ได้ยินแต่เสียง ตู้มม มีคนตกน้ำ เขารีบสาวเท้าเข้าไปดู เห็นแคทเธอรีนตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ ก็รีบกระโดดลงไปช่วยเธอขึ้นมาทันที" เป็นยังไงบ้างแคท ทำไมถึงตกลงไปได้ "" ไม่ แค่ก ไม่เป็นไร แค่กๆ ฉันคุยกับพริบอยู่ดีๆเธอสะบัดข้อมือออก เเล้วเสียหลักตกน้ำเลยคว้าฉันลงไปด้วย จริงสิแล้วเธอหล่ะ "โทมัสมองไปที่สระน้ำ ใจของเขากระตุกวูบพริบพันดาวตกลงไปด้วยอย่างงั้นเหรอ เธอว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า ไม่ ไม่น่าจะว่ายเป็น เขาผละออกจากแคทเธอรีนทำท่าจะกระโดดลงไปในสระน้ำ ก็เห็นเอริคพาร่างบางของพริบพันดาวโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เขารีบเข้าไปหา แต่ช้ากว่าเอริคที่รีบพาเธอขึ้นมาแล้วทำการผายปอดให้เธอ" แค่ก แค่ก "" ไม่เป็นไรแล้วนะ คุณปลอดภัยแล้ว "พริบพันดาวส่งยิ้มให้เอริค แล้วหันไปมองโทมัสที่ยืนมองเธออยู่ไม่ไกล แขนของเขาโอบกอดแคทเธอรีนเอาไว้ วันนั้นที่เธอถามแอนนา ว่าเธอกับแคทเธอรีนใครสำคัญกับโท