ม่านไหม...
ฉันเดินขึ้นมายังชั้นสองของบ้านสอดส่ายสายตามองไปรอบๆบริเวณเผื่อว่าคุณเจ้าสมุทรจะอยู่แถวนั้นฉันเดินไปดูที่ระเบียงก็ไม่เจอที่ห้องสมุดห้องทำงานห้องดูหนังก็ไม่เจอ ฉันคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องนอนฉันเดินไปที่หน้าประตูที่ฉันรู้ว่าคุณเจ้าสมุทรนอนที่ห้องนี้ก็เพราะฉันเคยมาช่วยพี่นุ่มกับพี่แจงทำความสะอาดตึกเล็กนี้ก่อนคุณเจ้าสมุทรจะกลับมา
ฉันยืนทำใจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เงียบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เงียบ
ทำไมถึงเงียบแบบนี้ล่ะคุณเจ้าสมุทรบอกว่าจะขึ้นมาอาบน้ำแล้วก็จะลงไปทานข้าวนี่นา หรือว่า...
ตอนนี้ฉันคิดไปในทางไม่ดีหรือเขาจะลื่นล้มในห้องน้ำพอคิดได้แบบนั้นฉันรีบเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วจนลืมไปเลยว่าเจ้าของห้องนิสัยเป็นยังไง ตอนนี้ฉันไม่กลัวว่าเขาจะโกรธเพราะฉันกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรมากกว่าแต่พอมองไปที่เตียงก็เห็นว่าคุณเจ้าสมุทรนอนหลับห่มผ้าอยู่บนเตียงนอนอย่างมีความสุข ฉันหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นแบบนั้นฉันก็เลยตัดสินใจเดินออกมาเพื่อให้เขาพักผ่อนต่อ
"ยัยใบ้!!!" ฉันกำลังจะไขประตูห้องนอนออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังไม่ต้องเดาว่าเสียงใครถ้าไม่ใช่เสียงเจ้าของห้องฉันคงจะทำให้เขาตื่นฉันรีบหันหน้ากลับไปพร้อมกับก้มหน้ารับความผิดที่ถือวิสาสะเข้ามาโดยที่เขาไม่ได้อนุญาต
"เข้ามาทำไม" ฉันหยิบกระดาษออกมาแล้วเขียน
ฉันเห็นคุณไม่ลงไปทานอาหารก็เลยจะขึ้นมาตามค่ะ ฉันเคาะประตูห้องแล้วแต่คุณไม่เปิดฉันคิดว่าคุณอาจจะลื่นล้มในห้องน้ำก็เลยรีบเข้ามาดู ฉันขอโทษนะคะที่ถือวิสาสะเปิดเข้ามาโดยที่คุณไม่ได้อนุญาต
เขียนเสร็จฉันก็ยื่นให้เขาอ่านแต่ดูเหมือนฉันจะยืนอยู่ไกลเกินไป
"ยืนแม่งโคตรไกลขนาดนี้ใครจะเห็นตัวหนังสือวะเข้ามาใกล้ๆดิ๊" ฉันจำใจเดินไปใกล้เขาตามคำสั่งก่อนที่เขาจะดึงสมุดของฉันไปอ่าน สักพักเขาก็โยนมันลงข้างเตียงก่อนจะหันมามองหน้าฉันอีกรอบสายตาเอาเรื่องเหมือนเขาจะไม่พอใจฉันหนักกว่าเดิม
"เธอกล้าดียังไงมาแช่งให้ฉันลื่นล้มในห้องน้ำวะห๊ะ" ฉันรีบส่ายหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษเขา คือฉันไมไ่ด้ตั้งใจจะแข่งเขาฉันแค่เป็นห่วงเขาเท่านั้น
"ไม่ต้องมายกมือไหว้ขอโทษฉันไม่ให้อภัย" ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยก้มลงไปหยิบสมุดที่เขาเพิ่งโยนลงพื้นข้างเตียงเพื่อที่จะเขียนหนังสือลงไปว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆแต่
ตุ่บ!!! ตัวของฉันลอยหวือขึ้นมาจากพื้นแล้วลงไปนอนอยู่บนเตียงด้วยฝีมือของเจ้าของห้องฉันตกใจมากพยายามจะลุกแต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่ยอมง่ายๆเขาขยับตัวพลิกตัวขึ้นมาทาบทับฉันตรึงมือของฉันทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ ทำให้ตอนนี้เราสองคนสบตากันฉันหลบสายตาเขาทันที
"หลบตาฉันทำไมยัยเด็กขี้แย" ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง เขาเรียกฉันว่าเด็กขี้แยเหรอหรือเขา...จำฉันได้
"ฉันจำเธอได้แล้วเธอคือยัยเด็กผู้หญิงขี้แยคนนั้นถ้าพ่อไม่บอกฉันคงจำเธอไม่ได้"
"..........."
"เธอจ้องหน้าฉันแบบนี้ก็แปลว่าเธอเองก็จำฉันได้ใช่ไหม" อยากจะบอกว่าตอนแรกฉันจำเขาไม่ได้เลยสักนิดจนกระทั่งได้เจอหน้าเขาในวันที่เขากลับมาวันแรกแค่ได้เห็นแววตาของเขามันทำให้ฉันนึกออกได้ในทันทีว่าฉันเคยเจอเขามาก่อนแต่ฉันก็ต้องเก็บอาการเก็บความรู้สึกดีใจเอาไว้เพราะเขาไม่ใช่พี่ชายคนเดิมที่ฉันเคยเจอในครั้งนั้นพี่ชายที่แสนอบอุ่นใจดีคนนั้นไม่ใช่เขาคนนี้มันเหมือนคนละคนมากกว่า
ย้อนกลับไปตอนนั้นฉันอายุสามขวบพ่อพาฉันมาที่บ้านของคุณท่านเพราะวันนั้นเป็นวันเกิดของลูกชายของคุณท่าน อันที่จริงฉันก็จำอะไรไม่ได้แล้วเพราะมันนานมากจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าเคยมาที่บ้านหลังนี้เพราะฉันมาแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวพ่อก็ไม่ได้พาฉันมาอีกเลย
Happy birthday to you
Happy birthday to you
Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to you
เสียงเพลงถูกขับร้องโดยคนที่มาร่วมงานโดยมีเด็กชายเจ้าของวันเกิดยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าของเขามีก้อนเค้กก้อนใหญ่ที่มีเทียนสีสวยงามปักไว้หลายแท่ง ฉันมองดูอยู่ข้างๆพ่อมองดูเค้กก้อนนั้น ฉันคิดว่าถ้ามันเป็นเค้กวันเกิดของฉันก็คงจะดีเพราะตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยจัดงานวันเกิดไม่เคยมีใครมาอวยพรวันเกิด ฉันมีแค่พ่อเพียงคนเดียวที่อวยพรวันเกิดฉันพร้อมกับขนมเค้กกล่องเล็กที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อซึ่งฉันก็ไม่ได้น้อยใจแต่ที่ฉันรู้สึกแย่จนร้องไห้ก็เพราะเด็กชายคนนั้นมีทั้งพ่อทั้งแม่คอยอวยพรวันเกิดแต่ฉันมีแค่พ่อคนเดียวฉันอยากมีแม่แบบนี้บ้าง ฉันก็เลยเดินออกมานั่งร้องไห้เพียงลำพังคนเดียวใต้ต้นไม้
"ทำไมมานั่งร้องไห้ตรงนี้ล่ะ" เด็กชายเจ้าของวันเกิดเดินมาหาฉันพร้อมกับเค้กชิ้นนึงที่วางอยู่บนจานสีขาว
"หนูไม่ได้ร้องไห้นะ"
"ไม่ได้ร้องไห้อะไรน้ำตาเต็มหน้าซะขนาดนั้น" ฉันรีบเอาเสื้อเช็ดน้ำตาของตัวเองทันที
"หนูไม่ร้องแล้วเห็นไหมไม่มีน้ำตาแล้ว"
"เธอกินเค้กหรือยัง" ฉันส่ายหน้า เด็กชายเจ้าของวันเกิดก็เลยยื่นขนมเค้กจากนั้นให้กับฉัน ฉันมองด้วยความตื่นเต้นเพราะเค้กหน้าตาน่ากินมากแม้จะถูกตัดแบ่งมาแล้วก็ตาม
"พี่ให้หนูเหรอ"
"อื้มใช่เอาไปสิ"
"ขอบคุณนะ" ฉันยิ้มขอบคุณก่อนจะรับเค้กมากินพอได้กินเค้กแสนอร่อยมันก็ทำให้ฉันคลายความเศร้าความคิดถึงแม่ลงไปได้บ้าง
"ค่อยๆกินสิยัยเด็กขี้แย"
"หนูชื่อม่านไหมไม่ใช่ชื่อเด็กขี้แยนะ"
"แต่ฉันจะเรียกแบบนี้แล่ะยัยเด็กขี้แย^^" เขายิ้มล้อเลียน
"ถ้างั้นหนูไม่กินเค้กของพี่แล้วเอาคืนไป" ฉันยื่นจานเค้กที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยให้กับเขาแต่เขาไม่ยื่นมือออกมารับ
"เอาคืนไปสิ"
"กินให้หมดสิ"
"ถ้างั้นพี่ก็ห้ามเรียกหนูว่าเด็กขี้แยนะ"
"โอเคโอเคไม่เรียกก็ได้ ถ้ากินอิ่มแล้วเราไปเล่นซ่นแอบกันไหม"
"อื้มม ไปสิ^^"
และนั่นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอเขาจนกระทั่งวันนี้
"คิดอะไร คิดถึงวันนั้นล่ะสิยัยขี้แย" ฉันพยักหน้าเพราะถ้าเขาพูดแบบนี้นั่นก็แสดงว่าเขาก็จำฉันได้ ฉันไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้เจอพี่ชายใจดีคนนั้นอีกครั้ง
"เด็กขี้แยพูดมากคนนั้นวันนี้กลับกลายเป็นคนพูดไม่ได้ซะงั้น" ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่อยากสบตากับเขาก่อนที่จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างสัมผัสลงมาซอกคอสัมผัสอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมาทำให้ฉันขนลุกไปทั้งตัว
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ
"อื้อออออ" เสียงของฉันที่เปล่งออกมามันได้เท่านี้เมื่อเขาดูดมาที่คอมันรู้สึกเจ็บเหมือนเขากัดและเขาก็ไม่ได้ทำมันแค่ข้างเดียวเขาย้ายมาดูดอีกข้างทำให้ฉันทนไม่ไหวพยายามที่จะดึงมือออกจากพันธนาการของเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเขาจับไว้แน่นมาก
"จะดิ้นทำไม นอนอยู่เฉยๆดิ๊" น้ำเสียงของเขาเหมือนจะไม่พอใจที่ฉันขัดขืน
"อื้ออออออ" ฉันส่ายหน้าเพราะฉันเริ่มกลัว
"กลัวเหรอ" เขาจ้องมาที่ตาของฉันแล้วก็ถามฉันพยักหน้าตอบทันที
"จะกลัวทำไมของแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายกับผู้หญิง" พูดจบคุณเจ้าสมุทรก็ก้มใบหน้าลงมาเขาจูบฉัน จูบอย่างดูดดื่ม จูบแรกของฉันที่เสียไปให้กับเขา จูบที่แสนนุ่มนวลออ่อนหวานทำให้ฉันเคลิ้ม ไม่นะฉันจะมาทำตัวใจง่ายแบบนี้ไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายใจดีคนนั้นก็ตาม
"ฉันอยากลองมีอะไรกับผู้หญิงที่พูดไม่ได้ดูบ้างอยากจะรู้ว่าเวลาถึงจุดสุดยอดจะครางออกมาแบบไหน" พอเขาถอนริมฝีปากออกมาเขาก็พูดประโยคนี้กับฉัน มันหมายความว่ายังไงกันเขาจะมีอะไรกับฉันงั้นเหรอ
"อื้อออ อื้ออออ" ฉันส่ายหน้าขอร้องให้เขาไม่ทำอะไรฉันแต่ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นยืนนั่นทำให้ฉันเห็นเต็มสองตาว่าเขาไม่ได้สวมใส่อะไรเลยฉันรีบหลับตาจากนั้นร่างฉันก็ถูกอุ้มเข้าไปในห้องน้ำ