โอฟีเลียเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ในปีนี้เธออายุ17ปี และแน่นอนนี่คือวันที่ท่านแม่จะจับตัวของจูเลียน บุตรนอกสมรสของท่านพ่อมาเพื่อรับใช้เธอ
ที่ผ่านมาเธอช่วยท่านแม่ดูแลแอเรียนาเป็นอย่างดี แถมยังพาท่านแม่ไปช็อปปิ้ง เสริมสวย ตัดผม ทำเล็บ ทำสปา นวดหน้า สารพัดอย่างที่จะทำจนเธอได้ชื่อว่าเธอโอฟีเลียลูกกตัญญูไปแล้วในสายตาของผู้อื่นในจักรวรรดิ และถึงแม้ว่าจะผ่านมา5ปีแล้วหลังจากที่เธอถูกงูกัด แต่เธอก็ไม่เคยเห็นท่านพ่อตัวเป็นๆ สักทีเลย ชายผู้นั้นเลือดเย็นอย่างถึงที่สุดเลยจริงๆ เขาไม่มาหาลูกสาวเลยแม่แต่ครั้งเดียว และเธอเองก็ไม่ไปหาเขาด้วย ผู้ที่ไปมาหาสู่กับท่านแม่บ่อยที่สุดคือท่านป้าเอสเทีย ท่านป้ามีลูกชาย เขามีชื่อว่าอาม่อนอายุมากกว่าเธอ 2 ปีและเราสนิทสนมกันมากพอสมควร แต่หมอนั่นไม่ค่อยเอาไหนเท่าไหร่นัก เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่เกิดมาบน กองเงินกองทอง ไม่ต้องทำงานหรือว่าอะไรทั้งนั้น อาม่อนก็เลยวันๆ เอาแต่ดื่มสุราเคล้านารี “ปัง!!” โอฟีเลียสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องของเธอถูกถีบออกพร้อมกับท่านแม่ที่เดินเข้ามา ด้านหลังของท่านแม่คือเด็กสาวอายุ15ปี ที่มีเรือนผมสีเงินยวง ใบหน้าของนางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาและตามร่างกายมีร่องรอยของการถูกทำร้าย ฉันกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาด จริงอยู่ว่าท่านแม่อาจจะเคียดแค้นท่านพ่อและนักบุญหญิงผู้นั้นแต่เด็กที่เกิดมาจากความผิดของทั้งสองคนนั้นไม่รู้เรื่องด้วยเลยนี่.. “โอฟีเลียแม่พาสาวใช้คนใหม่มาให้ลูก..” ดัชเชสเอเวียเดินเข้ามาสวมกอดลูกสาวที่แสนงดงามราวกับดอกกุหลาบที่กำลังชูช่อเบ่งบาน “ใช้งานนางได้ตามที่เจ้าต้องการเลยเข้าใจไหม นางจะยินดีภักดีต่อลูกถึงขนาดที่ยอมตายแทนก็ยังได้...” จูเลียนคุกเข่าลงในทันที ร่างกายของนางสั่นเทาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แววตาของนางสั่นระริกเช่นเดียวกับริมฝีปาก “ขะ..ข้าจะรับใช้คุณหนูเองค่ะ” โอฟีเลียพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “ขอบคุณนะคะท่านแม่ ลูกจะเล่นกับของเล่นที่ท่านมอบให้อย่างดีเลยค่ะ” เอเวียยกยิ้มขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ นางลูบผมสีแดงสดของลูกสาวอีกครั้งด้วยความรักใคร่ “เช่นนั้นแม่ไปก่อนนะ ลูกเล่นได้แรงมากเท่าที่ลูกต้องการเลยนะโอฟีเลีย หากตายก็แค่ให้คนเอาไปฝังเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย..” เมื่อได้ยินดัชเชสแอเรียนากล่าวเช่นนั้นจูเลียนก็เบิกตาโพลงราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอถูกจับตัวมาพร้อมกับถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนปวดไปทั่วทั้งตัว ก่อนจะมาที่นี่เธอถูกพร่ำสอนว่าจะต้องทำตัวดีๆ กับคุณหนูผู้หนึ่ง พวกเขาเอาชื่อของท่านแม่มาข่มขู่เพื่อให้เธอทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาของจูเลียนสั่นไหวเมื่อเธอช้อนสายตาขึ้นไปมองหน้าของโอฟีเลีย สตรีเบื้องหน้าดูงดงามราวกับไม่มีอยู่จริง เรือนผมสีแดงนั่นทำให้ใบหน้านั้นโดดเด่นยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ความงามที่ทำให้เหล่าดอกไม้พลันหม่นหมองไปหมด “คะ..คุณหนู จะ.จะ จะใช้ให้ข้าทำอะไรดีคะ ให้ข้าเตรียมน้ำอุ่นให้ดีหรือไม่” โอฟีเลียนั่งลงเบื้องหน้าของจูเลียน “ข้าขอโทษเจ้าแทนท่านแม่ด้วยนะ ข้าไม่หวังให้เจ้าเข้าใจแต่ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่เอง ต่อหน้าท่านแม่เจ้าก็แสร้งทำตัวนอบน้อมเอาไว้หน่อย ข้ารับประกันเลยว่าข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า” ลมหายใจของจูเลียนกระตุกไปวูบหนึ่ง “ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกค่ะ หากข้าหนีไปท่านแม่ของข้าจะเป็นอันตราย..” “ไม่มีใครทำร้ายแม่ของเจ้าได้หรอก ตราบใดที่แม่ของเจ้าอยู่ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์” โอฟีเลียเดินไปลงกลอนประตูก่อนที่เธอจะเดินกลับมานั่งบนเตียง “มาพูดคุยกันเถอะ ข้าคิดว่าเรามีเรื่องมากมายที่จะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน” หลังจากนั้นฉันก็เล่าเรื่องของพ่อที่แท้จริงของจูเลียนให้นางได้รู้ แน่นอนว่าจูเลียนตกใจมาก นางร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อล่วงรู้ว่าท่านแม่ที่นางนับถือลักลอบเป็นชู้กับสามีของคนอื่น “บางทีเด็กอย่างเราก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่หรอกใช่ไหม ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะโกรธท่านแม่ของข้า แต่หลังจากที่เจ้าได้รู้ความจริงข้าหวังว่าเจ้าจะโกรธท่านน้อยลงสักหน่อย” ในอนาคตจูเลียนจะขึ้นเป็นจักรพรรดินี ฉันไม่อยากให้สตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ไม่ชอบท่านแม่.. “ข้าไม่โกรธท่านดัชเชสเลยค่ะ และข้าขอบคุณ..คุณหนู..” “เรียกชื่อข้าเถอะ แค่โอฟีเลียก็พอ ทนอยู่ที่นี่สักสามเดือนหลังจากนั้นข้าจะพาเจ้าหนีออกไปเอง” จูเลียนสมกับเป็นนางเอกของเรื่องนี้จริงๆ เพราะว่านางทำตัวกลมกลืนกับสาวใช้ในคฤหาสน์ได้เป็นอย่างดีจนท่านแม่ไม่คิดสงสัย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ที่ท่านแม่เริ่มจะเก็บตัวเงียบในห้องคนเดียว จากเดิมที่เราไปซื้อชุดเดรสและทำอะไรมากมายด้วยกัน ท่านแม่ก็เริ่มไม่ไปไหนมาไหนกับเธอ ท่านป้ามาที่นี่น้อยลงเพราะว่าท่านป้าสุขภาพไม่ดีเท่าไหร่ เธอรู้ว่าสาเหตุการเก็บตัวเงียบของท่านแม่ มันมาจากที่ท่านแม่พยายามจะศึกษาค้นคว้ามนตร์ดำ แต่ในเนื้อเรื่องบอกเอาไว้ว่าท่านแม่ฝึกมันไม่สำเร็จ เพราะอย่างนั้นปล่อยท่านแม่เอาไว้แบบนั้นคงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอก “ขอบคุณท่านมากนะคะ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาท่านโอฟีเลียช่วยเหลือข้ามากจริงๆ” นี่เป็นครั้งที่สิบที่จูเลียนก้มศีรษะให้ฉันเพื่อเป็นการขอบคุณ “รีบไปเถอะ ทางที่ดีเราสองคนอย่าพบเจอกันอีกเลยน่าจะดี” ตระกูลแอเรียนาของเธอไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่นัก เพราะข่าวการหย่าร้างของท่านแม่ทำให้ชนชั้นสูงพวกนั้นหันหลังให้เรากันหมด ในยุคสมัยที่บุรุษเป็นใหญ่ สตรีที่ผ่านการหย่าร้างนั้นเหมือนกับมีความผิดติดตัว จึงไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร “ลูกไปไหนมาโอฟีเลีย” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อท่านแม่รอฉันอยู่ที่ห้องนอน “ท่านแม่คะ..” ฉันรีบวิ่งเข้าไปโผกอดท่านแม่ในทันที “ทาสคนนั้นที่ท่านแม่พามานางหนีไปแล้วค่ะ ลูกพยายามตามหานางเท่าไหร่ก็ไม่พบเลย..” ฉันร้องไห้ออกมาเพื่อความสมจริง ฉันสั่งให้จูเลียนเก็บตัวที่วิหารสักระยะ ไม่ให้นางออกไปไหนเพราะอย่างนั้นน่าจะพอตบตาท่านแม่ได้ “แม่จะสั่งให้คนของเราไปตามนางกลับมา..” “ไม่นะคะ! ลูกไม่อยากได้ทาสที่หลบหนีไปจากลูกกลับคืนมาหรอกค่ะ นางทำให้ความเชื่อใจที่ลูกมีต่อนางพังทลายไปหมดแล้ว ลูกไม่ต้องการทาสคนไหนอีกแล้ว..ท่านแม่อย่าไปพาทาสคนอื่นมาให้ลูกอีกนะคะ ลูกเจ็บปวดเมื่อพวกเขาทรยศลูก..” เพราะอย่างนั้นอย่าไปเที่ยวจับตัวใครสุ่มสี่สุ่มห้ามาอีกนะคะท่านแม่อีกสามเดือนต่อมาหลังจากที่องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีทรงจัดงานอภิเษก อย่างยิ่งใหญ่ ก็มีงานแต่งงานของเลดี้ แอเรียนาและเคาน์แห่งอัคราฟในปีนั้นถือเป็นปีที่มีงานที่แสนยิ่งใหญ่หลายงานมากทีเดียว“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าจูเลียนจะตั้งครรภ์ก่อนเรา พระเจ้าช่วยนี่ข้ากำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ต่อมาร์โค”ข่าวการตั้งครรภ์ของจักรพรรดินีถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการหลังจากพิธีอภิเษกผ่านพ้นไปเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น คาลอสแทบจะนั่งไม่ติดเพราะเขาคิดว่าเขาน่าจะมีบุตรคนแรกก่อนองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีที่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก แต่มันกลับกลายเป็นว่าจูเลียนตั้งครรภ์ก่อนโอฟีเลีย หรือว่าร่างกายของเขามันจะมีปัญหากันนะ?โอฟีเลียมองสามีของเธอด้วยความรู้สึกนึกขำอยู่ในใจ“เอาน่า เดี๋ยวถึงเวลาที่เหมาะสมลูกของเราก็น่าจะมาเอง ท่านไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลยนี่คะที่รัก..”หลังกล่าวจบเธอก็หอมแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยว ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้วถึงสองฤดูแต่ท่านแม่ของเธอยังคงสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ หลังจากที่จูเลียนแต่งงานท่านแม่ก็เริ่มกลับมาเข้าสังคมอีกครั้งหนึ่ง และในยามนี้ท่านแม่ของเธอคือท่านหญิงเอเวียที่เก่งกาจเรื่องกา
ครั้งแรกที่เขามองเห็นใบหน้านั้น เมื่อเขามองทอดออกไปยังสวนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขามองเห็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีเรือนผมสีทองสว่าง เธอกำลังฮัมเพลงในขณะที่มือทั้งสองข้างจับไม้กวาดแล้วเริ่มกวาดใบไม้ในสวนที่แสนกว้างใหญ่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ สตรีผู้นั้นคือบุตรนอกสมรสของเซอร์เกรท เธอคือนางเอกของเรื่องนี้ และใบหน้านั้นแสนงดงามสมกับตำแหน่งนางเอกของเรื่องนี้จริงๆ เขาไม่เข้าใจว่าเขาเข้ามาอยู่ในร่างขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ที่มีอนาคตจะต้องตายได้อย่างไรกัน แต่ในเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในนิยายที่เคยอ่านเช่นนั้นเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะหาทางเอาชีวิตรอดความตาย เขาคิดแบบนั้นจนตัวเองได้ลิ้มรสการมีอำนาจในครั้งแรก ใช่แล้ว..คนจำนวนมากก้มหัวให้เขาในช่วงเวลาที่เขาเดินผ่าน คำสรรเสริญเยินยอพวกนั้นทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับตำแหน่งองค์จักรพรรดิ และนั่นทำเขารู้สึกโลภขึ้นมา เขาอยากจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั่นทำให้เขาใช้ความคิดมากมายเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นองค์จักรพรรดิต่อไป และคนที่เขาจะสามารถพึ่งพาได้นั่นก็คือจูเลียน นางเอกของเรื่องนี้ ความประทับใจจากครั้งแรกที่เราพบเจอกันนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นมีการเรียกประชุมสภาขุนนางอย่างเป็นการเร่งด่วน แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อคืนทำให้ชาวบ้านต่างเรียกร้องให้มีการผลัดเปลี่ยนองค์จักรพรรดิ อีกทั้งเรื่องกำหนดระยะเวลาของการครองราชย์องค์จักรพรรดิตัวแทนอย่างองค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ก็เลยกำหนดมามากแล้ว เหล่าขุนนางมองเห็นความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขององค์รัชทายาท การแสดงตัวเพื่อปกป้องและเยียวยาผู้เสียหายทำให้เหล่าขุนนางอดชื่นชมความเก่งกาจและมีน้ำใจของพระองค์มิได้“กระหม่อมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่จะจัดงานราชาภิเษกขึ้นมา จะได้เรียกความเชื่อมั่นในราชวงศ์ของประชาชนกลับมา..”คาลอสเข้าร่วมประชุมในฐานะของท่านเคาน์แห่งอัคราฟ เขากำลังมองดูท่าทีขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์อยู่ พระองค์มิกล่าวคำใดออกมาเลยแม้แต่ครึ่งคำ เพราะเรื่องราวที่กำลังกดดันพระองค์อยู่นี้มันทำให้พระองค์หาวิธียืดเยื้อต่อไปอย่างยากลำบาก“พวกท่านอย่าพึ่งกดดันเสด็จอาเลยครับ เรื่องพิธีราชาภิเษกรออีกหน่อยก็ได้ ระหว่างนี้พวกเราก็ช่วยกันจับตาดูพวกชาวบ้านไม่ให้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านราชวงศ์ก็พอ..”คำกล่าวนั้นของมาร์โคถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเจียมตัวแต่มันคือการเน้น
มาร์โคเดินกลับมาที่แอเรียนาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเนื้อย่างเสียบไม้ในมือ ที่สวนด้านหน้าของคฤหาสน์เขามองเห็นเพียงแค่เลดี้แอเรียนาเท่านั้น“นักบุญหญิงผู้นั้นนางหายไปไหนแล้วครับ..ข้าซื้อของมาฝากนางด้วย อ่อ..แล้วก็มีในส่วนของเลดี้ด้วยนะครับ”โอฟีเลียสูดลมหายใจเขาลึกๆ“เรามาพูดคุยกันแบบตรงไปตรงมาดีไหมเพคะองค์รัชทายาท”น้ำเสียงและท่าทีของเธอมันเริ่มเปลี่ยนไปในทันที นั่นทำให้มาร์โครับรู้ได้เลยว่าจะต้องมีเรื่องที่เคร่งเครียดรอเขาอยู่อย่างแน่นอน“ได้เลยครับ เลดี้มีเรื่องอะไรจะกล่าวก็พูดแบบตรงไหนตรงมาได้เลย..”โอฟีเลียไม่อ้อมค้อมเธอเริ่มพูดคุยเรื่องราวที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไปเพื่อให้มาร์โคได้รับฟังอีกด้านหนึ่งของงานเทศกาล คาลอสพาจูเลียนเดินทางไปยังท่าเรือของแอเรียนา เขาส่งนางขึ้นเรือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะไปรับเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เพราะอย่างนั้นดูแลตัวเองให้ดี..ให้เวลาเป็นเยียวยาในทุกความเจ็บปวดของเจ้า.”จูเลียนพยักหน้า เธอยกมือขึ้นมาแล้วโอบกอดท่านพี่คาลอสเอาไว้“ข้าจะกลับมาอีกครั้งในวันที่พี่ทั้งสองคนแต่งงานกันนะคะ..พี่คู่ควรกับท่านพี่โอฟีเลียผู้งดงามของข้ามากจริงๆ ทั้
จูเลียนใช้หลังมือเช็ดน้ำตา เธอเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองบุรุษที่ด่าเธอ และเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเธอก็ขมวดคิ้วในทันทีองค์รัชทายาทมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เธอไม่พร้อมและไม่อยากจะพบเจอเขาในยามนี้เลย“ยื่นมือมาสิ ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง”เขายื่นมือมาให้เธอเพื่อให้เธอวางมือลงบนมือของเขา แต่จูเลียนไม่คิดทำเช่นนั้น เธอพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นด้วยตัวเอง“ขอบพระทัยเพคะ..หม่อมฉันสบายดี เพราะอย่างนั้นขอตัวก่อนนะเพคะ”มาร์โคมองนักบุญหญิงที่ปกตินางจะดูน่ารักและสดใสอยู่เสมอในยามที่นางอยู่ข้างกายของท่านอา แต่ทว่าในวันนี้นางกลับร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่อายใคร คงเพราะว่านางไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่อย่างนั้นสินะ“ข้าไปด้วยสิ ดูจากที่เจ้ากำลังมุ่งหน้าเดินทางออกไปจากพระราชวังแล้ว แสดงว่าเจ้าจะต้องกำลังออกไปเที่ยวงานเทศกาลอย่างแน่นอน ข้าก็อยากไปที่นั่นอยู่เหมือนกัน ดูสิข้าอุตส่าห์ปลอมตัวมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ..พาข้าไปด้วยสิ”เธอมองหน้าเขาอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง“พระองค์...มีเงินไหมเพคะ..”มาร์โคหัวเราะออกมาเบาๆ“มีสิ มีเยอะมากพอสมควรเลย พาข้าออกไปแล้วข้าจะให้เงินเจ้าเอง อยากซื้ออะไรข้าจะซื้อ
“ดูเหมือนว่าข้าจะติดค้างคำขอบคุณกับท่านบารอนนะคะ ข้าขอขอบคุณที่ท่านพาข้าไปที่กลุ่มการค้าเทอรัน และขอโทษด้วยสำหรับการหลอกลวงท่าน..”บอกตามตรงว่าในใจของลีออนเขาไม่ได้อยากได้รับคำขอบคุณจากเธอเลยเพราะมันหมายความว่าเรื่องราวของเราทั้งสองคนมันจบลงแล้วยังไงละ“เลดี้จะกลับไปหาเขาอย่างนั้นหรือครับ”โอฟีเลียไม่ได้ตอบคำถามนั้นของลีออน เธอส่งยิ้มให้เขาแทนคำตอบ“หากว่าท่านบารอนมีสิ่งใดอยากให้ข้าช่วยเหลือก็บอกกล่าวมาได้เลยนะคะ ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”ลีออนขบเม้มริมฝีปากแน่น เขามองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร้ที่มา อีกฝ่ายไม่ได้ผิดเลยสักนิดเดียวที่ปฏิเสธ เพราะความรู้สึกของใครก็ต้องให้คนคนนั้นรับผิดชอบเอาเอง เธอไม่ผิดที่ไม่รักเขา แต่เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดที่เขาดันไปรักเธอและคาดหวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้“ครับ..หากมีเรื่องที่ต้องการช่วยเหลือข้าจะไปหาเลดี้นะครับ ท่านเองก็เช่นกันหากว่าท่านมีเรื่องใดให้ข้าช่วยเหลือ..”หากว่าในวันข้างหน้าชายผู้นั้นหลอกลวงและทำให้เธอเจ็บปวดอีก“ก็มาหาข้านะครับ”โอฟีเลียก้มหน้าลงเล็กน้อย“ขอบคุณท่านบารอนมากนะคะ ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริงๆ”เธอกำลังท