ภายนอกเขาคือสามีที่ใส่ใจภรรยา แต่เรื่องในบ้านไม่มีใครรู้ และยิ่งทุกอย่างกลายเป็นความดำมืดที่ไม่มีใครล่วงรู้ก็คือ วันหนึ่งฮุ่ยชิวรับโทรศัพท์จากตำรวจซึ่งแจ้งว่าพบรถยนต์ของคุณกั๋วคังเหรินตกเขา สภาพรถพังเสียหาย ในที่เกิดเหตุพบศพหญิงสาวที่มาทราบภายหลังว่าเป็นนักร้องไนท์คลับแห่งหนึ่ง แต่ไม่พบร่างของกั๋วคังเหริน ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของกั๋วคังเหรินกับผู้หญิงคนนั้น แต่แน่นอนว่าข่าวที่ออกไปไม่ดีนัก ในปีนั้นเองที่หลินเหยาซื่อตั้งครรภ์อ่อนๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่ากั๋วคังเหรินรู้หรือไม่ว่าภรรยาสาวตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว
หญิงสาวเดินเข้าในห้องครัว เด็กชายหญิงหน้าตาละม้ายคล้ายกันหันมามองแล้วสิ่งยิ้มกว้าง เด็กทั้งสองนั่งแกว่งเท้าไปมาบนเก้าอี้เด็ก หลินเหยาซื่อส่งยิ้มกว้าง เดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาดเอวอย่างรวดเร็วและเตรียมลงมือป้อนอาหารเช้าให้เด็กทั้งสอง
“คุณผู้หญิงค่ะ ไก่ที่สั่งไว้มาส่งแล้วนะคะ”
“ไก่มาแล้วหรือ?” เธอหันไปมองนาฬิกา “มาแต่เช้าเลยรึ? หรือว่าฉันตื่นสาย”
ป้าฮุ่ยชิวแอบค้อนเข้าให้ “คุณผู้หญิงไม่น่าให้เงินไปก่อนเลยเจ้าค่ะ คราวหน้าคราวหลังได้ของแล้วค่อยให้เงินนะเจ้าค่ะ”
“แค่ไก่ไม่กี่ตัว เขาคงไม่โกงเราหรอก” หลินเหยาซื่อหัวเราะแล้วป้อนโจ๊กให้ลูกๆ
“ไก่” เด็กๆ ออกเสียงตามผู้เป็นมารดา
“ไก่” เธอออกเสียงชัดๆให้เด็กๆพูดตาม “บ้านเรามีไก่ก็จะมีไข่กินทุกวันแล้วนะ”
“คุณผู้หญิง...”
“ป้าค่ะ” หลินเหยาซื่อส่งยิ้มให้ “ถ้าเราไม่อยากขายบ้านนี้ก็ต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ดินหลังบ้านยังว่าง เราทำแปลงผักกันนะคะ”
“ขายบ้าน?” เด็กแฝดพูดตามมารดาทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายนัก หลินเหยาซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่มุมปากของเด็กๆ แล้วพูด
“จางลี่ จางหย่ง ชอบบ้านหลังนี้ไหมจ๊ะ”
เด็กแฝดหันมามองหน้ากันก่อนพยักหน้าหงึกหงัก
“ชอบก็ดีแล้ว แม่ก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน” เธอยิ้มแล้วป้อนข้าวให้เด็กๆต่อ
ขอให้การ ‘ขายบ้าน’ เป็นทางเลือกสุดท้ายของเธอก็แล้วกัน ถึงจะมาอยู่ร่างนี้ไม่นาน แต่เธอก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน.
ความทรงจำ
“บ้านหลังนั้นสวยจัง”
“ตึกสไตล์ยุโรป แสดงว่าเจ้าของบ้านต้องมีฐานะดีแน่ๆ”
“แต่แค่สองชั้นเองนะ”
“ดูสภาพสิน่าจะเกินห้าสิบปีแน่ๆ”
“นี่ๆ คุยกันพอหรือยัง ได้เวลาเข้าฉากแล้ว” เสียงหนึ่งดังเตือนบรรดาตัวประกอบให้เข้าฉาก “เหยาซื่อ เธอนะจำไว้ว่าเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่ต้องทำตัวเด่นเกินหน้านักแสดงหรอกนะ”
“ค่ะ”
หลินเหยาซื่อยิ้มทะเล้นพลางก้มศีรษะเป็นเชิงขอโทษ เพื่อนร่วมป้องปากหัวเราะอย่างรู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ใส่ใจกับเสียงหัวเราะนี้นัก
“จากตัวประกอบเดินไปเดินมาจนได้เป็นตัวประกอบที่มีบทพูด กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลยนะ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างชื่นชม
“ฉันนับถือเลย”
หลินเหยาซื่อแค่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วเตรียมตัวไปเข้าฉาก แม้จะเป็นแค่ ‘ตัวประกอบ’ แต่เธอก็เคยเรียนการแสดงมาก่อน ยืดอกรับเลยล่ะ เธออยากเป็นดารา อยากเป็นนักแสดงที่เจิดจรัสเป็นที่รู้จัก แม้เป็นความฝันที่คนอื่นพากันหัวเราะเยาะว่าหญิงสาวที่เติบโตในสถานสงเคราะห์อย่างเธอจะใฝ่สูง ตั้งแต่จำความได้ เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น แม่บุญธรรมบอกว่า เธอถูกนำมาวางไว้ที่ประตูซึ่งก็เหมือนเด็กหลายๆ คนที่พ่อหรือแม่ไม่กล้านำมามอบให้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เด็กๆ ในสถานสงเคราะห์ต่างคาดหวังว่าจะมีครอบครัวใจดีมารับไปอยู่ด้วย เธอเองก็เช่นกัน เธอพยายามอย่างที่สุด ตั้งใจเรียน ฝึกเขียนอักษร วาดภาพ เล่นดนตรี แต่สุดท้าย...ไม่มีใครเลือกเธอเลย แม้ว่าเธอจะอยู่มานานแค่ไหนก็ตาม เธออยากเป็นดารา อยากเป็นคนที่มีแต่คนรุ่มล้อม ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวและผิดหวังครั้งแล้วครั้งแล้ว เธอทำงานพิเศษ เก็บเงินไปเรียนการแสดง แต่เมื่อไปสมัครเป็นนักแสดงก็ได้เพียงบทเล็กๆ น้อยๆ เดินผ่านกล้องไปมา แต่ความมุ่งมั่นของเธอทำให้เริ่มได้รับแสดงที่มีบทพูด แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ได้เห็นหน้าตัวเองตั้งหลายวินาที
แต่ยังไม่ทันได้เป็นดารา เธอก็ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์ตกเขาแล้วโผล่มาในปี 1980 นี้แล้ว
หลินเหยาซื่อที่เริ่มปรับตัวกับชีวิตใหม่ได้แล้วสะบัดศีรษะไปมา เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ช่างมันเถิด ตอนนี้คือต้องใช้ชีวิตที่นี่ต่อไป โดยเฉพาะตอนนี้เธอมีลูกแฝดวัยสามขวบต้องเลี้ยงดู มือเรียวหยิบกรอบรูปที่มีรูปชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้หญิงในภาพคือ ‘หลินเหยาซื่อ’ ส่วนผู้ชายในภาพน่าจะเป็น...
“พ่อ!”
เด็กสองคนส่งเสียงพร้อมกัน ยื่นมือมาหมายจะจับกรอบรูป หลินเหยาซื่อย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าทำให้เด็กๆ ได้จับรูปได้ถนัดมือ
“แม่!”
“อื้ม ถูกต้อง นี่แม่ แล้วนี่ก็พ่อ” หลินเหยาซื่อเอ่ยชมเด็กฝาแฝดทั้งสองคน ป้าฮุ่ยชิวเห็นว่าเธอจำอะไรไม่ค่อยได้จึงเล่าเรื่องราวความหลังช่วยฟื้นความทรงจำให้ หลินเหยาซื่อเองก็ยอมรับว่า บางครั้งจะมีภาพบางภาพปรากฏแวบๆ ขึ้นมาในหัว เดาเอาว่าเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างนี้
เลี้ยงเด็กสามขวบสองคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินเหยาซื่อ การที่เธอเติบโตในสถานสงเคราะห์เด็กทำให้ต้องช่วยดูแลเด็กคนอื่น เจ้าหน้าที่มีไม่พอ เธอต้องช่วยตั้งแต่อาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมป้อนนมป้อนอาหารตลอดจนเข้าครัวเพื่อช่วยแม่ครัวปรุงอาหาร งานทุกอย่างล้วนผ่านมือเธอมาแล้วทั้งสิ้น เมื่อได้มาอยู่ในร่างนี้เธอต้องเลี้ยงจางลี่-จางหย่ง ก็ไม่ทำให้ลำบากใจอันใด เพียงแค่ เธอไม่มีความรู้สึกหรือความทรงจำยามอุ้มท้องและคลอดลูก เธอจึงรู้สึกเพียงว่าตนเองเป็นคนเลี้ยงเด็กมากกว่าเป็นแม่จริงๆ แต่ไม่เป็นไร นานวันเข้า เธอคงสัมผัสความเป็นแม่ได้เอง
“พ่อก็หล่อเหมือนกันนะเนี้ย”
เหยาซินอดพูดไม่ได้ ในบ้านมีรูปกั๋วคังเหรินอยู่หลายภาพ ในห้องนอนของเธอก็มีอัลบั้มภาพที่มีรูปของกั๋วคังเหรินอยู่มาก ‘หลินเหยาซื่อ’ คงหลงรัก ‘กั๋วคังเหริน’ มากทีเดียว แต่น่าจะเป็นรักอยู่ฝ่ายเดียว เพราะนอกจากรูปแต่งงานสองสามรูปแล้ว ไม่มีรูปคู่อื่นเลย รวมทั้งแทบไม่เห็นรอยยิ้มจากผู้ชายในภาพ เพราะแบบนี้หรือเปล่า ในที่เกิดเหตุจึงพบร่างนักร้องสาวจากไนต์คลับคนหนึ่ง เขาอาจมีผู้หญิงที่ตัวเองเลี้ยงดูไว้ หรือบางที เขาอาจใช้สถานการณ์นี้ ไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนอื่นก็ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็น่าจะกลับมาหย่ากับ ‘หลินเหยาซื่อ’ ให้เรียบร้อยก่อนสิ หรือว่า ‘หลินเหยาซื่อ’ ไม่ยอมหย่า เขาจึงใช้วิธีหายตัวไปอย่างนี้ แต่เขาคงไม่ได้ ‘ตาย’ หรอกนะ ไม่พบศพก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนตายนี่
จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นผูกพันในแววตาคู่นั้น หลินเหยาซื่อไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร ทำไมเธอรู้สึกว่าเขาคือคนที่เคยกุมมือไว้ก่อนที่จะสิ้นใจดวงตาหลังแว่นสายตาตื่นตกใจที่เห็นดวงตาคู่สวยมีหยดน้ำตา “คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า มีอะไรผิดปกติไหม”หญิงสาวใส่หน้าไปมา “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ทำไมตัวเองถึงมีน้ำตา”เธอพยายามหัวเราะเช่นทุกครั้ง เวลามีอะไรเธอมักจะหัวเราะเสมอ กระทั่งครั้งนี้เธอก็หัวเราะทั้งที่มีน้ำตา ชายหนุ่มยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้ม“สัญญากันแล้วนี่นา ว่าจะไม่หลับไปนานแบบนี้อีก”คราวนี้หญิงสาวตกใจกับคำพูดของเขา“เมื่อกี้คุณหมอพูดว่าอะไรนะคะ”‘คุณหมอ’ ชายหนุ่มยิ้มเศร้า เธอคงจำเขาไม่ได้สินะ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วขยับตัวรักษาระยะห่างระหว่างหมอกับคนป่วย ทั้งที่เขาอยากคว้าเธอมากอดแนบอกเหลือเกิน‘จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่เขาจำเธอได้ก็พอ’ชายหนุ่มมองดวงตากลมโตที่ยังมีแววสงสัย เรื่องแบบนี้เล่าไปจะมีใครเชื่อ ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยหลังจากภรรยาตายจากได้ห้าปี เช้าวันหนึ่งเขาก็ตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าของร่างนี้ป่ว
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ มองตัวเองในกระจก ยกมือขึ้นเปิดเส้นผมที่ปรกหน้าเห็นรอยแผลจากการถูกกระแทกต้องเย็บยี่สิบเข็ม คุณหมอแจ้งว่าถ้าเธอต้องการทำศัลยกรรมเพื่อลบรอยแผลเป็นก็ทำได้ เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอหัวเราะและตอบไปว่า“ไม่เป็นไรค่ะ แผลเป็นนิดเดียว”แต่จริงๆเธอเสียเงินหลายหมื่นหยวน ในปีค.ศ. 2023 นี้ เธอคือผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา เหลือเงินติดบัญชีอยู่ไม่เท่าไหร่ โชคยังดีที่บริษัทภาพยนตร์ที่เธอรับงานเป็นตัวประกอบเห็นใจให้เงินค่าทำขวัญมาจำนวนหนึ่ง ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นมาจากประกันอุบัติเหตุ เธอจึงไม่ต้องเป็นหนี้สินล้มละลายเพราะการรักษาตัวเอง แต่ข่าวที่เธอช่วยชีวิตคนอื่นก็ทำให้เธอกลายเป็นที่สนใจ ตอนนี้แม้เธอเป็นแค่ตัวประกอบ แต่ก็มีหลายบริษัทอยากให้เธอไปร่วมเล่นซีรีย์บทเล็กๆ ถึงอย่างไรหน้าตาเธอก็ไม่ได้สะสวยพอจะเป็นถึงนางเอกได้ และยิ่งตอนนี้มีแผลเป็นที่หน้าผากอีก ต่อให้ใช้ make up ปิดบังยังไง ก็ยังเห็นอยู่ดี แผลเป็นไม่ได้น่าเกลียดเท่าไหร่ เห็นแล้วก็อดคิดถึงแผลเป็นของผู้ชายคนนึงไม่ได้ แผลเป็นของเขาใหญ่กว่าเธอมาก ผ่านมาหลายปี แผลเป็นนั้นก็เป็นรอยจางๆหลินเหยาซื่อต้องทำกายภาพบำบัดที่โรงพยา
“ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ พ่อก็รักไม่น้อย ปกว่ากัน แล้วพวกลูกล่ะ จะรักน้อง ไม่ว่าน้องจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเปล่า”“แน่นอนครับค่ะ พวกเรารักน้อง อยากให้น้องออกมาเร็วๆ จะช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องและเล่นกับน้อง” คนเป็นแม่หัวเราะเสียงใส จะช่วยแม่เลี้ยงน้องหรืออยากเล่นกับน้องก็ไม่รู้เสียงหัวเราะของคนในครอบครัว ละลายความหม่นเศร้าที่เคยปกคลุมในบ้านหายไปหมดสิ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปตรงหน้า“เข้าบ้านเถอะเย็นแล้ว อากาศเย็น เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอา”หญิงสาวมองมือใหญ่แข็งแกร่งที่ยื่นมาตรงหน้า เธอรู้ว่ามือคู่นี้จะคอยประคองเธอไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่นเดียวกับเธอที่สัญญาไว้กับเขาว่าจะจับมือเขาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบางที...นี่อาจเป็นเหตุผลที่โชคชะตาส่งเธอมาในปีนี้ 1980 เพื่อได้รับใครสักคน และเพื่อให้หัวใจได้ถูกรัก.จบ.ลืมตาอีกครั้งหญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วพบว่า ตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะรู้ว่า ตัวเองตื่นมาในปีค.ศ. 2023 เธอคือผู้รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ในอุบัติเหตุรถบัสตกเขาลงแม่น้ำหลินเหยาซื่อจำได้ว่าตอนที่ฟื้นขึ้นมา เธอสบตากับดวงตาคู่หนึ่งแม้เขาจะสวมหน้ากากอนา
คราวนี้เห็นทีจะจบเรื่องแล้วจริงๆ หลินเหยาซื่อถอนหายใจอย่างหอบเหนื่อย เธอถึงกับหมดแรงนั่งลงไปกับพื้น สามีเห็นแล้วก็รีบเข้าไปประคองอุ้มเธอขึ้นมาไว้บนเตียง เขาสั่งการกับเว่ยฉือให้จัดการเรื่องทั้งหมดแทนเขา เมื่อในห้องไม่มีคนนอกแล้ว ลูกทั้งสองคนก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามาหาแม่ได้“คุณแม่เกิดอะไรขึ้นครับ/ค่ะ”เด็กน้อยสองคน ปีนขึ้นเตียงรีบเข้ามากอดแม่ เด็กฝาแฝดคนแย่งกันพูดเสียงดัง บรรยากาศกลับสดใสอีกครั้ง หลินเหยาซื่อส่ายหน้าไปมา บทเรียนต่อไปเธอต้องสอนให้ลูกพูดเสียงให้เบาลงกว่านี้ แต่เอาเถอะ เวลานี้เสียงของลูก ไพเราะที่สุดแล้ว“ขอแม่หอมแก้มเพิ่มพลังหน่อยสิ” หญิงสาวพูดขึ้น เด็กน้อยสองคนก็รุมหอมแก้มกันใหญ่สามีถอนหายใจแล้วค่อยยิ้มออกมา ทั้งที่เมื่อครู่เจอเรื่องอันตรายมากแต่เธอก็ยังยิ้มได้ คนที่บ้าที่สุดอาจจะเป็นภรรยาของเขาก็ได้ คิดแล้วเขาก็หัวเราะออกมาหลินเหยาซื่อเสียงสามีหัวเราะ ก็หันไปทำหน้ายู่ใส่“หัวเราะอะไรคะ”“หัวเราะอะไรคะ/ครับ” ลูกสองคนพูดเลียนแบบแม่“ไม่มีอะไรครับ”คนเป็นพ่อพูดแล้วโบกมือไปมา แต่หลินเหยาซื่อสบตากับลูกทั้งสองส่งสัญญาณ คนเป็นสามีรู้สึกไม่ค่อยน่าไว้ใจแสร้งถอยหลัง แต
ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ดาราสาวปวดใจแทบเป็นบ้า ยิ่งเห็นกั๋วคังเหรินโอบกอดหลินเหยาซื่ออย่างปกป้องและความห่วงใย ครั้งหนึ่งอ้อมกอดนั้นเคยเป็นของเธอมาก่อน ทำไมมันถึงมาจุดนี้ได้ ทำไมไม่ใช่เธอที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ดาราสาวแหงนหน้าหัวเราะ ท่าทางไม่ต่างจากคนเสียสติ โลกไม่ยุติธรรมเสียเลย เธอมองหน้าชายที่เคยรักผ่านม่านน้ำตา“ทำไมคะ ทำไมคุณไม่รักฉัน ทำไมคุณต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น”ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาประคองร่างของภรรยาขึ้น มองเห็นหยดเลือดจากที่เธอกระชากสายน้ำเกลือออกก็ปวดใจ โชคดีที่ลูกสาวลูกชายไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เขาไม่อยากให้ลูกๆ ต้องมาเห็นภาพแบบนี้“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว คุณจะรื้อฟื้นทำไม คุณเองก็ไม่ได้มีผมเพียงคนเดียว ระหว่างที่เราคบกัน ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณมีคนอื่น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ได้ยินดังนี้ ดาราสาวถึงกับหน้าซีดไป เพราะเธอคิดเสมอว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องราวด้านมืดของเธอเลยชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง“ให้มันจบแค่นี้เถอะ คุณมีชีวิตของคุณ ผมมีชีวิตของผม ผมมีภรรยาและลูกที่รักมากและผมต้องดูแลพวกเขา นอกจากหลินเหยาซื่อแล้ว ชีวิตนี้ผมไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว เห็นแก่ควา
หลังจากมั่นใจว่า ในห้องไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว หลินเหยาซื่อจึงลุกขึ้นจากเตียงนอน เธอรู้สึกรำคาญสายน้ำเกลืออยู่บ้าง แต่จะทำอย่างไรได้ก็สถานะตอนนี้เป็นคนป่วยนี้นะเธอไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองอีกเมื่อไหร่ เธอจะหลับไปแบบนี้อีกไหม หลับไปยาวนานถึง 7 วัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ แม้กระทั่งหมอ แต่ตัวเธอเอง ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ชีวิตที่ได้มาใหม่นี้ จะใช้ได้ยาวนานเพียงใด แต่ที่สุดแล้ว ก็ยังมีลมหายใจอยู่ โดยเฉพาะในชาตินี้ เธอรู้ดีว่า มีสิ่งที่สำคัญที่สุดรออยู่ นั่นก็คือ ลูกชายหญิงฝาแฝดของเธอ ที่แม้ซนเหมือนลิง แต่เธอก็รักพวกเขามากแม้ไม่มีความทรงจำที่อุ้มท้องพวกเขา แต่เธอก็รู้สึกว่าทั้งสองเป็นลูกของเธอจริงๆหญิงสาว มองไปที่โต๊ะตรงหัวเตียง มีกระเช้าผลไม้ตั้งอยู่ มีผลไม้หลากชนิด เธอเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลสีสวย เห็นแล้วก็คิดถึงงานที่ทำค้างอยู่ Collection ใหม่ครั้งหน้า เธอน่าจะออกแบบลายผ้า เป็นรูปผลไม้เด็กๆชอบผลไม้สีสันสดใส น่าจะทำลายผ้าแล้ว ทำของอย่างอื่นด้วยก็ดีนะหลินเหยาซื่อคิดฝันไปไกลถึงกิจการของตัวเอง และเม็ดเงินที่จะเข้ากระเป๋า เมื่อมีเงินมาก เธอก็สามารถท