ใครกันที่ช่วยข้า :
“คุณชาย”
หลังจากที่พารั่วอิงเหยาขึ้นฝั่งสำเร็จ บุรุษชุดดำ รูปร่างสันทัด รีบวิ่งเข้ามาดูสตรีที่ถูกพาขึ้นจากน้ำ
“นางจะเป็นพวกเดียวกับนักฆ่าสองคนนั่นหรือไม่”
เสียงทุ้มคนเดิมถามขึ้นพลางมองหน้ารั่วอิงเหยาที่นอนหมดสติอยู่
คุณชายรูปงามที่ถูกถามยังไม่อ้าปากกล่าวสิ่งใด ในนัยน์ตาสีรัตติกาลสอดส่ายมองสำรวจร่างกายสตรีตรงหน้าเงียบ ๆ
“นางไม่ใช่คนของมือสังหาร”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกนั้นช่างไพเราะหากแต่หนักแน่น
“คุณชายแน่ใจหรือว่านี่มิใช่กลยุทธ์สาวงามถ่วงเวลา”
คุณชายรูปงามส่ายหัวไปมาก่อนจะลุกขึ้นสะบัดอาภรณ์สีเดียวกันกับผู้ติดตามที่เปียกโชกจนเม็ดน้ำกระเด็นรอบทิศทาง หางตาคมกริบปรายมองมาทางรั่วอิงเหยาที่นอนอยู่พร้อมเอ่ย
“เครื่องประดับบนร่างกายนางล้วนเป็นของมีค่า คงเป็นเพียงคุณหนูบ้านใดบ้านหนึ่ง”
เมื่อได้ยินคำวิเคราะห์ของคุณชายจบ ผู้ติดตามจึงลองมองสำรวจร่างสาวงามบ้าง
พรึ่บ!
“คุณชาย! ขอข้าสำรวจนางบ้างสิขอรับ”
เพิ่งมองยังไม่ทันเต็มตาก็ถูกมือหนาปิดหน้าลากออกมายืนให้ห่างจากรั่วอิงเหยาที่หมดสติ
“เป็นบุรุษจ้องมองเรือนร่างสตรีแบบนี้สมควรหรือ” เสียงตำหนิดังขึ้น
แหม…ทีท่านไม่ว่า ทีข้าห้ามจัง
“เจ้าไม่พอใจ?”
“ข้าน้อยมิกล้า”
องครักษ์ผู้ติดตามรีบคุกเข่าสองมือประสานระดับหน้าผากเพื่อสำนึกผิดทันที
“แค่ก แค่ก แค่ก”
เสียงไอของสตรีดังขึ้นขัดจังหวะของนายบ่าว
“คุณชาย เราจะทำเช่นไรต่อ”
คนถูกถามปรายหางตามองท่าทีของรั่วอิงเหยาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านางรอดพ้นจากความตายแล้วจึงสะบัดชายผ้าหันหลังเดินจากไปเงียบ ๆ
“สมแล้วที่เป็นพระองค์”
ในสายตาองครักษ์ติดตามผู้นี้ คุณชายของเขาเป็นบุรุษที่เก่งกาจ แต่กลับย็นชา ยิ่งเป็นสตรีนั้น ยิ่งไม่มีค่าในสายตาของเขาเลย
“แค่ก แค่ก แค่ก”
รั่วอิงเหยารู้สึกตัวก็สำลักน้ำที่จมมา นางลุกขึ้นนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตายังคงฝ้าฟางมองไม่ชัดเจน ทว่าในระยะสายตากลับเห็นแผ่นหลังลาง ๆ ของบุรุษเดินจากไป
“ท่าน…แค่ก แค่ก แค่ก”
รั่วอิงเหยาตั้งใจจะเรียกบุรุษสองคนที่เดินห่างออก แต่อาการจมน้ำยังไม่หายขาดจึงทำให้แสบคอแสบจมูกไร้เสียงเรียกรั้งต่อ
“คุณหนู! คุณหนูอยู่ไหนขอรับ”
เสียงตะโกนเรียกของเหยียนตู้ดังขึ้นทางด้านหลัง
“เหยียนตู้ ข้าอยู่นี่!”
รั่วอิงเหยารีบโบกไม้โบกมือหันตะโกนตอบกลับ
เมื่อเห็นคุณหนูตนยังปลอดภัยจึงรีบใช้วิชาตัวเบาข้ามธารน้ำมา
“เกิดอะไรกับคุณหนู เหตุใดถึงได้เปียกโชกเช่นนี้”
เหยียนตู้รีบถอดผ้าคลุมออกมาส่งให้รั่วอิงเหยาห่อหุ้มกายที่หนาวเหน็บ
“พาข้ากลับที่พัก”
รั่วอิงเหยารู้สึกร่างกายไม่ไหวแล้ว ผิวกายนางเหมือนูกน้ำแข็งเกาะกินจากความหนาวเหน็บของอากาศใต้ดิน
“ข้าจะพาท่านไปหาที่พักก่อน”
เหยียนตู้พยุงรั่วอิงเหยาขึ้น พานางเดินออกไปยังทางออกอีกทาง
กลางดึกในตลาดมืดหนานเหอ
หลังจากเหยีนนตู้เช่าห้องพักได้แล้ว รั่วอิงเหยาก็พักดื่มยาอยู่ลำพังในห้องแห่งนี้
“ใครกันที่ช่วยข้า”
ก่อนจะหมดสติรั่วอิงเหยาเห็นเงาเลือนลางกำลังว่ายเข้ามา คตอนนั้นนางคิดว่าคือสัตว์ร้ายใต้น้ำ แต่พอนางฟื้นและเห็นแผ่นหลังของบุรุษสองคนที่เดินจากไปจึงคิดว่าเป็นฝีมือของหนึ่งในนั้นที่ช่วยนางไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อิงเหยา เจ้าตื่นแล้วหรือไม่”
เดิมทีเหยียนตู้ไม่ได้กลับไปพักที่ห้องข้าง ๆ เลยสักนิด เขาเฝ้าความปลอดภัยองนายหญิงอยู่หน้าห้องตลอด จนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านในจึงลองเรียกรั่วอิงเหยาดู
“เข้ามา”
ทันทีที่เหยียนตู้เปิดประตูเข้ามา รั่วอิงเหยาก็เดินมานั่งเก้าอี้โต๊ะกลางห้องพร้อมส่งสายตาให้องครักษ์หนุ่มนั่งลงอีกฝั่ง
“ท่านดีขึ้นแล้ว”
เหยียนตู้รีบถามอย่างเป็นห่วง ใบหน้าของรั่วอิงเหยายังซีดเซียวอยู่เล็กน้อย ไม่น่าลุกขึ้นมาเดินเหินในเวลาเช่นนี้
“ดีขึ้นแล้ว ข้ามีเรื่องอยากถาม”
“คุณหนูมีเรื่องอันใดใคร่รู้”
“เจ้าหาร้านยานั่นเจอหรือยัง”
ถ้านับเวลาตั้งแต่ออกจากจวนราชครูจนถึงตอนนี้เท่ากับว่ารั่วอิงเหยาเสียเวลาไปแล้วหนึ่งวันเต็ม ๆ หากไม่รีบหาร้านยานั่นให้เจอภายในเที่ยงวันพรุ่งนี้ เวลาที่จะกลับเมองฉีหลัว็จะยิ่งกระชันชิดเข้า นางกลัวว่าจากแก้ไขให้ดีขึ้น จะกลับกลายเป็นเรื่องร้ายรออยู่
“ข้าลองสอบถามคนในตลาดมืด ไม่มีผู้ใดรู้จักร้านยาที่ท่านบอกเลย”
จะเป็นไปได้เยี่ยงไร นางเขียนตำแหน่งร้านยาไว้ในนิยายแล้ว แถมยังเป็นร้านยาที่คนในตลาดมืดรู้จักเป็นอย่างดี
“เจ้าถามถึงร้านยาในตรอกซือซ่านตามที่ข้าบอกหรือไม่”
“เรียนคุณหนู ข้าถามตามที่ท่านบอกไม่ตกหล่นแม้ครึ่งคำ”
หากเป็นอย่างที่เหยียนตู้ว่าจริง คงไม่ใช่ว่าเนื้อเรื่องในนิยายนางเปลี่ยนไปอีกแล้วหรอกนะ
“เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราค่อยค้นหาใหม่”
“ขอรับ คุณหนูเองก็รีบพักผ่อน ข้าให้คนนำชุดคลุมขนแกะมาไว้ำหรับพรุ่งนี้แล้ว”
รั่วอิงเหยามองไปตามมือที่เหยียนตู้ผายให้ดู ส้อคลุมสีขาวสะอาดตาทำจากขนแกะชั้นดี แค่มองก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
“ขอบใจเจ้ามาก”
“เป็นหน้าที่ของข้าน้อยขอรับ”
แววตาของเหยียนตู้ฉายชัดเป็นประกายแห่งความดีใจ มีอะไรบ้างที่รั่วอิงเหยาชอบแล้วเขาไม่รู้
“คุณหนู ท่านฟื้นแล้ว”เหยียนตู้รอคอยรั่วอิงเหยาอยู่นอกที่พักไม่ห่าง พอได้ยินเสียงคนคุยกันจึงรีบผลักประตูเข้ามาดูหัวใจที่หนักอึ้งด้วยความกังวลโล่งใจทันทรีที่เห็นรั่วอิงเหยาฟื้น“เหยียนตู้ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”ตื่นมาแปลกที่ไม่พอ ยังเห็นองครักษ์ที่ควรยังอยู่ตลาดมืดมาอยู่ที่นี่อีก ไมให้แปลกใจคงไม่ได้“คุณหนูเพิ่งฟื้น เดี๋ยวบ่าวจะไปกราบทูลซื่อจื่อและนำอาหารมาให้นะเจ้าคะ”เสี่ยวผิงสาวใช้แห่งจวนซื่อจื่อเอ่ยเสร็จก็เดินออกไปจากห้องพักแห่งนี้ เหลือไว้เพียงหนึ่งนายหนึ่งบ่าวที่นั่งมองหน้ากันเงียบ ๆฟู่…รั่วอิงเหยาถอนหายใจเฮือกหนึ่งเมื่อเดาออกว่าเหยียนตู้จะกล่าวอะไรกับตนจึงรีบชิงเปิดบทสนทนาก่อน“ข้าขอโทษที่หนีออกมาไม่บอกกล่าวเจ้า”น้ำเสียงนั้นเอ่ยอย่างจริงใจและสำนึกผิด ทำเอาเหยียนตู้ถึงกับประหลาดใจกับประโยคขอโทษที่รั่วอิงเหยาตัวจริงไม่มีทางเอ่ยกับเขาเป็นแน่“คุณหนู…ท่านไม่ได้บาดเจ็บที่อื่นใช่หรือไม”คำถามของหยียนตู้ทำให้รั่วอิงเหยางุนงงเล็กน้อย จนในที่สุดก็นึกออกว่าตนลืมนิสัยเย่อหยิ่งจองหแงของรั่วอิงเหยาตัวจริงไป“ช่างเถอะ”รั่วอิงเหยาไม่อยากทำให้เหยียนตู้สงสัยจึงบอกปัดไม่ตอบใด ๆ และชวนคุยเรื่
ซื่อจื่อแห่งหนานโจว ::“คุณหนู!”“พวกเจ้าทำอะไรคุณหนูข้า!”เหยียนตู้ตื่นมากลางดึกแต่กลับไม่พบรั่วอิงเหยาจึงรีบออกตามหาจนมาพบเข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าและเข้าใจผิด“บังอาจ! เจ้ากล้าหันกระบี่เข้าหาซื่อจื่อรึ”ผู้ติดตามคุณชายรูปงามรีบตะเบ็งเสียงใส่อย่างเกรี้ยวกราด กระบี่ในมือหันปลายใส่เหยียนตู้พร้อมประมือกันได้ทุกเมื่อ“ผู้นี้คือซื่อจื่อ”เหยียนตู้ใจหายวูบเมื่อรู้สถานะอีกคน หากแต่เขายังไม่เชื่อจนกว่าจะได้มีหลักฐานเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านสายตาเหยียนตู้ออกจึงดึงป้ายห้อยเอวออกมาแสดงพร้อมแนะนำตัว“องครักษ์หยกทองฉินเส้า และนี่คือซื่อจื่อแห่งหนานโจว หลัวฉางเฟิง”ตุบ!เหยียนตู้เห็นหลักฐานป้ายหยกทองถึงกับคุกเข่ารับความผิด“องครักษ์เหยียน เหยียนตู้แห่งจวนราชครู ถวายบังคมซื่อจื่อ”“องครักษ์ของจวนราชครู เช่นนั้นแม่นางผู้นั้นคือ…”หลัวฉางเฟิงถามเสร็จจึงปรายตามมองสตรีที่นอนพิงอยู่ต้นไม้ใหญ่“สตรีนางนั้นคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนราชครูรั่ว รั่วอิงเหยาพ่ะย่ะค่ะ”ซื่อจื่อหลัวฉางเฟิงขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อบุตรีคนโตของจวนราชครูที่มีชื่อเสียงร้ายกาจโด่งดังไปหลายหัวเมือง เหตุใดถึงใจกล้าบ้าบิ่นเอาตัวมาขวางความตายแทนตนเ
“คุณชาย ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ”เมื่อองครักษ์ติดตามผู้นั้นจัดการมือสังหารฝั่งของตนเสร็จจึงรีบปรี่เข้ามาถามไถ่เจ้านายกึก!“กรี๊ด!”แทนที่จะตอบคำถามผู้ติดตาม เขากลับตวัดปลายกระบี่กระชากหมวกคลุมหน้าออกจากสตรีที่เพิ่งช่วยตนไว้“เจ้าเป็นใคร” เสียงเย็นชาเอ่ยถามรั่วอิงเหยาหวาดกลัวทำได้เพียงยกองมือขึ้นห้ามพลางหลับตาปี๋เอ่ยอย่างสั่นเครือ“ยะ…อย่าฆ่าข้า ข้า…ข้าเพิ่งช่วยพวกท่านไว้”ปากเอ่ยทวงบุญคุณหากแต่ตากลับหลับเกร็งเพราะกลัวว่ากระบี่ที่ชี้หน้านางอยู่จะเปลี่ยนเป็นแทงเข้าที่อื่นบนร่างกายแทน“เจ้าตามข้ามา”ชายแปลกหน้ายังคงตั้งคำถามกับรั่วอิงเหยาในนัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องสำรวจใบหน้าสตรีตรงหน้าราวคุ้นเคยแต่กลับนึกไม่ออก“ข…ข้าตามท่านมาจริง ๆ”“เจ้าเป็นพวกเดียวกับมือสังหาร!”“กรี๊ด! ไม่…ไม่ไช่ คุณชายโปรดฟังข้าก่อน”รั่วอิงเหยากรีดร้องเมื่อผู้ติดตามของคุณชายพาดกระบี่ไว้บนบ่านางอย่างน่าหวาดกลัว“เจ้าไม่ใช่คนของสำนักอวี้เหมินจริงรึ”สำนักอวี้เหมินคือสำนักที่เลี้ยงนักฆ่ามากฝีมือเอาไว้ คนกลุ่มนี้จะชอบเป็นมือเป็นเท้าให้กับคนร่ำคนรวยและพวกขุนนาง ใครเงินหนา มากอำนาจ สำนักอวี้เหมินพร้อมเปิดประตูต้อนรับส่วน
บาดเจ็บ ::รั่วอิงเหยาเดินตามเส้นทางที่เลือกจนมาโผล่ชายป่าของเมืองหนานโจว เวลานี้ท้องฟ้าทอประกายสีแสด เหล่านกกากำลังบินกลับรัง บ่งบอกว่าคงเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว“เหนื่อยชะมัด”ออกมาจากตลาดมืดใต้ดินได้นางก็ยกสองมือขึ้นืดเส้นยืดสาย สูดอากาศด้านอกให้ชุ่มปอด จากนั้นจึงกลับมาสนใจมองรอบ ๆ บริเวณที่ตนอยู่“น่าจะไปได้ไม่ไกล”ความรู้สึกของนางบอกเช่นนั้นว่าสองคนที่ชิงยาขอนางไปต้องอยู่ในป่านี้เป็นแน่“ทางนี้แล้วกัน”ยืนค้ำเอวมองซ้ายแลขวาอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินไปทางซ้ายมือตามแนวขอบป่า ดวงตาราวกวางน้อยมองซ้ายมองขวาในใจก็นึกหวาดกลัว กลัวจะมีสัตว์ป่าโผล่ออกมาให้เป็นอุปสรรค“เอ๊ะ! สองคนนั้นหรือเปล่า”รั่วอิงเหยาเดินมาไดเประมาณหนึ่งก็พบบุรุษสวมหมวกคลุศีรษะเช่นเดียวกับนาง ต่างก็แค่ของบุรุษทั้งสองเป็นสีดำทั้งหัวจรดเท้า“คุณ…”รั่วอิงเหยากำลังจะตะโกนเรียกบุรุษทั้งสองที่เหมือนกำลังยืนหารืออะไรกันอยู่ หากแต่เสียงของนางกลับหยุดลงเมื่อหางตามองเห็นคนชุดดำกลุ่มหนึ่งห่างจากนางไปราว ๆ สามผิง ในมือพวกเขากำลังง้างธนูเล็งเป้าไปยังบุรุษสองคนที่เหมือนจะไม่รู้ตัว“ซวยแล้ว ทำไมต้องมาเจอโจรตอนนี้ด้วย”รั่วอิงเหยาค่อย
“ผู้ใดบุกรุกเรือนข้า”เสียงแหบยานคางดังขึ้นทันทีที่รั่วอิงเหยาก้าวย่างไปยังเรือนตรงหน้า“ข้าต้องการซื้อยาเพื่อช่วยคน”รีบเอ่ยความปรารถนาพลางมองหาที่มาของเสียงนั้นแต่กลับไม่พบแม้เงาหากปลุกเหยียนตู้ให้มาด้วยนางคงไม่ขลาดกลัวตัวสั่นเช่นตอนนี้“ช่วยคนสร้างกุศล แม่นางต้องการยาอันใด”รั่วอิงเหยายิ้มภายใต้หมวกคลุมศีรษะ รีบเอ่ยบอกสิ่งที่อยากได้ทันที“ยาแก้ผงเจ็ดราตรี”เจ้าของเรือนซือซ่านได้ฟังถึงกับตกใจี่วันนี้มีคนต้องการยาชนิดนี้มากถึงสองคน“แม่นางต้องการยาชุบชีวิต”“ถูกต้อง ท่านเรียกราคามาได้เลย”โชคดีที่องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงให้ตั๋วเงินและของมีค่าแก่นางมามากมาย หากเจ้าของเรือนซือซ่านเป็นคนหน้าเลือดต้องการเรียกมากเท่าใดนางย่อมจ่ายได้“เรื่องเงินทองข้ายอมอยากได้ หากแต่ยาที่แม่นางต้องการมีเพียงขวดเดียว”“ท่านพูดเช่นนี้คงไม่ได้ต้องการต่อรองราคา”“แม่นางแต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดี แม้แต่ผ้าคลุมขนแกะบนตัวท่านยังสามารถแลกยาชุบชีวิตนี้ได้หลายขวด”“เช่นนั้นทานก็นำยานั้นมาให้ข้า”“ข้าเองก็อยากให้ แต่แม่นางมาช้าก้าวเดียว”รั่วอิงเหยาใจหายวูบ ยังมีใครต้องการยาชุบชีวิตเช่นเดียวกับนางด้วยหรือ“ท่านขายให้ผู
ตรอกซือซ่าน :รั่วอิงเหยาเอนตัวลงนอน นางพยายามข่มตาให้หลับแต่กลับมีเรื่องให้คิดไม่ตกจนต้องลุกขึ้นมานั่งกลางดึกสงัด“ใครกันที่ช่วยข้าไว้”พยายามคิดถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือตนก่อนหน้านั้นหากแต่ยิ่งคิด นางยิ่งเห็นความทรงจำเป็นเพียงเลือนลางราวหมอกควัน“ยามไหนแล้ว”เมื่อคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ร่างบอบบางจึงเลิกคิด เดินไปแง้มหน้าต่างเพื่อดูดวงดาว หากแต่ลืมไปว่านี่คือตลาดมืดใต้ดินไม่สามารถบอกเวลาตายตัวได้ชัดเจน“ทำไมเหยียนตู้ถึงหาตรอกซือซ่านไม่เจอ”นางเขียนไว้เองกับมือว่ายาชุบชีวิตนั่นอยู่ที่ตรอกซือซ่าน แถมตรอกนี้ผู้คนก็รู้จักเป็นอย่างดี แต่ฟังจากเหยียนตู้เล่าให้ฟังราวกับว่าที่แห่งนี้ไม่มีตรอกซือซ่านนี้แล้ว“เฮ้อ! ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตในนิยายตัวเองจะไม่ราบรื่นแล้วสินะ”รั่วอิงเหยาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง นางทอดมองไปยังถนนด้านล่างที่อยู่เบื้องหน้า ตอนนี้ผู้คนบางตาจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้าง บ่งบอกว่านี่คงจะดึกมากแล้วคงเป็นเวลาเข้านอน“ไหน ๆ ก็นอนไม่หลับแล้ว ลองไปเดินดูหน่อยดีกว่า”กล่าวจบรั่วอิงเหยาก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมขนแกะที่เหยียนตู้หามาให้ หยิบหมวกคลุมสีเดียวกับเสื้อคลุมเดินออกไปยังถนนเบื้องหน้าทั