“เดี๋ยวก่อน”
รั่วอิงเหยารั้งเหยียนตู้เอาไว้ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปยังประตูที่ปิดอยู่
“คุณหนูกลัวหรือขอรับ”
เหยียนตู้มองผ่านผ้าสีขาวของหมวกคลุมราวกับเห็นทะลุสีหน้าคนด้านใน
“ข้าไม่ได้กลัว ข้ามีเรื่องตกลงกับเจ้า”
เหยียนตู้ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างใคร่สงสัย
“คุณหนูมีเรื่องอะไรหรือขอรับ”
“เรื่องนี้นี่แหละ”
รั่วอิงเหยายิ่งพูด เหยียนตู้ยิ่งทำหน้างุนงง
“ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าอิงเหยา เข้าใจหรือไม่”
“แต่ว่าคุณหนู…”
“ทำเหมือนตอนที่เราอยู่เพียงลำพัง ไม่ต้องสนใจกฎมารยาท”
ใช่ว่าเหยียนตู้ไม่เคยเรียกนางเช่นนี้เสียเมื่อไร
“อีกเรื่อง หากเราพลัดหลงกันขึ้นมา ให้ไปเจอกันที่ร้านยาที่มียาชุบชีวิตขาย”
รั่วอิงเหยาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า แต่นางก็ไม่กล้าบอกชื่อร้านยาไปตรง ๆ เพราะกลัวเหยียนตู้จะสงสัยเอา
“ขอรับ” เหยียนตู้รับคำอย่างว่าง่าย
“ดีมาก เข้าไปหายามาช่วยน้องหญิงกัน”
รั่วอิงเหยาไม่รอเหยียนตู้รับคำ นางเดินนำบุรุษเช้าไปยังตลาดมืดราวกับไม่เกรงกลัวสถานที่อันตรายเช่นนี้
แท้จริงแล้วที่เรียกตลาดมืดเพราะสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นใต้ดิน มีบันไดดินลงมาซับซ้อนหากแต่มีสัญลักษณ์บอกทางตลอดจึงไม่หลง
รั่วอิงเหยายืนมองรอบตลาดมืด ในนิยายที่นางเขียนเอาไว้แท้จริงแล้วเป็นสถานที่อับชื้น ร้านค้าเถื่อนมากมาย ผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายชนเผ่าต่างเดินกันขวักไขว่ บ้างก็มองรั่วอิงเหยาที่ปรากฎกายอยู่ตรงนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นใบหน้าภายใต้หมวกคลุมของนาง บ้างก็มองหาถุงเงินเพื่อขโมย
“ทางไหนนะ”
รั่วอิงเหยาพยายามนึกถึงรายละเอียดที่เขียนไว้ในนิยายถึงร้านค้าที่ต้องไป หากแต่นึกออกก็ไร้ประโยชน์เมื่อกวาดมองรอบตัวแล้วถึงกับมึนแปดทิศ ไม่รู้ไหนทิศเหนือทิศใต้เพราะไม่มีท้องฟ้าแลหมู่ดาวบอกทิศทาง
“แม่นางผู้นี้กำลังหลงทางอยู่หรือไม่”
พ่อค้าผู้หนึ่งแต่งตัวเหมือนชาวเปอร์เซียเดินเข้าาถามไถ่
เหยียนตู้มองเห็นนายหญิงถูกคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้จึงรีบเดินคั่นกลาง
“ไม่เป็นไรพี่ใหญ่”
รั่วอิงเหยาสะกิดเหยียนตู้ให้ถอยหลบ ส่วนตนเองยืนประจันหน้ากับพ่อค้าอย่างไร้เกรงกลัว
“ข้ากับพี่ใหญ่เพิ่งมาตลาดมืดหนานเหอครั้งแรกเลยเดาทิศทางไม่ถูก”
พ่อค้าคนเดิมได้ยินถึงกับยิ้มดีใจเงียบ ๆ
“แม่ทางกับคุณชายสับสนเรื่องทิศทางที่ตลาดมืดย่อมเป็นเรื่องปกติ”
กล่าวจบพ่อค้าคนเดิมจึงก้มลงไปหยิบบางอย่างจากแคร่เล็ก ๆ ด้านหลังออกมายื่นให้รั่วอิงเหยาดู
“นี่คือเข็มทิศบอกทางสำหรับที่นี่
เหยียนตู้รีบยื่นมือไปหยิบของสิ่งนั้นจากมือสกปรกของพ่อค้า
“สิ่งนี้ใช้ได้” เหยีนนตู้กระซิบบอกหลังจากทดสอบใช้งานดูแล้ว
“อืม”
รั่วอิงเหยาส่งต่อหน้าที่จ่ายเงินให้เหยียนตู้ ส่วนตนเองมองรอบ ๆ ตัวอีกครั้งเพราะอยากใช้ความสามารถตนเองหาร้านยาที่ว่าให้เจอโดยไว
“หยุดนะ! เจ้าหัวขโมย!”
เสียงตะโกนดังขึ้นไม่ไกลจากตรงที่รั่วอิงเหยายืนอยู่ เสียงเกือกม้าดัง กับ กับ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ผู้คนระแวกนั้นต่างพากันหลบอาชาสีดำทมึนตัวนั้นอย่างชุลมุน
“กรี๊ด!”
อาชาตัวนั้นวิ่งตรงมาทางรั่วอิงเหยา นางยังไม่ทันได้หลบกลับถูกผู้คนที่แตกตื่นขนเข้าจนหล่นลงไปด้านล่าง
“อาเหยา!”
เหยียนตู้เห็นคุณหนูนางตกลงไปแต่ไม่อาจช่วยทันเพราะม้าตัวนั้นสร้างความโกลาหนอยู่ตรงหนเขาพอดี
“กรี๊ด!”
ตู้ม!
รั่วอิงเหยาตกลงมายังธารน้ำใต้ดิน นางว่ายน้ำไม่เป็นได้แต่ตะเกียกตะกายเพื่อหวังให้ไม่จมน้ำ
หากแต่ธารน้ำสายนี้กลับเย็นยะเยือกเกาะกินร่างกายของนางราวถูกแช่แข็ง
“ชะ…ช่วย อึก ด้ว…ย”
แรงตะโกนขอความช่วยเหลือขาด ๆ หาย ๆ เพราะนางกำลังจะจมน้ำ
ตู้ม’
รั่วอิงเหยาเริ่มถอดใจ วูบหนึ่งนางคิดถึงบ้าน คิดถึงฉิงฉิง คิดโทษฟ้าโทษสวรรค์ที่ให้นางมาจบชีวิตในนิยายตัวเอง เสียงเหมือนของหนักหล่นลงน้ำใกล้ ๆ นางกลับดังขึ้น
ดวงตาเป็นปนะกายที่กำลังมืดดับมองเห็นลาง ๆ ของเงาตะคุ่มที่กำลังว่ายมาทางตนเอง
‘จระเข้เหรอ นี่ฉันจะถูกไอ้เข้ลากไปกินแล้วสินะ’
ร่างที่หมดสติค่อย ๆ จมลงไปในน้ำ หากแต่ถูกมือหนาคว้ารวบเอวพาว่ายขึ้นฝั่งได้สำเร็จ
“คุณหนู ท่านฟื้นแล้ว”เหยียนตู้รอคอยรั่วอิงเหยาอยู่นอกที่พักไม่ห่าง พอได้ยินเสียงคนคุยกันจึงรีบผลักประตูเข้ามาดูหัวใจที่หนักอึ้งด้วยความกังวลโล่งใจทันทรีที่เห็นรั่วอิงเหยาฟื้น“เหยียนตู้ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”ตื่นมาแปลกที่ไม่พอ ยังเห็นองครักษ์ที่ควรยังอยู่ตลาดมืดมาอยู่ที่นี่อีก ไมให้แปลกใจคงไม่ได้“คุณหนูเพิ่งฟื้น เดี๋ยวบ่าวจะไปกราบทูลซื่อจื่อและนำอาหารมาให้นะเจ้าคะ”เสี่ยวผิงสาวใช้แห่งจวนซื่อจื่อเอ่ยเสร็จก็เดินออกไปจากห้องพักแห่งนี้ เหลือไว้เพียงหนึ่งนายหนึ่งบ่าวที่นั่งมองหน้ากันเงียบ ๆฟู่…รั่วอิงเหยาถอนหายใจเฮือกหนึ่งเมื่อเดาออกว่าเหยียนตู้จะกล่าวอะไรกับตนจึงรีบชิงเปิดบทสนทนาก่อน“ข้าขอโทษที่หนีออกมาไม่บอกกล่าวเจ้า”น้ำเสียงนั้นเอ่ยอย่างจริงใจและสำนึกผิด ทำเอาเหยียนตู้ถึงกับประหลาดใจกับประโยคขอโทษที่รั่วอิงเหยาตัวจริงไม่มีทางเอ่ยกับเขาเป็นแน่“คุณหนู…ท่านไม่ได้บาดเจ็บที่อื่นใช่หรือไม”คำถามของหยียนตู้ทำให้รั่วอิงเหยางุนงงเล็กน้อย จนในที่สุดก็นึกออกว่าตนลืมนิสัยเย่อหยิ่งจองหแงของรั่วอิงเหยาตัวจริงไป“ช่างเถอะ”รั่วอิงเหยาไม่อยากทำให้เหยียนตู้สงสัยจึงบอกปัดไม่ตอบใด ๆ และชวนคุยเรื่
ซื่อจื่อแห่งหนานโจว ::“คุณหนู!”“พวกเจ้าทำอะไรคุณหนูข้า!”เหยียนตู้ตื่นมากลางดึกแต่กลับไม่พบรั่วอิงเหยาจึงรีบออกตามหาจนมาพบเข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าและเข้าใจผิด“บังอาจ! เจ้ากล้าหันกระบี่เข้าหาซื่อจื่อรึ”ผู้ติดตามคุณชายรูปงามรีบตะเบ็งเสียงใส่อย่างเกรี้ยวกราด กระบี่ในมือหันปลายใส่เหยียนตู้พร้อมประมือกันได้ทุกเมื่อ“ผู้นี้คือซื่อจื่อ”เหยียนตู้ใจหายวูบเมื่อรู้สถานะอีกคน หากแต่เขายังไม่เชื่อจนกว่าจะได้มีหลักฐานเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านสายตาเหยียนตู้ออกจึงดึงป้ายห้อยเอวออกมาแสดงพร้อมแนะนำตัว“องครักษ์หยกทองฉินเส้า และนี่คือซื่อจื่อแห่งหนานโจว หลัวฉางเฟิง”ตุบ!เหยียนตู้เห็นหลักฐานป้ายหยกทองถึงกับคุกเข่ารับความผิด“องครักษ์เหยียน เหยียนตู้แห่งจวนราชครู ถวายบังคมซื่อจื่อ”“องครักษ์ของจวนราชครู เช่นนั้นแม่นางผู้นั้นคือ…”หลัวฉางเฟิงถามเสร็จจึงปรายตามมองสตรีที่นอนพิงอยู่ต้นไม้ใหญ่“สตรีนางนั้นคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนราชครูรั่ว รั่วอิงเหยาพ่ะย่ะค่ะ”ซื่อจื่อหลัวฉางเฟิงขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อบุตรีคนโตของจวนราชครูที่มีชื่อเสียงร้ายกาจโด่งดังไปหลายหัวเมือง เหตุใดถึงใจกล้าบ้าบิ่นเอาตัวมาขวางความตายแทนตนเ
“คุณชาย ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ”เมื่อองครักษ์ติดตามผู้นั้นจัดการมือสังหารฝั่งของตนเสร็จจึงรีบปรี่เข้ามาถามไถ่เจ้านายกึก!“กรี๊ด!”แทนที่จะตอบคำถามผู้ติดตาม เขากลับตวัดปลายกระบี่กระชากหมวกคลุมหน้าออกจากสตรีที่เพิ่งช่วยตนไว้“เจ้าเป็นใคร” เสียงเย็นชาเอ่ยถามรั่วอิงเหยาหวาดกลัวทำได้เพียงยกองมือขึ้นห้ามพลางหลับตาปี๋เอ่ยอย่างสั่นเครือ“ยะ…อย่าฆ่าข้า ข้า…ข้าเพิ่งช่วยพวกท่านไว้”ปากเอ่ยทวงบุญคุณหากแต่ตากลับหลับเกร็งเพราะกลัวว่ากระบี่ที่ชี้หน้านางอยู่จะเปลี่ยนเป็นแทงเข้าที่อื่นบนร่างกายแทน“เจ้าตามข้ามา”ชายแปลกหน้ายังคงตั้งคำถามกับรั่วอิงเหยาในนัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องสำรวจใบหน้าสตรีตรงหน้าราวคุ้นเคยแต่กลับนึกไม่ออก“ข…ข้าตามท่านมาจริง ๆ”“เจ้าเป็นพวกเดียวกับมือสังหาร!”“กรี๊ด! ไม่…ไม่ไช่ คุณชายโปรดฟังข้าก่อน”รั่วอิงเหยากรีดร้องเมื่อผู้ติดตามของคุณชายพาดกระบี่ไว้บนบ่านางอย่างน่าหวาดกลัว“เจ้าไม่ใช่คนของสำนักอวี้เหมินจริงรึ”สำนักอวี้เหมินคือสำนักที่เลี้ยงนักฆ่ามากฝีมือเอาไว้ คนกลุ่มนี้จะชอบเป็นมือเป็นเท้าให้กับคนร่ำคนรวยและพวกขุนนาง ใครเงินหนา มากอำนาจ สำนักอวี้เหมินพร้อมเปิดประตูต้อนรับส่วน
บาดเจ็บ ::รั่วอิงเหยาเดินตามเส้นทางที่เลือกจนมาโผล่ชายป่าของเมืองหนานโจว เวลานี้ท้องฟ้าทอประกายสีแสด เหล่านกกากำลังบินกลับรัง บ่งบอกว่าคงเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว“เหนื่อยชะมัด”ออกมาจากตลาดมืดใต้ดินได้นางก็ยกสองมือขึ้นืดเส้นยืดสาย สูดอากาศด้านอกให้ชุ่มปอด จากนั้นจึงกลับมาสนใจมองรอบ ๆ บริเวณที่ตนอยู่“น่าจะไปได้ไม่ไกล”ความรู้สึกของนางบอกเช่นนั้นว่าสองคนที่ชิงยาขอนางไปต้องอยู่ในป่านี้เป็นแน่“ทางนี้แล้วกัน”ยืนค้ำเอวมองซ้ายแลขวาอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินไปทางซ้ายมือตามแนวขอบป่า ดวงตาราวกวางน้อยมองซ้ายมองขวาในใจก็นึกหวาดกลัว กลัวจะมีสัตว์ป่าโผล่ออกมาให้เป็นอุปสรรค“เอ๊ะ! สองคนนั้นหรือเปล่า”รั่วอิงเหยาเดินมาไดเประมาณหนึ่งก็พบบุรุษสวมหมวกคลุศีรษะเช่นเดียวกับนาง ต่างก็แค่ของบุรุษทั้งสองเป็นสีดำทั้งหัวจรดเท้า“คุณ…”รั่วอิงเหยากำลังจะตะโกนเรียกบุรุษทั้งสองที่เหมือนกำลังยืนหารืออะไรกันอยู่ หากแต่เสียงของนางกลับหยุดลงเมื่อหางตามองเห็นคนชุดดำกลุ่มหนึ่งห่างจากนางไปราว ๆ สามผิง ในมือพวกเขากำลังง้างธนูเล็งเป้าไปยังบุรุษสองคนที่เหมือนจะไม่รู้ตัว“ซวยแล้ว ทำไมต้องมาเจอโจรตอนนี้ด้วย”รั่วอิงเหยาค่อย
“ผู้ใดบุกรุกเรือนข้า”เสียงแหบยานคางดังขึ้นทันทีที่รั่วอิงเหยาก้าวย่างไปยังเรือนตรงหน้า“ข้าต้องการซื้อยาเพื่อช่วยคน”รีบเอ่ยความปรารถนาพลางมองหาที่มาของเสียงนั้นแต่กลับไม่พบแม้เงาหากปลุกเหยียนตู้ให้มาด้วยนางคงไม่ขลาดกลัวตัวสั่นเช่นตอนนี้“ช่วยคนสร้างกุศล แม่นางต้องการยาอันใด”รั่วอิงเหยายิ้มภายใต้หมวกคลุมศีรษะ รีบเอ่ยบอกสิ่งที่อยากได้ทันที“ยาแก้ผงเจ็ดราตรี”เจ้าของเรือนซือซ่านได้ฟังถึงกับตกใจี่วันนี้มีคนต้องการยาชนิดนี้มากถึงสองคน“แม่นางต้องการยาชุบชีวิต”“ถูกต้อง ท่านเรียกราคามาได้เลย”โชคดีที่องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงให้ตั๋วเงินและของมีค่าแก่นางมามากมาย หากเจ้าของเรือนซือซ่านเป็นคนหน้าเลือดต้องการเรียกมากเท่าใดนางย่อมจ่ายได้“เรื่องเงินทองข้ายอมอยากได้ หากแต่ยาที่แม่นางต้องการมีเพียงขวดเดียว”“ท่านพูดเช่นนี้คงไม่ได้ต้องการต่อรองราคา”“แม่นางแต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดี แม้แต่ผ้าคลุมขนแกะบนตัวท่านยังสามารถแลกยาชุบชีวิตนี้ได้หลายขวด”“เช่นนั้นทานก็นำยานั้นมาให้ข้า”“ข้าเองก็อยากให้ แต่แม่นางมาช้าก้าวเดียว”รั่วอิงเหยาใจหายวูบ ยังมีใครต้องการยาชุบชีวิตเช่นเดียวกับนางด้วยหรือ“ท่านขายให้ผู
ตรอกซือซ่าน :รั่วอิงเหยาเอนตัวลงนอน นางพยายามข่มตาให้หลับแต่กลับมีเรื่องให้คิดไม่ตกจนต้องลุกขึ้นมานั่งกลางดึกสงัด“ใครกันที่ช่วยข้าไว้”พยายามคิดถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือตนก่อนหน้านั้นหากแต่ยิ่งคิด นางยิ่งเห็นความทรงจำเป็นเพียงเลือนลางราวหมอกควัน“ยามไหนแล้ว”เมื่อคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ร่างบอบบางจึงเลิกคิด เดินไปแง้มหน้าต่างเพื่อดูดวงดาว หากแต่ลืมไปว่านี่คือตลาดมืดใต้ดินไม่สามารถบอกเวลาตายตัวได้ชัดเจน“ทำไมเหยียนตู้ถึงหาตรอกซือซ่านไม่เจอ”นางเขียนไว้เองกับมือว่ายาชุบชีวิตนั่นอยู่ที่ตรอกซือซ่าน แถมตรอกนี้ผู้คนก็รู้จักเป็นอย่างดี แต่ฟังจากเหยียนตู้เล่าให้ฟังราวกับว่าที่แห่งนี้ไม่มีตรอกซือซ่านนี้แล้ว“เฮ้อ! ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตในนิยายตัวเองจะไม่ราบรื่นแล้วสินะ”รั่วอิงเหยาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง นางทอดมองไปยังถนนด้านล่างที่อยู่เบื้องหน้า ตอนนี้ผู้คนบางตาจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้าง บ่งบอกว่านี่คงจะดึกมากแล้วคงเป็นเวลาเข้านอน“ไหน ๆ ก็นอนไม่หลับแล้ว ลองไปเดินดูหน่อยดีกว่า”กล่าวจบรั่วอิงเหยาก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมขนแกะที่เหยียนตู้หามาให้ หยิบหมวกคลุมสีเดียวกับเสื้อคลุมเดินออกไปยังถนนเบื้องหน้าทั