“คุณพยาบาลฉันอยากเข้าห้องน้ำ ช่วยพยุงหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“ได้ค่ะ”
พยาบาลสาวรีบเข้าไปพยุงตัวหญิงสาวลงจากเตียง เธอแอบเผลอมองหน้าคนไข้อย่างไม่รู้ตัว และอดที่จะคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก สวยแบบที่ผู้หญิงด้วยกันเองแบบเธออดอิจฉาไม่ได้ แล้วไหนจะผมสีดำสนิทริมฝีปากสีชมพูอ่อน แม้ว่าตอนนี้ตาของเธอจะถูกผ้าพันไว้ก็ไม่ทำให้ความสวยลดน้อยลงเลยสักนิด
[ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เป็นนางเอกดัง อิจฉาจริง ๆ เลยเกิดใหม่ฉันจะได้แบบนี้ไหม?]
“คุณพยาบาล...คุณพยาบาลคะ”
“คะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ?” พยาบาลสาวรีบเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา
“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปข้างในเองก็ได้”
“อ่อ...มันจะดีเหรอคะ ตอนนี้สายตาของคุณซอลยังไม่ค่อยดีให้ฉันพาเข้าไปดีกว่านะคะ” พยาบาลสาวพูดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ”
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด เพราะมีคนเรียกเธอว่าซอลอีกแล้ว คนพวกนี้รู้จักแต่แม่นางเอกดังหรือไงเธอก็นางร้ายชื่อดังเหมือนกันนะ
แต่รินก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วใช้สายตาที่เลือนรางมองผ่านผ้าบางที่ถูกพันไว้รอบดวงตาแล้วค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“กรี๊ดดดดดด!!!”
ภาพเลือนรางของคนที่สะท้อนอยู่อีกฝั่งของกระจกทำให้หญิงสาวที่เพิ่งเดินจากห้องน้ำแล้วบังเอิญมองไปที่กระจกถึงกับต้องกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ
ทันทีที่มองไปเจอใครบางคนที่กระจกที่ไม่ใช่ร่างของตัวเอง แล้วดูเหมือนว่าเธอจะยังรู้จักคนที่สะท้อนอยู่ในกระจกด้วย
“คุณซอลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” พยาบาลที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงตะโกนก็รีบเคาะประตูถาม
“ไม่ค่ะ...ไม่มีอะไร” แม้จะบอกว่าไม่มีอะไรแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาตอนนี้มันสั่นเครือจนรู้สึกได้ เพราะตอนนี้เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ซอล!!!
แม้ว่าสายตาจะไม่ค่อยดีแต่เธอก็มองเห็นภาพที่สะท้อนอยู่อีกฝั่งของกระจกอย่างชัดเจนทำไมถึงเป็นยัยนี่ รินมองตัวเองที่อยู่ในกระจกมันคือเพื่อน ไม่สิคู่แค้นมากกว่า
ใบหน้าเล็กสวยรูปไข่ จมูกโด่ง ริมฝีปากกระจับ ผมสีดำเงา ผิวขาวอมชมพูขนาดที่ว่าแม้จะป่วยอยู่ก็ยังดูดี ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!ทำไมเธอถึงมาอยู่ในร่างของยัยนี่ได้ ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงเรียกเธอว่าซอล
“โอ๊ยยยย!!”
ร่างกายที่อ่อนแรงอยู่แล้วพอถูกกระตุ้นด้วยความเจ็บปวดก็ทำให้ขาของร่างกายทรุดลงกับพื้น ก่อนเหตุการณ์บางอย่างค่อย ๆ ปรากฏเข้ามาในหัว
17.00น.Haet Hotel
'น้องซอล งานวันนี้จบแล้วเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งนะจ๊ะ นี่ก็ดึกมากแล้วพี่ไม่อยากให้ขับรถกลับเอง’ ผู้จัดการสาวประเภทสองพูดขึ้นเมื่องานเลี้ยงที่ดาราสาวถูกเชิญมาจบงาน
‘ไม่เป็นไรค่ะพี่ดีดี้ พอดีซอลต้องใช้รถพรุ่งนี้เช้า ถ้าจอดไว้ที่นี่พรุ่งนี้คงจะเดินทางลำบาก’
‘ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่าถ้าเจออันตรายอะไรรีบโทรศัพท์หาพี่เลยเข้าใจไหม’
‘รับทราบค่ะ’
ซอลยิ้มกว้างให้กับผู้จัดการ แม้ว่ารอยยิ้มนี้ถ้าทุกคนภายนอกเห็นคงจะบอกว่าดูสดใสแต่ความจริงแล้วมันเต็มไปด้วยความเศร้าและความขื่นขม แต่ก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้
หลังจากแยกกันกับผู้จัดการเธอก็ขับรถกลับบ้านทางเดิมอย่างเช่นทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าในใจมันโหวงเหวงแปลก ๆ จนกระทั่งขับมาถึงถนนเส้นทางเปลี่ยว
ความจริงเธอชินแล้วเพราะบ้านเธอต้องผ่านทางนี้เลยต้องสัญจรตั้งแต่เด็ก ระหว่างที่รถขับมาเรื่อย ๆ เธอก็สังเกตเห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ข้างทางและเห็นน้องผู้หญิงคนหนึ่งฟุบสลบอยู่ข้างรถ
‘น้องคะเป็นอะไรหรือเปล่า?’ ด้วยความตกใจซอลเลยลงจากรถอย่างไม่ระมัดระวังตัว เธอรีบปรี่เข้าไปหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ‘อุ๊ย!! อืออออ’
แต่ยังไม่ทันทีจะได้ช่วยอะไร ก็มีผ้าสีขาวปิดเข้ามาที่จมูกเหตุการณ์แบบนี้มันเหมือนกับละครที่เธอเคยเล่นไม่มีผิดและไม่นานสติที่มีก็เลือนราง
‘สวยฉิบหายเลยว่ะ ถ้าฆ่าทิ้งคงเสียดายแย่’
เสียงที่ดังอยู่ข้างหูและมีมือที่สัมผัสร่างกายของตัวเองอยู่ทำให้ร่างบางที่สลบนอนอยู่บนพื้นค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมอง
'พวกแกเป็นใคร ใครส่งพวกแกมาปล่อยฉันไปเถอะนะ จะเอาเท่าไหร่ฉันมีเงินจ่าย’
หลังจากฟื้นคืนได้สติซอลก็มองชายร่างใหญ่ทั้งสองคนด้วยความหวาดกลัว ยิ่งมือหนาของหนึ่งในสองคนนั้นกำลังลูบไล้ต้นขาเธออย่างกักขฬะ ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวมากขึ้น
'เงินพวกพี่ก็อยากได้นะ แต่ว่าอยากลองมีความสุขกับนางฟ้าซะก่อน แล้วนางฟ้าคนสวยคนนี้อยากลองกลับขึ้นไปบนสวรรค์อีกสักครั้งไหม เดี๋ยวพี่จะพาขึ้นไปเอง'
ท้ายประโยคชายคนนั้นก้มลงกระซิบข้างหูของซอลทำให้เธอเบิกตากว้างขึ้นด้วยความกลัว ตอนนี้ในใจเธอได้แต่ภาวนาว่าขอให้มีคนมาช่วย
‘ไม่นะ! ขอร้องล่ะอย่ายุ่งกับฉันเลย’ สองมือเล็กประกบเข้าหากันอย่างสั่นเทา ดวงตากลมสวยมองชายทั้งสองคนอย่างวิงวอนเพื่อขอความสงสารและเห็นใจ
‘ฮ่า ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับนางฟ้าของผม ผัวคนนี้ปวดใจนะครับที่เมียกลัว ทั้งที่ผัวจะทำให้มีความสุขแท้ ๆ’
ไม่เพียงแค่พูดแต่ชายคนนั้นยังจับมือของเธอตรึงไว้เหนือศีรษะ ส่วนชายอีกคนก็ดึงกางเกงยีนที่เธอสวมใส่ไว้กระชากอย่างแรงจนหลุดเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋ว หญิงสาวตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นท่อนไม้ที่วางอยู่ใกล้ ๆ
‘ดะ…เดี๋ยวก่อนสิคะ พวกพี่ใจเย็น ๆ กันหน่อย…ยังไงซอลก็เป็นดารานะคะ ถ้าเกิดรอยตามตัวคงไม่ดี เอาแบบนี้ไหมเดี๋ยวซอลจะปรนนิบัติพวกพี่เอง สัญญาเลยค่ะว่าจะไม่ขัดขืน”
ไม่เพียงแค่พูดแต่ซอลพยายามที่จะยกตัวให้สูงแล้วจูบลงคอโจรที่จับมาเบา ๆ แม้จะรู้สึกขยะแขยงแต่เพื่อหาทางรอดต้องทำให้คนพวกนี้ตายใจ
ส่วนโจรที่ถูกดาราสาวคนสวยที่ตัวเองเห็นผ่านทางโทรทัศน์บ่อย ๆ ทำแบบนี้ก็ถึงกับใจเต้นแรงและดีใจคิดว่าเธอพิศวาสตัวเอง เลยส่งสายตาให้เพื่อนปล่อยมือเธอ
ซอลพอเห็นแบบนั้นก็ยกมือขึ้นโอบรอบคออย่างมีจริต ด้วยที่เธอเป็นนักแสดงด้วยมันเลยดูยั่วยวนสมจริง ก่อนจะกระซิบข้างหูอีกฝ่ายเบา ๆ
‘พี่ช่วยพาซอลขึ้นสวรรค์หน่อยนะคะ’
‘ได้สิจ้ะคนสวย…มึงรอก่อนเดี๋ยวกูขอคนแรก’
ระหว่างที่ถูกลูบไล้ซอลก็ขยับตัวถอยหลังทีละนิดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตจนกระทั่งมือไปแตะท่อนไม้หัก ๆ ก็จับแน่นก่อนจะแทงเข้าที่ท้องผู้ชายคนนั้นอย่างแรง ก่อนจะรีบลุกวิ่งหวังจะหนีผู้ชายอีกคนพ้น
จึก!!
‘อ๊ากกกกกก’
‘ไอ้สิงห์!! อีนี่ฤทธิ์เยอะนักนะงั้นก็ตายซะเถอะ’
ปัง!!!
ยังไม่ทันทีเธอจะหนีพ้น ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ดึงปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังยิงเข้าที่กลางหลังเธอ ทำให้ร่างของคนที่กำลังวิ่งอยู่ล้มตัวนอนลงที่พื้น ตอนนี้เธอไม่ได้กำลังแสดงหนังอยู่เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมันคือของจริง
ทำไมกันนะ…ทำไมชีวิตของเธอถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าตายไปเรื่องทุกอย่างก็จบเธอไม่อยากอยู่แล้วโลกที่โหดร้ายขนาดนี้
[ช่วยทำให้ฉันอยากหายไปจากโลกโหดร้ายนี่ที]
.........
“โอ๊ยยยยย ที่แท้แม่นางเอกคนนี้ก็ตายแบบนี้นี่เอง” ถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่เธอก็อดสงสารซอลไม่ได้ ใครจะไปคิดล่ะว่าชีวิตนางเอกผู้แสนดีจะมามีจุดจบแบบนี้ แต่ก็นะคงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ เพียงแค่ว่าเธอภาวนาให้มีชีวิตรอด แต่อีกฝ่ายขอหายไปจากโลกนี้
“แต่เดี๋ยวนะ! หรือว่าตอนนี้ซอลอยู่ในร่างของเราหรือเปล่า?”
4 เดือนต่อมากองถ่ายซีรี่ย์Write Love"ฉันขอโทษเทีย...ฉันขอมอบความตายนี้ให้กับเธอ ที่มอบซื่อสัตย์กับคำว่าเพื่อนของเราตลอด""ไม่นะแอล อย่าทำอะไรโง่ๆ เด็ดขาด!!"ไม่คำใดๆ ออกจากปากของแอลมีเพียงแค่รอยยิ้มที่ตอนเด็กพวกเธอเคยยิ้มให้กันครั้งแรกส่งมา เทียพยายามจะก้าวขาเข้าไปหาเพื่อนที่อยู่ขอบหน้าต่างของโรงพยาบาล ตอนนี้เธอให้อภัยแอลแล้วเพียงแค่ช่วยเพื่อนได้เธอยอมลืมเรื่องราวทั้งหมด"ม่ายยยยยยย!!"ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่ส่งถึงเพื่อนเลยสักนิดเพราะร่างเล็กตอนนี้เดินถอยหลังไปอีกนิดก่อนจะทิ้งตัวลงไปกับอากาศ"ฉันรักเธอนะเทีย แต่ถ้าชาติหน้ามีจริงเธออย่ามาเจอเพื่อนเลวๆ อย่างฉันเลย...ขอให้รักกันนานๆ " ไม่นานร่างที่ลอยอยู่บนอากาศก็ร่วงลงสู่พื้น ร่างที่กระแทกอาบไปด้วย ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยน้ำตาค่อยดับวูบลงไปกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณและจิตใจ"คัตตตตต!! ปิดกองได้""เฮ้~"เสียงโห่ร้องอย่างดีใจของทีมงานและเหล่ารักแสดงที่ร่วมกันทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้ดังขึ้นเมื่อผู้กำกับสั่งปิดกอง"ซอลยินดีที่ได้ร่วมทำการแสดงกับทุกคนนะคะ"ซอลที่กำลังยืนให้ทีมงานในกองถ่ายเช็ดเลือดปลอมที่ใช้ประกอบฉากออก พูดกับผู้กำกับและนักแสดง
ยังไม่ทันที่ศิวาจะได้ตอบโต้อะไรตอบ ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมาทำเอาเขาตกใจมากยิ่งเห็นว่าคุณที่พูดคือนักข่าวที่ตัวเองเพิ่งเจอไปเมื่อวาน"ซอลทำไมถึงมีคนอื่น นี่หลอกพี่มาเหรอฮะ!!"ศิวาที่กำลังตกใจและโกรธหันไปเล่นงานซอลแทน ทำเอาดีดี้รีบเข้าไปขวางเพราะกลัวว่าดาราหนุ่มจะทำอะไรไม่ดีเข้า"มะ...ไม่ใช่นะคะ ซอลไม่คิดแบบนั้นฮืออออ" ซอลแสร้งทำเป็นตกใจจับชายเสื้อของดีดี้ด้วยมือที่สั่นเทา"น้องซอลไม่ได้คิดจะทำแบบที่คุณพูดเลยสักนิด ที่เชิญนักข่าวมาก็เพราะจะลบเรื่องในที่คลับ แต่ทุกอย่างมันจบแล้วคุณศิวา ดูท่าทางคุณนักข่าวจะได้สิ่งที่จะเอาไปตีพิมพ์ต่อสาธารณชนแล้ว" ดีดี้พูดอย่างหมั่นไส้ ตัวเองเลวแท้ๆ กับจะมาให้น้องซอลของเธอรับผิดชอบ"ผมขอตัวเลยนะครับ ถ้าวันหลังผมคงจะมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณใหม่นะครับ" พูดจบนักข่าวก็เดินออกไปทันที ส่วนศิวาก็ตกใจแล้วรีบวิ่งตามออกไป"เดี๋ยวครับคุณนักข่าว อย่าลงเลยนะครับ คุณต้องการเท่าไหร่เดี๋ยวผมเซ็นเช็คให้เลย""จะติดสินบนผมเหรอคุณดาราคนดัง แต่ผมไม่ค่อยชอบเงินเท่าไหร่ ขอตัวครับ"ดูเหมือนว่าการเจรจาครั้งนี้จะล้มเหลว เขาเลยเลือกจะเดินกลับมาในห้องเพื่อขอร้องให้ซอล แต่พอเข้ามาเห็นเธอก
แสงแดดยามสายทำให้ร่างบางของคนที่ถูกกอดไว้ทั้งคืนค่อยขยับตัว เธอค่อยๆ ดึงแขนใหญ่ที่กอดตัวเองออกจากตัวเบาๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น พอหลุดจากแขนแล้วเธอก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระคาบเหงื่อไคลจากกิจกรรมหนักหน่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ""ตื่นแล้วเหรอคะ ซอลทำให้พี่รอยส์ตื่นหรือเปล่า""ไม่เลยครับ...นี่ก็แปดโมงแล้วเดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อนแล้วจะพาไปส่งที่บ้านนะครับ""งั้นเดี๋ยวซอลโทรศัพท์หาคุณพ่อดีหน่อย ป่านนี้ท่านคงเป็นห่วงแล้ว""เมื่อคืนตอนซอลหลับพี่โทรไปบอกท่านแล้วครับว่าซอลจะได้ตรวจกับหมอตอนเช้าเลยนอนที่โรงพยาบาล"หน้าตาเรียบเฉยของคนเจ้าแผนการทำเอาซอลอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้"คนจอมวางแผน"ติ้ง!! ยังไม่ทันที่จะได้ตอบโต้กันต่อเสียงข้อความโทรศัพท์ของซอลก็ดึงความสนใจ เธอเดินไปหยิบมาเปิดดูพอเห็นว่าเป็นชื่อใครก็ถึงกับยิ้มมุมปากอย่างพอใจ"เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ""ค่ะ"Siwa : ซอลครับช่วยพี่หน่อย ตอนนี้พี่กำลังเดือดร้อน พี่ขอโทษเรื่องตอนนั้นSiwa : อ่านแล้วตอบหน่อยครับ ซอลจะช่วยพี่ไหมนะครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ทำ พี่ยอมทำตามทุกอย่างที่ซอลบอกข้อความที่ปรากฏทำให้ซอลถึงกับยิ้มออกมาอย่างพ
“อ๊ะ... อ๊า” เสียงครางลั่นไปทั่วห้องนอนกว้างแขนของซอลยกขึ้นมาโอบรอบคอของร่างสูงพร้อมกับขยุ้มเส้นผมสีดำเพื่อระบายความเสียว ดวงตาหวานหยาดเยิ้มที่มีความปรารถนาไม่ต่างกันจ้องมองกันและกัน“จ๊วบบบ จ๊วบบ!”รอยส์ก้มลงไปหยอกเย้ากับยอดอกสวยสลับซ้ายขวาอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เขาต้องอดทนตั้งแต่ตอนอยู่ห้องนั่งเล่นแล้ว ไม่สิต้องบอกว่าอยู่ในรถแล้วต่างหากและตอนนี้มันก็อยากระบายเต็มที“อือ อ๊า ยะ...อย่าแกล้งกันสิคะ” เมื่อโดนคนที่คร่อมอยู่ด้านบนปลุกปั่นอารมณ์โดยการหยอกล้อเล่นกับยอดอก ร่างเล็กก็เริ่มกระตุกเล็กน้อยแผ่นหลังบางแอ่นขึ้นรับเมื่อถูกตวัดลิ้นโลมเลียไปรอบๆ ยอดอก รอยส์ไล่ริมฝีปากของเขาพรมจูบไปตามร่างกายของคนที่ตัวเองรักทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นลำคอ ไหล่ อก ลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนลงต่ำครอบครองกลีบสวยไว้ด้วยปากตัวเอง“อ๊ะ...อ๊า...พี่รอยส์”ซอลปรือตาขึ้นมองรอยส์ด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้าของคนตรงหน้าทำให้รอยส์ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำไมเขาถึงหลงเด็กคนนี้มากมายขนาดนี้กันนะ มันเป็นคำถามที่รอยส์ไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ ปากจูบไล่ซึมซับความหอมหวานไปตามร่างกายหอมหวานมันทำให้เขาแทบคลั่ง .. มันช
คฤหาสน์ตระกูลศิลาวรรณรัตน์ซอลมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านของซอลอีก เหมือนบ้านในละครที่เธอเคยแสดงเลย“จำที่นี่ได้หรือเปล่าครับ”“ไม่ค่ะ”รอยส์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะขนาดครอบครัวตัวเองเธอยังแทบจำไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของที่นี่“พ่อกับแม่ของพี่น่าจะยังไม่เดินทางไปสนามบิน เราไปไหว้ท่านก่อนดีกว่า”“ค่ะ...ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่รอยส์จะไปไหนเหรอคะ?”“เห็นว่าจะบินไปงานแต่งลูกสาวเพื่อนสนิท คงจะพรุ่งนี้ถึงกลับ” พอพูดถึงเวลาแล้วรอยส์ก็มองคนข้าง ๆ ด้วยแววตาบางอย่างทำเอาซอลถึงกับเบือนหน้าหนี เขาที่เห็นคนทำท่าทางเฉไฉก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความเอ็นดู “งั้นเราลงกันเลยไหมครับ”เขาเลือกที่จะเดินลงจากรถก่อนแล้วอ้อมมาเปิดประตูฝั่งตรงข้าม จากนั้นเขาก็พาแขกที่ตัวเองอยากรับเชิญมากที่สุดเข้าไปในบ้านเป็นจังหวะเดียวกับพ่อ แม่ของเขากำลังจะออกไปข้างนอก“พ่อกับแม่จะไปแล้วเหรอครับ”“อ้าวรอยส์พอดีว่าเลื่อนไฟลต์บินเข้ามาเร็วขึ้นนะ...ตายแล้วหนูซอลเหรอลูก” เพียงฟ้ามองคนที่เดินตามลูกชายมา พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบทักทายด้วยความดีใจ“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” ซอลรีบยกมือ
เช้าวันถัดมาบรรยากาศภายในห้องอาหารของบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด ถ้าจะมีใครอารมณ์ดีคงจะมีแค่ซอลคนเดียว“พิการก็ไปอยู่ในที่ของตัวเองสิ” พิ้งค์ที่ยังโกรธเรื่องที่ถูกแย่งห้องนอนไปอดพูดแขวะไม่ได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทำให้อีกฝ่ายสนใจเธอเลยสักนิด มีแค่แม่ของเธอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบสะกิดไว้เพราะกลัวพ่อเลี้ยงเดินเข้ามาได้ยิน“คุณพยาบาลวันนี้มีอะไรให้กินบ้างคะ”“วันนี้มีข้าวต้มกุ้ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ทอดมันกุ้งแล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบค่ะ” พยาบาลพิเศษที่ถูกส่งมาดูแลพูดรายการอาหารที่อยู่บนโต๊ะทุกเมนูอย่างละเอียด“อ่า~ วันหลังคงต้องให้พ่อสั่งให้เชฟเพิ่มเมนูปลาเข้าไปเยอะ ๆ แล้วเผื่อจะมีคนฉลาดขึ้นมาหน่อย”“อี!!”พิ้งค์ที่ได้ยินคำเหน็บแนมถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ นอกจากพิ้งค์แล้วริสาและพีชก็แปลกใจไม่ต่างกัน ปกติพี่สาวคนนี้ไม่ได้มินิสัยที่จะต่อปากต่อคำกับใครนิ ดูเหมือนว่าที่แม่กับพี่พิ้งค์บอกเธอว่าพี่ซอลไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นเรื่องจริง[ถ้าเปลี่ยนไปแล้วรู้จักปกป้องตัวเองมากขึ้นคงดี]“มีเรื่องอะไรกันเหรอ”ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้จะทำให้สงครามเล็กๆ ที่กำลังปะทุสงบลงได้ทันที“เป