Share

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๓) จบตอน

last update Huling Na-update: 2025-06-04 19:39:18

แพรวพราวชะงักไป หล่อนจ้องเขาตาเขม็ง

“ไหนว่าไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนไงคะ” ก็เมื่อครู่เขายังยอมเซ็นสัญญาปากเปล่าเป็นเด็กในสังกัดเธอโดยไม่รับข้อแม้อะไรอยู่เลย

“นี่หาใช่ข้อแลกเปลี่ยนไม่ แม่รับมือไอ้คันศรมิได้ดอก ข้าเองก็มิมีหมู่บ้านให้อยู่อาศัยอีกต่อไป หมู่บ้านนั้นนอกจากเสือก็มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นคน”

“...”

“การไปร่วมชายคากับแม่เป็นทางเลือกที่ข้าเต็มใจจักเลือก... ข้าอยากอยู่กับแม่”

ต๊าย มีผู้ชายตื้ออยากอยู่ด้วยแล้ว

“ก็ได้ ถ้าอยากมาก็มา ยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านฉันอยู่แล้ว” แต่การถูกตามตื้อไม่ใช่ปัญหาของคนที่เคยพราวเสน่ห์อย่างเธอหรอก ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเธอจะอวดดีกลับไปโต้อารมณ์กับพ่อครูคันศรเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แพรวพราวยังไร้กำลังนัก และหล่อนรู้ดีว่าโลกใบนี้ชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน

“งั้นข้าจักพาแม่ไปส่งประเดี๋ยวนี้เลย” ร่างกำยำค่อยๆ หยัดเดินขึ้นมาที่ริมเนินตลิ่ง เจ้ากานพลูชูงวงอย่างเริงร่าจากที่แอบฟังชายหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นานสองนาน มันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย พรานสมิงเปิดเปลือยอวดความบาดตาบาดใจให้หญิงสาวได้เห็น แต่เมื่อเขาจะแต่งกายก็ถูกเจ้ากานพลูเอางวงมาปิดช่วงล่างเอาไว้

ให้ตายเถอะ

แพรวพราวนวดขมับตัวเอง ท่าทางว่ากว่าจะเอาชีวิตรอดในยุคนี้จนลงตัวได้ น่าจะอุปสรรคเยอะแยะน่าดู

ไหนจะวาดรักที่พ่อครูคันศรหลงรัก ไหนจะตัวเธอเองที่หลงรักเขาเพราะคิดว่าเป็นนับสิบในชาติที่แล้วอีก สุดท้ายถึงรู้ดีว่าถ้าไม่ยึดติดด้วยการตามขอความรักจากหมอผีคนนั้น เธอคงไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

มันก็แค่การยึดเหนี่ยวจิตใจ... ในยุคสมัยที่โหดร้าย และเรื่องราวเฮงซวยที่ได้เจอมา

แท้ที่จริงแล้ว... เธออาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดก็ได้

ที่ทำก็เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น

คงเท่านั้นจริงๆ

“นับสิบ ถ้าชาตินี้ฉันไม่ได้เจอกับเธอ ไม่ได้นอนกับเธออัก ชาตินี้ก็ขอรักคนที่หน้าเหมือนเธอได้ไหม”

เพราะเมื่อไม่มีเขาแล้ว ชีวิตของแพรวพราวมันช่างเคว้งคว้างเหลือเกิน

กลับมาที่ตำหนักเข้าทรง พ่อครูคันศรรู้แก่ใจดีว่าพรานสมิงจักพาอีแพรวมาส่งให้ถึงเรือนในเพลานี้ เมื่อปะทะกันตรงๆ โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ อธิบาย ประโยคแรกของพ่อครูที่ทักทายนั่นก็คือ

“กลับไป แล้วจงส่งมาแต่อีแพรวเสีย”

“กูจักอยู่หรือจักไป อยู่ที่แม่แพรวตัดสินใจ แลหล่อนอนุญาตให้กูมาเฝ้ายามมิให้มึงกระทำการใดล่วงเกินแล้ว” เป็นการเปิดโปงกลายๆ ว่าทางฝั่งแพรวพราวรู้แล้วว่าเขาคิดจะกระทำการใดที่เป็นอันตรายต่อเธอ หากแต่พ่อครูกลับแค่นหัวเราะหยามหยัน เขาหาได้ใส่ใจไม่

“หึ! นางมิมีสิทธิ์ตัดสินใจ ที่นี่เรือนกู ถ้ามิส่งนางมา ก็จงอย่าเข้าใกล้เรือนนี้ นอนนอกเรือนกันเสีย” วาจานั้นโหดร้ายรุนแรงแถมยังไล่ให้ไปนอนนอกบ้านอีก แพรวพราวโมโหมากแต่ต้องกัดฟันทน หล่อนอยากตบเขาสักฉาดสองฉาดให้รู้ว่าผู้หญิงที่บงการผู้ชายได้นั้นเป็นอย่างไร แต่เขาคือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อีกอย่างใบหน้าที่คล้ายนับสิบจะเป็นรอย ส่วนเหตุผลหลักๆ คือหล่อนตกเป็นรอง เจ็บใจนักเชียวที่บ้าผู้ชาย!

“อย่าโหดร้ายเลยค่ะพ่อครู ไหนจะให้ฉันปรนนิบัติรับใช้ในเรือนไงคะ”

“แม้แต่น้ำสักตุ่มยังตักมามิได้ อย่าหวังจักอยู่เหย้าเฝ้าเรือนเลย มึงมิมีปัญญาดอก”

เอ้า ไอ้นี่

“หากเจตนาของมึงคือการที่มิให้นางไปยุ่งกับวาดรัก แม่แพรวก็สัญญากับกูไว้ว่าจักมิไปตามการไถ่ตัว แลจักยอมถอนของออกอยู่แล้ว”

ฝ่ายพ่อครูชะงักไปเมื่อเพื่อนเก่าแก่ออกปากอธิบาย ถึงดวงวิญญาณจะเป็นคนละภพชาติกันก็จริง แต่จะยอมรามือง่ายๆ ขนาดนั้นเลยหรือ

“เมื่อพระยาสิงห์หมดประโยชน์ ก็เปลี่ยนจุดหมายเลยสิหนา” แต่ถึงอีกฝ่ายจะยอมลงให้ทุกอย่างแล้ว พ่อครูคันศรโล่งใจแต่เขาก็ยังมิวายค่อนขอด อย่างไรเหตุผลก็คงไม่มีสาระสำคัญกระไร แค่เพียงมุ่งเป้าหมายมาที่ชายคนอื่นเท่านั้น อีนี่มันร่านนัก คงหลับนอนกับพรานสมิงแล้วสินะถึงได้ยอมลงเอยเช่นนี้ “ก็ดีเหมือนกัน หากแต่...”

“...”

“กูมิอนุญาตให้พวกมึงย่างใกล้เข้าเรือน ใช้ชีวิตนอกเรือนเสียสิ หรือไม่ก็อยู่กินฉันท์ผัวเมียหลังป่ากล้วยที่กูอำพรางไว้เป็นอย่างไร แน่นอนว่ากูอาจจักส่งผีกะตายโหงไปเมื่อไหร่ก็สุดแล้วแต่ใจกูหนา”

“ย่อมได้สิ กูเองก็จักปล่อยสมิงมาพังเรือนที่มึงหวงนักหวงหนาให้ราบคาบเป็นหน้ากลอง”

แพรวพราวทั้งเครียดทั้งปวดหัว อารมณ์เหมือนตัวเองเป็นสนามอารมณ์ของทั้งสองคนนี้ก็ไม่ปาน แต่ไม่ได้มาในแนวทางที่ถูกยื้อแย่งน่ะสิ ก็อีกฝ่ายที่เล็งไว้มองหล่อนอย่างชิงชังขนาดนั้น

“พอกันได้แล้วค่ะ ฉันอยู่นอกเรือนก็ได้นะ” แต่หล่อนไม่ได้ยอมแพ้ เพราะถ้าถอยกลับเท่ากับยอมจำนนต่อพ่อครูคันศรโดยดุษณี การพ่ายแพ้เป็นอะไรที่หล่อนเกลียดที่สุด ชัยชนะอันหอมหวานกำลังรออยู่ มาเล่นสงครามประสาทกันสักหน่อยเป็นยังไงล่ะ

“...”

“เพราะพรานสมิงจะสร้างเรือนให้ฉันเอง”

ไหนๆ ก็หลอกใช้ความเป็นเด็กในสังกัดของเขาหน่อยแล้วกัน

พรานสมิงแทบไม่เชื่อหูตนเอง ครานี้แม่แพรวมาในแผนการนี้สิหนา เขาคาดไม่ถึงจริงๆ คงกะจะอยู่บั่นทอนอีกฝ่ายจนกว่าจะทนไม่ไหว หล่อนช่างแปลกพิกลยิ่งนัก

พ่อครูคันศรที่ยืนอยู่ตีนกระไดเรือนกระตุกยิ้มเหี้ยมออกมา เขาประกาศสงครามกับเธอโดยเจตนา

“ก็เอาสิ ถ้ามึงมีปัญญา”

“นี่ข้าต้องเสกเรือนให้แม่ด้วยหรือนี่”

เวลาผ่านไปสักประมาณหนึ่งที่สงครามประสาทระหว่างแพรวพราวกับพ่อครูคันศรได้จบลง เสียงตอกไม้ดังเซ็งแซ่ พรานสมิงที่ชุ่มเหงื่อเพราะใช้แรงกายทั้งหมดในการประกอบเรือนหลังใหญ่พร้อมกับเจ้ากานพลูคชสารรู้งานที่คอยส่งไม้ให้สร้างฐานเรือนอย่างแข็งขัน กายแกร่งนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ ท่าทางแข็งแรงแถมมีมัดกล้ามแน่นหนาทำให้สาวเจ้าที่คุมงานอยู่ไม่ไกลโดยที่ไม่คิดจะลงมือช่วยเหลือเขาก็กอดอกจดจ้องอย่างตั้งอกตั้งใจ

ทั้งที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องลงทุนลงแรงขนาดนี้กลับนั่งไขว่ห้างนั่งดูชมโดยไม่คิดจะช่วยอะไรเลย

แน่นอนว่าแพรวพราวกะจะไม่ลงแรงเองอยู่แล้ว ถ้าจะให้เปื้อนเหงื่อต้องเปื้อนเหงื่อของคนอื่นสิ คราวนี้จะยอมรับก็ได้ว่าหยิบหย่ง ถ้าไม่มีเรือนอยู่ก็ตายกันพอดี ยังไงหมอนี่ก็มีวิชาคาถาอยู่แล้วนี่

“อื้ม ขอให้เสร็จภายในวันนี้นะ ขอแบบหรูหรามีห้องน้ำส่วนตัว”

“หึ... น่าสนใจจริงๆ” กลับกันแทนที่จะโมโหโกรธเคืองที่หล่อนจงใจวางอำนาจแถมยังใช้งานเขาในฐานะเด็กในสังกัดจนหนำใจ แต่พรานสมิงนั้นกลับให้ความสนใจหล่อนมากขึ้นกว่าเดิม เขาบริกรรมคาถาพึมพำขมุกขมัวเพื่อปลดปล่อยฝูงสมิงในอาณัติ การที่เธอทำท่าทางเหมือนจะท้าทายความเก่งกาจในการใช้คาถาวิชานั้นไม่มีผล เพราะเขาฝึกฝนวิชา บำเพ็ญเพียรมาเกินร้อยปี

ปรากฏร่างเสือโคร่งนับสิบตัว พวกเขากลายร่างกลับมาเป็นเหล่าชาวบ้านผมสั้นผิวกล่ำแดดเช่นเดิม มีทั้งชายและหญิงที่หมอบคำนับหน้าชายหนุ่มกำยำและคุณคนสวย สร้างความตกตะลึงให้กับแพรวพราวเป็นอย่างมาก ถึงจะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ทำใจให้ชินไม่ได้ นี่มันออกจะแฟนตาซีเกินไปไหม

“สร้างเรือนให้ข้า ทำให้เสร็จให้ทันการในคืนนี้” พรานสมิงออกคำสั่ง พวกเขาเหล่านั้นเดินหน้าสร้างเรือนอย่างขยันขันแข็งอย่างเชื่อฟังในคำสั่งทันที

แพรวพราวนึกอยู่ในใจว่า เขานี่มันสุดยอดไปเลย ถ้าไม่ติดว่าติดพันกับนับสิบจนให้ความสนใจพ่อครูปากมอมเป็นพิเศษ เธออาจจะคว้าเขามาเป็นผัวก็ได้ ทั้งเก่งแถมยังมีบริวารเป็นสมิงที่พร้อมจะทำตามคำสั่งทุกอย่างเช่นนี้ก็ไม่เลวเลย

เรือนหลังใหญ่ปรากฏขึ้นในชั่วข้ามคืนหลังจากชาวบ้านเสือสมิงออกแรงทั้งหมดหลังพรานสมิงปูทางสร้างฐานเรือนเอาไว้เรียบร้อย แพรวพราวยืนตะลึงงันให้กับเรือนหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ดูสวยงามไม่วังเวงแบบเรือนใหญ่ของหมอผีคันศรในอีกฝั่งหนึ่ง เธอหันกลับไปชื่นชมเขาที่ยืนยืดอกภาคภูมิใจกับผลงานของตนเองเป็นขวัญกำลังใจ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายใช้สูตรโกงแบบไม่น่าให้อภัยก็ตาม

“เก่งจังเลย แบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับการเซ็นสัญญาด้วยหน่อย”

“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าของตอบแทนคือกระไร ข้าสั่งให้พวกเขาสร้างห้องที่เราจักได้หลับนอนร่วมกันไว้อยู่แล้ว” หากแต่ก็ลืมไปว่าเขามีข้อแม้ที่ถ้าหล่อนจะเอาเขามาเป็นตัวบัคประจำกายคงต้องยอมให้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะชื่นชอบเธอน่าดู

เพราะฉะนั้นแพรวพราวคงต้องตั้งกฎข้อบังคับระหว่างเธอกับเขาเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย” อีกอย่างก็เพราะกลัวใจตนเองอยู่เหมือนกัน พรานสมิงงานดีขนาดนี้ ถ้าไม่ยึดติดรักเดียวใจเดียวจริงๆ คงยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้หลงรักเขา

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี ปัจฉิมบท

    เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๖) จบตอน

    “แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๕)

    คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๔)

    “นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๓)

    อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๒)

    “อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status