Share

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๓) จบตอน

last update Last Updated: 2025-06-04 19:39:18

แพรวพราวชะงักไป หล่อนจ้องเขาตาเขม็ง

“ไหนว่าไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนไงคะ” ก็เมื่อครู่เขายังยอมเซ็นสัญญาปากเปล่าเป็นเด็กในสังกัดเธอโดยไม่รับข้อแม้อะไรอยู่เลย

“นี่หาใช่ข้อแลกเปลี่ยนไม่ แม่รับมือไอ้คันศรมิได้ดอก ข้าเองก็มิมีหมู่บ้านให้อยู่อาศัยอีกต่อไป หมู่บ้านนั้นนอกจากเสือก็มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นคน”

“...”

“การไปร่วมชายคากับแม่เป็นทางเลือกที่ข้าเต็มใจจักเลือก... ข้าอยากอยู่กับแม่”

ต๊าย มีผู้ชายตื้ออยากอยู่ด้วยแล้ว

“ก็ได้ ถ้าอยากมาก็มา ยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านฉันอยู่แล้ว” แต่การถูกตามตื้อไม่ใช่ปัญหาของคนที่เคยพราวเสน่ห์อย่างเธอหรอก ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเธอจะอวดดีกลับไปโต้อารมณ์กับพ่อครูคันศรเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แพรวพราวยังไร้กำลังนัก และหล่อนรู้ดีว่าโลกใบนี้ชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน

“งั้นข้าจักพาแม่ไปส่งประเดี๋ยวนี้เลย” ร่างกำยำค่อยๆ หยัดเดินขึ้นมาที่ริมเนินตลิ่ง เจ้ากานพลูชูงวงอย่างเริงร่าจากที่แอบฟังชายหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นานสองนาน มันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย พรานสมิงเปิดเปลือยอวดความบาดตาบาดใจให้หญิงสาวได้เห็น แต่เมื่อเขาจะแต่งกายก็ถูกเจ้ากานพลูเอางวงมาปิดช่วงล่างเอาไว้

ให้ตายเถอะ

แพรวพราวนวดขมับตัวเอง ท่าทางว่ากว่าจะเอาชีวิตรอดในยุคนี้จนลงตัวได้ น่าจะอุปสรรคเยอะแยะน่าดู

ไหนจะวาดรักที่พ่อครูคันศรหลงรัก ไหนจะตัวเธอเองที่หลงรักเขาเพราะคิดว่าเป็นนับสิบในชาติที่แล้วอีก สุดท้ายถึงรู้ดีว่าถ้าไม่ยึดติดด้วยการตามขอความรักจากหมอผีคนนั้น เธอคงไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

มันก็แค่การยึดเหนี่ยวจิตใจ... ในยุคสมัยที่โหดร้าย และเรื่องราวเฮงซวยที่ได้เจอมา

แท้ที่จริงแล้ว... เธออาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดก็ได้

ที่ทำก็เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น

คงเท่านั้นจริงๆ

“นับสิบ ถ้าชาตินี้ฉันไม่ได้เจอกับเธอ ไม่ได้นอนกับเธออัก ชาตินี้ก็ขอรักคนที่หน้าเหมือนเธอได้ไหม”

เพราะเมื่อไม่มีเขาแล้ว ชีวิตของแพรวพราวมันช่างเคว้งคว้างเหลือเกิน

กลับมาที่ตำหนักเข้าทรง พ่อครูคันศรรู้แก่ใจดีว่าพรานสมิงจักพาอีแพรวมาส่งให้ถึงเรือนในเพลานี้ เมื่อปะทะกันตรงๆ โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ อธิบาย ประโยคแรกของพ่อครูที่ทักทายนั่นก็คือ

“กลับไป แล้วจงส่งมาแต่อีแพรวเสีย”

“กูจักอยู่หรือจักไป อยู่ที่แม่แพรวตัดสินใจ แลหล่อนอนุญาตให้กูมาเฝ้ายามมิให้มึงกระทำการใดล่วงเกินแล้ว” เป็นการเปิดโปงกลายๆ ว่าทางฝั่งแพรวพราวรู้แล้วว่าเขาคิดจะกระทำการใดที่เป็นอันตรายต่อเธอ หากแต่พ่อครูกลับแค่นหัวเราะหยามหยัน เขาหาได้ใส่ใจไม่

“หึ! นางมิมีสิทธิ์ตัดสินใจ ที่นี่เรือนกู ถ้ามิส่งนางมา ก็จงอย่าเข้าใกล้เรือนนี้ นอนนอกเรือนกันเสีย” วาจานั้นโหดร้ายรุนแรงแถมยังไล่ให้ไปนอนนอกบ้านอีก แพรวพราวโมโหมากแต่ต้องกัดฟันทน หล่อนอยากตบเขาสักฉาดสองฉาดให้รู้ว่าผู้หญิงที่บงการผู้ชายได้นั้นเป็นอย่างไร แต่เขาคือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อีกอย่างใบหน้าที่คล้ายนับสิบจะเป็นรอย ส่วนเหตุผลหลักๆ คือหล่อนตกเป็นรอง เจ็บใจนักเชียวที่บ้าผู้ชาย!

“อย่าโหดร้ายเลยค่ะพ่อครู ไหนจะให้ฉันปรนนิบัติรับใช้ในเรือนไงคะ”

“แม้แต่น้ำสักตุ่มยังตักมามิได้ อย่าหวังจักอยู่เหย้าเฝ้าเรือนเลย มึงมิมีปัญญาดอก”

เอ้า ไอ้นี่

“หากเจตนาของมึงคือการที่มิให้นางไปยุ่งกับวาดรัก แม่แพรวก็สัญญากับกูไว้ว่าจักมิไปตามการไถ่ตัว แลจักยอมถอนของออกอยู่แล้ว”

ฝ่ายพ่อครูชะงักไปเมื่อเพื่อนเก่าแก่ออกปากอธิบาย ถึงดวงวิญญาณจะเป็นคนละภพชาติกันก็จริง แต่จะยอมรามือง่ายๆ ขนาดนั้นเลยหรือ

“เมื่อพระยาสิงห์หมดประโยชน์ ก็เปลี่ยนจุดหมายเลยสิหนา” แต่ถึงอีกฝ่ายจะยอมลงให้ทุกอย่างแล้ว พ่อครูคันศรโล่งใจแต่เขาก็ยังมิวายค่อนขอด อย่างไรเหตุผลก็คงไม่มีสาระสำคัญกระไร แค่เพียงมุ่งเป้าหมายมาที่ชายคนอื่นเท่านั้น อีนี่มันร่านนัก คงหลับนอนกับพรานสมิงแล้วสินะถึงได้ยอมลงเอยเช่นนี้ “ก็ดีเหมือนกัน หากแต่...”

“...”

“กูมิอนุญาตให้พวกมึงย่างใกล้เข้าเรือน ใช้ชีวิตนอกเรือนเสียสิ หรือไม่ก็อยู่กินฉันท์ผัวเมียหลังป่ากล้วยที่กูอำพรางไว้เป็นอย่างไร แน่นอนว่ากูอาจจักส่งผีกะตายโหงไปเมื่อไหร่ก็สุดแล้วแต่ใจกูหนา”

“ย่อมได้สิ กูเองก็จักปล่อยสมิงมาพังเรือนที่มึงหวงนักหวงหนาให้ราบคาบเป็นหน้ากลอง”

แพรวพราวทั้งเครียดทั้งปวดหัว อารมณ์เหมือนตัวเองเป็นสนามอารมณ์ของทั้งสองคนนี้ก็ไม่ปาน แต่ไม่ได้มาในแนวทางที่ถูกยื้อแย่งน่ะสิ ก็อีกฝ่ายที่เล็งไว้มองหล่อนอย่างชิงชังขนาดนั้น

“พอกันได้แล้วค่ะ ฉันอยู่นอกเรือนก็ได้นะ” แต่หล่อนไม่ได้ยอมแพ้ เพราะถ้าถอยกลับเท่ากับยอมจำนนต่อพ่อครูคันศรโดยดุษณี การพ่ายแพ้เป็นอะไรที่หล่อนเกลียดที่สุด ชัยชนะอันหอมหวานกำลังรออยู่ มาเล่นสงครามประสาทกันสักหน่อยเป็นยังไงล่ะ

“...”

“เพราะพรานสมิงจะสร้างเรือนให้ฉันเอง”

ไหนๆ ก็หลอกใช้ความเป็นเด็กในสังกัดของเขาหน่อยแล้วกัน

พรานสมิงแทบไม่เชื่อหูตนเอง ครานี้แม่แพรวมาในแผนการนี้สิหนา เขาคาดไม่ถึงจริงๆ คงกะจะอยู่บั่นทอนอีกฝ่ายจนกว่าจะทนไม่ไหว หล่อนช่างแปลกพิกลยิ่งนัก

พ่อครูคันศรที่ยืนอยู่ตีนกระไดเรือนกระตุกยิ้มเหี้ยมออกมา เขาประกาศสงครามกับเธอโดยเจตนา

“ก็เอาสิ ถ้ามึงมีปัญญา”

“นี่ข้าต้องเสกเรือนให้แม่ด้วยหรือนี่”

เวลาผ่านไปสักประมาณหนึ่งที่สงครามประสาทระหว่างแพรวพราวกับพ่อครูคันศรได้จบลง เสียงตอกไม้ดังเซ็งแซ่ พรานสมิงที่ชุ่มเหงื่อเพราะใช้แรงกายทั้งหมดในการประกอบเรือนหลังใหญ่พร้อมกับเจ้ากานพลูคชสารรู้งานที่คอยส่งไม้ให้สร้างฐานเรือนอย่างแข็งขัน กายแกร่งนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ ท่าทางแข็งแรงแถมมีมัดกล้ามแน่นหนาทำให้สาวเจ้าที่คุมงานอยู่ไม่ไกลโดยที่ไม่คิดจะลงมือช่วยเหลือเขาก็กอดอกจดจ้องอย่างตั้งอกตั้งใจ

ทั้งที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องลงทุนลงแรงขนาดนี้กลับนั่งไขว่ห้างนั่งดูชมโดยไม่คิดจะช่วยอะไรเลย

แน่นอนว่าแพรวพราวกะจะไม่ลงแรงเองอยู่แล้ว ถ้าจะให้เปื้อนเหงื่อต้องเปื้อนเหงื่อของคนอื่นสิ คราวนี้จะยอมรับก็ได้ว่าหยิบหย่ง ถ้าไม่มีเรือนอยู่ก็ตายกันพอดี ยังไงหมอนี่ก็มีวิชาคาถาอยู่แล้วนี่

“อื้ม ขอให้เสร็จภายในวันนี้นะ ขอแบบหรูหรามีห้องน้ำส่วนตัว”

“หึ... น่าสนใจจริงๆ” กลับกันแทนที่จะโมโหโกรธเคืองที่หล่อนจงใจวางอำนาจแถมยังใช้งานเขาในฐานะเด็กในสังกัดจนหนำใจ แต่พรานสมิงนั้นกลับให้ความสนใจหล่อนมากขึ้นกว่าเดิม เขาบริกรรมคาถาพึมพำขมุกขมัวเพื่อปลดปล่อยฝูงสมิงในอาณัติ การที่เธอทำท่าทางเหมือนจะท้าทายความเก่งกาจในการใช้คาถาวิชานั้นไม่มีผล เพราะเขาฝึกฝนวิชา บำเพ็ญเพียรมาเกินร้อยปี

ปรากฏร่างเสือโคร่งนับสิบตัว พวกเขากลายร่างกลับมาเป็นเหล่าชาวบ้านผมสั้นผิวกล่ำแดดเช่นเดิม มีทั้งชายและหญิงที่หมอบคำนับหน้าชายหนุ่มกำยำและคุณคนสวย สร้างความตกตะลึงให้กับแพรวพราวเป็นอย่างมาก ถึงจะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ทำใจให้ชินไม่ได้ นี่มันออกจะแฟนตาซีเกินไปไหม

“สร้างเรือนให้ข้า ทำให้เสร็จให้ทันการในคืนนี้” พรานสมิงออกคำสั่ง พวกเขาเหล่านั้นเดินหน้าสร้างเรือนอย่างขยันขันแข็งอย่างเชื่อฟังในคำสั่งทันที

แพรวพราวนึกอยู่ในใจว่า เขานี่มันสุดยอดไปเลย ถ้าไม่ติดว่าติดพันกับนับสิบจนให้ความสนใจพ่อครูปากมอมเป็นพิเศษ เธออาจจะคว้าเขามาเป็นผัวก็ได้ ทั้งเก่งแถมยังมีบริวารเป็นสมิงที่พร้อมจะทำตามคำสั่งทุกอย่างเช่นนี้ก็ไม่เลวเลย

เรือนหลังใหญ่ปรากฏขึ้นในชั่วข้ามคืนหลังจากชาวบ้านเสือสมิงออกแรงทั้งหมดหลังพรานสมิงปูทางสร้างฐานเรือนเอาไว้เรียบร้อย แพรวพราวยืนตะลึงงันให้กับเรือนหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ดูสวยงามไม่วังเวงแบบเรือนใหญ่ของหมอผีคันศรในอีกฝั่งหนึ่ง เธอหันกลับไปชื่นชมเขาที่ยืนยืดอกภาคภูมิใจกับผลงานของตนเองเป็นขวัญกำลังใจ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายใช้สูตรโกงแบบไม่น่าให้อภัยก็ตาม

“เก่งจังเลย แบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับการเซ็นสัญญาด้วยหน่อย”

“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าของตอบแทนคือกระไร ข้าสั่งให้พวกเขาสร้างห้องที่เราจักได้หลับนอนร่วมกันไว้อยู่แล้ว” หากแต่ก็ลืมไปว่าเขามีข้อแม้ที่ถ้าหล่อนจะเอาเขามาเป็นตัวบัคประจำกายคงต้องยอมให้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะชื่นชอบเธอน่าดู

เพราะฉะนั้นแพรวพราวคงต้องตั้งกฎข้อบังคับระหว่างเธอกับเขาเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย” อีกอย่างก็เพราะกลัวใจตนเองอยู่เหมือนกัน พรานสมิงงานดีขนาดนี้ ถ้าไม่ยึดติดรักเดียวใจเดียวจริงๆ คงยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้หลงรักเขา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๓)

    แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๒)

    การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๑)

    “ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๓) จบตอน

    แพรวพราวชะงักไป หล่อนจ้องเขาตาเขม็ง“ไหนว่าไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนไงคะ” ก็เมื่อครู่เขายังยอมเซ็นสัญญาปากเปล่าเป็นเด็กในสังกัดเธอโดยไม่รับข้อแม้อะไรอยู่เลย“นี่หาใช่ข้อแลกเปลี่ยนไม่ แม่รับมือไอ้คันศรมิได้ดอก ข้าเองก็มิมีหมู่บ้านให้อยู่อาศัยอีกต่อไป หมู่บ้านนั้นนอกจากเสือก็มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นคน”“...”“การไปร่วมชายคากับแม่เป็นทางเลือกที่ข้าเต็มใจจักเลือก... ข้าอยากอยู่กับแม่”ต๊าย มีผู้ชายตื้ออยากอยู่ด้วยแล้ว“ก็ได้ ถ้าอยากมาก็มา ยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านฉันอยู่แล้ว” แต่การถูกตามตื้อไม่ใช่ปัญหาของคนที่เคยพราวเสน่ห์อย่างเธอหรอก ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเธอจะอวดดีกลับไปโต้อารมณ์กับพ่อครูคันศรเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แพรวพราวยังไร้กำลังนัก และหล่อนรู้ดีว่าโลกใบนี้ชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน“งั้นข้าจักพาแม่ไปส่งประเดี๋ยวนี้เลย” ร่างกำยำค่อยๆ หยัดเดินขึ้นมาที่ริมเนินตลิ่ง เจ้ากานพลูชูงวงอย่างเริงร่าจากที่แอบฟังชายหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นานสองนาน มันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย พรานสมิงเปิดเปลือยอวดความบาดตาบาดใจให้หญิงสาวได้เห็น แต่เมื่อเขาจะแต่งกายก็ถูกเจ้ากานพลูเอางวงมาปิดช่วงล่างเอา

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๒)

    “ถ้าฉันไปอยู่กับพระยาสิงห์ ก็ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยล่ะสิ” เรื่องแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่“ใช่”“ไม่มีทางหรอกค่ะ”“แม่มิมีทางเลือกดอก” แต่ความคาดหวังและการตัดสินใจที่เสรีถูกปัดตกไปตั้งแต่ที่เกิดเป็นโสเภณีในยุคโบราณแบบนี้แล้ว ยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้มีปากมีเสียง มีความคิดที่อิสระเหมือนบ้านเราในปัจจุบัน สิ่งที่แพรวพราวเลือกได้คือต้องอยู่กับพระยาสิงห์ในฐานะอนุภรรยา หรือถ้ากล้ำกลืนความเป็นเมียน้อยคนแก่พุงพลุ้ยไม่ได้ ก็ต้องตายเท่านั้นเองแต่อยู่ดีๆ สาวเจ้าก็บังเกิดความคิดสุดบรรเจิดและค่อนข้างที่จะสุดโต่งขึ้นมาในหัวแล้วถ้าหล่อนยอมเป็นเมียของคนที่คิดจะฆ่าหล่อนมาตั้งแต่แรก และพยายามทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ล่ะ?ถ้าเธอยอมปรนนิบัติรับใช้พ่อครูคันศร เขาจะเปลี่ยนใจมาช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?แน่นอนว่าพรานสมิงเองก็น่าสนใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเขาน่ะเหรอ?ก็เพราะว่าไม่ตรงสเปคยังไงล่ะอีกอย่าง... ก็เพราะติดใจในหน้าตาที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับนับสิบราวกับคนเดียวกันอย่างน่าประหลาดของเขา ถ้าเกิดว่าหมอผีคนนั้นเป็นนับสิบในชาติที่แล้วจริงๆ เธอจะได้เจอกับนับสิบในภพปัจจุบันอีกไหม?ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... พอคิดว่าจ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๑)

    “ลงมาชำระกายกับข้าไหม... แพรวพราว”เป็นคำชวนแรกจากผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงครึ่งวัน หญิงสาวชะงักไป หล่อนไม่ได้เกิดความรู้สึกอยากลงไปในลำธารนิ่งสงบนั่นเสียเท่าไหร่ ทำแค่เพียงสลับกลับมานั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อย พร้อมกับสบตาอีกฝ่ายอยู่ที่เนินตลิ่งอย่างใช้ความคิด“ไม่ดีกว่าค่ะ” สุดท้ายจึงเลือกที่จะปฏิเสธออกไป“มิไว้ใจข้าหรือ” ดวงหน้าคมคายนั้นฉีกยิ้มพรายทรงเสน่ห์ เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีแถมเรือนกายกำยำล่ำสัน ที่ถ้าเป็นผู้หญิงใจง่ายทั่วไปคงแทบวิ่งเข้าใส่ หากแต่หญิงสาวยังตกอยู่ในความตะลึงพรึงเพริดจากเหตุการณ์ก่อนหน้าจนยากจะอธิบาย ถ้าพูดให้ถูกคือชายตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ เธอไม่เคยรู้จักเขา แถมเขาไม่ใช่คนในยุคสมัยที่เธอจากมา ถึงจะช่วยเหลือกันไว้แต่หญิงสาวก็ยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจนัก ก็เขาเลี้ยงสมิงไว้ทั้งฝูงนี่ เผลอๆ อาจจะหาทางทำมิดีมิร้ายเธอก็ได้ต้องคิดลบไว้ก่อนเพราะตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันชวนสับสนมึนงงไปหมด“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกัน จะให้ฉันถอดเสื้อถอดผ้าลงไปอาบน้ำกับผู้ชายคงไม่ดีเท่าไหร่” อีกอย่างการที่จะได้ ‘กิน’ ผู้ชายสักคนเนี่ย แพรวพราวต้องแน่ใจเสียก่อนว่ารู้ตัวตนและโปรไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status