“ถ้าฉันไปอยู่กับพระยาสิงห์ ก็ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยล่ะสิ” เรื่องแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่
“ใช่”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ”
“แม่มิมีทางเลือกดอก” แต่ความคาดหวังและการตัดสินใจที่เสรีถูกปัดตกไปตั้งแต่ที่เกิดเป็นโสเภณีในยุคโบราณแบบนี้แล้ว ยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้มีปากมีเสียง มีความคิดที่อิสระเหมือนบ้านเราในปัจจุบัน สิ่งที่แพรวพราวเลือกได้คือต้องอยู่กับพระยาสิงห์ในฐานะอนุภรรยา หรือถ้ากล้ำกลืนความเป็นเมียน้อยคนแก่พุงพลุ้ยไม่ได้ ก็ต้องตายเท่านั้นเอง
แต่อยู่ดีๆ สาวเจ้าก็บังเกิดความคิดสุดบรรเจิดและค่อนข้างที่จะสุดโต่งขึ้นมาในหัว
แล้วถ้าหล่อนยอมเป็นเมียของคนที่คิดจะฆ่าหล่อนมาตั้งแต่แรก และพยายามทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ล่ะ?
ถ้าเธอยอมปรนนิบัติรับใช้พ่อครูคันศร เขาจะเปลี่ยนใจมาช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?
แน่นอนว่าพรานสมิงเองก็น่าสนใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเขาน่ะเหรอ?
ก็เพราะว่าไม่ตรงสเปคยังไงล่ะ
อีกอย่าง... ก็เพราะติดใจในหน้าตาที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับนับสิบราวกับคนเดียวกันอย่างน่าประหลาดของเขา ถ้าเกิดว่าหมอผีคนนั้นเป็นนับสิบในชาติที่แล้วจริงๆ เธอจะได้เจอกับนับสิบในภพปัจจุบันอีกไหม?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... พอคิดว่าจะไม่ได้เจอกันจริงๆ อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ผ่านมาไม่เคยนึกสนใจเด็กคนนี้สักเท่าไหร่ มองเห็นเขาเป็นเพียงพาร์ทเนอร์บนเตียงที่รู้ใจกันดีก็เท่านั้น
แต่วันนี้เธอกลับคิดถึงเขา และโหยหามากเหลือเกิน
“มองข้าแบบนั้น”
“...”
“จะกลับไปหาไอ้คันศรสิหนา แม่หญิง”
เมื่อเห็นว่าแววตาของหญิงสาวตรงหน้าทอเป็นประกาย หล่อนท้าวคางตนเองหวนนึกถึงดวงหน้าคมคายได้รูปของหมอผีคนนั้นแล้วได้แต่หยัดยิ้ม ตอนที่มีเซ็กซ์ด้วยเขาดูดีบาดใจและรุนแรงได้ใจ อาจดูโรคจิตและมาโซคิสต์ไปหน่อย แพรวพราวถือตัวแต่ในบางครั้งพออยู่บนเตียงก็อยากเป็นแค่สัตว์ตัวเมียตัวหนึ่ง เธอชอบเล่นกับไฟเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าไฟนั้นคือความร้อนเร่าที่เธอให้ความสนใจ
พรานสมิงมองสีหน้าของหล่อนที่แทบจะบอกทุกอย่างออกมาแล้วได้แต่ส่ายหน้า ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หญิงคนนี้ก็เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยน
รสนิยมบนฟูกนอนยังเป็นเหมือนเดิม
“พ่อหมอนั่นน่ะ หน้าตาเหมือนกับคู่นอนของฉันในชาติที่แล้วเลยค่ะ” เธอพูดออกมาตามตรง กอดเข่าตัวเองทอดมองไปยังผืนน้ำกว้าง เงาสะท้อนของดวงจันทร์ชวนให้หวนนึกถึงคืนแรกที่รีสอร์ทมัลดีฟส์ ท่ามกลางสระว่ายน้ำ ทะเล และแสงจันทร์ หล่อนกับนับสืบบดขยี้กันอย่างเร่าร้อนท่ามกลางสระว่ายน้ำเปิดโล่งที่จับจองเอาไว้เป็นการส่วนตัว
การรู้ใจตัวเองเมื่อสายไปแล้วนี่มันน่ากลัวจริงๆ
เธอกล้าที่จะล้อเล่นกับดวงไฟที่พร้อมแผดเผา แค่เพราะว่าชายคนนั้นหน้าตาเหมือนกับคนที่เธอเคยควง
ใจคนมันยากจะหยั่งถึงนัก พร้อมเสี่ยงใจตัวเองแค่เพียงเพราะเรื่องแค่นั้น
“...”
“อยู่ดีๆ พอตายไปแล้ว ฉันก็เพิ่งมารู้ตัวว่าที่ผ่านมารักเขามาตลอด น่าตลกดีใช่ไหม” เธอกอดเข่าตนเอง นับสิบที่ใช้ช่วงเวลาอยู่กับเธอช่างเอาอกเอาใจ เขาบูชาเธอไม่ต่างอะไรกับเทพธิดาองค์สุดท้ายที่ลงมาจากสวรรค์ เขาเยินยอเธอเป็นที่สุด แม้ว่าต่อหน้าสื่อจะทำทีเหมือนตามจีบนางเอกหน้าตาน่ารักตัวท็อปในวงการอย่างบริสุทธิ์ใจอยู่ก็ตาม
ถึงเธอจะประสบความสำเร็จอย่างมากมาย แต่ก็แอบน้อยเนื้อต่ำใจที่ต่อหน้าสื่อนับสิบไม่เคยแม้แต่จะออกตัวจีบเธอที่มีดีกรีเป็นนางร้ายเพราะภาพลักษณ์ของเขาอาจจะเสียได้ เพราะผู้ใหญ่หลายคนในวงการแบนเธอและกำลังผลักดันเขาอยู่
ความน้อยใจทำให้เธอปฏิบัติตัวกับเขาไม่ต่างกับพาร์ทเนอร์บนเตียงที่มีค่าแค่เวลาร่วมกิจกรรมในร่มผ้าเท่านั้น แพรวพราวทำเหมือนเขาจะถูกสลัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้สำหรับเธอ
นับสิบไม่เคยพูดว่ารักออกมา เธอเองก็ไม่เคยพูดว่ารักเขาออกมาเช่นกัน
โลกที่เธอกับเขาอยู่นั้นเป็นเส้นขนาน เมื่ออีกฝ่ายดูใจง่ายและใจดีต่อแพรวพราวแค่คนเดียวแบบนี้ เธอเลยย่ามใจว่าเขาจะอยู่กับเธอตลอดไป แม้ว่าจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่มีชื่อเรียกเป็นพิเศษ
แต่เมื่อสุดท้ายเธอไม่มีโอกาสได้กลับไปจริงๆ มันช่างน่าสมเพชที่ตอนนี้คิดถึงเขาเหลือเกินจนหัวใจแทบหลุดออกมา เธอสูญเสียตัวตนที่ถือดีนั่นไปแล้ว
เธอจะคิดว่าคันศรคือนับสิบในชาติที่แล้ว
ในเมื่อยุคนี้มันอัศจรรย์ใจซะขนาดนั้น ที่หล่อนเชื่อแบบนั้นก็คงไม่ผิดใช่ไหม จะว่าแพรวพราวเพ้อเจ้อไปเองก็ช่าง
นับสิบไม่ใจดีกับหล่อนอีกต่อไปแล้ว คราวนี้จากที่เขาวิ่งตามเพื่ออ้อนวอนขอความรักจากเธอ
ต้องเป็นเธอเสียเองที่วิ่งเข้าหาอ้อนวอนขอความรักจากเขา
“ข้าจักมิห้ามใจแม่ดอกหนา แต่คันศรหาใช่ชายที่แม่เคยคบหาดูใจไม่”
“...”
“มันมิไยดีแม่ดอก มันมีคนที่มันรักอยู่แล้ว” แพรวพราวนิ่งไปชั่วอึดใจ หล่อนรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์ตอนที่ตัดสินใจเอ่ยปากถามออกไป
“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร”
“คุณหญิงวาดรัก ภริยาเอกของพระยาสิงห์ที่จักมาไถ่ตัวแม่ในวันพรุ่ง แต่มันมิได้สมหวังดอก แค่เป็นห่วงไกลๆ เท่านั้น”
“...”
“ตัวแม่แพรวคิดจักไปแตะวาดรัก มันจึงเดียดฉันท์แม่ยิ่ง” หญิงสาวที่กอดเข่าตนเองพร่ำเพ้อถึงชายที่ไม่ใช่ของตนได้แต่นิ่งงัน เธอเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะแค่นวเราะออกมาเบาๆ
“เธอคนนั้นสวยกว่าฉันหรือเปล่า” ถามออกมาทั้งที่มีความมั่นใจในตัวเองพอสมควร เธอไม่สนใจหรอกนะว่าอีกฝ่ายจะชอบผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน หรือเธอเหนือกว่าแพรวพราวยังไง
แค่นี้ก็เต็มไปด้วยแรงริษยาหึงหวงจนรานทรวง
“มิรู้สิหนา... สำหรับข้านางก็แค่เพียงผู้หญิงคนหนึ่ง” ดวงหน้าคมคายฉีกยิ้มตอบ สำหรับเขานั้นแพรวพราวดูน่าสนใจมากกว่า และใช่ ตอนนี้เธอกำลังร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ เธอเป็นคนขี้หึงขี้หวง ยิ่งเธอมองหมอผีคนนั้นไม่ต่างกับนับสิบ เท่ากับว่าเธอเป็นเจ้าของเขาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปง่ายๆ หรอก “วาดรักงามอย่างกุลสตรี อ่อนหวาน อบอุ่น แลอ่อนโยน...”
“นั่นไม่ใช่สเปคที่แท้จริงของนับสิบหรอก”
“...”
“ต้องคนแบบฉันเท่านั้น ที่จะสยบนับสิบได้” นั่นเป็นความมั่นใจเดียวที่เธอมีอยู่ ถึงในภพนี้จะเป็นคนละคนก็ช่างสิ นับสิบก็ต้องเลือกเธออยู่ดี
พ่อครูคันศรคนนี้ก็เช่นกัน
“ฉันจะไม่ยอมให้เขาเป็นของใคร เพราะเขาเป็นของฉันตั้งแต่ชาติที่แล้วที่ฉันตายไป และจะเป็นแค่ของฉันคนเดียว”
“...”
“ถึงเขาจะเกลียดฉัน แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่” หล่อนยักไหล่อย่างเอาแต่ใจ “เพราะเขาหนีฉันไม่พ้นหรอก”
อย่าให้แพรวพราวรู้ตัวว่ารักแล้วกัน เพราะหล่อนเป็นคนที่คลั่งรักและบ้าบิ่นใช่ย่อย หล่อนไม่แคร์ว่าเขาจะเป็นใคร แต่ถ้าปักใจไว้ เขาจะต้องเป็นของเธอในที่สุด
พรานสมิงนึกตะลึงในความนึกคิดที่วิปลาสของหล่อน ชายผู้นั้นยชังน้ำหน้าหล่อนขนาดนั้นยังคงมีความพยายาม ยามเมื่อเธออาบแสงจันทร์ แหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดมิดที่มีเพียงพระจันทร์เต็มดวงทอสว่างอยู่เหนือเนิ่นน้ำ หล่อนฉีกยิ้มออกมาจนตาหยี ดูน่าหวั่นเกรงอย่างบอกไม่ถูก
เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ? ไม่อยากจะจินตนาการภาพตามเลยสิ
หญิงผู้นี้ไม่ธรรมดาแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ
เขาแค่นยิ้ม ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนแพรวพราวนึกแปลกใจ ดวงตาสีดำสนิทเงยหน้าขึ้นสบชายหนุ่มร่างกายกำยำที่จ้องตาเธอกลับ เขายอมรับว่าในอดีตกาล เขาหลงรักแม่ของคุณหญิงวาดรัก แต่เพราะไม่สมหวังผู้หญิงที่เขารักจึงได้ตั้งท้องกับชายอีกคนที่เข้ามาแย่งชิงทุกอย่างที่เขาปรารถนา
สุดท้ายชายคนนั้นพยายามปกป้องวาดรักทุกวิถีทาง แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายแล้ว... วาดรักก็ต้องเผชิญชะตากรรมที่หล่อนเลือกเอง สามีที่เลือกมาด้วยความรัก กลับเป็นตาแก่บ้าตัณหากลับที่ต้องการข้องเกี่ยวกับโสเภณี แลหักหน้าภริยาเอกด้วยการรับโสเภณีสันดานงามหน้ามาเป็นอนุภรรยาเพื่อเชิดหน้าชูตา
หญิงตรงหน้านั้นไร้เกียรติ และร้ายกาจ ชั่วช้าสามานย์เกินกว่าที่พ่อหมอคันศรจะให้อภัยได้ เขาเข้าใจเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ดี ไม่ว่าใครก็ต้องการที่จะปกป้อง ‘ลูกสาว’ ของตัวเอง
แต่เพราะว่าอีแพรวนั้นมีส่วนข้องเกี่ยวกับอดีตกาลของคันศร มันจึงเลือกวิธีที่เลวร้ายที่สุดอย่างการกำจัดทิ้งเพื่อตัดปัญหา มันเกลียดชังเกินกว่าที่จักทนร่วมใช้ชีวิตกับอีแพรวได้
แต่ผู้หญิงคนนี้... กลับมีจิตพันผูกกับมันอย่างแรงกล้า
บทละครบทนี้ช่างน่าสนุกที่จักเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดยิ่งนัก
“งั้นแม่ก็คงคิดจักกลับไปหามันจริงดังว่า” นั่นเป็นประโยคคำถามที่เขาเองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แพรวพราวสบตาเขา ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาแทนคำตอบ
“ถามบ่อยขนาดนี้ นายชอบฉันหรือไง”
“หึ” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ สำหรับหล่อนมันยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เขายังคงฝังใจกับรักครั้งเก่าที่ไม่สมหวัง แต่ทว่า... “ข้าจักอาสาพาแม่กลับไปหามันเอง”
“...”
“แต่มีข้อแม้... ว่าข้าต้องได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกับแม่ด้วย”
แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล
การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์
“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั
แพรวพราวชะงักไป หล่อนจ้องเขาตาเขม็ง“ไหนว่าไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนไงคะ” ก็เมื่อครู่เขายังยอมเซ็นสัญญาปากเปล่าเป็นเด็กในสังกัดเธอโดยไม่รับข้อแม้อะไรอยู่เลย“นี่หาใช่ข้อแลกเปลี่ยนไม่ แม่รับมือไอ้คันศรมิได้ดอก ข้าเองก็มิมีหมู่บ้านให้อยู่อาศัยอีกต่อไป หมู่บ้านนั้นนอกจากเสือก็มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นคน”“...”“การไปร่วมชายคากับแม่เป็นทางเลือกที่ข้าเต็มใจจักเลือก... ข้าอยากอยู่กับแม่”ต๊าย มีผู้ชายตื้ออยากอยู่ด้วยแล้ว“ก็ได้ ถ้าอยากมาก็มา ยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านฉันอยู่แล้ว” แต่การถูกตามตื้อไม่ใช่ปัญหาของคนที่เคยพราวเสน่ห์อย่างเธอหรอก ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเธอจะอวดดีกลับไปโต้อารมณ์กับพ่อครูคันศรเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แพรวพราวยังไร้กำลังนัก และหล่อนรู้ดีว่าโลกใบนี้ชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน“งั้นข้าจักพาแม่ไปส่งประเดี๋ยวนี้เลย” ร่างกำยำค่อยๆ หยัดเดินขึ้นมาที่ริมเนินตลิ่ง เจ้ากานพลูชูงวงอย่างเริงร่าจากที่แอบฟังชายหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นานสองนาน มันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย พรานสมิงเปิดเปลือยอวดความบาดตาบาดใจให้หญิงสาวได้เห็น แต่เมื่อเขาจะแต่งกายก็ถูกเจ้ากานพลูเอางวงมาปิดช่วงล่างเอา
“ถ้าฉันไปอยู่กับพระยาสิงห์ ก็ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยล่ะสิ” เรื่องแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่“ใช่”“ไม่มีทางหรอกค่ะ”“แม่มิมีทางเลือกดอก” แต่ความคาดหวังและการตัดสินใจที่เสรีถูกปัดตกไปตั้งแต่ที่เกิดเป็นโสเภณีในยุคโบราณแบบนี้แล้ว ยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้มีปากมีเสียง มีความคิดที่อิสระเหมือนบ้านเราในปัจจุบัน สิ่งที่แพรวพราวเลือกได้คือต้องอยู่กับพระยาสิงห์ในฐานะอนุภรรยา หรือถ้ากล้ำกลืนความเป็นเมียน้อยคนแก่พุงพลุ้ยไม่ได้ ก็ต้องตายเท่านั้นเองแต่อยู่ดีๆ สาวเจ้าก็บังเกิดความคิดสุดบรรเจิดและค่อนข้างที่จะสุดโต่งขึ้นมาในหัวแล้วถ้าหล่อนยอมเป็นเมียของคนที่คิดจะฆ่าหล่อนมาตั้งแต่แรก และพยายามทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ล่ะ?ถ้าเธอยอมปรนนิบัติรับใช้พ่อครูคันศร เขาจะเปลี่ยนใจมาช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?แน่นอนว่าพรานสมิงเองก็น่าสนใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเขาน่ะเหรอ?ก็เพราะว่าไม่ตรงสเปคยังไงล่ะอีกอย่าง... ก็เพราะติดใจในหน้าตาที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับนับสิบราวกับคนเดียวกันอย่างน่าประหลาดของเขา ถ้าเกิดว่าหมอผีคนนั้นเป็นนับสิบในชาติที่แล้วจริงๆ เธอจะได้เจอกับนับสิบในภพปัจจุบันอีกไหม?ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... พอคิดว่าจ
“ลงมาชำระกายกับข้าไหม... แพรวพราว”เป็นคำชวนแรกจากผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงครึ่งวัน หญิงสาวชะงักไป หล่อนไม่ได้เกิดความรู้สึกอยากลงไปในลำธารนิ่งสงบนั่นเสียเท่าไหร่ ทำแค่เพียงสลับกลับมานั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อย พร้อมกับสบตาอีกฝ่ายอยู่ที่เนินตลิ่งอย่างใช้ความคิด“ไม่ดีกว่าค่ะ” สุดท้ายจึงเลือกที่จะปฏิเสธออกไป“มิไว้ใจข้าหรือ” ดวงหน้าคมคายนั้นฉีกยิ้มพรายทรงเสน่ห์ เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีแถมเรือนกายกำยำล่ำสัน ที่ถ้าเป็นผู้หญิงใจง่ายทั่วไปคงแทบวิ่งเข้าใส่ หากแต่หญิงสาวยังตกอยู่ในความตะลึงพรึงเพริดจากเหตุการณ์ก่อนหน้าจนยากจะอธิบาย ถ้าพูดให้ถูกคือชายตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ เธอไม่เคยรู้จักเขา แถมเขาไม่ใช่คนในยุคสมัยที่เธอจากมา ถึงจะช่วยเหลือกันไว้แต่หญิงสาวก็ยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจนัก ก็เขาเลี้ยงสมิงไว้ทั้งฝูงนี่ เผลอๆ อาจจะหาทางทำมิดีมิร้ายเธอก็ได้ต้องคิดลบไว้ก่อนเพราะตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันชวนสับสนมึนงงไปหมด“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกัน จะให้ฉันถอดเสื้อถอดผ้าลงไปอาบน้ำกับผู้ชายคงไม่ดีเท่าไหร่” อีกอย่างการที่จะได้ ‘กิน’ ผู้ชายสักคนเนี่ย แพรวพราวต้องแน่ใจเสียก่อนว่ารู้ตัวตนและโปรไ