Share

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๒)

last update Last Updated: 2025-06-04 19:38:54

“ถ้าฉันไปอยู่กับพระยาสิงห์ ก็ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยล่ะสิ” เรื่องแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่

“ใช่”

“ไม่มีทางหรอกค่ะ”

“แม่มิมีทางเลือกดอก” แต่ความคาดหวังและการตัดสินใจที่เสรีถูกปัดตกไปตั้งแต่ที่เกิดเป็นโสเภณีในยุคโบราณแบบนี้แล้ว ยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้มีปากมีเสียง มีความคิดที่อิสระเหมือนบ้านเราในปัจจุบัน สิ่งที่แพรวพราวเลือกได้คือต้องอยู่กับพระยาสิงห์ในฐานะอนุภรรยา หรือถ้ากล้ำกลืนความเป็นเมียน้อยคนแก่พุงพลุ้ยไม่ได้ ก็ต้องตายเท่านั้นเอง

แต่อยู่ดีๆ สาวเจ้าก็บังเกิดความคิดสุดบรรเจิดและค่อนข้างที่จะสุดโต่งขึ้นมาในหัว

แล้วถ้าหล่อนยอมเป็นเมียของคนที่คิดจะฆ่าหล่อนมาตั้งแต่แรก และพยายามทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ล่ะ?

ถ้าเธอยอมปรนนิบัติรับใช้พ่อครูคันศร เขาจะเปลี่ยนใจมาช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?

แน่นอนว่าพรานสมิงเองก็น่าสนใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเขาน่ะเหรอ?

ก็เพราะว่าไม่ตรงสเปคยังไงล่ะ

อีกอย่าง... ก็เพราะติดใจในหน้าตาที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับนับสิบราวกับคนเดียวกันอย่างน่าประหลาดของเขา ถ้าเกิดว่าหมอผีคนนั้นเป็นนับสิบในชาติที่แล้วจริงๆ เธอจะได้เจอกับนับสิบในภพปัจจุบันอีกไหม?

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... พอคิดว่าจะไม่ได้เจอกันจริงๆ อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ผ่านมาไม่เคยนึกสนใจเด็กคนนี้สักเท่าไหร่ มองเห็นเขาเป็นเพียงพาร์ทเนอร์บนเตียงที่รู้ใจกันดีก็เท่านั้น

แต่วันนี้เธอกลับคิดถึงเขา และโหยหามากเหลือเกิน

“มองข้าแบบนั้น”

“...”

“จะกลับไปหาไอ้คันศรสิหนา แม่หญิง”

เมื่อเห็นว่าแววตาของหญิงสาวตรงหน้าทอเป็นประกาย หล่อนท้าวคางตนเองหวนนึกถึงดวงหน้าคมคายได้รูปของหมอผีคนนั้นแล้วได้แต่หยัดยิ้ม ตอนที่มีเซ็กซ์ด้วยเขาดูดีบาดใจและรุนแรงได้ใจ อาจดูโรคจิตและมาโซคิสต์ไปหน่อย แพรวพราวถือตัวแต่ในบางครั้งพออยู่บนเตียงก็อยากเป็นแค่สัตว์ตัวเมียตัวหนึ่ง เธอชอบเล่นกับไฟเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าไฟนั้นคือความร้อนเร่าที่เธอให้ความสนใจ

พรานสมิงมองสีหน้าของหล่อนที่แทบจะบอกทุกอย่างออกมาแล้วได้แต่ส่ายหน้า ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หญิงคนนี้ก็เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยน

รสนิยมบนฟูกนอนยังเป็นเหมือนเดิม

“พ่อหมอนั่นน่ะ หน้าตาเหมือนกับคู่นอนของฉันในชาติที่แล้วเลยค่ะ” เธอพูดออกมาตามตรง กอดเข่าตัวเองทอดมองไปยังผืนน้ำกว้าง เงาสะท้อนของดวงจันทร์ชวนให้หวนนึกถึงคืนแรกที่รีสอร์ทมัลดีฟส์ ท่ามกลางสระว่ายน้ำ ทะเล และแสงจันทร์ หล่อนกับนับสืบบดขยี้กันอย่างเร่าร้อนท่ามกลางสระว่ายน้ำเปิดโล่งที่จับจองเอาไว้เป็นการส่วนตัว

การรู้ใจตัวเองเมื่อสายไปแล้วนี่มันน่ากลัวจริงๆ

เธอกล้าที่จะล้อเล่นกับดวงไฟที่พร้อมแผดเผา แค่เพราะว่าชายคนนั้นหน้าตาเหมือนกับคนที่เธอเคยควง

ใจคนมันยากจะหยั่งถึงนัก พร้อมเสี่ยงใจตัวเองแค่เพียงเพราะเรื่องแค่นั้น

“...”

“อยู่ดีๆ พอตายไปแล้ว ฉันก็เพิ่งมารู้ตัวว่าที่ผ่านมารักเขามาตลอด น่าตลกดีใช่ไหม” เธอกอดเข่าตนเอง นับสิบที่ใช้ช่วงเวลาอยู่กับเธอช่างเอาอกเอาใจ เขาบูชาเธอไม่ต่างอะไรกับเทพธิดาองค์สุดท้ายที่ลงมาจากสวรรค์ เขาเยินยอเธอเป็นที่สุด แม้ว่าต่อหน้าสื่อจะทำทีเหมือนตามจีบนางเอกหน้าตาน่ารักตัวท็อปในวงการอย่างบริสุทธิ์ใจอยู่ก็ตาม

ถึงเธอจะประสบความสำเร็จอย่างมากมาย แต่ก็แอบน้อยเนื้อต่ำใจที่ต่อหน้าสื่อนับสิบไม่เคยแม้แต่จะออกตัวจีบเธอที่มีดีกรีเป็นนางร้ายเพราะภาพลักษณ์ของเขาอาจจะเสียได้ เพราะผู้ใหญ่หลายคนในวงการแบนเธอและกำลังผลักดันเขาอยู่

ความน้อยใจทำให้เธอปฏิบัติตัวกับเขาไม่ต่างกับพาร์ทเนอร์บนเตียงที่มีค่าแค่เวลาร่วมกิจกรรมในร่มผ้าเท่านั้น แพรวพราวทำเหมือนเขาจะถูกสลัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้สำหรับเธอ

นับสิบไม่เคยพูดว่ารักออกมา เธอเองก็ไม่เคยพูดว่ารักเขาออกมาเช่นกัน

โลกที่เธอกับเขาอยู่นั้นเป็นเส้นขนาน เมื่ออีกฝ่ายดูใจง่ายและใจดีต่อแพรวพราวแค่คนเดียวแบบนี้ เธอเลยย่ามใจว่าเขาจะอยู่กับเธอตลอดไป แม้ว่าจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่มีชื่อเรียกเป็นพิเศษ

แต่เมื่อสุดท้ายเธอไม่มีโอกาสได้กลับไปจริงๆ มันช่างน่าสมเพชที่ตอนนี้คิดถึงเขาเหลือเกินจนหัวใจแทบหลุดออกมา เธอสูญเสียตัวตนที่ถือดีนั่นไปแล้ว

เธอจะคิดว่าคันศรคือนับสิบในชาติที่แล้ว

ในเมื่อยุคนี้มันอัศจรรย์ใจซะขนาดนั้น ที่หล่อนเชื่อแบบนั้นก็คงไม่ผิดใช่ไหม จะว่าแพรวพราวเพ้อเจ้อไปเองก็ช่าง

นับสิบไม่ใจดีกับหล่อนอีกต่อไปแล้ว คราวนี้จากที่เขาวิ่งตามเพื่ออ้อนวอนขอความรักจากเธอ

ต้องเป็นเธอเสียเองที่วิ่งเข้าหาอ้อนวอนขอความรักจากเขา

“ข้าจักมิห้ามใจแม่ดอกหนา แต่คันศรหาใช่ชายที่แม่เคยคบหาดูใจไม่”

“...”

“มันมิไยดีแม่ดอก มันมีคนที่มันรักอยู่แล้ว” แพรวพราวนิ่งไปชั่วอึดใจ หล่อนรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์ตอนที่ตัดสินใจเอ่ยปากถามออกไป

“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร”

คุณหญิงวาดรัก ภริยาเอกของพระยาสิงห์ที่จักมาไถ่ตัวแม่ในวันพรุ่ง แต่มันมิได้สมหวังดอก แค่เป็นห่วงไกลๆ เท่านั้น”

“...”

“ตัวแม่แพรวคิดจักไปแตะวาดรัก มันจึงเดียดฉันท์แม่ยิ่ง” หญิงสาวที่กอดเข่าตนเองพร่ำเพ้อถึงชายที่ไม่ใช่ของตนได้แต่นิ่งงัน เธอเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะแค่นวเราะออกมาเบาๆ

“เธอคนนั้นสวยกว่าฉันหรือเปล่า” ถามออกมาทั้งที่มีความมั่นใจในตัวเองพอสมควร เธอไม่สนใจหรอกนะว่าอีกฝ่ายจะชอบผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน หรือเธอเหนือกว่าแพรวพราวยังไง

แค่นี้ก็เต็มไปด้วยแรงริษยาหึงหวงจนรานทรวง

“มิรู้สิหนา... สำหรับข้านางก็แค่เพียงผู้หญิงคนหนึ่ง” ดวงหน้าคมคายฉีกยิ้มตอบ สำหรับเขานั้นแพรวพราวดูน่าสนใจมากกว่า และใช่ ตอนนี้เธอกำลังร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ เธอเป็นคนขี้หึงขี้หวง ยิ่งเธอมองหมอผีคนนั้นไม่ต่างกับนับสิบ เท่ากับว่าเธอเป็นเจ้าของเขาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปง่ายๆ หรอก “วาดรักงามอย่างกุลสตรี อ่อนหวาน อบอุ่น แลอ่อนโยน...”

“นั่นไม่ใช่สเปคที่แท้จริงของนับสิบหรอก”

“...”

“ต้องคนแบบฉันเท่านั้น ที่จะสยบนับสิบได้” นั่นเป็นความมั่นใจเดียวที่เธอมีอยู่ ถึงในภพนี้จะเป็นคนละคนก็ช่างสิ นับสิบก็ต้องเลือกเธออยู่ดี

พ่อครูคันศรคนนี้ก็เช่นกัน

“ฉันจะไม่ยอมให้เขาเป็นของใคร เพราะเขาเป็นของฉันตั้งแต่ชาติที่แล้วที่ฉันตายไป และจะเป็นแค่ของฉันคนเดียว”

“...”

“ถึงเขาจะเกลียดฉัน แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่” หล่อนยักไหล่อย่างเอาแต่ใจ “เพราะเขาหนีฉันไม่พ้นหรอก”

อย่าให้แพรวพราวรู้ตัวว่ารักแล้วกัน เพราะหล่อนเป็นคนที่คลั่งรักและบ้าบิ่นใช่ย่อย หล่อนไม่แคร์ว่าเขาจะเป็นใคร แต่ถ้าปักใจไว้ เขาจะต้องเป็นของเธอในที่สุด

พรานสมิงนึกตะลึงในความนึกคิดที่วิปลาสของหล่อน ชายผู้นั้นยชังน้ำหน้าหล่อนขนาดนั้นยังคงมีความพยายาม ยามเมื่อเธออาบแสงจันทร์ แหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดมิดที่มีเพียงพระจันทร์เต็มดวงทอสว่างอยู่เหนือเนิ่นน้ำ หล่อนฉีกยิ้มออกมาจนตาหยี ดูน่าหวั่นเกรงอย่างบอกไม่ถูก

เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ? ไม่อยากจะจินตนาการภาพตามเลยสิ

หญิงผู้นี้ไม่ธรรมดาแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ

เขาแค่นยิ้ม ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนแพรวพราวนึกแปลกใจ ดวงตาสีดำสนิทเงยหน้าขึ้นสบชายหนุ่มร่างกายกำยำที่จ้องตาเธอกลับ เขายอมรับว่าในอดีตกาล เขาหลงรักแม่ของคุณหญิงวาดรัก แต่เพราะไม่สมหวังผู้หญิงที่เขารักจึงได้ตั้งท้องกับชายอีกคนที่เข้ามาแย่งชิงทุกอย่างที่เขาปรารถนา

สุดท้ายชายคนนั้นพยายามปกป้องวาดรักทุกวิถีทาง แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายแล้ว... วาดรักก็ต้องเผชิญชะตากรรมที่หล่อนเลือกเอง สามีที่เลือกมาด้วยความรัก กลับเป็นตาแก่บ้าตัณหากลับที่ต้องการข้องเกี่ยวกับโสเภณี แลหักหน้าภริยาเอกด้วยการรับโสเภณีสันดานงามหน้ามาเป็นอนุภรรยาเพื่อเชิดหน้าชูตา

หญิงตรงหน้านั้นไร้เกียรติ และร้ายกาจ ชั่วช้าสามานย์เกินกว่าที่พ่อหมอคันศรจะให้อภัยได้ เขาเข้าใจเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ดี ไม่ว่าใครก็ต้องการที่จะปกป้อง ‘ลูกสาว’ ของตัวเอง

แต่เพราะว่าอีแพรวนั้นมีส่วนข้องเกี่ยวกับอดีตกาลของคันศร มันจึงเลือกวิธีที่เลวร้ายที่สุดอย่างการกำจัดทิ้งเพื่อตัดปัญหา มันเกลียดชังเกินกว่าที่จักทนร่วมใช้ชีวิตกับอีแพรวได้

แต่ผู้หญิงคนนี้... กลับมีจิตพันผูกกับมันอย่างแรงกล้า

บทละครบทนี้ช่างน่าสนุกที่จักเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดยิ่งนัก

“งั้นแม่ก็คงคิดจักกลับไปหามันจริงดังว่า” นั่นเป็นประโยคคำถามที่เขาเองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แพรวพราวสบตาเขา ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาแทนคำตอบ

“ถามบ่อยขนาดนี้ นายชอบฉันหรือไง”

“หึ” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ สำหรับหล่อนมันยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เขายังคงฝังใจกับรักครั้งเก่าที่ไม่สมหวัง แต่ทว่า... “ข้าจักอาสาพาแม่กลับไปหามันเอง”

“...”

“แต่มีข้อแม้... ว่าข้าต้องได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกับแม่ด้วย”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี ปัจฉิมบท

    เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๖) จบตอน

    “แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๕)

    คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๔)

    “นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๓)

    อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๒)

    “อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status