“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไป
นั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมัง
โลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก
พูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วย
โฮ่ง!
แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทันที พบกับโรเบิร์ตที่วิ่งเข้ามายืนเห่าหน้าเรือน เธอไม่รอช้ารีบลงกระไดไปแล้วจับแก้มเจ้าสุนัขพันธุ์ทางหอมซ้ายหอมขวา
“โรเบิร์ต คิดถึงจังเลย หิวหรือเปล่า ทำไมออกมาจากป่ากล้วยล่ะ หรือไปตามหาฉันมา?” ความจริงมันอาจเข้าไปหาหนูกินหรือจับสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารก็ได้ แต่แพรวพราวกลับรู้สึกเหมือนที่มันโผล่มาจากทางที่หล่อนหลงป่า เพราะบุกเข้าไปตามหากันแน่ๆ ก็เจ้าสุนัขตัวนี้ออกจะชอบเธอซะขนาดนั้น “คราวนี้จะให้ชาวบ้านเสือสมิงเอาเนื้อดีๆ มาให้กินแทนผักแล้วนะ”
เธอพูดคุยกับหมาตัวใหญ่อย่างสนิทสนมพลางจับมันพลิกแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างเอ็นดู มันแลบลิ้นหอบแฮ่กๆ แล้วมองหล่อนตาเยิ้มหวาน เจ้าสุนัขหลังอานตัวนี้คงเป็นเพื่อนยามยากหนึ่งเดียวที่มองมาที่หล่อนโดยไม่รังเกียจกัน ออกจะเชิดชูบูชาเสียด้วย
“ระวังอย่าใกล้เจ้าสุนัขนั่นนัก” แต่ทว่าเสียงของพรานสมิงที่ดังอยู่บนกระไดเรือนทำให้หญิงสาวเหลียวหลังไปมองเขา โรเบิร์ตที่เธอตั้งชื่อให้เสร็จสรรพคุ้มตัวโก่งคอคำรามขู่ เพราะถึงจะเคยเลี้ยงสุนัขจรจัด แต่สัญชาตญาณของมันในบางครั้งก็ขู่ฮือทำร้ายเจ้าของเช่นกัน ด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่พอจะขึ้นคร่อมร่างเธอให้ลุกไม่ขึ้นได้ อีกอย่างก็เป็นหมาที่เพิ่งได้รู้จัก แค่เห็นว่าซื่อๆ ดีเท่านั้น เจ้าหล่อนจึงผละไปยืนใจดีสู้เสือแก้ตัวให้สุนัขหลังอานอยู่ห่างๆ
“สิ่งมีชีวิตหรือมิมีชีวิตใดที่นี่ ล้วนมาจากคาถาอาคมทั้งนั้น” เขาเปรยออกมาคำหนึ่ง แพรวพราวก็ตกใจสะดุ้งโหยงทันที
เป็นไปได้ไหมว่าสุนัขตัวนี้จะ...
“แต่ดูมันจักถูกใจแม่ ข้าจักปล่อยไปแล้วกัน” แต่ดูจากสีหน้าของสุนัขตัวนั้น ที่ขู่เขาคงเป็นเพราะคิดว่าพรานสมิงเป็นอันตรายกับแพรวพราวมากกว่า สายตาที่มันมองเขาราวกับจะฉีกเลือดฉีกเนื้อ แต่เมื่อเห็นว่าแพรวพราวพยายามห้ามปรามก็สงบลงแล้วส่ายหางให้หล่อนอย่างออเซาะ
ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคือตัวอะไร
แต่ถ้าปลอดภัยกับคนที่เขาให้ความสนใจ มีความยับยั้งในตนเองแล้วล่ะก็... แสดงว่าอาคมที่สะกดไว้ยังไม่แน่นหนาพอจะกำจัดความนึกคิด ก็จะปล่อยไปไม่ฆ่าเอาชีวิตละกัน
“ฟ้ามืดแล้ว เข้ามานอนเถิด” พรานสมิงเชื้อเชิญสาวเจ้าเข้าไปในเรือน หญิงสาวที่ยืนอยู่กับหมาเลยแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า อยู่ๆ เม็ดฝนก็ปรอยลงมาที่หน้าผากงามของหล่อนดังเปาะแปะ เธอรับรู้แล้วว่าฝนกำลังจะตกอย่างไม่ต้องสงสัย
“โรเบิร์ต ขึ้นบ้านกัน” เธอหันไปเรียกสุนัขหลังอานด้วยความเคยชิน ในภพปัจจุบันเธอกับสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้นอนห้องเดียวกันแถมยังแบ่งจัดเป็นสัดส่วน แต่พรานสมิงกลับโพล่งขึ้นมาเสียงเข้ม
“หมาก็อยู่ส่วนของมัน มิต้องเอาขึ้นเรือน”
“แต่ถ้าฝนตกโรเบิร์ตก็เปียกแย่สิ”
“แต่มันมิใช่เดรัจฉาน มันหลบฝนเองได้อยู่แล้ว ขึ้นมาเสีย” เจ้าหมาตัวนั้นใช้จมูกดุนบั้นท้ายงอนให้ขึ้นไปบนเรือนทันทีที่สิ้นคำนั้น แพรวพราวมองเจ้าสุนัขตัวสีดำอย่างอาดูร ก่อนที่จะลูบหัวมันแล้วเดินขึ้นกระไดเรือนไป
เธอไม่มีทางเลือกนักหรอก ก็เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของเรือนหลังนี้เพียงคนเดียว
พอขึ้นมาถึงห้องนอน ก็ยังไม่วายมองออกไปนอกหน้าต่างในที่ที่โรเบิร์ตเคยอยู่ ฝนเริ่มสาดเทลงมา ในขณะที่ร่างของสุนัขตัวโตอันตรธานหายไปเสียแล้ว
“ไปเร็วจัง” ถึงจะรู้ว่าอาจไม่ใช่สุนัขจริงๆ แต่อาจจะเป็นสุนัขอาคมอะไรก็แล้วแต่ แต่เธอก็ยังเป็นห่วงเจ้าโรเบิร์ตอยู่ดี
ในขณะเดียวกัน หมาหลังอานพันธุ์ไทยตัวสีดำวิ่งฝ่าฝนและเร้นหายไปในความมืดท่ามกลางดงป่ากล้วย ร่างเดรัจฉานแปรเปลี่ยนเป็นเท้ามนุษย์เดินสองขา พร้อมกับปรากฏกายของชายกำยำผู้หนึ่งกลางป่ากล้วย เขาเอาตัวเองแอบอิงกับต้นกล้วยต้นใหญ่เพื่อหลบฝน ร่างกายเปลือยเปล่านั้นหนาวสั่น
ก็อยากจักนอนด้วยหรอกหนา ก็แม่หญิงคนนั้นน่ารักแถมเอ็นดูเขา แต่สายตาของชายที่อยู่บนกระไดเรือนนั้นวาวโรจน์ทำให้รู้ว่ามันอันตราย มันจวนตัว มันอาจจะฆ่าเขาทิ้งก็ได้ เพราะเขาเป็นวิญญาณอาคมของท่านผู้นั้น
และเพราะไปญาติดีกับผู้หญิงที่ท่านเกลียด เขาจึงโดนตะเพิดออกมาให้เคว้งคว้างอยู่กลางป่ากล้วย
เขาพยายามตามหาหล่อนแล้ว แต่ป่านี้มันเป็นเพียงอาคมพรางตา ยิ่งวิ่งฝ่าเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีที่สิ้นสุด
โชคดีที่แม่หญิงคนนี้กลับมาโดยปลอดภัยเสียก่อน แต่หล่อนกลับมากับใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก และเหมือนจะดูอันตรายถ้าหากอยู่ใกล้ๆ แม่หญิงผู้นี้นานๆ เข้า
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนคือผู้มีพระคุณ หรือเขามีพลังวังชามากกว่านี้ เขาอาจจะช่วยหล่อนออกมา
แต่ทั้งท่านผู้นั้น... ทั้งชายผู้มีดวงตาแห่งพยัคฆา ล้วนแข็งแกร่งจนเขามิอาจสู้รบปรบมืออย่างสูสีด้วยได้ มีแต่ต้องจบลงที่แพ้พ่ายเท่านั้นเอง
พ่อครูยืนมองเรือนขนาดใหญ่อยู่ภายนอก เขาสูบฝิ่นผ่านลำกล้องที่ทำด้วยลำไผ่กลวง พ่นควันขาวคลุ้งออกมาราวกับเมฆหมอกที่อยู่ในจิตใจ ร่างเล็กที่เคยมีสัมพันธ์สวาทโดยไม่เต็มใจนั้นเดินหายเข้าไปภายในเรือนที่ถูกสร้างขึ้นแบบถืออำนาจวิสาสะพร้อมๆ กับพรานสมิง เขาหงุดหงิดไม่อาจยั้งใจให้กระชากหล่อนมาดุด่าว่ากำลังคิดบ้ากระไรอยู่ แต่ก็เก็บกลั้นอารมณ์ยืนมองหล่อนดูใจเย็นจากด้านในเรือนไม้ที่ตนอาศัยอยู่ผู้เดียว... กับภูตผีวิญญาณที่อัดแน่นนับร้อย
เรือนนั้นห่างจากกันไม่มากนักเพราะเนื้อที่ที่เขาจับจองและอนุญาตให้หล่อนมาอยู่ในสายตาเพราะอยากท้าทายอีกฝ่ายมันกว้างขวางหลายไร่ ดูเหมือนฝูงเสือสมิงจะตัดป่ากล้วยไปส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มความกว้างขวางของพื้นที่รอบๆ เรือนไปอีก พออนุญาตไปไอ้พรานเวรนั่นก็ทำตามใจเต็มที่เลยสิหนา
กองฟืนเตรียมจุดกองไฟตั้งอยู่ด้านหน้าเรือน คงเอาไว้ใช้ย่างเนื้อสัตว์กระมัง
หึ นับว่ามีความกล้าไม่เลวทีเดียว ถึงขนาดใช้มารยายั่วยวนจนพรานสมิงเข้ามาเป็นมือเป็นเท้าให้ขนาดนั้น นี่คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้
ยิ่งรู้เช่นนั้นก็ยิ่งเกลียดชังนางสุดหัวใจ ผู้หญิงคนนี้พยายามฆ่าลูกสาวของเขา ทำเสน่ห์ใส่ผัวของลูกสาวเขายังมิพอ แถมตอนนี้ยังได้ผัวใหม่อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือพรานสมิง ไม่นับรวมพระยาสิงห์ที่กำลังหมายปองเจ้าตัวอีกด้วย
ท่านผู้นั้นกำลังจะเดินทางมาในอีกไม่ช้า แต่น่าจะกำลังพำนักหลบฝนฟ้าอยู่
แน่นอนว่าเขาทำให้มันตกลงมาเอง เพื่อสกัดกั้นการเดินทางมาถึงที่ตำหนักของท่านให้ล่าช้าขึ้น ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายพอจะมีอะไรที่สื่อสารส่งเร็วทันใจ ดูท่านจะหัวเสียมากทีเดียว เสน่ห์ยาแฝดที่ทำไว้กับพ่อหมอคนนั้นมันแรงน่าดูเชียว ถึงขนาดคนแก่พุงพลุ้ยที่มีเมียเด็กอยู่ข้างกายอยู่แล้วแถมยังมีลูกหลานที่น่ารักอีกหนึ่งยังพยายามไขว่คว้าหาตัวโสเภณีไร้เกียรติเช่นนี้หนักหนา
สำหรับเขามันไม่จริง หล่อนมันไม่มีค่ากระไรเลย เมื่อของดำที่ปลุกเสน่หานั้นหมดลง นางจะเป็นเพียงหญิงใจชั่วช้าที่คิดสกปรกพรากผัวพรากเมีย พรากลูกจากอกพ่ออกแม่
มิว่าจะมาในรูปแบบของชาติภพไหน... ก็คงมิต่างกันนัก
“ลูกของใคร... ใครก็รักทั้งนั้นแล” เขาพึมพำออกมาพร้อมกับสูบฝิ่นจนฉ่ำปอด ความมัวเมาทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังง่วงซึม สมุนไพรหรือสารเสพติดกันแน่? แถมผู้ที่ครอบครองมันไว้อาจมีความผิดร้ายแรง แต่เขาไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเสียหน่อย
ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็จักปกป้องลูกให้ได้ ในวันที่พ่อยังมีโอกาส วาดรัก
เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ
“แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา
คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค
“นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน
อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ
“อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร