ถ้าคนเราตายแล้วเลือกการเกิดใหม่ได้
คุณอยากเกิดเป็นอะไรครับ? แต่สำหรับผม ขอแค่ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยเสียงปลุกจากคนที่เรียกว่าแม่ มีอาหารวางรออยู่บนโต๊ะ มีคนที่ผมเรียกว่าพ่อนั่งรอผมทานข้าวอยู่ที่หัวโต๊ะด้วยใบหน้าที่เปื้อยไปด้วยรอยยิ้ม เราอาศัยอยู่ในบ้านหลังน้อยกันสามคนพ่อแม่ลูก ผมขอแค่นี้ก็พอแล้ว…(ไดร์ฟ) ไอริส อันฤดี….. พรึบ “โอ้ย!”ฉันร้องออกมาอย่างเจ็บปวดที่ร่างของฉันไถลล้มไปกับพื้นปูนซีเมนต์เพราะขาของฉันไร้เรี่ยวแรงที่จะวิ่งต่อแล้วทำให้คนที่ลากร่างของฉันอยู่ต้องหยุดฝีเท้าลงตามฉันไปด้วย เขาก็ปล่อยมือจากข้อมือฉันไปทันที “ฮืฮอออออเจ็บ”ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดแสบกับบาดแผลที่โดนพื้นปูนซีเมนต์บาดเอา เลือดสีแดงสดไหลรินออกซึมๆมาตามท่อนขาของฉันรวมไปถึงข้อศอกของฉันด้วย “ฉันจะตายไหม….”ฉันเอ่ยออกไปพลางมองสำรวจบาดแผลที่อาบโชคไปด้วยเลือดสีแดงสดด้วยท่าทางกลัวตาย “เธอจะกลัวทำไม….กับแค่ตาย…”เสียงเรียบเฉยอย่างไร้อารมณ์ถูกเอ่ยออกมาจากผู้ชายร่างสูงโปร่งที่แต่งตัวเต็มยศทั้งเสื้อเชิ้ตสีดำที่ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองเม็ดเผยให้เห็นรอยสักที่ต้นคอเป็นรูปสมอเรืออยู่ตรงกลางพวงมาลัยเรือและรูปหน้าเสือโคร่งที่หน้าอกข้างซ้ายของเขาแถมเขายังใส่ต่างหูห่วงเงินทั้งสองข้างรวมไปถึงเจาะจมูกอีกด้วย โอ้ว้าววว!ทรงแบดจริงๆ “คนบ้าอะไรบ้างอ่ะ…ไม่กลัวตาย!!”ฉันแผดเสียงไปอย่างเอาเรื่องเขาที่ทำให้ฉันล้มหมดสภาพอย่างนี้และยังมาว่าฉันอีก ฉันว่าเขาพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาตัวเองไปด้วย พรึบ “จะกลัวทำไม…คนเราเกิดมาก็ต้องตาย…” “แต่ฉันยังไม่อยากตาย…!”ฉันตะโกนบอกเขาไป “ชีวิตของฉันกำลังดีมากกกกกก”ฉันลากเสียงยาว เขาก็มองหน้าฉันด้วยสายตาตกละตึง มองๆไปเขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่หล่อเหมือนกันนะ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มคิ้วดกดำจมูกโด่งริมฝีปากสีชมพูใบหน้าขาวใสผิวขาวเนียนยิ่งกว่าผู้หญิง ดูๆไปเขามีออร่ามากกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปเสียอีกนะ “หึ…..”เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะหันหลังเดินจากฉันที่นั่งอยู่กับพื้นปูนซีเมนต์ไปอย่างไร้เยื่อใย ไอ้คนใจร้าย!!! “หยุดนะ!!”แต่ฉันก็ตะโกนเสียงดังเรียกรั้งเขาไว้ซะก่อนทำให้เขาต้องหยุดชะงักฝีเท้าลงและเอี้ยวคอหันมามองหน้าฉันแค่ซีกเดียว “ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อย…”ฉันว่าพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าเขา เขาก็ทำหน้าเบื่อหน่ายรวมไปถึงเบื่อโลกใส่ฉันและทำท่ายึกยักเหมือนจะไม่ยอมเดินมาช่วยฉันอีกตั้งหาก “นายทำฉันล้ม….แถมทำโทรศัพท์ของฉันแตกอีกด้วย!” “นายต้องรับผิดชอบ!!!”ฉันแผดเสียงพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงอย่างเอาเรื่อง นายนั้นก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะเดินตรงกลับมาหาฉันด้วยท่าทางไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ พรึบ “ก็แค่เนี่ย”ฉันพึมพำขึ้นและยื่นมือไปจับมือเขาที่ยื่นมาให้ฉันและเขาก็ออกแรงดึงร่างของฉันให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ฉันไม่ขอบคุณนะ….”ฉันบอกเขาไปเสียงเรียบและไม่ได้หันไปมองหน้าเขาด้วย เลยไม่รู้ว่านายหน้าหล่อนั่นกำลังทำหน้ายังไง แต่หน้าตาเขาหล่อผิวพรรณดี ดูเปล่งปลั่งออร่ามากแต่ทำไมแววตาของเขากลับดูเศร้าหมองจัง? พรึบ “โอ้ย…”ฉันร้องออกมาอีกครั้งเมื่อฉันลองเดินแต่ก็รับรู้ได้ถึงความปวดแผล นายนั้นก็ปล่อยมือฉันตั้งแต่เขาดึงฉันให้ลุกขึ้นและเดินหนีไปแล้วด้วย คนอะไรใจร้ายชะมัด!! พรึบ “จะกลับบ้านยังไงเนี่ย?” “ตรงนี้ที่ไหนก็ไม่เคยมาด้วยสิ….”ฉันพึมพำขึ้นเมื่อพาตัวเองมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างทาง จะว่าข้างทางก็ไม่ใช่ เพราะตรงนี้ไม่ได้อยู่ติดถนนแต่มันเป็นเหมือนสวนสาธารณะ เป็นพื้นที่วงกลมมีต้นไม้รายล้อมและมีพื้นปูนซีเมนต์อยู่ตรงกลางด้านข้างเป็นต้นหญ้าที่มีความสูงระดับเท่ากันทุกต้น ดีที่ยังมีแสงสว่างที่ส่องลงมาจากหลอดไฟของเสาไฟฟ้าต้นสูงให้พอมองเห็นไปได้ทั่วทั้งบริเวณนี้ได้ ทำให้ที่นี่ดูไม่น่าวังเวงสักเท่าไหร่ พรึบ “อะไร?”ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองฝ่ามือขาวจนมองเห็นเส้นเลือดที่มือได้อย่างชัดเจนที่ยื่นถุงพลาสติกมาตรงหน้าฉันและมองเลยขึ้นไปมองยังใบหน้าของเขาที่เรียบเฉยไร้อารมณ์สุดๆของผู้ชายคนเดิมที่ฉันซวยตั้งเเต่วินาทีแรกที่เจอเขา! “กลัวตายไม่ใช่เหรอไง?”เขาพูดเสียงเรียบเฉยหน้าตาไร้อารมณ์ออกมาทำให้ฉันก็ทำหน้างงใส่เขา “ล้างแผลดิ….”.“ค่อยๆนะคะ…ไอกลัวเจ็บ…”ฉันเอ่ยบอกไดร์ฟไป เขาที่มองจุดเชื่อมของเราอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ไอกลัวเจ็บ…แต่ไดร์ฟกลัวทำไม่เป็น…”ไดร์ฟตอบพร้อมใบหน้าเศร้าลง แววตาของเขาดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด“ไอก็ทำไม่เป็น….เราจะทำไปพร้อมๆกันไงคะ…”“ครับ….”“ใส่เข้ามาสิคะ….”“ครับ…”ไดร์ฟตอบรับคำฉันและค่อยๆดันลำกายใหญ่ที่มีขนาดใหญ่โตเท่าท่อนเเขนของฉันเข้ามาในร่องสวาทของฉันอย่างช้าๆ“อื้ออออ!!”ฉันกัดริมฝีปากล่างด้วยความเจ็บจี๊ดที่แก่นกายความเป็นสาวในขณะที่ไดร์ฟดันท่อนเอ็นร้อนของเขาเข้ามาได้เพียงแค่ส่วนหัวยังไม่ถึงกลางลำเลยฉันก็เจ็บปวดมากขนาดนี้ เพราะด้านในของฉันถึงจะมีน้ำหล่อลื่อไหลออกมาตลอดแต่ฉันยังเวอร์จิ้นอยู่ช่องทางรักของฉันมันจึงคับแน่นไม่ยอมเปิดทางให้สิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายๆ“เจ็บเหรอครับ….”ไดร์ฟถามฉันเสียงทุ้มนุ่มละมุน ที่เขาเห็นว่าฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่างขาทั้งสองข้างของฉันสั่นระริก“อืม!”ฉันพยักหน้าตอบไดร์ฟไปพร้อมกับใบหน้าเหยเก ไดร์ฟก็ก้มหน้าลงมาหาหน้าอกของฉันและจัดการใช้ปลายลิ้นร้อนแตะลงบนยอดปทุมถันของฉันและตวัดปลายลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเขาขึ้นลงสร้างค
ไอริส อันฤดี…. พรึบฉันเอนตัวลงนอนราบไปบนที่นอนของไดร์ฟหลังจากที่ฉันกับไดร์ฟช่วยกันใช้กระดาษทิชชูเช็ดชำระน้ำรักของไดร์ฟที่เลอะเปรอะเปื้อนที่หน้าของฉันออกไปจนหมดแล้ว“มาสิคะ….”ฉันเอ่ยเชื้อเชิญไดร์ฟอย่างหน้าไม่อาย ซึ่งฉันเองก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สิหรือตัวตนจริงๆของฉันเป็นแบบนี้นะพรึบ“ไอริส….”ไดร์ฟเรียกฉันเสียงแหบพร่าแววตาสีดำเข้มของเขาสั่นไหวเล็กน้อยและจับจ้องมาที่ความเป็นสาวของฉันที่มีผ้าสีขาวปกปิดอยู่อย่างไม่วางตา สายตาของไดร์ฟทำให้ฉันใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา“น้ำของไอ…เยอะจัง…”ไดร์ฟเอ่ยเสียงอ่อนพลางละสายตาจากความเป็นสาวของฉันขึ้นมามองหน้าฉัน ฉันก็คลี่ยิ้มละมุนให้เขาก่อนจะค่อยๆจับกางเกงจีสตริงที่เป็นบิกินี่ของฉันให้มาอยู่รวมกันตรงใจกลางกลีบกุหลาบของฉัน ความเป็นสาวที่เนื้อนูนโหนกอวบอูมไร้ขนนุ่มปกคลุมถูกเนื้อผ้าบางแนบติดไปจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างชัดเจน“อื้ออออ”ฉันครางเสียงหวานอย่างเสียวซ่านเมื่อใช้ปลายนิ้วชี้ของตัวเองแตะสัมผัสลงบนใจกลางกลีบกุหลาบงามของฉันพร้อมกับเกี่ยปลายนิ้วเล่นกับคริสตอริสติ่งเสียวของตัวเองจนร่างของฉันสะท้านไปทั้งร่างด้วยความเสียว แต่ฉันคิดว่ามันยังเสียว
“แผล๊บๆๆๆ…”“อะไอ..มันสกปรกนะครับ!”ไดร์ฟร้องเสียงหลงและตกใจที่ไอริสยื่นปลายลิ้นเล็กของเธอออกมาตวัดเลียไปรอบๆแท่งท่อนเอ็นยักษ์ของเขาอย่างไม่รังเกียจ“ไอไม่รังเกียจหรอกค่ะ…ไดร์ฟจะได้มีความสุขไง…”ไอริสเงยหน้าและเอ่ยบอกไดร์ฟ ไดร์ฟก็มองหน้าเธออย่างสงสัยและเป็นห่วงเธอที่จะใช้ลิ้นปรนเปรอความเป็นชายให้เขา“ทำแบบนี้….มันมีจะความสุขมากจริงๆเหรอ?”ไดร์ฟถามไอริสตาใสแป๋วอย่างหนุ่มอ่อนประสบการณ์“ไดร์ฟไม่เคยช่วยตัวเองเหรอคะ?”ไอริสถามไป เธอถามเขาด้วยแววตานิ่งเฉยไม่ได้ตกใจและไม่ได้อายเธอทำเหมือนเจนจัดเรื่องอย่างว่า ทั้งที่จริงแล้วเธอไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเลย แต่เธอเป็นพวกมีพรสวรรค์จินตนาการติดตัวมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอแต่งนิยายและโด่งดังในหมวดนิยายอีโรติก“มะไม่เคย…”ไดร์ฟตอบไอริสไปเสียงอ้อมแอ้มอย่างเขินอาย แต่มันคือความจริงว่าเขาไม่เคยช่วยตัวเองจริงๆมีก็แต่ตอนอายุสิบห้าที่เขาฝันเปียกแค่ครั้งเดียวเพราะเขาไม่ได้มีเวลามาคิดเรื่องอย่างว่า ชีวิตของเขาก็ทุกข์ทนมากพออยู่แล้ว ทุกวันเขาคิดแค่หาวิธีเย้ยหยันคนเป็นพ่อแค่นั้นเอง“งั้น….เดี๋ยวไอจะทำให้ไดร์ฟเองค่ะ…ไดร์ฟนอนเฉยๆก็พอ…”ไอริสยิ้มละมุนหวานให้ไดร์ฟ เขาก็พยัก
พรึบ “ไดร์ฟคะ….”เสียงหวานกระเส่าครวญครางที่ข้างหูของไดร์ฟพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งของเธอซุกไซ้คลอเคลียไปกับซอกคอขาวของเขา ทำให้ร่างหนาของไดร์ฟสั่นสะท้านด้วยความสยิว เขาหลับตาพริ้มซู้ดปากขึ้นอย่างเสียวซ่านเมื่อลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอของเขา“ไอริส….”ไดร์ฟเอ่ยเรียกชื่อผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักเขาเสียงแหบพร่าเช่นกัน มือหนาของเขาลูบไล้ไปตามสัดส่วนที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ“อื้ออออ”ไอริสครางเสียงหวานอย่างเสียวซ่านเมื่อเธอไปเบียดเสียดเรือนร่างที่ท่อนบนเปลือยเปล่าของเธอไปกับแผงอกแกร่งที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดของไดร์ฟทำให้ยอดปทุมถันสีชมพูสดหวานของเธอที่เริ่มแข็งชูชันและไวต่อความรู้สึกเสียดสีไปกับเนื้อเนียนของร่างหนาทำให้ภายในใจของทั้งคู่เต็มไปด้วยไฟร้อนรุ่มที่กำลังแผดเผาเรือนร่างของเขาทั้งสองคน“อื้อออ”ไดร์ฟเองก็ครวญครางกระเส่าไม่ต่างจากคนบนร่าง“จ๊วฟฟฟ”ไดร์ฟยื่นใบหน้าหล่อของเขาคลอเคลียซุกไซ้ไปกับซอกคอของไอริสพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายหอมๆของเธอ เขาค่อยๆเลื่อนริมฝีปากมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของไอริส เขาไม่รอช้าประกบริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล“จ๊วฟฟฟ”คนสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มไปตามสัญชาตญาณข
“อื้อออ”ฉันร้องท้วงขึ้นและรีบใช้มือผลักร่างของไดร์ฟให้เขาถอดถอนริมฝีปากออกไปจากริมฝีปากของฉัน“ไดร์ฟ…”ฉันเรียกไดร์ฟเสียงหลงที่รับรู้ได้ถึงความเย็นของร่างกายฉัน ที่ตอนนี้เสื้อคลุมอาบน้ำสีชมพูของฉันได้หลุดออกไปจากเรือนร่างของฉันแล้วหลงเหลือไว้เพียงบิกินี่ตัวจิ๋วสีขาวของฉันที่ปดปิดเพียงหน้าอกหน้าใจที่มันใหญ่โตจนโผล่พ้นขอบของชั้นในออกมาและกางเกงตัวจิ๋วที่ปกปิดจิมิของฉันอยู่แค่เนินสามเหลี่ยมเอง“ไอริส….”ไดร์ฟพึมพำเรียกชื่อฉันเสียงแหบพร่าก่อนที่เขาจะลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ที่เขาเอาแต่จ้องเรือนร่างของฉันตาไม่กระพริบ“จ้องขนาดนี้….กลืนกินเลยดีไหม?”ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไปอย่างทีเล่นทีจริงที่เห็นสายตาหวานเยิ้มของเขาที่จ้องมองร่างกายของฉันอยู่“กินได้เหรอ….?”ไดร์ฟเอ่ยถามฉันพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาสงสัย ฉันก็ถึงกับหัวเราะออกมา ฉันเชื่อแล้ว…ว่าไดร์ฟของฉันยังไม่เคยผ่านมือหญิงใดมาก่อนจริงๆอย่างที่เขาเคยบอกฉันนั่นแหละพรึบ“เเล้ว….ไดร์ฟว่ายังไงล่ะค่ะ…?”ฉันขยับร่างของฉันเข้าไปแนบชิดร่างกายที่เปลือยเปล่าร้อนระอุของไดร์ฟพร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างไปโอบรอบคอของเขาและค่อยๆดันร่างของไดร์ฟที่อ้
“ค่ะ…งั้นขอบคุณค่ะคุณป้า….คุณป้าไปทำงานอย่างอื่นต่อเถอะค่ะ…เดี๋ยวที่เหลือไอจัดการเอง…” “ค่ะ…ขอบคุณมากค่ะ…” “ค่ะ^_^”ฉันยิ้มให้ป้าแม่บ้านก่อนจะหันมาให้ความสนใจจานชามในซิงค์ตรงหน้าของฉันต่อ ในใจก็นึกสงสัยกับความสัมพันธ์ของไดร์ฟและเจ้าของค่ายเพลงคนนั้น ว่ามันเป็นมายังไงกันแน่ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้….แต่มองเหมือนไดร์ฟจะไม่ค่อยชอบผู้ชายคนนั้นเลยนะ…แววตาดุดันที่เขาใช้มองชายคนนั้นน่ะ… “ทำไมต้องเกิดมา…มีพ่อแบบนี้?”ฉันเบิกตาโตขึ้นด้วยความตกใจที่ฉันนึกคิดประโยคคำพูดของไดร์ฟที่เขาอาละวาดในคืนวันนั้นได้ ใช่เขาพูดประโยคนี้ งั้นแสดงว่า…. “สองคนนี้เป็นพ่อลูกกัน”ฉันเอ่ยออกมาพร้อมกับทำสีหน้าตกใจและแปลกใจปะปนกันไป งงกันไปหมด…ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมไดร์ฟถึงมีอาการป่วยซึมเศร้าได้ และต้นเหตุมันคืออะไร เพราะถ้าเราไม่รักษาตั้งแต่ต้นเหตุ ปลายเหตุก็ไม่มีทางหายได้หรอก…ฉันเชื่อแบบนั้นและฉันนี่แหละจะอาสาเป็นคนรักษาตั้งแต่ต้นเหตุเอง เพราะฉันทนเห็นไดร์ฟทนอยู่กับความทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้าไม่ได้อีกแล้ว….ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาสูญเสียไปเพราะโรคนี้อีกแล้ว….10.00น.ห้องนอนไดร์ฟไอริส อันฤดี….พรึบ “ประวัติ