ในตลาด วันนี้ผู้คนพลุกพล่าน การค้าขายแต่ละร้านคึกคักเป็นพิเศษ อันชิงเหมยมาเดินเล่นกับซีหว่าน ดูนั่นดูนี่เพลิดเพลิน ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ
" ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณหนูอัน วันนี้มีแบบใหม่ๆมาเพียบเลยเจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ "
เถ้าแก่เนี๊ยะรีบกุลีกุจอมาต้อนรับ ก่อนจะหันไปเอาถาดใส่เครื่องประดับมาวางตรงหน้าให้อันชิงเหมยเลือก
" เลือกตามสบายเลยนะเจ้าค่ะ "
พูดกับอันชิงเหมยก่อนจะเรียกเด็กในร้านมาคอยดูแล
" เจ้าหน่ะมานี่สิ มาดูแลคุณหนูอันด้วย บริการให้ดีหล่ะ "
" คุณหนูเจ้าค่ะ ชิ้นนี้เป็นไงเจ้าค่ะ ประดับมุกสีชมพูแวววาวเชียวเจ้าค่ะ "
ซีหว่านหยิบปิ่นมุกส่งให้อันชิงเหมยดู
" ก็สวยดี ถ้าเจ้าชอบก็เอาสิข้าซื้อให้ "
" ไม่ ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เอาหรอกที่มีอยุ่ก็เยอะแล้ว "
ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ตาก็มองปิ่นมุกอยู่ตลอด อันชิงเหมยเห็นก็ยิ้ม หยิบปิ่นมุกส่งให้พนักงานห่อให้ ส่วนนางยังไม่ถูกใจชิ้นไหน และก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อด้วยแค่แวะมาดูเล่นๆเท่านั้น เมื่อหันหลังกลับมากำลังจะออกจากร้าน ก็เจอกับคนที่ไม่อยากจะเจอ
" เหมยเอ๋อ "
เสิ่นหว่านอี้ยิ้มกว้างที่ได้เจออันชิงเหมย เขาไม่เห็นหน้านางมาหลายวันแล้ว เสิ่นหว่านอี้เดินกะโผลกกะเผลกไปหานางแต่หยางซือหรูก็รีบเดินตามไปรั้งแขนเขาไว้
" ท่านพี่ ท่านช่วยข้าเลือกได้หรือไม่ "
หยางซือหรูไม่รอให้ตอบกลับก็ลากเสิ่นหว่านอี้ไปอีกทาง เสิ่นหว่านอี้มองตามอันชิงเหมยที่เดินออกจากร้านไปตาละห้อย
" เฮ่อ คิดว่าจะได้มาเดินเล่นอย่างสบายใจซะหน่อย ดันมาเจอคนที่ไม่อยากเจอซะงั้น หมดอารมณ์ล่ะ ซีหว่านไปร้านน้ำชากันดีกว่า จิบชากินขนมกัน "
" เจ้าค่ะ กินขนมอร่อยๆจิบชาไปด้วย อารมณ์ขุ่นมัวแค่ไหนก็ดีขึ้นทันตาเลยเจ้าค่ะ ไปเจ้าค่ะคุณหนู "
ซีหว่านจูงมือคุณหนูของตน ตรงไปที่โรงน้ำชา อันชิงเหมยเลือกชั้น2โต๊ะติดริมหน้าต่าง ที่มองลงมาเห็นวิวตลาดด้านล่าง
อันชิงเหมยกินขนมไปจิบชาไป มองวิวอย่างเพลิดเพลิน ก็เห็นขบวนกองทัพแห่มา ผู้คนต่างหลีกทางให้ แล้วพากันมายืนดูอยู่2ข้างทาง
" ซีหว่าน กองทัพผู้ใดรึ "
" เอ๊ะ ดูเหมือนจะเป็นของชินอ๋องนะเจ้าค่ะ "
" เจ้ารู้ได้ไง ว่าเป็นชินอ๋อง "
" ก็ชินอ๋องใส่หน้ากากสีเงินเจ้าค่ะ ข้าเคยได้ยินคนเล่าลือมาว่า ชินอ๋องหน้าตาอัปลักษณ์ถึงได้ไปอยู่เป็นแม่ทัพประจำชายแดนใต้ตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยกลับมาเมืองหลวงเลย ว่ากันว่านิสัยโหดเหี้ยมไร้ปราณี พูดน้อย ฝีมือร้ายกาจปลิดชีพศัตรูเพียงพริบตา สมญานามปีศาจไร้หัวใจ "
อันชิงเหมยมองไป ก็เห็นมีชายใส่หน้ากากสีเงินจริงๆอย่างที่ซีหว่านพูด เขานั่งอยู่บนหลังม้าสีหมอกตัวใหญ่ แม้จะใส่หน้ากากปกปิดใบหน้า แต่ก็ไม่อาจปิดบังไอสังหารที่แผ่ออกมาได้ รูปร่างของเขาสูงใหญ่บึกบึนสมชายชาตินักรบ ผิวที่โผล่พ้นผ้าออกมาเป็นสีคล้ำกร้านแดด
" เขายังลือกันอีกนะเจ้าค่ะ ว่าชินอ๋องไม่มีชายาหรือแม้แต่สาวใช้อุ่นเตียง เคยมีพวกขุนนางเสนอบุตรสาวให้แต่งกับชินอ๋องโดยให้ฟ่าบาทพระราชทานสมรสให้ แต่ชินอ๋องไม่ยอมรับไม่กลับมาวังหลวงเพื่อแต่งงาน เลยต้องส่งเจ้าสาวไปแดนใต้แทน แล้วยังไงรู้ไหมเจ้าค่ะ"
ซีหว่านหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะขยับเข้ามากระซิบที่ข้างหูอันชิงเหมย
" เจ้าสาวถูกฆ่าตายกลางทางตั้งแต่ยังไม่ถึงแดนใต้เลยเจ้าค่ะ "
ได้ยินแบบนั้นอันชิงเหมยก็รู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาทันที
"ไม่ใช่คนเดียวนะเจ้าค่ะ ประมาณ10คนได้ "
" 10 คน "
อันชิงเหมยถึงกับตาโต
ในเมื่อสองหรือสามคน เกิดเหตุการณ์ถูกลอบฆ่าแบบเดียวกัน แล้วยังจะมีการส่งเจ้าสาวไปอีกเหรอ ขุนนางพวกนั้นรู้ว่าส่งไปก็อาจจะถูกฆ่าตาย แต่ทำไมยังเสี่ยงส่งตัวบุตรสาวของตัวเองไปให้ชินอ๋องอีก
ในเมื่อชินอ๋องผู้นั้นไม่อยากมีภรรยาก็ไม่ควรฆ่าเจ้าสาวตัวเอง ทำไมถึงไม่ส่งให้พวกนางกลับมา ไม่ต้องการก็เลยต้องฆ่าให้ตายกันไปเลยเหรอ โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
" เจ้าบอกว่าเขาไม่เคยกลับวังหลวงเลย แล้วทำไมคราวนี้ถึงยอมกลับมา "
" ข้าไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ แต่ข้าว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ถึงทำให้ชินอ๋องยอมออกมาจากแดนใต้ได้ "
" ทำไมเจ้ารู้เรื่องดีจัง "
" แฮะ แฮะ คุณหนู ข้าฟังเขาเล่ามาอีกทีเจ้าค่ะ "
อันชิงเหมยเคยได้ยินบิดาเล่าให้ฟังมาบ้างว่าชินอ๋องเป็นโอรสของสนมนางหนึ่ง พอนางตายตอนนั้นชินอ๋องอายุได้11ปี หลังจากเสร็จพิธีศพ ชินอ๋องก็เข้ากองทัพทันทีออกร่วมรบตั้งแต่อายุ12 จนปัจจุบันอายุ20 กลายเป็นแม่ทัพประจำชายแดนใต้ ที่เขาใส่หน้ากาก นางคิดว่าหน้าของเขาคงจะเป็นรอยแผลเป็นจากการทำศึก
ชินอ๋องรับรู้ได้ ถึงการจ้องมองมาที่เขาทั้งตลอดสองข้างทาง แต่เขารู้สึกถึงการจ้องมองของสายตาหนึ่ง มันมาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จนต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็สบตากับดวงตาใสแป๊วที่มองดูเขาอยู่ ก่อนที่นางจะหลบสายตาไป เขากระตุกยิ้มมุมปาก ใจก็เต้นแรงขึ้นมาแปลกๆ
" ข้าแค่อยากบอกว่านิสัยของท่านอ๋อง เรื่องส่วนตัวของเขา แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังบังคับเขาไม่ได้ ในเมื่อคุณหนูฝูบอกว่าท่านแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ก็แสดงว่าท่านอ๋องรักท่านถึงได้เลือกท่าน ฉะนั้น ต่อให้มีสตรีอื่นอีกนับพันหรือจะงดงามราวเทพธิดาเขาก็ไม่สนใจ ส่วนเรื่องของข้า เขาก็แค่รู้สึกผิดที่เคยนอกใจข้า ก็เลยอยากขอโทษข้าก็แค่นั้นพวกท่านไม่ต้องกังวล คนอย่างข้าอันชิงเหมย เลิกแล้วก็คือเลิก ไม่นิยมกลับไปกินของเก่า"อันชิงเหมยพูดจบก็ยกเหล้าบ๊วยในจอกขึ้นดื่มก่อนจะเดินออกไป ตงฟางเห็นสวี่หานเดินมาทางนี้เลยรีบเดินไปจับแขนอันชิงเหมยยื้อยุด" จะทำอะไร ปล่อยข้า"ตงฟางบีบแผลที่มือของอันชิงเหมยอย่างแรงจนเลือดซึม อันชิงเหมยก็ไม่ยอมบีบแขนของตงฟางที่เป็นเเผลเช่นกัน ยื้อยุดกันไปมาตู้มมมม ตกลงไปในน้ำทั้งคู่ " ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฟางเอ๋อตกน้ำ ใครก็ได้ช่วยที"สวี่หานที่เดินมากับฝูชิงเย่ว ตกลงกันว่าจะเล่นหมากล้อมแต่ขอไปชวนฝูอี้หนิวก่อน พอฝูชิงเย่วเข้าไปในเรือนของฝูอี้หนิวเขาก็ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วย จึงวิ่งตามเสียงไปเห็นฝูฮูหยินยืนอยู่ริมสระน้ำร้องเรียกให้ช่วยด้วย เขามองซ้ายขวาบ่าวรับใช้ไปไหนกันหมด" ช่วยด้วย ท่านอ
" ข้าว่าตอนนี้ให้พวกนางไปทำแผลกันก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที"" เจ้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่"ฝูซือฟานชี้หน้าหวังเหลียน เฉาซื่อไม่พอใจกำลังจะเดินเข้าไปจัดการ แต่ช้ากว่าหม่าอี้หยวนที่กระโดดถีบฝูซือฟานจนกระเด็น ทุกคนต่างตกใจที่เห็น ไม่คิดว่ากุนซือหม่าอี้หยวนที่สุขุมใจเย็นจะทำเช่นนี้ เพียงเพื่อปกป้องสาวใช้คนหนึ่ง" โทษที เท้าข้ามันไวไปหน่อย ไม่รู้เมื่อกี้อะไรมาเกะกะเท้าข้า ข้ารำคาญก็เลยสะบัดเท้าแรงไปนิดนึง เจ้าไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม "พูดจบก็แสยะยิ้มแล้วดึงแขนหวังเหลียนออกไป อันเฟยเทียนก็ยิ้มเยาะเย้ยแล้วจูงมืออันชิงเหมยไปเช่นกันฝูอี้หนิวมองตามแล้วพูดขึ้น" ข้าว่าหม่าอี้หยวนกับสาวใช้คนนั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาแน่ พึ่งจะรู้ว่าคนอย่างเขาก็หวงของรักไม่ต่างกับอันเฟยเทียนเหมือนกัน"" เขาเป็นสหายสนิทกัน แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา เรื่องนิสัยใจคอย่อมคล้ายกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่หนักเท่าอันเฟยเทียน ข้าขอเตือนพวกเจ้าอย่าทำอะไรอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูอัน รวมทั้งสาวใช้คนนั้นพวกเจ้ามีจุดจบไม่สวยแน่"ฝูชิงเย่วพูดกับฝูอี้หนิว ก่อนจะหันไปบอกตงฟางกับสาวใช้ทั้งสองและฝูซือฟานหมอเดินออกไป ฝูกุ้ยอิงก็เข้าม
ตงฟางเดินมาถึงเรือนตะวันออก เสียงสนทนาที่ดังออกมาทำให้นางหยุดชะงัก" เจ้าว่าท่านอ๋องจะง้อพระชายาสำเร็จไหม"" เฮ้ย อย่าไปเรียกแบบนั้นให้แม่ทัพอันเฟยเทียนได้ยินนะ รายนั้นหน่ะยิ่งขึ้นชื่อเรื่องหวงน้องสาวยังกะอะไรดี นางกับท่านอ๋องหย่ากันนานแล้ว"" ข้าว่าท่านอ๋องต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้นางกลับมา เห็นว่าเมื่อคืนก็บุกไปหานางที่เรือนเหลียนฮวา แต่ถูกแม่ทัพอันไล่ออกมา"" นางงดงามน่าหลงใหลถึงเพียงนั้น เป็นข้าข้าก็ไม่ยอมปล่อยนางไปหรอก ยังไงก็ต้องง้อนางคืนมาให้ได้"" ดูก็รู้ว่าท่านอ๋องรักนางมากไม่อย่างงั้นคงไม่ไปขอพระราชทานสมรสด้วยตัวเองหรอก ตอนที่นางจากไปพวกเจ้าไม่เห็นรึว่าท่านอ๋องตามหานางอย่างบ้าคลั่ง ผ่านไปเป็นปียังไม่ยอมหยุดตามหานาง จนตรอมใจล้มป่วย "" แต่ว่าที่นางไปจากท่านอ๋องครั้งนั้น ใครๆก็พูดกันว่านางไปกับรองแม่ทัพเซี่ย ยังพูดกันว่านางกับรองแม่ทัพเซี่ยมีความสัมพันธ์กัน เรื่องนี้ท่านอ๋องก็รู้"" แล้วยังไง ในเมื่อตอนนี้รองแม่ทัพเซี่ยก็ตายไปแล้ว ยังไงท่านอ๋องก็ไม่สนหรอก"" ใช่ๆ ข้าว่านะถ้ารองแม่ทัพเซี่ยยังอยู่ทั้งสองต้องต่อสู้กันแย่งชิงนางกันแน่ๆ"" ท่านอ๋องไปไหนพวกเจ้าเห็นไหม"" ท่านอ๋องออกไ
อันชิงเหมยลุกจากเตียงไปจุดเทียน สวี่หานเดินเข้าไปโอบกอดนาง นางพยายามดิ้นแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย" ทำไม ทำไมต้องหนีข้ามา ทำไมต้องทิ้งข้าด้วย"นางสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆหยดลงมา" ท่านกับข้าเราจบกันไปตั้งนานแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้น อย่าลืมว่าเราหย่ากันแล้ว"" ไม่ ข้าไม่ยอมรับ ข้ายังไม่ได้ลงชื่อในหนังสือนั่น เจ้ายังคงเป็นภรรยาของข้า"" ท่านลืมไปหรือเปล่าว่านั่นคือราชโองการถึงท่านไม่ลงชื่อ ข้อความในนั้นก็ย่อมมีผล"" ไม่ข้าไม่รับ ยังไงข้าก็ไม่รับ ราชโองการอะไรข้าไม่สนทั้งนั้น"ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง นางดิ้นรนให้เขาปล่อยแต่เขาก็ยิ่งกอดแน่น" ปล่อยข้า"" ไม่ปล่อย ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอีก"" ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไร ท่านก็รู้ว่าข้ากับพี่เซี่ย"" ข้ารู้ว่าเจ้าก็แค่ประชดข้า เจ้าโกรธข้าเรื่องหว่านลู่ซือ แต่เจ้าเข้าใจข้าผิด ข้ากับนางไม่ได้มีอะไรเลย ข้าเห็นนางเป็นเพียงสหายคนหนึ่งเท่านั้น ข้า"" พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง "นางไม่สนใจ ไม่อยากรับรู้เรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว" แล้วอีกอย่าง ข้าไม่ได้ประชด ข้ารักพี่เซี่ยถึงได้ยอมอยู่กับเขา เขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจข้า อยู่เคียงข้างข้าในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเ
ฝูกุ้ยอิงเห็นตงฟางมองอันชิงเหมย ก็คีบอาหารใส่ถ้วยข้าวให้นางบ้าง" ฟางเอ๋อ ปลานึ่งซีอิ๊วของโปรดเจ้ากินเยอะๆนะ"" ผัดปลาเปรี้ยวหวานนี่ก็น่าอร่อย ฟางเอ๋อชิมดู"ฝูซือฟานก็คีบเนื้อปลาใส่ถ้วยข้าวให้ตงฟาง" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ พี่สาม"เฉาซื่อมองหน้าตงฟางด้วยความสงสัย" ฟางเอ๋อทำไม"ฝูกุ้ยอิงยิ้มแย้มพูดขึ้น" คือว่าอย่างงี้ ข้าเองมีแต่บุตรชายไม่มีบุตรสาว ช่วงเวลาที่ฟางเอ๋ออยู่ที่นี่นางก็ช่างน่ารักช่างเจรจา มีนางอยู่ด้วยข้าไม่เหงาเลยพอรู้ว่าบิดามารดานางเสียชีวิตไปแล้วนางต้องอยู่ตัวคนเดียว ข้าก็อดสงสารนางไม่ได้เลยรับนางเป็นบุตรบุญธรรม เรื่องนี้ต้องขออภัยคุณชายเฉาด้วยที่ไม่ได้ขอท่านก่อน อย่างน้อยท่านก็เป็นพี่ชายของนาง""ฝูฮูหยินกับท่านเจ้าเมืองรับนางเป็นบุตรบุญธรรมถือว่าเป็นวาสนาของนาง ข้าเองยังเป็นกังวลเวลาไปทำหน้าที่ ท่านก็รู้ว่าทหารอย่างข้าชีวิตไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เห็นนางมีที่พึ่งข้าก็สบายใจได้แล้ว"" ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางเอ๋อนางเป็นเด็กดีน่ารัก มีนางอยู่ด้วยฮูหยินของข้ามีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว นางเองก็อยากมีบุตรสาวมาตั้งนานแล้ว แต่ก็มีแต่บุตรชายอยากจะตั้งท้องอีกสุขภาพนางก็ไม่ดี ได้ฟางเอ๋อมาทำให้
" ปล่อย "อันชิงเหมยพูดเสียงเย็นชา พยายามดันตัวเขาออก" อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวทหารพวกนั้นรู้นะว่าเราแอบอยู่ตรงนี้"อันเฟยเทียนโบกมือบ๊ายบายพวกทหาร เดินนวยนาดออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นอันชิงเหมยถูกสวี่หานกอดรัดอยู่ เขามองหาก้อนหินแล้วหยิบมันขึ้นมาดีด โป้ก โอ้ยสวี่หานปล่อยอันชิงเหมยเอามือลูบหน้าผากที่ปูดบวมขึ้นมา " เตรียมพร้อมนะ ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว"" อืม แล้วคุณหนูของข้าหล่ะ"" ไม่ต้องห่วง เฟยเทียนไม่ปล่อยให้นางเป็นอะไรหรอก "หม่าอี้หยวนกุมมือหวังเหลียนเอาไว้ มือหนาใหญ่และอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจของนาง หม่าอี้หยวนมองดูพวกทหารพากันวิ่งเอามือปิดตูด เสียงตดดัง ปู้ดป้าด แปร้ดพริบตาเดียว หน้าประตูเมืองก็โล่ง เขาหันมามองหน้าหวังเหลียนที่ขึ้นสีแดงระเรื่อก็ขมวดคิ้ว " คิดอะไรอยู่ ไปได้แล้ว"้เขาจูงมือนางรีบวิ่งออกไป อันเฟยเทียนจูงมืออันชิงเหมยวิ่งมาอีกทาง มีสวี่หานกับเฉาซื่อตามมาติดๆ เฉาซื่อกับสวี่หานรีบไปเปิดประตูเมือง ทุกคนก็พากันวิ่งหนีออกมา ทหารคนหนึ่งนั่งขี้อยู่ไม่ไกล เห็นกลุ่มคนเปิดประตูเมืองออกไปก็รีบร้องบอก" เร็วเข้ามีคนหนีออกไปแล้ว รีบตามไปเร็ว"ไม่มีเสียงตอบรับ เพราะทหารแต่ละคนต่าง