เข้าสู่ระบบบ่ายวันเสาร์ รถยนต์ซีดานสีดำสนิทเคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวลผ่านประตูเหล็กดัดขนาดมหึมาที่เปิดออกต้อนรับอย่างช้าๆ สองข้างทางคือสนามหญ้าสีเขียวขจีที่ได้รับการตัดแต่งอย่างประณีต สลับกับสวนดอกไม้นานาพรรณที่กำลังเบ่งบานอวดสีสันงดงาม เส้นทางที่ทอดยาวเข้าไปด้านในเผยให้เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อ่าที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของจีนและความโมเดิร์นของตะวันตกได้อย่างลงตัว
นี่คือ ‘บ้านใหญ่’ ของตระกูลเสิ่น สถานที่ที่เจาหยวนเคยก้าวเข้ามาด้วยความประหม่าเมื่อหกปีก่อน และเป็นสถานที่ที่ทำให้ภาพฝันในละครน้ำเน่าของเขาพังทลายลงไม่เป็นท่า
“ถึงแล้ว! บ้านคุณปู่คุณย่า!” เสียงเจื้อยแจ้วของเสิ่นเล่อดังขึ้นจากเบาะหลัง เด็กชายนั่งไม่ติดที่ด้วยความตื่นเต้น ผิดกับเสิ่นอันที่นั่งนิ่งๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แววตาที่ส่องประกายก็บ่งบอกว่าเขาก็ดีใจไม่แพ้น้องชาย
เสิ่นหลางจอดรถเทียบหน้าทางเข้าหลักของตัวคฤหาสน์ และทันทีที่รถจอดสนิท ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของหญิงสูงวัยแต่ยังคงความงดงามไม่สร่างซา ‘คุณหญิงหลิวซู’ หรืออดีตนักแสดงชื่อดัง หลิวซูซิน ยืนรอต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง
คุณหญิงอยู่ในชุดเดรสผ้าไหมสีหยกอ่อนที่ขับให้ผิวของเธอดูผุดผ่อง เครื่องประดับมุกบนคอและข้อมือดูเรียบหรูแต่บ่งบอกถึงรสนิยมอันยอดเยี่ยม เส้นผมสีดำขลับถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยอย่างสง่างาม เผยให้เห็นลำคอระหง แม้จะมีริ้วรอยแห่งวัยปรากฏอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามในอดีตของเธอได้เลย
“มากันแล้วเหรอลูก!” คุณหญิงร้องทักด้วยความดีใจ
เจาหยวนลงจากรถก่อนใครเพื่อน และยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยทักทาย ร่างของเขาก็ถูกโอบกอดด้วยอ้อมแขนที่อบอุ่นของคุณแม่สามี
“หยวนหยวนของแม่! มาให้แม่ดูใกล้ๆ ซิ ตายจริง... ทำไมดูผอมลงไปอีกแล้วล่ะลูก เจ้าลูกชายตัวดีไม่ดูแลลูกเลยใช่ไหม!?” คุณหญิงพูดพลางจับใบหน้าของเจาหยวนพลิกซ้ายพลิกขวาสำรวจอย่างละเอียด
เสิ่นหลางที่เพิ่งก้าวลงจากรถพร้อมกับจูงมือลูกชายทั้งสองคนลงมาด้วยถึงกับชะงักค้าง เขาทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่ยืนมองภาพนั้นตาปริบๆ
“ผมสบายดีครับคุณแม่ ไม่ได้ผอมลงหรอกครับ” เจาหยวนรีบแก้ต่างให้สามี
“ไม่ได้ๆ เดี๋ยววันนี้แม่จะขุนลูกให้อ้วนขึ้นเอง” คุณหญิงว่า ก่อนจะเบนความสนใจไปยังหลานชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้างๆ “อันอัน เล่อเล่อ มาให้ย่ากอดหน่อยเร็ว!”
สองแฝดวิ่งเข้าไปกอดคุณย่าอย่างว่าง่าย คุณหญิงหัวเราะเอ็นดูพลางลูบหัวหลานชายทั้งสองสลับกันไปมา หลังจากทักทายหลานๆ จนหนำใจแล้ว สายตาของคุณหญิงก็เพิ่งจะสังเกตเห็นการมีอยู่ของลูกชายตัวเอง
“อ้าว... เธอก็มาด้วยเหรอเสิ่นหลาง”
คำทักทายที่แสนจะห่างเหินนั้นทำให้เสิ่นหลางแทบทรุด “โธ่ คุณแม่ครับ ผมเป็นคนขับรถมาส่งพวกเขานะครับ”
“เหรอจ๊ะ ดีแล้วๆ ทำหน้าที่ได้ดีมาก” คุณหญิงพยักหน้าอย่างขอไปที ก่อนจะหันกลับมาจูงมือเจาหยวน “ไปลูก เข้าบ้านกันเถอะ พ่อเขาก็รออยู่ข้างใน อากาศข้างนอกร้อน เดี๋ยวผิวสวยๆ ของลูกจะเสียหมด”
แล้วร่างของคุณหญิงกับเจาหยวนและสองแฝดก็หายลับเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้เสิ่นหลางยืนเป็นอากาศธาตุอยู่เพียงลำพังกับคนขับรถของที่บ้านที่เพิ่งเดินออกมารับกุญแจรถพอดี ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจกับชะตากรรมของตัวเอง ก่อนจะเดินคอตกตามทุกคนเข้าไปในบ้าน
ภาพเหล่านี้ทำให้เจาหยวนอดนึกย้อนไปถึงวันแรกที่เขามาที่นี่ไม่ได้
หกปีก่อน...
เจาหยวนในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดากับกางเกงสแล็คสีดำที่ดูดีที่สุดเท่าที่เขามี นั่งตัวเกร็งอยู่บนเบาะข้างคนขับ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผากทั้งที่แอร์ในรถเย็นเฉียบ เขากำลังจะไปพบพ่อแม่ของเสิ่นหลางเป็นครั้งแรก หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้หยวนหยวน พ่อกับแม่ผมใจดี” เสิ่นหลางในตอนนั้นยังคงคีพลุคท่านประธานสุดคูล เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แต่แววตาเย็นชาของเขากลับไม่ได้ช่วยให้เจาหยวนรู้สึกดีขึ้นเลย
‘ใจดีเหรอ... จะใจดีกับโอเมก้าธรรมดาๆ ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเราได้ยังไงกัน?’ เจาหยวนคิดในใจ เขานึกภาพฉากในละครที่เคยดูซ้ำไปซ้ำมาในหัว คุณหญิงผู้สูงศักดิ์มองเขาด้วยหางตา ก่อนจะยื่นเช็คให้แล้วพูดว่า ‘เท่าไหร่ก็ว่ามา ขอแค่เธอไปจากชีวิตลูกชายฉัน’
“ระวัง! จะชนแล้ว!” เสิ่นเล่อร้องเสียงหลงเมื่อรถของตัวเองกำลังจะพุ่งเข้าชนขาชั้นวางของ“ดริฟต์สิลูก! ดริฟต์แบบที่ปะป๊าสอน!” เสิ่นหลางตะโกนสั่งการรถคันจิ๋วสีแดงหมุนคว้างอย่างสวยงาม เฉียดขาชั้นวางไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด ก่อนจะพุ่งตรงไปข้างหน้าต่อ เจาหยวนแทบจะหยุดหายใจไม่ได้การละ! ขืนปล่อยไว้แบบนี้สมบัติของชาติต้องพังพินาศเพราะความคึกคะนองของสามพ่อลูกนี่แน่!เจาหยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ วางกล่องนาฬิกาเรือนละล้านลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเขาก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังใจกลางของสนามรบย่อมๆ นั้น รังสีอำมหิตอ่อนๆ แผ่ออกมาจากร่างโปร่งบางจนสามพ่อลูกที่กำลังสนุกสนานสัมผัสได้และค่อยๆ ชะลอความเร็วของรถลง“เสิ่นหลาง... เสิ่นอัน... เสิ่นเล่อ...”เจาหยวนเรียกชื่อทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่เย็นเยียบจนคนฟังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาประสานมือไว้ข้างหน้า ยืนนิ่งๆ มองตรงไปยังจ่าฝูงตัวดี“หยุด... เดี๋ยวนี้ครับ”คำสั้นๆ แต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจนั้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักลงทันที รถแข่งสองคันจอดนิ่งสนิทอยู่กับที่ สองแฝดรีบวางรีโมตลงแล้ววิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังหม่าม้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผู้สมรู้ร่
หลังจากมื้อค่ำอันแสนอบอุ่นสำหรับเจาหยวน และชวนให้น้อยใจสำหรับเสิ่นหลางสิ้นสุดลง ทุกคนก็ย้ายมายังห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับสวนสวยภายนอกด้วยผนังกระจกใสบานสูง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกคัดสรรมาอย่างดี ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว บนผนังประดับด้วยภาพเขียนจากศิลปินชื่อดัง และในมุมหนึ่งมีแกรนด์เปียโนสีดำขลับตั้งอยู่อย่างสง่างามเจาหยวนถูกคุณหญิงหลิวซูจูงมือให้นั่งลงบนโซฟาบุหนังแท้ที่นุ่มที่สุดราวกับปุยนุ่น ขณะที่ท่านประธานเสิ่นเจี๋ยทรุดตัวลงนั่งบนอาร์มแชร์ตัวโปรดพลางจิบชาอู่หลงชั้นเลิศอย่างสบายอารมณ์ สองแฝดตัวน้อยวิ่งปร๋อไปยังกองของเล่นขนาดมหึมาที่คุณย่าเตรียมไว้ให้ ซึ่งดูเหมือนจะมีของเล่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่พวกเขามาเยือนเหลือก็แต่ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล... ที่ถูกทิ้งให้นั่งอยู่อีกฝั่งของโซฟาอย่างโดดเดี่ยวเสิ่นหลางกอดอกมองภาพครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงของประดับราคาแพงที่ถูกลืมไว้ในมุมห้อง ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครพูดด้วย เป็นความรู้สึกที่เขาประสบพบเจอเป็นประจำทุกครั้งที่กลับมาที่บ้านใหญ่แห่งนี้“หยวนหยวนลูก” คุณห
เมื่อรถจอดสนิทหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เจาหยวนก้าวขาลงจากรถแทบไม่ไหว เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็กๆ ที่กำลังจะเดินเข้าสู่ปราสาทของราชสีห์เสิ่นหลางจูงมือเขาเดินเข้าไปในบ้าน ทุกย่างก้าวช่างหนักอึ้ง ภายในห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ร่างของชายหญิงสูงวัยสองคนนั่งรออยู่บนโซฟาหลุยส์ตัวใหญ่ นั่นคือท่านประธานเสิ่นเจี๋ย และคุณหญิงหลิวซู บิดามารดาของเสิ่นหลาง บรรยากาศกดดันจนเจาหยวนแทบหยุดหายใจเขากำลังจะก้มหัวแนะนำตัวตามบทที่ท่องมาทั้งคืน แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...คุณหญิงหลิวซูที่ตอนแรกนั่งนิ่งด้วยมาดนางพญา จู่ๆ ก็เบิกตากว้าง จ้องมองมาที่เขาและมือของเขาที่กุมอยู่กับมือของลูกชายท่านอย่างไม่วางตา ก่อนที่มาดนางพญานั้นจะพังทลายลงในพริบตา“พระเจ้า! เรื่องจริงเหรอเนี่ย!?” คุณหญิงร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะลุกพรวดพราดเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาทันที “เสิ่นหลาง! นี่... นี่ลูก... ลูกมีคนที่ชอบแล้วจริงๆ เหรอ!?”เจาหยวนยืนตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก คุณหญิงเดินเข้ามาใกล้แล้วจับจ้องใบหน้าของเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ แววตาของท่านไม่ได้ดูถูกเหยียดหยาม แต่กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและ... ความโล่งอก?“
บ่ายวันเสาร์ รถยนต์ซีดานสีดำสนิทเคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวลผ่านประตูเหล็กดัดขนาดมหึมาที่เปิดออกต้อนรับอย่างช้าๆ สองข้างทางคือสนามหญ้าสีเขียวขจีที่ได้รับการตัดแต่งอย่างประณีต สลับกับสวนดอกไม้นานาพรรณที่กำลังเบ่งบานอวดสีสันงดงาม เส้นทางที่ทอดยาวเข้าไปด้านในเผยให้เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อ่าที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของจีนและความโมเดิร์นของตะวันตกได้อย่างลงตัวนี่คือ ‘บ้านใหญ่’ ของตระกูลเสิ่น สถานที่ที่เจาหยวนเคยก้าวเข้ามาด้วยความประหม่าเมื่อหกปีก่อน และเป็นสถานที่ที่ทำให้ภาพฝันในละครน้ำเน่าของเขาพังทลายลงไม่เป็นท่า“ถึงแล้ว! บ้านคุณปู่คุณย่า!” เสียงเจื้อยแจ้วของเสิ่นเล่อดังขึ้นจากเบาะหลัง เด็กชายนั่งไม่ติดที่ด้วยความตื่นเต้น ผิดกับเสิ่นอันที่นั่งนิ่งๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แววตาที่ส่องประกายก็บ่งบอกว่าเขาก็ดีใจไม่แพ้น้องชายเสิ่นหลางจอดรถเทียบหน้าทางเข้าหลักของตัวคฤหาสน์ และทันทีที่รถจอดสนิท ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของหญิงสูงวัยแต่ยังคงความงดงามไม่สร่างซา ‘คุณหญิงหลิวซู’ หรืออดีตนักแสดงชื่อดัง หลิวซูซิน ยืนรอต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้มก
“สวัสดีครับ คุณแม่”เสียงของเจาหยวนนุ่มนวลและสุภาพอย่างเคย แม้ในใจจะกำลังตีลังกาสามตลบกับความเป็นไปได้ของเงินรางวัลสิบล้านที่อาจจะหลุดลอยไป เขากระชับโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้นเล็กน้อย รอฟังคำตัดสินชี้ชะตาจากปลายสาย“หยวนหยวน! ลูกรัก!” เสียงที่ตอบกลับมานั้นสดใสและเปี่ยมด้วยความยินดีอย่างที่คุ้นเคย ไม่ได้มีร่องรอยของความเย็นชาหรือการข่มขู่อยู่เลยแม้แต่น้อย “แม่เองนะลูก โทรมาตอนนี้ไม่ได้รบกวนใช่ไหมจ๊ะ”“ไม่เลยครับคุณแม่ ผมกำลังไปบริษัทกับเสิ่นหลาง”“อ้อ เจ้าลูกชายตัวดีก็อยู่ด้วยเหรอ” น้ำเสียงของคุณหญิงเสิ่นเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง ก่อนจะกลับมาอ่อนหวานดังเดิมเมื่อพูดกับเขา “ช่างเถอะๆ อย่าไปสนใจเขาเลย แม่มีเรื่องจะคุยกับลูกน่ะ”เจาหยวนเหลือบมองคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างๆ เสิ่นหลางยังคงมีสมาธิกับการขับรถ แต่ใบหูของเขาตั้งชันอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกว่ากำลังแอบฟังทุกถ้อยคำอย่างตั้งใจ เจาหยวนได้แต่กลั้นยิ้ม“ครับคุณแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”“สุดสัปดาห์นี้ลูกกับหลานๆ ว่างไหมจ๊ะ แม่คิดถึงพวกหนูใจจะขาดแล้ว โดยเฉพาะหน้าของลูกน่ะ ไม่ได้เห็นไม่กี่วันเหมือนใจจะเฉาตาย”เจาหยวนกะพริบตาปริบ
หลังจากมื้อเช้าอันแสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ก็ถึงเวลาที่ต้องไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนอนุบาลนานาชาติซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก เสิ่นหลางซึ่งวันนี้แต่งตัวเต็มยศในชุดสูทสีเทาเข้มสั่งตัดพิเศษ ขับรถสปอร์ตคันหรูออกจากที่จอดรถด้วยตัวเอง โดยมีเจาหยวนนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนเบาะหลังคือที่นั่งของสองตัวป่วนที่กำลังร้องเพลงอย่างมีความสุขเมื่อมาถึงหน้าโรงเรียน เจาหยวนกำลังจะลงไปส่งลูกๆ แต่เสิ่นหลางกลับคว้ามือเขาไว้ก่อน“ให้ผมไปส่งเอง” เขากล่าวเสียงนุ่ม“แต่คุณจะไปประชุมสาย...”“ไม่เป็นไร แค่ห้านาที” เสิ่นหลางยืนกราน ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ลูกชายทั้งสองคน ภาพของท่านประธานเทียนหลงกรุ๊ปในชุดสูทเต็มยศ กำลังจูงมือเด็กชายฝาแฝดในชุดนักเรียนเดินเข้าไปในโรงเรียนกลายเป็นภาพที่เรียกสายตาจากบรรดาผู้ปกครองคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเหล่าคุณแม่โอเมก้าที่มองตามด้วยความชื่นชมเจาหยวนมองภาพนั้นจากในรถแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ เขารู้ดีว่าเสิ่นหลางไม่ได้แค่อยากไปส่งลูก แต่เขาอยากจะ ‘ประกาศอาณาเขต’ ให้ทุกคนรู้ว่าเด็กสองคนนี้และโอเมก้าที่นั่งอยู่ในรถเป็นของเขาต่างหาก... ช่างเป็นอัลฟ่าที่ขี้หวงไม่เปลี่ยน



![พี่ติวเตอร์ครับ...ช่วยสอนผมหน่อยนะครับ[PWP]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



