Главная / วาย / เรารักกันไม่ได้ / เรื่องวุ่นๆหอพักนักศึกษา

Share

เรื่องวุ่นๆหอพักนักศึกษา

last update Последнее обновление: 2024-12-10 20:16:00

         หลังจากงานเลี้ยงรุ่นต้อมอยู่โหมดเศร้าพอสมควร ที่สำคัญได้เริ่มห่างกับคงเดชไม่ค่อยคุยกันอย่างแต่ก่อน ด้วยเหตุหลายอย่างทำให้ทั้งสองต้องรักษาระยะห่าง ในวันนี้ต้อมจึงเข้ามาในสวนมะม่วงของเขา ที่มีอีกรุ่นออกผลจนนำไปขาย 

           “อาต้อมครับ”

           ต้อมคุ้นๆหูเสียงนี้แต่นึกไม่ออกว่าเสียงใคร เขาจึงหันไปมองทันที่ สิ่งทีเห็นคืออาคารลูกของอาคมยืนยิ้มอยู่ใต้ต้นมะม่วง เมื่อเห็นเช่นนั้นต้อมจึงเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มนั่น

           “มาหาอามีธุระอะไร”ต้อมเดินไปใต้ต้นมะม่วงที่อาคารยืนอยู่

           “ผมกลับมาบ้านแล้วเหงาๆพ่อก็ไปงาน อบต แม่ไปทำงาน ส่วนน้องสาวไปหาเพื่อน ผมไม่มีใครเลยมาคุยด้วยสักหน่อย”

           “ได้สิ นั่งลงก่อนจะมาคุยอะไรกับคนแก่”

           “ผมมีเรื่องอยากปรึกษาอาครับ”

           “เรื่องอะไร อย่าบอกนะเรื่องความรัก”ต้อมยิ้มนิดๆ

           “เรื่องมันเกี่ยวพันกันน่ะอา”

           “เกี่ยวพันอะไรอาไม่เข้าใจ พูดมาตรงๆก็ได้อาจะพยายามทำความเข้าใจ ว่าแต่ เอ๊ะ ทำไมไม่ปรึกษาพ่อของหลานล่ะ”ต้อมมีสีหน้าที่งุนงงอยู่บ้าง

           “ผมไม่กล้าปรึกษา ผมว่าอาน่าจะรู้ว่าผมเป็นแบบไหน เหมือนอย่างผมรู้ว่าอาเป็นแบบผม”

           ต้อมรู้สึกอึ่งไปกับคำพูดของอาคาร แต่เขาพยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ ไม่ได้โกรธและรู้สึกไม่ดีแต่เข้าใจทำไมอาคารถึงกล้าพูด และจะมาปรึกษาปัญหานี้กับตัวเอง

           “อือ ว่ามา”ต้อมเอ่ยขึ้น

           “ผมมีแฟนแล้ว และก็เป็นผู้ชายแต่ผมไม่กล้าบอกพ่อ ทุกวันนี้ผมอึดอัดมาก”

           ต้อมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี และคิดว่าในยุคสมัยนี้ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องแบบนี้ ที่สำคัญอาคมยังคบเขาเป็นเพื่อน เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะทำให้อาคมรับไม่ได้

           “อาคารหลานคิดไปเองหรือเปล่า พ่อหลานก็รู้ว่าอาเป็นแบบไหน ยังคบอยู่กับอาเลยไม่ใช่เรื่องต้องกังวลแต่อย่างใด หรือว่าจะให้อาไปพูดให้ก็ได้นะ”

           “อย่านะอา ผมเข้าใจทุกอย่างแต่พ่อผมเขาดูแปลกๆ อยู่กับอาเหมือนไม่มีอะไร แต่กับผมไม่รู้ว่าพ่อจะรับได้ไหม”

           “ได้สิ ไม่ใช่ปัญหาหรอก”ต้อมมีสีหน้าที่หนักแน่น

           “อาคิดว่าผมต้องทำอย่างไรดี”

           “สำหรับอานะ หลานไม่ต้องทำอะไรเป็นแบบเดิมนี่แหละ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกไม่ต้องอะไรทั้งนั้น ทำตัวตามปกติอยู่อย่างนี้แหละ และอีกอย่างชีวิตเป็นของเราทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ การที่เราไม่บอกให้ใครได้รับรู้ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้นี่ บางทีพ่อแม่อาคารน่าจะรู้ก็ได้ แต่เขาไม่พูดแค่นั้นในเมื่อไม่พูด เราไม่พร้อมที่จะบอกก็ไม่เป็นไร ปล่อยไปเป็นตามธรรมชาติดีกว่า”

           “อาให้คำปรึกษาผมได้ดีมาก ตอนแรกผมอึดอัดเหมือนกันนะ ไม่อยากกลับมาบ้านกลับมาทีไรพ่อชอบให้ไปช่วยทำนา ซ่อมไฟ ทำโน้นทำนี่ผมไม่ชอบงานแบบนี้เลย”

           “ไม่ชอบทำไมไม่บอกพ่อเขาไปล่ะ”

           “ผมไม่กล้า แต่ไม่เป็นไรถ้าผมเรียนจบคงได้กลับบ้านไม่บ่อย ช่วงนี้ทนๆเอาหน่อย”

           “คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว”ต้อมยิ้มให้อาคารลูกชายของเพื่อนอย่างจริงใจ

           “เห็นพ่อเคยเล่านะว่าอาเคยอยู่หอพักชายในมหาวิทยาลัย เป็นอย่างไงบ้าง ตอนนี้ผมก็พักหอในเหมือนกัน ปีหน้าว่าจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกับแฟน”

           “ร้ายนะ แฟนอยู่หอในเหรอ”

           “ไม่ใช่หรอก เจอกันข้างนอก อาเล่าให้ฟังได้ไหมว่ายี่สิบกว่าปีที่แล้วเป็นอย่างไงบ้าง”

           “อาจำไมได้แล้วมันนานมาก”

           “เอาน่าอาเล่านิดๆหน่อยๆก็ได้”

           “อือ”

           ในช่วงเวลาที่ต้อมกำลังตัดสินใจว่าจะเล่าหรือเปล่า เสียงโทรศัพท์มือถือของอาคารดังขึ้น ซึ่งคนโทรมาเป็นพ่อของเขาเอง อาคารจึงเดินไปที่อื่นเพื่อคุยกับอาคมอยู่พักหนึ่ง

           “ไม่ได้ฟังเรื่องของอาเลย วันหลังจะมาฟังใหม่ อาอย่าบอกพ่อนะว่าผมมาหา เพราะพ่อยิ่งสังสัยว่าผมเป็นแบบอา ขืนรู้กลัวมีปัญหากัน”

           “อือ อาไม่บอกหรอก”

           “ผมไปแล้วนะอา”

           ต้อมนั่งมองอาคารลูกชายของเพื่อนที่หน้าตาน่ารักไปทางแม่มากกว่าพ่อ เพราะอาคมนั้นจัดว่าไม่หล่อเท่าไรผิวเข้ม ซึ่งผิดกับลูกชายแต่เค้าโครงหน้าได้ของส่วนอาคมมาบ้าง เมื่ออาคารได้ไปจนลับตา ต้อมจึงได้หวนคิดถึงอดีตที่เคยอยู่หอพักชายที่เขาเคยพักอาศัยอยู่

           กลางดึกดื่นเสียงเพลงดังสนั่น มีแต่ควายของมาม่าบูลดังขึ้น ต้อมตกใจตื่นมีอาการหวาดกลัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองไปรอบซึ่งไม่เจอรุ่นสักคน มีเพียงเพื่อนๆในห้องหกคนแค่นั้น

           “เกิดอะไรขึ้น”

           “รับน้องหอ”สนเอ่ยขึ้น เพราะเขาได้แอบยินรุ่นพี่คุยกัน

           “มีแบบนี้ด้วยเหรอ”

           “มีสิไปแต่งตัวได้แล้ว”สนรีบไปเปิดประตู้เสื้อผ้าหาชุดที่ชัดแบบมะมัดทะแมงหน่อย

           ต้อมรีบลุกขึ้นจากเตียงเหมือนกัน เปิดตู้เสื้อผ้าเอากางเกงวอร์มาใส่ส่วนเสื้อใส่ตัวเดิม หลังจากทั้งหมดวิ่งลงไปข้างล่างยังห้องประชุมทันที เมื่อไปถึงได้ยินเสียงประธานสมพงษ์ตะโกนดังสนั่น

           “เร็วๆหน่อย”

           ต้อมอยู่แถวสุดท้ายและอยู่หน้าสุด เพราะตัวเล็กกว่าใครอื่น สายตามองไปรอบๆเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันหน้าตาหลากหลาย ความต่ำสูงแตกต่างกันไป สีผิวคละคำขาวคล้ำรวมกันทั้งหมด

           “แยกกันไปคนละฐานะ”ประธานสมพงษ์แจก          ไฟฉายหนึ่งกลุ้มหนึ่งอัน ถึงแม้ไฟจะแจ้งสว่างแต่เพื่อความปลอดภัยของน้องๆ จึงมีความเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่าง เพื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

           ห้องของต้อมอยู่ท้ายสุดจึงไปฐานหกก่อน ซึ่งเป็นฐานรุ่นพี่ในห้องของตัวเอง เมื่อไปถึงที่ฐาน

           “จับคู่กัน”อ๊อฟพูดขึ้น

           เตียงติดกันสนกับต้อมเลยได้คู่กัน ด้วยความสนิทและพูดคุยก่อนนอนอยู่ทุกค่ำคืน ปรึกษาหารือทุกเรื่องอยู่บ่อยๆ

           “ฐานนี้ไม่มีอะไรมาก เดินดูหนังซุปเปอร์แมนไหม”อ๊อฟพูดขึ้นมา

           “ถ้าเคยดูไปใส่กางเกงแบบซุปเปอร์แมน แต่ต้องเป็นกางเกงในของเพื่อนตัวเอง พี่มีเวลาให้สองนาทีไปเปลื่ยนหลังพุ่มไม้โน้น อย่าลืมนะใครช้าสุดจะมาบทลงโทษ”

           ต้อมรู้สึกกล้าๆกลัวๆแต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะสนจับมือเขาวิ่งไปหลังพุ่มไม้ 

           “นายนี่ชักช้าจริงๆเดี๋ยวโดนลงโทษหรอก”สนพูดอย่างไว

           สายตาของต้อมมองไปยังสนกำลังถอดกางเกงอย่างไม่อายเขาแม้แต่น้อย ถึงแม้จะมืดไปหน่อยแต่ยังพอเห็น

           “มองอะไรถอดสิ”

           สองมือของต้อมรีบถอดกางเกงวอร์มของตัวเองออก ส่วนกางเกงในยังรีรออยู่เพราะไม่กล้า

           “ถอด ไม่ต้องอาย”สนพูดรัวๆ

           วินาทีนั้นต้อมไม่มีทางเลือก เขาจึงหันก้มหันหลังให้สน แล้วดึงกางเกงในสีขาวออกทันที พร้อมยื่นกางเกงในให้สนโดยไม่ให้หน้า สนรับไว้อย่างเร็วและยื่นกางเกงในสีแดงให้ต้อมอีกมือ ต้อมกำไว้แล้วใส่กางเกงก่อนหลังจากตามด้วยกางเกงในสีแดงของสน

           “เสร็จแล้วไปเร็วไม่ทันแล้วมั้งเนี่ย”

           สนวิ่งนำหน้าไปโดยมีต้อมวิ่งตามมาด้านหลัง อย่างกระชั้นชิดไม่ห่างกันเท่าไรหนัก เมื่อไปถึงคู่อื่นยืนรอกันจบครบหมดทุกคน

           “ช้าที่สุดเป็นของไอ้สนกับน้องต้อม”อ๊อฟพูดขี้น

           “สองคนนี้ต้องได้รับบทลงโทษ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะให้ทำอะไรดี”อ๊อฟมีท่าทีครุ่นคิด

           “มีให้เลือกสองอย่าง”รุ่นพี่อีกคนพูดขึ้นมา

           “อย่างแรก ผลัดกันหอมแก้ม ส่วนอย่างที่สอง วิดพื้นคนละสิบที”รุ่นพี่คนเดิมพูดต่อ

           “ไอ้สน จะเลือกอย่างไหน”อ๊อฟยิ้มนิดๆอยากรู้คำตอบ

           “หอมแก้มต้อมครับ”สนพูดอย่างดัง

           “ไอ้สนเลือกหอมแก้ม ส่วนน้องต้อมเลือกอะไรล่ะ หรือว่าวิดดีไหม”

           “หอมแก้มก็ได้ครับ”ต้อมพูดเสียงแผ่วเบา

           “ถ้างั้นเอาเลย”

           สิ้นเสียงของอ๊อฟสนไม่รอช้า เดินเข้าไปใกล้ต้อมจับต้นคอแล้วโน้มลงมา หอมสองสามฟอด อ๊อฟเห็นหอมเยอะไปจึงสั่งให้หยูด

           “ไอ้สนพี่บอกให้หอมทีเดียว แก้มน้องต้อมซ้ำหมด ไอ้นี่เผลอไม่ได้เลยนะ”

           “ครับ”สนยิ้มนิดๆด้วยความสะใจได้แกล้งต้อม

           “ถึงตาน้องต้อมแล้วนะ”

           สนกลัวไม่ทันใจยื่นแก้มไปใกล้ๆริมฝีปากของต้อม ในเวลานี้ต้อมค่อยๆยื่นริมฝีปากไปสัมผัสแก้มของสนอย่างแผ่วเบา 

           “พอแล้ว ไปฐานอื่นก่อน อยู่ที่นี่นานเดี๋ยวโดนลงโทษอีก แก้มน้องต้อมของพี่ซ้ำพอดี”

           “ไม่เปลื่ยนกางเกงเกงเหรอครับ”ต้อมถาม

           “เอ่อ พี่ก็ลืมไปเลย เข้าไปเปลื่ยนได้เลย”

           เมื่อสิ้นเสียงของอ๊อฟ ทั้งต้อมและสนรวมทั้งบรรดาเพื่อนๆ ต่างไปพุ่มไม้อีกครั้ง หลังจากนั้นรีบวิ่งไปยังฐานต่อไปอย่างเร่งรีบ

           

       

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เรารักกันไม่ได้   จำใจจำยอมจบสิ้น จบบริบูรณ์

    ต้อมนั่งคิดถึงเหตุการณ์รักครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว ก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้าน หลังจากวันนี้ด้วยความอับอายและพ่อกับแม่ที่แก่ชรามากแล้ว ต้อมจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างได้กลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินในส่วนมะม่วงของตัวเองอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกขานดังมาแต่ไกลต้อมจึงลุกขึ้นยืนมองตรงใต้ต้นมะม่วง ซึ่งคนที่เดินมาหาไม่ใช่ใครอื่นเป็นเพื่อนรักนั่นเอง “อาคมนี่เองนึกว่าใครมาหาเราถึงที่นี่เลย”ต้อมยิ้มให้อย่างใคร่ยินดี “ปัก ปัก ปัก”อาคมรัวหมัดใส่ใบหน้าของต้อมไม่ยั้งจนล้มลงกองนอนกับพื้น “นายต่อยเราทำไมอาคม”ต้อมใช้มือกุมปากไว้ที่เลือดออกมานองอุ้งมือ “ไอ้ต้อมกูรักมึง ถึงมึงจะเป็นอย่างไรแบบไหนก็รักมึงแบบเพื่อน ไม่เคยรังเกียจมึงเลยแม้แต่น้อย ทำไมมึงทำกับกูได้ลงคอ”อาคมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เราไปทำอะไรให้นาย”ต้อมพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน “มึงยังมีหน้ามาพูดอีก เมื่อคืนมึงทำอะไรลูกกู”เมื่ออาคมพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่น “อ่อ เมื่อคืนอาคารมานอนกับเราเอง”ต้อมพูดพาซื่อ “เพลี้ยะ

  • เรารักกันไม่ได้   ความทุกช์

    สองสามวันมานี้เรื่องราวของต่อและต่อมไมได้มีปัญหาอะไร เพราะต้อมไม่ได้ให้เงินต่อแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นเหตุให้ต่อไม่สามารถที่จะไปเมาที่ไหนได้อีก แต่สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงด้วยที่ต่อยังไม่ได้งานทำเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมาตกที่ต้อมทั้งหมด ในค่ำคืนนี้ทั้งต่อและต้อมต่างนอนนิ่งไม่คุยกันเท่าไรนัก แต่ในความรู้สึกของต้อมในตอนนี้ก็รู้สึกที่ดีด้วยต่อไม่ได้เมามาย เพราะทำให้สบายใจนอนอิ่มหลับสนิทมาหลายคืน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายอะไรกันอย่างครั้งก่อนๆหน้านี้ “ไม่ได้ดื่มเหล้ามันเลยทำให้มีอารมณ์”ต่อเอ่ยขึ้นแล้วมองหน้าต้อมด้วยความใคร่อยากขึ้นมา “แล้วไง”ต้อมพูดขึ้นลอยๆถึงแม้จะอยากมีอะไรกับต่อ “ไม่อยากเหรอ” “ไม่อยาก” “แต่เราอยาก” “ก็ทำเองสิ” “อยากให้นายทำได้ไหม ถือว่าให้ของขวัญเราที่ไมได้เมา และ อีกอย่างพรุ่งนี้เราจะไปหางานแล้วนะ” “ให้ทำอะไร” ต้อมพูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต่อต้องการให้ทำอะไร แต่ก็แกล้งไปอย่างนั้นเพื่อให้ชีวิตมีสีสัน สายตาของต้อมจึงได้เหล่ไปมอง แล้วก็เห็นในสิ่งที่เคยเห็นเป

  • เรารักกันไม่ได้   บอกรัก

    ค่ำคืนดึกดื่นเงียบสงัดต้อมได้ยินเสียงสุนัขที่บ้านเห่า จึงแอบส่องทางหน้าต่าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นอาคารลูกชายอาคมที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน “อาต้อมครับเปิดประตูให้ผมหน่อย” ต้อมไม่สามารถที่จะให้อาคารอยู่หน้าบ้านได้เพียงลำพัง จึงได้เดินออกไปเปิดประตูเพื่อสอบถามทำไมมาตอนดึกขนาดนี้ เมื่อต้อมเดินไปถึงก็ได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจตรงหน้า “มีอะไรเหรอ” “เดี่ยวค่อยบอกผมขอเข้าไปข้างในก่อนได้ไหม ยุงกัดผมจนคันไปหมดแล้วครับ” ต้อมไม่สามารถที่จะปฏิเสธเหตุการณ์และคำของจากอาคารได้ จึงเปิดประตูให้เข้ามาอย่างง่ายดายและพาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง “ห้องอาต้อมใหญ่จังเลย ใหญ๋กว่าห้องผมที่บ้านพ่ออีก”ต่อนั่งลงบนเตียงนอน เพราะที่ห้องของต้อมไม่ได้มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งแต่อย่างใด “มาหาอามีธุระอะไรหรือเปล่า ดึกดื่นขนาดนี้แล้วมาอย่างไงเนี่ยไม่เห็นมีรถเลย อ้าว กระเป๋าเสื้อผ้าด้วยยังไม่ได้กลับบ้านเหรอ”ต้อมมีท่าทีตกใจพอสมควร “ถามผมหลายอย่างเลยจนผมไม่อยากจะตอบอะไรสักอย่าง แต่ในเมื่ออาต้อมถามผมก็จะตอบให้หมดอาต้อมจะได้ไม่คาใจในตัวผมไงครับ”

  • เรารักกันไม่ได้   ทำกันได้

    ด้วยเหตุที่ต่อได้พักงานหลายวันจึงถูกให้ออก สาเหตุนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักเท่าไร เพราะมีเหตุร้ายแรงกว่านี้อีก ด้วยต่อได้เมามายไปทำงานจึงเกิดภาพที่ดูไม่ดีหลายครั้ง ทางนายจ้างจึงต้องตัดใจเลิกจ้าง เพราะด้วยความประพฤตินั้นเกินเยียวยา “เราบอกนายหลายครั้งแล้วว่าให้เลิกดื่มเหล้า เห็นไหมโดนไล่ออกจากงานต่อไปจะทำอย่างไรล่ะ”ต้อมนั่งลงบนเตียงด้วยอารมณ์กลัดกลุ้ม ส่วนต่อนั้นหากลุ้มใจไม่นอนเล่นโทรศัพท์มือถือย่างสบายใจสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรแม้แต่น้อย “เอาน่า ตอนนี้ถือว่าพักผ่อนเดี๋ยวเราก็ออกไปหางานเองนั่นแหละนายไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” “ให้มันจริงเถอะ”ต้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” ต้อมไม่อยากจะพูดอะไรต่อไปอีก เรพาะขืนพูดอาจมีปากเสียงกันได้ และอีกอย่างหนึ่งไปกดดดันคนตกงานมันก็เป็นอะไรที่ดูไม่ค่อยดี ด้วยเป็นครั้งแรกที่ต่อไม่ได้ทำงานซึ่งแต่ก่อนหน้านี้ขยันไปทำงานทุกวัน ได้เงินมาก็แบ่งให้ใช้จ่าย ไม่เหมือนตอนนี้แม้แต่เงินก็ไม่มีให้ต้อมแม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้อยู่กินกับต้อมทั้งนั้น “อืม” “ดีมากที่รัก ขอเง

  • เรารักกันไม่ได้   ความเศร้า

    ความรักของต้อมกับต่อคืบหน้าไปได้พอสมควร ต่างรักใคร่กันมีอะไรเผื่อแผให้แก่กันไม่ขาด แต่มีอยู่สิ่งที่หนึ่งต้อมเริ่มรู้สึกระอาในเมื่อใจยังรักจึงต้องทน ถึงค่ำคืนต่อจะเมามายไม่มีวันหยุดพักเช่นเดียวกันกับตอนนี้ “เมื่อไรนายจะเลิกดื่มเหล้าซะที นายดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องเหล้า”ต้อมนั่งบนเก้าอี้มองต่อนอนเกือกกลั้วกองกับพื้น “ใครเมา อย่ามาพูดแบบนี้นะ”ต่อพยายามลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาต้อม พร้อมกับลากขึ้นไปบนเตียงนอน “ปล่อยนะเราเหม็นเหล้า”ต้อมดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอดของต่อ “อ่อ เดี๋ยวนี้รังเกียจเรามากเลยนะ” “เปล่า แต่นายเมาเกินไป”ต้อมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายแต่ในเมื่อยังรักอยู่ จำใจต้องฝืนทนต่อไปอีก “ได้เลย ถ้างั้นคืนนี้นายอยู่คนเดียวก็แล้วกัน เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก” เมื่อต่อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป อย่างไม่เหลียวหลังมามองต้อมแม้แต่น้อย จนต้อมได้แต่ถอดถอนหายใจถึงแม้จะรู้สึกสบายกายและใจเมื่อได้อยู่คนเดียว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับต่อ เพราะไปในสภาพเมามายอย่างนั้น แต่ต้อมก็พยายามทำใจแข็งฝืนทนความคิด

  • เรารักกันไม่ได้   ความในใจ

    พักหลังอาคารได้มาหาต้อมบ่อยๆบางครั้งก็อยู่ทั้งวันกว่าจะได้กลับใช้เวลานานพอสมควร วันนี้เช่นเดียวกันเป็นวันอาทิตย์ซี่งอาคารต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังไม่วายแวะเวียนเข้ามาหาต้อมอยู่ก่อนจากไปอีกหลายวัน “มาหาอาทำไมแต่เช้า วันนี้ไม่ไปกรุงเทพเหรอ”ต้อมนั่งลงตรงหน้าอาคารซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วตรงเรือนชานหน้าบ้าน “วันนี้ผมจะไปแล้วไง ก็อยากมาเห็นหน้าอาต้อมสักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”อาคารยิ้มอย่างมีความสุข “มันก็ดี เดี๋ยวไปไม่ทันรถหรอกจะทำไง” “ถ้าไปไม่ทันก็มาอยู่กับอาต้อมไงครับ” “จะมาอยู่กับอาได้ไงบ้านของอาคารก็มี” “อยู่กับพ่อกับแม่ไม่เหมือนอยู่กับอาต้อมเลย ผมอยู่กับอามีความสุขมากที่สุด อยากหยุดเวลาทั้งหมดไว้ที่นี่” “พูดเป็นนิยายไปได้ คนเราต้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนะอาคาร อย่าเอาชีวิตมายึดติดกับอาเลย” สาเหตุที่ต้อมพูดเช่นนี้ออกไป เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่อาคารได้ทำให้นั่น สามารถบอกได้เป็นลางๆว่าคิดเช่นไร แต่ยังเผื่อใจว่าอาจคิดไปเองบ้างนิดหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ต้อมจึงไม่อยากที่จะให้มีความสัมพันธ์มากไปกว่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status