สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่านไฟเก่าจะลุกโซนจนมอดไหม้ ถึงเป็นเช่นนั้นเราก็ยังรักนายไม่มีวันเปลื่ยนแปลง
View Moreชายหนุ่มวัยเกือบห้าสิบเดินดูสินค้าในตลาดสด อันเต็มไปด้วยของกินของใช้มากมายเรียงรายทั่วบริเวณ สายตาจับจ้องไปยังอาหารนานาชนิด ด้วยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างสักเท่าไร ยิ่งเดินมาเลือกซื้อกับข้าวมื้อเย็น จึงจำเป็นต้องรีบซื้อเพราะเวลามีน้อย หนุ่มใหญ่ผู้นี้จึงเลิกแกงไว้สองอย่าง ส่วนเท้าทั้งสองข้างขยับไปเหยียบสาวใหญ่วัยเดียวก่อน
“อุ๊ย ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจครับ” ต้อมเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสายตาอันบ่งบอกว่ายอมรับผิด
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวรุ่นเดียวกันยิ้มให้พร้อมพยักหน้าเป็นการให้อภัย
“ต้อมใช่ไหม” ชายหนุ่มยืนข้างหญิงสาวพูดขึ้น
“นาย เอ่อ อาคมใช่ไหม” ต้อมมองตาค้างและรู้สึกประหลาดใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“อือ เราไม่ได้เจอกันนานเลยหนอ ตอนนี้นายทำอะไรอยู่” อาคมถามด้วยความสงสัย
“เรากลับมาอยู่บ้านทำสวนน่ะ นายล่ะทำงานอะไร” ต้อมถามด้วยความอยากรู้
“เราเป็นนายก อบต ส่วนเวลาว่างเราทำนา”
“อือ ดีจัง กลับบ้านมาคราวนี้ไม่เสียเที่ยว”
“เราก็ดีใจที่เจอนายนะ เพื่อนๆ ถามหานายกันยกใหญ่เลย เอ่อ เราลืมแนะนำนี่เมียเราชื่อส้ม”
“ยินดีที่รู้จักนะ” ต้อมยิ้มให้อย่างยินดี
“เช่นกันค่ะ”
“เราขอเบอร์หน่อย เฟส ด้วย”
“ตรงนี้เลยเหรอ อือ ก็ได้นะ”
ต้อมรีบจ่ายเงินค่าแกงสองถุงแล้วเดินออกห่างมาจากร้าน เฉกเช่นเดียวกันกับอาคมและภรรยาของเขา เมื่อสถานการณ์และเวลาเหมาะต้อมจึงบอกเบอร์โทรพร้อมชื่อเฟส ส่วนเพื่อนเก่าไม่รีรอเม้มเบอร์และแอคเฟสทันใด
“ถ้างั้นเรากลับก่อนนะ ว่างๆ จะโทรหานาย”
“อือ” ต้อมพยักหน้าให้ด้วยความยินดี
สายตาของต้อมมองคู่สามีภรรยาเพื่อนสมัยเรียนจนลับตา หลังจากนั้นเขาเดินต่อไปยังร้านอื่นเพื่อซื้อสิ่งของและอาหารอย่างที่ต้องการอยู่พักหนึ่ง จนสองมือเต็มไปด้วยถุงหิวพะรุงพะรัง ต้อมรีบเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่จอดอยู่ท้ายตลาด เมื่อไปถึงก็ขับรถเครื่องกลางเก่ากลางใหม่ออกไปในทันที
ยามค่ำคืนอันดึกสงัดต้อมยังไม่ได้หลับนอน ถึงแม้จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จหมดแล้วก็ตาม ด้วยความที่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าอดีตคุ้นเคย แต่พูดคุยผ่านทางไลน์ได้ไม่นานเป็นอันต้องหยุด ซึ่งต้อมเข้าใจดีในข้อนี้เพราะอาคมไม่ใช่คนโสด
ความรู้สึกอันดีงามได้เจอเพื่อนเก่าคนแรก ความคิดอีกทางอยากเจอหลายคน โดยเฉพาะเพื่อนบางคนที่เคยมีความนัยต่อกัน ต้อมจึงค้นหาจากเฟสของอาคม เพื่อตามหาเพื่อนสนิทคนคุ้นเคยที่แวบเข้ามาในใจของเขา
ท้ายที่สุดต้อมได้เจอเพื่อนคนนั้นในเฟส เขาจึงกดขอเป็นเพื่อนไม่นานได้รับการตอบรับ ความรู้สึกยินดีปรีดา สมหวังในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ต้อมจึงรีบดูไทม์ไลน์ของเพื่อนคนนี้ เพียงดูครั้งแรกเขารู้สึกใจหาย ด้วยว่ามีแต่รูปโปรไฟส์ที่อยู่เดี่ยวๆ นอกนั้นเป็นรูปครอบครัวของเพื่อนเคยสนิท ต้อมพยายามมองข้ามผ่านไป แต่ด้วยความรู้สึกอยากพูดคุยมีมากกว่า เขาจึงส่งข้อความไปหา คงเดช เพื่อนรักทันที
“จำได้ไหมใครเอ่ย”
“จำได้ ต้อมไง หล่อขึ้นเยอะเลยนะ”
“มีแต่แก่ขึ้นหล่อน้อยลงมากกว่านะเราว่า”
“แหม รุ่นนี้แล้วก็ตามนั้น ว่าแต่นายเป็นไงบ้างอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ติดต่อเพื่อนฝูงเลย”
“ตอนนี้เรากลับมาอยู่ที่บ้านแล้วนะ มาทำไร่ทำสวนนายล่ะอยู่ที่ไหนทำอะไร”
“เราอยู่กรุงเทพ ทำงานรับเหมาเดินสายไฟ”
“ได้กลับมาบ้านบ้างไหม”
“ไม่ได้กลับหรอก เราซื้อบ้านจัดสรรอยู่ที่นี่กับลูกและเมียเรา นายล่ะเอาเมียมาอยู่ที่บ้านด้วยเหรอ”
“เปล่า เราไม่มีเมีย เรากลับมาอยู่บ้านกับพ่อและแม่”
“ว้าว”
“หมายความว่าอย่างไง”
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ถ้านายว่างๆ มาเที่ยวหาเราก็ได้นะ เราจะพานายไปเที่ยวและนั่งคุยกัน”
“อือ ถ้าว่างเราจะไปหานะ”
“โอเคร แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้เราต้องทำงาน”
“อือ”
ความรู้สึกหลังคุยแซทจบ ต้อมถึงกับใจสั่นแต่ไม่ได้ผิดคาดมากนัก ด้วยอะไรหลายอย่างเขาจึงไม่แปลกใจ ทำไมเพื่อนรักของตัวเองมีครอบครัวที่อบอุ่น ส่วนตัวของต้อมเองนั้นกว่าจะกลับมาอยู่บ้าน ได้ผ่านมรสุมชีวิตอย่าหนักหน่วง
จิตใจของต้อมในตอนนี้เริ่มคิดถึงอดีตที่หอมหวน มีความสุขสมวัยในวันวาน เป็นความแตกต่างอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ หลังจากได้พูดคุยกับเพื่อนรักคนเคยสนิท ต้อมล้มตัวลงนอนพร้อมหลับตาคิดเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาร่วมสามสิบปี
ร่างบางๆ ของต้อมในสมัยสามสิบปีที่แล้ว ยืนมองหอพักชายในมหาวิทยาลัยฟ้าคราม เขายังไม่กล้าเดินเข้าไปทั้งๆ ที่มีเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกัน ต่างเดินทยอยเข้าไปยังหอพักแห่งนี้ จนเสียงเข้มๆ ดุๆ ดังขึ้นต้อมจึงมีสติอย่างทันท่วงที
“น้องเมื่อไรจะเข้ามา ยืนเหม่อมองอะไร” ชายหนุ่มที่ดูแก่กว่าต้อมไม่มากตะโกนมาจากหอพักชาย
เสียงอันดังของรุ่นพี่ทำให้ต้อมต้องเดินเข้าไปหา ถึงแม้ว่าจะกลัวและตื่นเต้นแต่ต้องทำใจเดินไปยังรุ่นพี่หนุ่มรูปหล่อ
“พี่ขอดูใบเสร็จหน่อย”
กระเป๋าที่ต้อมสะพายได้ออกจากไหล่บ่ามาวางไว้บนพื้น มือข้างหนึ่งของต้อมเปิดกระเป๋าควักใบเสร็จค่าหอพักออกมาให้รุ่นพี่ได้ดู
“อือ ตามพี่มา”
รุ่นพี่หนุ่มรูปหล่อเดินนำหน้าต้อมอย่างรวดเร็ว ด้วยน้องๆ นักศึกษาทยอยเข้ามาทีละหลายคน รุ่นพี่คนนี้ต้องรีบพาน้องนักศึกษาเข้าหอพักแข่งกับเวลาอันเหลือน้อย ต้อมได้เดินตามนักศึกษารุ่นพี่ไปยังชั้นสามห้องท้ายสุด เพียงประตูถูกผลักเข้าไปสายตาของต้อมรีบสอดส่ายส่องดูอย่างไว
“ไอ้อ๊อฟฝากน้องด้วยนะ”
“เอ่อ” รุ่นพี่คมเข้มขานรับ
“น้องเข้าไปเลย” รุ่นพี่หนุ่มหล่อยิ้มให้ก่อนรีบวิ่งลงไปยังชั้นล่าง
ต้อมเดินเข้าไปด้วยท่าทีนุ่มนิ่มถ่อมตัวยิ้มนิดๆ ไปหาอ๊อฟรุ่นพี่ในห้อง กระเป๋าที่ถือมาได้วางลงกับพื้นอีกครั้ง เพื่อยกมือไหว้รุ่นพี่ที่นั่งยิ้มอย่างยินดี
“สวัสดีครับพี่อ๊อฟ”
“น้องชื่ออะไร” เสียงแหบๆ ของอ๊อฟได้ดังขึ้น
“ต้อมครับ”
“อือ น้องต้อม เหลือเตียงสุดท้ายพอดีเลย” อ๊อฟชี้มือไปยังเตียงที่หกซึ่งอยู่ริมสุด
“ครับ” ต้อมเดินไปยังทิศทางที่รุ่นพี่ในห้องชี้มือ
สายตาของต้อมมองไปรอบๆ ห้องสี่เหลื่ยมที่กว้างพอสมควร มีเตียงนอนสองแถวหันปลายเท้าเข้าหากัน ส่วนตู้เสื้อผ้าล้วนอยู่บนหัวเตียงนอน ตรงกลางห้องมีราวตากผ้าและโต๊ะรีดเสื้อผ้าสองตัว
ก่อนที่ต้อมจะวางกระเป๋าบนเตียงนอน รอยยิ้มของเขาปรากฏขึ้นให้เตียงข้างๆ ด้วยท่าทีและสีหน้าต้องคาดการณ์ไว้ว่า คงเป็นนักศึกษาใหม่เหมือนกับเขาอย่างแน่นอน
“เราชื่อสนนะนายชื่อต้อมเราได้ยินเมื่อกี้” สนยิ้มตอบกลับอย่างไมตรีจิต
“อือ” ต้อมพยักหน้า
ชายหนุ่มอีกสี่คนที่นั่งบนเตียงต่างแนะนำชื่อ พร้อมบอกคณะที่ได้เข้าศึกษา ทุกคนต่างเป็นเองกับต้อมอย่างมาก จนเขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาพอสมควร
“นายเรียนคณะอะไรล่ะ” สนคนเดิมถามไถ่ด้วยความอยากรู้
“เทคโนโลยีอุตสาหกรรมเอกไฟฟ้า”
“อ่ะ” เพื่อนใหม่ต่างส่งเสียงออกมาพร้อมกัน รวมทั้งอ๊อฟรุ่นพี่ที่อยู่ภายในห้องคนเดียว
“ไม่อยากเชื่อเลย” สนเอ่ยขึ้น
ต้อมไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยที่บรรดาเพื่อนใหม่ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเรียนคณะนี้ อย่าว่าแต่เพื่อนใหม่เลยในส่วนตัวของเขาเองยังไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เพราะก่อนสอบเลือกได้สามคณะ สองคณะแรกต้อมคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ มาได้คณะสุดท้ายที่ใส่ไว้กันพลาด ซึ่งเป็นความสมหวังของต้อมอย่างไม่คาดคิด มีอยู่อีกสิ่งหนึ่งที่ต้อมเข้าใจตัวเองดี ไม่ว่าจะหน้าตาท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็นแบบไหน นี่จึงเหตุที่หลายคนแปลกใจทำไมไปเรียนคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมได้
“อย่ามัวคุยกันเลย เดี๋ยวคืนนี้ต้องลงไปยังห้องประชุม ตอนนี้มีเวลาว่างก็จัดเสื้อผ้าใส่ตู้ แล้วรีบอาบน้ำด้วยนะ เพราะเราไม่มีห้องน้ำส่วนตัว มีแต่ห้องน้ำรวมที่อยู่นอกห้อง เราต้องใช้ร่วมกับคืนอื่น รีบๆ กันหน่อยนะพี่ขอเตือน” อ๊อฟรุ่นพี่ใจดีซึ่งผิดกับหน้าตาอยู่ในโหมดโหด ได้พูดขึ้นด้วยเสียงอันอ่อนโยนจนดูอบอุ่น แต่ยังคงเอกลักษณ์แหบอยู่เหมือนเดิม
สิ้นเสียงของอ๊อฟต้อมรีบจัดแจงทุกอย่างให้รวดเร็ว เพื่อให้ทันเวลาประชุมน้องใหม่ช่วงเวลาค่ำๆ ในเย็นนี้
ต้อมนั่งคิดถึงเหตุการณ์รักครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว ก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้าน หลังจากวันนี้ด้วยความอับอายและพ่อกับแม่ที่แก่ชรามากแล้ว ต้อมจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างได้กลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินในส่วนมะม่วงของตัวเองอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกขานดังมาแต่ไกลต้อมจึงลุกขึ้นยืนมองตรงใต้ต้นมะม่วง ซึ่งคนที่เดินมาหาไม่ใช่ใครอื่นเป็นเพื่อนรักนั่นเอง “อาคมนี่เองนึกว่าใครมาหาเราถึงที่นี่เลย”ต้อมยิ้มให้อย่างใคร่ยินดี “ปัก ปัก ปัก”อาคมรัวหมัดใส่ใบหน้าของต้อมไม่ยั้งจนล้มลงกองนอนกับพื้น “นายต่อยเราทำไมอาคม”ต้อมใช้มือกุมปากไว้ที่เลือดออกมานองอุ้งมือ “ไอ้ต้อมกูรักมึง ถึงมึงจะเป็นอย่างไรแบบไหนก็รักมึงแบบเพื่อน ไม่เคยรังเกียจมึงเลยแม้แต่น้อย ทำไมมึงทำกับกูได้ลงคอ”อาคมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เราไปทำอะไรให้นาย”ต้อมพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน “มึงยังมีหน้ามาพูดอีก เมื่อคืนมึงทำอะไรลูกกู”เมื่ออาคมพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่น “อ่อ เมื่อคืนอาคารมานอนกับเราเอง”ต้อมพูดพาซื่อ “เพลี้ยะ
สองสามวันมานี้เรื่องราวของต่อและต่อมไมได้มีปัญหาอะไร เพราะต้อมไม่ได้ให้เงินต่อแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นเหตุให้ต่อไม่สามารถที่จะไปเมาที่ไหนได้อีก แต่สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงด้วยที่ต่อยังไม่ได้งานทำเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมาตกที่ต้อมทั้งหมด ในค่ำคืนนี้ทั้งต่อและต้อมต่างนอนนิ่งไม่คุยกันเท่าไรนัก แต่ในความรู้สึกของต้อมในตอนนี้ก็รู้สึกที่ดีด้วยต่อไม่ได้เมามาย เพราะทำให้สบายใจนอนอิ่มหลับสนิทมาหลายคืน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายอะไรกันอย่างครั้งก่อนๆหน้านี้ “ไม่ได้ดื่มเหล้ามันเลยทำให้มีอารมณ์”ต่อเอ่ยขึ้นแล้วมองหน้าต้อมด้วยความใคร่อยากขึ้นมา “แล้วไง”ต้อมพูดขึ้นลอยๆถึงแม้จะอยากมีอะไรกับต่อ “ไม่อยากเหรอ” “ไม่อยาก” “แต่เราอยาก” “ก็ทำเองสิ” “อยากให้นายทำได้ไหม ถือว่าให้ของขวัญเราที่ไมได้เมา และ อีกอย่างพรุ่งนี้เราจะไปหางานแล้วนะ” “ให้ทำอะไร” ต้อมพูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต่อต้องการให้ทำอะไร แต่ก็แกล้งไปอย่างนั้นเพื่อให้ชีวิตมีสีสัน สายตาของต้อมจึงได้เหล่ไปมอง แล้วก็เห็นในสิ่งที่เคยเห็นเป
ค่ำคืนดึกดื่นเงียบสงัดต้อมได้ยินเสียงสุนัขที่บ้านเห่า จึงแอบส่องทางหน้าต่าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นอาคารลูกชายอาคมที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน “อาต้อมครับเปิดประตูให้ผมหน่อย” ต้อมไม่สามารถที่จะให้อาคารอยู่หน้าบ้านได้เพียงลำพัง จึงได้เดินออกไปเปิดประตูเพื่อสอบถามทำไมมาตอนดึกขนาดนี้ เมื่อต้อมเดินไปถึงก็ได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจตรงหน้า “มีอะไรเหรอ” “เดี่ยวค่อยบอกผมขอเข้าไปข้างในก่อนได้ไหม ยุงกัดผมจนคันไปหมดแล้วครับ” ต้อมไม่สามารถที่จะปฏิเสธเหตุการณ์และคำของจากอาคารได้ จึงเปิดประตูให้เข้ามาอย่างง่ายดายและพาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง “ห้องอาต้อมใหญ่จังเลย ใหญ๋กว่าห้องผมที่บ้านพ่ออีก”ต่อนั่งลงบนเตียงนอน เพราะที่ห้องของต้อมไม่ได้มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งแต่อย่างใด “มาหาอามีธุระอะไรหรือเปล่า ดึกดื่นขนาดนี้แล้วมาอย่างไงเนี่ยไม่เห็นมีรถเลย อ้าว กระเป๋าเสื้อผ้าด้วยยังไม่ได้กลับบ้านเหรอ”ต้อมมีท่าทีตกใจพอสมควร “ถามผมหลายอย่างเลยจนผมไม่อยากจะตอบอะไรสักอย่าง แต่ในเมื่ออาต้อมถามผมก็จะตอบให้หมดอาต้อมจะได้ไม่คาใจในตัวผมไงครับ”
ด้วยเหตุที่ต่อได้พักงานหลายวันจึงถูกให้ออก สาเหตุนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักเท่าไร เพราะมีเหตุร้ายแรงกว่านี้อีก ด้วยต่อได้เมามายไปทำงานจึงเกิดภาพที่ดูไม่ดีหลายครั้ง ทางนายจ้างจึงต้องตัดใจเลิกจ้าง เพราะด้วยความประพฤตินั้นเกินเยียวยา “เราบอกนายหลายครั้งแล้วว่าให้เลิกดื่มเหล้า เห็นไหมโดนไล่ออกจากงานต่อไปจะทำอย่างไรล่ะ”ต้อมนั่งลงบนเตียงด้วยอารมณ์กลัดกลุ้ม ส่วนต่อนั้นหากลุ้มใจไม่นอนเล่นโทรศัพท์มือถือย่างสบายใจสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรแม้แต่น้อย “เอาน่า ตอนนี้ถือว่าพักผ่อนเดี๋ยวเราก็ออกไปหางานเองนั่นแหละนายไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” “ให้มันจริงเถอะ”ต้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” ต้อมไม่อยากจะพูดอะไรต่อไปอีก เรพาะขืนพูดอาจมีปากเสียงกันได้ และอีกอย่างหนึ่งไปกดดดันคนตกงานมันก็เป็นอะไรที่ดูไม่ค่อยดี ด้วยเป็นครั้งแรกที่ต่อไม่ได้ทำงานซึ่งแต่ก่อนหน้านี้ขยันไปทำงานทุกวัน ได้เงินมาก็แบ่งให้ใช้จ่าย ไม่เหมือนตอนนี้แม้แต่เงินก็ไม่มีให้ต้อมแม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้อยู่กินกับต้อมทั้งนั้น “อืม” “ดีมากที่รัก ขอเง
ความรักของต้อมกับต่อคืบหน้าไปได้พอสมควร ต่างรักใคร่กันมีอะไรเผื่อแผให้แก่กันไม่ขาด แต่มีอยู่สิ่งที่หนึ่งต้อมเริ่มรู้สึกระอาในเมื่อใจยังรักจึงต้องทน ถึงค่ำคืนต่อจะเมามายไม่มีวันหยุดพักเช่นเดียวกันกับตอนนี้ “เมื่อไรนายจะเลิกดื่มเหล้าซะที นายดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องเหล้า”ต้อมนั่งบนเก้าอี้มองต่อนอนเกือกกลั้วกองกับพื้น “ใครเมา อย่ามาพูดแบบนี้นะ”ต่อพยายามลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาต้อม พร้อมกับลากขึ้นไปบนเตียงนอน “ปล่อยนะเราเหม็นเหล้า”ต้อมดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอดของต่อ “อ่อ เดี๋ยวนี้รังเกียจเรามากเลยนะ” “เปล่า แต่นายเมาเกินไป”ต้อมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายแต่ในเมื่อยังรักอยู่ จำใจต้องฝืนทนต่อไปอีก “ได้เลย ถ้างั้นคืนนี้นายอยู่คนเดียวก็แล้วกัน เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก” เมื่อต่อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป อย่างไม่เหลียวหลังมามองต้อมแม้แต่น้อย จนต้อมได้แต่ถอดถอนหายใจถึงแม้จะรู้สึกสบายกายและใจเมื่อได้อยู่คนเดียว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับต่อ เพราะไปในสภาพเมามายอย่างนั้น แต่ต้อมก็พยายามทำใจแข็งฝืนทนความคิด
พักหลังอาคารได้มาหาต้อมบ่อยๆบางครั้งก็อยู่ทั้งวันกว่าจะได้กลับใช้เวลานานพอสมควร วันนี้เช่นเดียวกันเป็นวันอาทิตย์ซี่งอาคารต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังไม่วายแวะเวียนเข้ามาหาต้อมอยู่ก่อนจากไปอีกหลายวัน “มาหาอาทำไมแต่เช้า วันนี้ไม่ไปกรุงเทพเหรอ”ต้อมนั่งลงตรงหน้าอาคารซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วตรงเรือนชานหน้าบ้าน “วันนี้ผมจะไปแล้วไง ก็อยากมาเห็นหน้าอาต้อมสักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”อาคารยิ้มอย่างมีความสุข “มันก็ดี เดี๋ยวไปไม่ทันรถหรอกจะทำไง” “ถ้าไปไม่ทันก็มาอยู่กับอาต้อมไงครับ” “จะมาอยู่กับอาได้ไงบ้านของอาคารก็มี” “อยู่กับพ่อกับแม่ไม่เหมือนอยู่กับอาต้อมเลย ผมอยู่กับอามีความสุขมากที่สุด อยากหยุดเวลาทั้งหมดไว้ที่นี่” “พูดเป็นนิยายไปได้ คนเราต้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนะอาคาร อย่าเอาชีวิตมายึดติดกับอาเลย” สาเหตุที่ต้อมพูดเช่นนี้ออกไป เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่อาคารได้ทำให้นั่น สามารถบอกได้เป็นลางๆว่าคิดเช่นไร แต่ยังเผื่อใจว่าอาจคิดไปเองบ้างนิดหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ต้อมจึงไม่อยากที่จะให้มีความสัมพันธ์มากไปกว่
ค่ำคืนนี้อีกเช่นเคยต้อมได้มารอการกลับห้องของต่อ รอมาเนิ่นนานจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มา ต้อมทนไม่ไหวจนกินข้าวคนเดียวที่เหลือเททิ้งหลังจากนั้นเข้านอนในทันที แล้วมาตกใจตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ช่วงแรกต้อมขึ้เกียจไปเปิดแต่ในเมื่อนานเข้าก็เกรงใจข้างห้องจึงได้ตัดสินใจไปเปิดประตูห้อง เมื่อแง้มประตูออกไปต่อก็ผลักประตูเข้ามาในทันที หลังจากนั้นอุ้มร่างของต้อมไว้ในอ้อมแขน เดินพาไปยังเตียงนอนค่อยๆวางอย่างทะนุถนอม เพียงชั่วอึดใจเสื้อกางเกงของต่อหลุดจากเรือนร่างไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เห็นเพียงแต่ท่อนเอ็นที่ตั้งชูสง่า “นายจะทำอะไร”ต้อมเอ่ยขึ้นแต่ไม่ลุกไปไหน ถึงแม้กลิ่นเหล้าจะฟุ้งไปทั่วห้อง “ทำในสิ่งที่เราอยากทำไง” ต่อไม่พูดอะไรจากนี้อีกต่อไป เขาได้ขึ้นไปบนเตียงและนอนทาบทับเรือนร่างของต้อม พร้อมกับจับสองมือให้อยู่เหนือศรีษะ หลังจากนั้นก้มหลงไซร้ซอกคออย่างบ้าคลั่งกระหายในรักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ริมฝีปากซุกซอนไซอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ให้มีพื้นที่เหลือแต่อย่างใด ช่วงแรกต้อมขัดขืนเล็กน้อยก่อนปล่อยกายปล่อยใจให้เตลิดตามไปอย่างง่
ในระหว่างที่ต้อมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่บ้าน หลังจากหาข้าวหาน้ำให้พ่อแม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ได้ทำเป็นประจำหลังจากกับมาอยู่บ้าน โดยมีพี่คอยส่งเงินมาให้ใช้ในการดูแลพ่อแม่ และด้วยยังมีเวลาว่างจึงได้หางานเล็กๆน้อยหารายได้เสริมไว้ยามแก่เฒ่าชราภาพ “อาต้อม”เสียงของอาคารดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึง ต้อมหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคย ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากอาคารลูกชายเพื่อนที่กำลังเดินเข้ามาหาต้อมยังใต้ถุนบ้าน “เอ้ามาหาอามีธุระอะไรเหรอ” “คิดถึงอาต้อมจะมาหาไม่ได้เลยเหรอ”อาคารนั่งลงบนแคร่ไม้ซึ่งอยู่ไม่ห่างต้อมเท่าไรหนัก “ได้ ใครไปว่าอะไร คิดถึงอย่างเดียวหรือว่ามีเรื่องแฟนมาปรึกษาด้วยหรือเปล่า”ต้อมวางมือถือลงไว้ข้างๆตัวเพื่อจะได้คุยกับอาคารอย่างสะดวก “แฟนอะไรกัน ตอนนี้ผมเลิกหมดแล้วเบื่อมีแฟนรุ่นเดียวกัน”อาคารถอนหายใจออกมา “เพื่อนที่มหาวิทยาลัยไม่มีเหรอ” “เบื่อมากๆครับรุ่นเดียวกัน” “แหม เบื่ออีกแล้ว ถ้างั้นก็ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอเดี๋ยวถึงเวลามันมาเองอยู่แล้วเรื่องแบบนี้”ต้อมมองอาคารด้วยสาย
วันหยุดสุดสัปดาห์ต้อมไมได้ออกไปเที่ยวไหน ได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่แต่ในห้องอย่างเดียวดาย ด้วยเพื่อนที่คบกันมาตอนอยู่ร้านอาหารได้ห่างหายกันไปตามกาลเวลา เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ ซึ่งได้สร้างความเหงาขาดคนพูดคุย จึงได้แต่ดูทีวีวนมาวนไปอยู่หลายรอบในช่องที่พึ่งเพิ่มมาใหม่หลายช่องในยุคดิจิตอล “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ต้อมรู้สึกดีใจอย่างมากเพราะในความคิดว่าต้องเป็นเพื่อนที่ห่างหายกันไปนานอย่างแน่นอน ความคิดกับการกระทำไปพร้อมกัน รีบเดินไปยังประตูห้องเพื่อเปิดดูว่าเป็นใครกัน “สวัสดีครับ”ต่อหนุ่มข้างห้องยืนนิ่งพร้อมอมยิ้ม “ครับ”ต้อมรู้สึกผิดหวังที่ไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ดีใจที่ได้เจอชายหนุ่มข้างห้อง “เราพึ่งย้ายมาจากจังหวัดอื่น ได้ซื้อของฝากมาด้วย”ต้อมยื่นผลไม้รวมกวนให้ต้อม “ขอบใจนะ”ต้อมยิ้มให้อย่างยินดี “เราเหงาๆเข้าไปคุยด้วยกันได้ไหม” “ได้สิ”ต้อมยิ้มอย่างยินดี เพราะช่วงนี้กำลังเหงาอยู่เหมือนกัน เมื่อต่อได้เข้ามาในห้องของต้อมก็รู้สึกว่าห้องนี้ดีกว่าของตัวเองอย่างมาก อย่างแรกเรื่องความสะอ
Comments