Home / LGBTQ+ / เร้าใจลูกน้อง / บทที่ ๕ ช่างกล้า

Share

บทที่ ๕ ช่างกล้า

last update Last Updated: 2025-06-05 19:00:48

ในยามเช้าตรู่ ณ บริษัทโชติพัฒก่อสร้าง แสงแดดยามสายสาดส่องอ่อน ๆ เหนือท้องนภา สีฟ้าอมส้มเป็นฉากหลังให้กับประธานหนุ่มเสือดาวหิมะซึ่งกำลังนั่งประสานมือเคร่งเครียดยังโต๊ะทำงานพลางเหลือบมองไอ้เจ้าเลขาหนูจี๊ดที่ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้มันโกรธเข้าให้ถึงได้มาล้อเล่นกันในเรื่องแบบนี้

“ไม่ได้ประชดฉันใช่ไหม ฉันว่าเรื่องนี้มันผ่านไปนานแล้วนะ เอ็งยังไม่พอใจที่โดนต่อยอีกเหรอวะ?”

“ที่ผมบอกไปไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นครับ”

เจ้านายอย่างธรรศเริ่มฉงนสงสัยและไม่ไว้ใจ ต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ เพราะจนป่านนี้ผ่านมาหลักสัปดาห์รอยช้ำบนหน้าไอ้ม่วงก็ยังไม่หายไป เอ็งจะไม่พอใจก็บอกมาตรง ๆ สิวะ!

“พูดมาตามตรงเถอะว่าเอ็งยังอารมณ์เสียอยู่”

“ไม่ครับ”

“แล้วที่บอกว่าจะเป็นคนแต่งงานเอง มันหมายความว่าอะไร?”

“ผมหมายความตามที่พูดไปครับนาย”

ภูวธรรศยิ่งฟังยิ่งกุมขมับ พวกเขามีเหตุต้องไปพูดคุยกับลูกค้ารายใหม่ในฐานะตัวเลือก สิ่งที่ต้องทำก็มีตั้งแต่เตรียมเอกสาร เตรียมวัสดุตัวอย่างต่าง ๆ ทว่ายิ่งไปกว่านั้นคือมีข่าวมาจากสายสืบว่าลูกค้ารายนี้มีแนวโน้มจะตอบรับกับคู่สนทนาที่แต่งงานแล้วมากกว่าอยู่เป็นโสด

เช้าวันนี้ไอ้ม่วงเลขานุการกับเขาซึ่งนั่งตำแหน่งประธานจึงหารือกันว่าจะให้ตัวเขาไปแทนไอ้ม่วง และเลื่อนนัดลองชุดแต่งงานไปก่อนทว่าไอ้ม่วงมันดันเสือกพูดจาแปลก ๆ ขึ้นมาแทน

‘เดี๋ยวผมจะแต่งงาน แล้วไปคุยให้ตามเดิมครับ’

ดังนั้นจะไม่ให้เจ้านายอย่างเขาหวาดกลัวหวั่นใจกับลูกน้องที่ทำตัวแปลกพิลึกได้อย่างไร ไอ้เขาก็บอกแล้วว่าถ้าม่วงไม่ต้องการให้เขาไปด้วยตัวเองก็ไม่ต้องถึงขั้นแต่งงาน หรือนี่จะเป็นแผนการลาออกของไอ้ม่วงที่ตระเตรียมคนรักมานานสักพักก่อนจะมาเฉลยเอาตอนท้ายว่า ‘จบงานนี้ผมจะลาออกไปแต่งงานครับ

คงจะไม่ใช่หรอกนะ ยิ่งช่วงนี้เขากำลังตระเตรียมงานแต่งอยู่ หากขาดเลขานุการคนสนิทไปอย่างกะทันหันละก็งานคงเละไม่เป็นท่าแน่

“แล้วที่บอกจะแต่งงาน...ใครล่ะ?”

“ว่าจะหาเอาแถว ๆ นี้ครับ”

หาผัวหาเมียเหมือนหาผักปลาในตลาดสดเลยนะเอ็ง เขาไม่กลัวหรอกว่าความจะแตกแล้วลูกค้าอีกฝั่งจะรู้เพราะมันคงไม่มีคนสติฟั่นเฟือนที่ไหนจดทะเบียนสมรสเพียงเพื่อไปคุยกับลูกค้ารายเดียวหรอก

“นี่ เอ็งเห็นบัญชีบริษัทก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าถึงเสียเจ้านี้ไปก็ไม่เป็นไร”

“แต่ถ้าได้มันจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ”

“เอ็งทำตัวเหมือนเจ้าของบริษัทมากกว่าฉันอีกนะรู้ตัวไหม”

“ไม่ทราบมาก่อนเลยครับนาย”

ธรรศมองเหม่อไอยังไอ้เลขานุการร่างสั้นอย่างไร้อารมณ์ นอกจากจะเดาทางไม่ถูกแล้วยังชวนกวนส้นเหมือนเดิม

“แล้วสรุปจะทำยังไง?”

“ผมจะแต่งเองครับ วันนั้นนายไปลองชุดกับคุณเปลวเถอะ”

“ถือเป็นว่าฉันออกปากคัดค้านแล้ว ถ้ามีปัญหาส่วนตัวทีหลังก็อย่ามาโวยนะ”

“แน่นอนครับ”

ม่วงรับปากฉะฉานพลางโน้มศีรษะแทนคำมั่นสัญญาแก่นายจ้างที่มองมายังเลขาส่วนตัวด้วยความเอือมระอา ต่อให้ภูวธรรศจะเป็นประธานก็ตามแต่ ทว่าอย่างไรตารางเวลาก็เป็นไอ้ม่วงที่จัดการทุกสิ่งอย่าง เรียกได้ว่าหากจะเถียงกันแล้วละก็ไอ้ม่วงเป็นฝ่ายชนะแน่นอน

เรื่องการแต่งงานอันฉุกละหุกของคุณเลขานุการผ่านไป ทั้งสองคนที่เริ่มถกประเด็นเรื่องอื่นต่ออย่างมืออาชีพในห้องทำงานส่วนตัว ทว่าเหล่าลูกน้องพนักงานที่เดินเฉียดผ่านห้องประธานกลับไม่จบลงแค่นั้น นำสารเรื่องการแต่งงานของคุณเลขานุการมาสนทนาต่อในวงจิบกาแฟ

เสียงจ้อกแจ้กของพนักงานสาวเล็กสาวใหญ่ยามพักผ่อนชวนให้เฉลิมที่พึ่งกลับมาจากเขตก่อสร้างให้ความสนใจและแอบแฉลบเข้าไปตระเตรียมของว่างให้หัวหน้าพร้อมร่วมฟังอย่างแนบเนียน

‘เห็นว่าพี่ม่วงจะแต่งงานสายฟ้าแลบล่ะแก’

‘กับใครเหรอ?’

‘เห็นว่ายังไม่เลือก ที่จะแต่งเพราะงานน่ะ’

‘หมายถึงงานของลูกค้าที่เป็นเจ้าของโรงแรมน่ะเหรอ?’

‘ใช่ ฉันรู้มาจากวงในว่าถ้าส่งคนที่แต่งงานแล้วไปคุยจะได้งานง่ายกว่า’

เฉลิมฟังมาถึงจุดจุดนี้ก็มีคำถามมากมายปรากฏขึ้น ต่อให้เขาจะทราบว่าหัวหน้าคนนี้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานเพียงใด แต่ถึงขั้นแต่งงานเพื่อไปเสนองานลูกค้ามันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ

ว่าแล้วหลังจากชงชายกใส่ถาดพร้อมขนมเสร็จสรรพ ผู้ช่วยเลขาร่างยักษ์จึงก้าวเดินไปยังห้องทำงานส่วนตัวของพี่เลขาหนูตัวเล็กด้วยความระมัดระวังก่อนจะค่อย ๆ ใช้มือข้างที่ว่างผลักดันประตูหนักเข้าไป

ภายในห้องทำงานมีบรรยากาศที่สงบและเป็นระเบียบ พื้นที่ทุกตารางนิ้วถูกจัดสรรอย่างลงตัวเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการทำงาน โต๊ะทำงานของหัวหน้าตัวจิ๋วมีเหล่าเอกสารซึ่งถูกจัดวางซ้อนอย่างเป็นระบบ ถัดไปเล็กน้อยมีต้นไม้เล็ก ๆ ในกระถาง เพิ่มความสดชื่นและความมีชีวิตชีวาให้กับห้อง เห็นว่านี่เป็นต้นพลูด่างซึ่งน้องชาย/น้องสาวที่เรียนอยู่พระนครมอบให้สมัยครั้งไปเยี่ยมยามต้นปี เมื่อขยับสายตาลงมาจะเห็นโต๊ะเก้าอี้ตัวน้อยตั้งอยู่เป็นมุมนั่งพักเล็ก ๆ ในพื้นที่ไม่ถึง ๔ ตารางวา

แสงจากหน้าต่างที่ติดผ้าม่านทอโปร่งแสงสาดเข้ามาอย่างพอดีทำให้ห้องดูสว่างและอบอุ่น ในเวลาเดียวกันก็สะท้อนร่างกายบอบบางในชุดเสื้อผ้าทางการพอดีตัวที่กำลังง่วนอยู่กับการยืนจัดแฟ้มเอกสารบนชั้นไม้

“ชาเหรอ? ทำไมไม่เคาะห้องก่อนล่ะ”

“เคาะแล้ว”

“อ่า...สงสัยฉันจะเหม่อไปหน่อย วางเอาไว้ที่เดิม”

เฉลิมทำตามคำสั่งนั้นพลางเหลือบมองเลขาตัวเล็กที่ดูจะไม่ทุกไม่ร้อนเท่าไรนักกับเรื่องการแต่งงาน หรือบางทีพนักงานพวกนั้นอาจจะแค่ได้ยินมาผิด ความจริงแล้วมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็เป็นได้ ทว่า...

“ไอ้เฉลิม เอ็ง-

“กำลังหาคนแต่งงานอยู่ใช่ไหม?”

“เอ็งไปรู้มาจากไหน?”

“ได้ยินพนักงานนินทากัน”

“เฮ้อ...”

ม่วงถอนหายใจพลางหยิบที่ทับกระดาษมาวางบนกองเอกสารที่คัดมา เขามั่นใจว่าตัวเองพูดด้วยเสียงปกติ ทั้งในห้องห้องนั้นใช่ว่ากำแพงจะบาง คราวหน้าคราวหลังหากจะคุยเรื่องสำคัญคงต้องผ่อนเสียงลงสักหน่อยแล้ว

“ใช่ ฉันบอกคุณธรรศว่าจะแต่งงานก่อนไปเจอลูกค้ารายล่าสุดน่ะ”

ข่าวลือที่พนักงานซุบซิบกัน หากลูกค้าตั้งคำถามมันก็มีหลากหลายวิธีในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สิ่งที่เขาควรจะคำนึงถึงจริง ๆ ก็คือการทำให้งานแต่งงานครั้งนี้เป็นไปอย่างแนบเนียนที่สุดผ่านระยะเวลาและการกระทำ ซึ่งเขามีเวลาสามเดือนก่อนจะได้เวลานัด

เลขาหนูคิดไปก็เดินมานั่งลงยังเก้าอี้ เอื้อมมือหยิบชิ้นขนมปังกรอบราดแยมผลไม้ขึ้นมาใส่ปาก

เขามีเหตุผลอื่นที่ต้องการพึ่งใบสมรสนอกเสียจากการทำงานกับเจ้านายภูวธรรศ แต่จะเลือกใครสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ อย่างน้อยต้องเป็นคนที่น่าไว้วางใจและไม่ปากพล่อย-

“เป็นผมได้ไหม”

ลูกน้องหน้านิ่งซึ่งยืนไพล่หลังกล่าวขึ้นอย่างปุบปับท่ามกลางความเงียบในห้องก่อนจะตามด้วยเสียงกลืนในลำคอเล็กที่หดเกร็งเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ

“เอ็งหมายถึงอะไร?”

“แต่งงาน”

ม่วงไม่คิดว่าไอ้เฉลิมมันจะเสนอตัวเองขึ้นมา ทั้งที่เรื่องราวพวกนี้ใครมาได้ยินก็คงได้แต่ตั้งคำถามและขอเวลาคิดไตร่ตรอง เขาดูไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าภายใต้สีหน้าบึ้งตึงนั่นมีเหตุผลใดเรียบเรียงอยู่บ้างก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

เลขานุการร่างเล็กปรับท่านั่งเอนหลังพินิจพิเคราะห์พลางหยิบขนมอีกชิ้นขึ้นมากินรองท้อง เหลือบสายตาขึ้นมองลูกน้องรองเลขาอีกครั้งทว่ามันก็ไม่คิดจะพูดอธิบายอะไรเพิ่มเติมหลังจากนั้น

เมื่อลองพิจารณาดูแล้วไอ้เฉลิมมันเองไม่ใช่เป็นคนพูดเจื้อยแจ้วมาเป็นทุนเดิม ใคร ๆ มองมาก็คงอ่านความคิดได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ทำงานได้ราบรื่นไม่มีขาดตกและคงจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนหรือการหย่าคงเป็นไปได้ง่าย ทว่าที่น่าเป็นห่วงเห็นจะเป็นการแสดง เพราะจะเป็นตัวเขาที่ออกปากพูดแต่ฝ่ายเดียวเห็นทีจะไม่ได้

“มันต้องแกล้งทำเป็นว่ารักกัน เอ็งจะทำได้เหรอ?”

เห็นว่ามันครองโสดมานาน อีหรอบนี้ไม่ใช่ว่าระหว่างรอเจอคนที่ใช่ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ซึ่งหากเป็นอย่างที่สองมันคงลำบากใจ ยิ่งคนคนนั้นอยู่ในบริษัทหรือมารับรู้เรื่องนี้แล้วละก็แม้ไม่ส่งผลในเชิงลบทว่าก็ไม่ส่งผลในเชิงบวก

“ได้แน่นอน”

“มั่นใจเหลือเกินนะ ได้คิดหรือเปล่าว่าถ้าผ่านงานนี้ไปแล้ว หลังจากหย่ากันตัวเองจะประวัติเสีย”

ม่วงกล่าวแซะแซวลูกน้องพลางส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ไม่รู้มันไปเอาความแน่ใจมาจากไหน ต่อให้เป็นผู้ชายหรือพิโดรก็เถอะ การมีประวัติหย่าร้างมาก่อนมันไม่ได้เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี รังแต่จะชวนให้ตั้งคำถามว่าเลิกกันเพราะเหตุใด อดีตเกิดอะไรขึ้นถึงต้องมีรักครั้งใหม่ แต่ในส่วนของเขาที่คิดจะอยู่ตัวคนเดียวไปตลอดชีวิตนั้นมันไม่มีปัญหาใด ๆ ตามมาหรอก

“มั่นใจ”

“พูดเหมือนคิดมาแล้ว แต่ก็เหมือนไม่ได้คิดเลยนะ”

“…”

เฉลิมเลือกที่จะปิดปากเงียบ ยังคงโน้มศีรษะมองคุณเลขาตัวจิ๋ว เพราะจะให้บอกไปว่าไม่ทันได้คิดคงโดนปลายเล็บอันแสนน่าเอ็นดูนั่นบรรจงจิกมาที่เนื้อแขนเป็นแน่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาไม่ต้องการให้ใครมาได้ตำแหน่งคู่สมรสไป ดังนั้นทางที่เร็วและดีที่สุดคือการเสนอตัวเอง

“สรุปตกลง?”

“อือ”

ลูกน้องพยักหน้าตอบรับในทันควันพลางเดินเข้ามาพยักหน้าหงึก ๆ ข้างเก้าอี้เสริมน้ำหนักคำตอบ ม่วงที่ทานของว่างเสร็จพอดีจึงคิดดำเนินในขั้นตอนต่อไปอย่างไม่รอช้า

“สัญญาของเราจะเป็นสัญญาปากเปล่า หากมาผิดคำทีหลังก่อนหน้างานบริษัทละก็รู้ใช่ไหมว่าฉันทำอะไรได้บ้าง?”

“ทราบครับ”

“ดี”

ในทีแรกม่วงคิดว่าจะร่างเอกสารสัญญาอย่างเป็นกิจจะลักษณะเผื่อหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาจะได้นำมาใช้ดำเนินการทางกฎหมาย ทว่าเมื่อเทียบกันแล้วการมีหลักฐานในเรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไรนัก ต่อให้จะเก็บดีแค่ไหนก็เสี่ยงคนมาเจอสู้เขาใช้อำนาจเลขานุการที่มีจัดการปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตน่าจะได้ประสิทธิภาพมากกว่า

“บ่ายนี้ นอกจากไปให้ค่าจ้างคนงาน เอ็งมีธุระอะไรอีกหรือเปล่า?”

“ไม่มี”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปจดทะเบียนที่เขต-*แกร๊ก*

“ไอ้ม่วง ถ้าจะจดทะเบียนหรืออะไรก็ตามแต่ เอ็งดูเวลามงคลด้วยนะ”

เจ้านายใหญ่จู่ ๆ ก็เปิดประตูโพล่งเข้ามาในห้องระหว่างพวกเขากำลังต่อบทสนทนา โดยภูวธรรศซึ่งรู้ตัวว่าเข้ามาผิดเวลาไปเสียหน่อยจึงเต๊ะท่าแก้เขินก่อนจะเดินมาพูดคุยธุระกับเลขานุการ

เนื่องจากเขาจำมาจากไอ้พ่อครูสินน้องชาย ว่าเรื่องพวกนี้ต้องดูฤกษ์งามยามดีจึงจะสามารถผ่านมันไปได้อย่างราบรื่น ต่อให้เจ้าเลขาหนูจี๊ดมันจะไม่ได้ทำไปเพราะรักใคร่ชอบพอว่าที่คู่ครองหรือจะอยู่ไปจนแก่เฒ่า ทว่าอย่างไรการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน ทางที่ดีตรวจสอบดวงชะตาเวลามงคลเอาสักหน่อยก็ไม่เสียหาย

“ดังนั้นถ้าเลือกคนได้แล้ว เอ็งอย่าลืมไปหาน้องฉันล่ะ”

“ครับนาย”

ม่วงตอบรับด้วยความงงงวยก่อนจะมองแผ่นหลังเจ้านายที่เดินออกไปจากห้องทำงาน เขารู้อยู่หรอกว่าบ้านเหมบำรุงมีพ่อครูส่วนตัวซึ่งคอยทำพิธีเสริมสิริมงคลในทุกวาระโอกาส ทว่าพอต้องมาเจอกับตัวมันจึงรู้สึกแปลกพิลึกเช่นกัน เพราะตั้งแต่เด็กจนโตนอกจากการเข้าไปไหว้พระไหว้เจ้าทำบุญใส่บาตรตามพ่อแล้ว เขาก็ไม่เคยคลุกคลีกับวงการนี้เลย เรียกได้ว่าไม่ได้เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์มนตร์ดำมนตร์ขาว แต่เชื่อผลของการลงมือทำด้วยตัวเองมากกว่า แต่นี่ถือเป็นคำสั่ง อย่างไรการทำให้เจ้านายไร้ข้อกังวลก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของเลขานุการ

“งานที่นี่ของเอ็งเสร็จแล้วใช่ไหม?”

“เสร็จแล้ว”

“มาช่วยฉันคัดเอกสารบนโต๊ะทีสิ”

“ครับ”

ม่วงออกคำสั่งก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาใช้มือแตะกระดาษปึกใหญ่ให้เจ้าหมียักษ์เห็นงานที่ต้องสะสาง

ตัวเขาเมื่อใดที่เข้าใกล้สิ้นปีจะต้องมาจัดเรียงความสำคัญของเอกสารเก่าใหม่รวมไปถึงรายชื่อลูกค้าที่ต้องแจกแจงว่าเจ้าไหนจะยกไปปีหน้า หรือยกมาปีนี้ก่อนที่จะเข้าสู่วันหยุดยาวบริษัทในเดือนธันวาคม-มกราคม

เฉลิมซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่รับตารางรายชื่อจากมือคู่เล็กมากวาดสายตามองคร่าว ๆ ก่อนจะวางมันลงบนปึกกระดาษและยกมันทั้งหมดมาวางยังโต๊ะข้างเคียงซึ่งมีป้ายชื่อตัวเขาอยู่ ทว่าในความเป็นจริงก็ไม่ได้มานั่งประจำตำแหน่งเท่าไรนักเพราะปกติหน้าที่ของผู้ช่วยจะคอยทำงานเบ็ดเตล็ดเสียมากกว่า

ชายหมีร่างโตหย่อนตัวนั่งลงแล้วจึงเริ่มงานโดยไม่พูดสิ่งใดตามนิสัย ในขณะที่ภายในใจยังคงตื่นเต้นไม่หายกับเหตุการณ์ที่มาไวไปไวมากจนจิตเขาแทบรับมือไม่ทัน

แววตาคมกริบเหลือบมองหัวหน้าตัวจิ๋วที่ต้องนั่งเก้าอี้สูงเพื่อให้พอดีกับโต๊ะด้วยความรู้สึกปลาบปลื้ม รวมไปถึงความตื้นตันที่ยากเกินจะทานทนซึ่งในที่สุดเขาจะได้มีโอกาสไปจดทะเบียนสมรสกับคนที่แอบรักข้างเดียวมานานเสียที

ต่อให้จะเป็นการสมรสจอมปลอม กระนั้นการได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของคุณเลขาคนเก่งที่ใครต่างหมายปองก็ถือว่าเป็นบุญหัวไอ้เฉลิมแล้ว

ขณะนั้นเองทำงานไปก็เหลือบมองคุณหัวหน้าข้างโต๊ะเป็นระยะ เรียกได้ว่าต่อให้เจ้าตัวจะจงใจปลดกระดุมเผยบางส่วนของรอยสักยันต์ที่ใครต่อใครต่างมองว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่ในสายตาเขานั้นมันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้สักนิด มิหนำซ้ำการเป็นตัวของตัวเองท่ามกลางสังคมช่างติยังจะทำให้คนคนนี้มีเสน่ห์มากขึ้นไปกว่าเก่า ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด ทั้งกล้าหาญ แล้วจะไม่ให้เขารักได้อย่างไรกัน

กระนั้นด้วยความกล้าหาญที่มากเกินไป จึงก่อให้เกิดอีกสิ่งหนึ่งหลังจากนั้นซึ่งเป็นประหนึ่งเข็มทิ่มแทงใจเฉลิมหมีใหญ่คนนี้

“เมื่อสักครู่...ดิฉันฟังไม่ผิดใช่ไหมคะ?”

“ผมถามว่าขอใบหย่ามาเก็บไว้ได้ไหมครับ”

“…”

เมื่อภรรยาตามกฎหมายกล่าวสิ่งเดิมจบเป็นครั้งที่สาม นายทะเบียนกิ้งก่าสาวก็กระดกแว่นตาเหลือบมามองยังตัวเฉลิมผู้เป็นสามีซึ่งนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นพร้อมสีหน้าที่ทั้งตกใจและงงงวยในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่แค่นั้น พนักงานที่นั่งใกล้เคียงถึงกับอ้าปากค้างกับการกระทำอันเปิดเผยของคุณเลขาตัวเล็ก โดยที่เฉลิมไม่กล้าเอ่ยความเห็นอันใด ได้แต่ทำหน้านิ่งมองตรงไปข้างหน้า

เป็นอย่างไรล่ะครับ ภรรยาของผม วันแรกที่จะทะเบียนสมรสก็เอ่ยวาจาอาจหาญขอใบหย่าแล้ว ทั้งน่ารักแล้วก็โหดร้ายในเวลาเดียวกันเลยใช่ไหมครับคุณพนักงาน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๘ คุณนกผู้โชคร้าย

    เขี้ยว × บุษบาแสงไฟสีส้มจากเสาไฟริมถนนที่ติดเพียงต้นเดียวส่องให้เห็นเงาคนสองคนที่กำลังเดินคล้ายเซถลาอยู่ใต้ท้องฟ้ายามหัวค่ำ คนหนึ่งเดินข้างหน้าอย่างมั่นคง ส่วนอีกคนที่ถูกพยุงเอาไว้เอนตัวไปมาเหมือนตุ๊กตาที่เสียการทรงตัวส่งกลิ่นเหม็นสุราคละคลุ้งยอดที่พยุงร่างไอ้เขี้ยวซึ่งซัดน้ำเมาเข้าไปจนหมดขวด พยายามประคองน้ำหนักควายเผือกของไอ้เหยี่ยวตัวยักษ์เอาไว้แทบจะขาดใจ แม้จะพยายามดันให้เดินตรง ๆ แต่ก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อผู้ถูกพยุงเริ่มเซไปทางซ้ายทีขวาที เสียงรองเท้ากระทบพื้นดินแห้งเป็นจังหวะ ช่างเป็นเหตุการณ์อันน่าอเนจอนาถใจเสียจริงที่เขาต้องมารับผิดชอบมันเพราะบ้านอยู่ละแวกเดียวกันเนี่ย!“ไอ้เขี้ยว มึงทำตัวเบา ๆ ได้ไหมวะ! ไอ้สัตว์เอ๊ย ง่วงก็ง่วง กูยังต้องมาแบกมึงอีกเนี่ย”“อือ...เออ ไม่เห็นจะสวย...ตรงไหน...”“สวยที่หน้ามึงสิ เฮ้อ...แล้วเมื่อไรจะถึงร้านดอกไม้สักทีวะ”ยอดที่มีสติจากสุราร้องโอดโอยลากพาไอ้ขี้เรื้อนเดินไปตามทางด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากงานเลี้ยงจากพิธีแต่งงาน

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๗ ยังสาวยังสวย (NC)

    นับตั้งแต่ลูกคนโตเริ่มศึกษาหลักสูตรเฉพาะ และลูกคนรองทั้งสามเข้าชั้นประถม ระยะเวลา ๖ ปีจึงผ่านไปไวเหมือนโกหก เพียงแค่พวกเขาตื่นมาเพื่อไปส่งลูกเข้าเรียนและทำงาน รู้ตัวอีกทีเด็ก ๆ ก็โตพอจะเข้าชั้นม.ต้นกันแล้วงานประชุมผู้ปกครองระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เริ่มต้นด้วยสามี หุ้นส่วนภัตตาคารส่งสายตาเว้าวอนมองตัวเขาเดินลงจากรถ เนื่องจากเจ้าตัวต้องไปเข้าร่วมการเปิดตัวสาขาใหม่ของหอรสพลอย พ่อหมีจึงไม่สามารถมาเข้าร่วมได้ในตอนเช้า ได้เพียงสัญญาว่าจะรีบบึ่งรถกลับมาทันทีเมื่อพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้นม่วงเดินลงจากรถ โบกมือลาสามีหมีเด็กที่ยังอาลัยอาวรณ์ไม่เลิก จนเขาต้องตัดสินใจเดินหันหลัง ล้อจึงจะเริ่มหมุน แม่หนูในชุดเสื้อผ้ามิดชิดเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว ค่อย ๆ เดินตามทางถนนอันคุ้นเคยเพียงคนเดียว นับเป็นโชคดีของตัวเขาและคนอื่น ๆ ที่มีเพศรองสุคนธ์ ซึ่งได้รับการยอมรับมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกิดการรณรงค์มากมายขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากกลุ่มคนของเขาด้วยก็ดี หรือผู้ที่ต้องการสนับสนุนด้วยก็ดี ทำให้มีผู้สวมปลอกคอสามารถออกมาทำงาน มาใช้ชีวิตได้ไม่ต่างจากเพศอื่น ๆ ซึ่งรวมไปถึงลูกชาย

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๖ อวลกลิ่นดินสอพอง

    ในเช้าของวันอันเป็นมงคลกลางเดือนมิถุนายน ในยามที่แสงของพระอาทิตย์ลอยขึ้นพ้นขอบฟ้าสาดแสงสีทองลงบนผิวน้ำคลองที่ไหวระริกไปตามแรงลม กลิ่นหอมของดอกไม้สดอบอวลในอากาศจากสายลมที่พาดพามาตามกระแสแม่น้ำอันกว้างขวาง โดยที่ความสงบเงียบค่อย ๆ ถูกแต่งแต้มด้วยเสียงพายเรือและเสียงกระดิ่งลมซึ่งถูกแขวนไว้ยังท่าน้ำโต๊ะไม้ตัวยาวถูกปูด้วยผ้าขาวสะอาดวางเรียงอยู่ใต้ร่มเงาของต้นลั่นทมซึ่งกำลังผลิดอก พร้อมด้วยโถข้าวสวยร้อน ๆ และอาหารที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวและคณนาญาติคนสนิทด้วยกันเตรียมตั้งแต่เช้ามืด ทั้งแกงส้ม น้ำพริก และขนมต้มหวานล้วนถูกจัดใส่ถ้วยน้อยอย่างประณีตบรรจง เสียงพูดคุยเบา ๆ ของแขกที่มาร่วมงานขับกล่อมให้บรรยากาศดูเป็นกันเองอย่างที่ตัวเอกของงานทั้งสองในชุดคู่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ไม่ไกลจากท่าน้ำนั้น เสียงพายกระทบผิวน้ำดังเป็นจังหวะโดยมีพระสงฆ์และบุรุษลูกวัดโดยสารมา เมื่อเรือหยุดเทียบท่าแม่หนูจึงกวักมือเรียกลูก ๆ วัยเจ็ดขวบให้เข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วให้เด็กน้อยช่วยพ่อแม่อธิษฐานใส่บาตรไปพร้อมกันแล้วถึงประนมมือไหว้รับศีลรับพรหลังจากพระสงฆ์ขึ้นจากเรือ พิธีทำบุญเริ่มต้นขึ้นอย่าง

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๕ ทุกที่ทุกเวลา (NC)

    “เด็ก ๆ อย่าลืมโทรศัพท์บอกตอนจะกลับล่ะ”“จ้ะ!”พ่อหมีกล่าวบอกเหล่าเด็ก ๆ ในขณะที่เดินกลับมาขึ้นรถ เนื่องจากภายหลังที่หนูกวินมาเที่ยวบ้านเราไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อปิดเทอมรอบก่อน คราวนี้เด็ก ๆ ทั้งสี่จึงตกลงขอไปเล่นที่บ้านเพื่อนหมาป่าบ้าง ซึ่งคงไม่น่าจะมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นเพราะบ้านนั้นมียามรักษาความปลอดภัย แถมคุณเกื้อก็อยู่เฝ้าบ้านตลอด ดังนั้นทั้งเขาและพี่จึงสบายใจได้และวนรถมาทานมื้อเที่ยงนอกสถานที่กันสองต่อสองหลังไม่ได้ทำมานาน ก่อนจะวนกลับเข้าบ้านมาทำธุระพี่หนูขอตัวขึ้นไปอ่านจดหมาย ลงตารางนัดลูกค้าให้เจ้านายตามปกติส่วนเขาก็มาเตรียมมื้อเย็นแล้วก็ขนมของฝาก เนื่องจากในตอนเย็นคุณเกื้อจะเป็นคนอาสาพาเด็ก ๆ มาส่งที่บ้าน ซึ่งเป็นปกติของสองครอบครัว เนื่องจากบางครั้งที่คุณเกื้อไม่ว่างก็มักจะไหว้วานพี่ม่วงไปรับกวินมานั่งรอที่บ้านนี้อยู่บ่อย ๆ เด็ก ๆ จึงสนิทกันไปโดยปริยาย แม้ตัวเขาจะไม่ค่อยอยากให้มีพิโดรเข้ามาเกาะแกะลูกชายสุคนธ์หัวแก้วหัวแหวนของตนเท่าไรนักก็ตามภายในครัวเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องเทศและสมุนไพร พ่อบ้านหมีใหญ่กำลังขะมักเขม้นกับหม้อต

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๔ ผู้ปกครองเจ้าจิ๋ว

    “ก็! แม่ฉันอยากเข้าโรงเรียน...อึก...ฮือ!! พ่อจ๋า”ลิตเด็กชายตัวจิ๋วบนตักมารดาในรถร้องไห้งอแงที่ตนไม่สามารถเข้าเรียนในสถานศึกษาเดียวกันกับแฝดน้องได้เพราะมีเพศรองที่สังคมจำกัดเอาไว้ พอบอกแม่ไม่ได้ก็หันมาร้องไห้อ้อนวอนคนเป็นพ่อให้จัดการอะไรสักอย่าง แต่เด็กน้อยอ่อนต่อโลกยังไม่รู้ว่าอำนาจทั้งหมดในบ้านล้วนตกเป็นของแม่หนูแต่เพียงผู้เดียว“เราต้องเรียนที่บ้านเข้าใจไหม วันดีคืนดีมีฤดูขึ้นมาตอนอยู่ข้างนอกเดี๋ยวจะอันตราย”“แม่เขาพูดถูก พ่อแม่เองก็จ้างครูมาสอนเราเหมือนน้อง ๆ แล้ว”“ฮึก...หึ!”พอไม่มีใครเข้าข้างเจ้าจิ๋วหนูจี๊ดก็กอดอกฮึดฮัดไม่พอใจซุกเข้ากอดมารดาที่ตนดื้อใส่อย่างหัวเสียจนตัวขดเป็นก้อนกลม ที่เขาอยากไปโรงเรียนมันไม่ใช่เพราะอยากเรียนเนื้อหาเดียวกับคนอื่นที่ไม่ใช่สุคนธ์ แต่เพราะเขาอยากมีเพื่อน มีเรื่องกลับมาพูดคุยกับพี่น้องบ้างเท่านั้นเอง เพราะตั้งแต่เจ้าสามคนนั้นเปิดเทอมมาได้แค่ไม่กี่สัปดาห์ก็พากันเอาเรื่องเล่ามาบอกจนเขาเริ่มจะกลายเป็นคนนอกขึ้นมาทีละนิด!ม่วงมองลูกน้อยบนตักก็ละเหี่ยใจ แม้ใจจริงม่วงต้องการให้เด็ก ๆ ได้รับทุกสิ่งอ

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๓ ติดตาตรึงใจ (NC)

    เสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับแสงไฟหน้ารถที่มืดสนิท ก่อนที่สองสามีภรรยาจะเดินลงมาจากรถโดยที่คนตัวเล็กเดินมุ่งหน้าตรงไปไขประตูบ้านในขณะที่ปล่อยเจ้าหมีเด็กตรวจสอบสภาพรถในวันศุกร์สุดสัปดาห์ม่วงเดินก้าวมาในตัวบ้าน กลิ่นหอมในแจกันที่เฉลิมเป็นคนตัดจากสวนมาประดับโต๊ะอาหารยังคงต้อนรับการกลับมาได้เป็นอย่างดีแม้จะผ่านมาตั้งวันแล้วก็ตาม ภรรยาหนูจี๊ดถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปวางกระเป๋ายังหน้าบันไดก่อนจะหันหลังมาเห็นสามียืนเป็นหุ่นอยู่ตรงหน้าอย่างพอเหมาะพอเจาะ สองแขนกว้างกางออกก่อนจะเข้าสวมกอดซุกไซ้คลอเคลียตัวเขาราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นตัวเล็กมากมายนักนับตั้งแต่พวกเขามีครั้งแรกด้วยกันไปในตอนที่เขากลับมามีฤดูนี่ก็ครบรอบหนึ่งเดือนพอดี ทว่าต่อให้จะเป็นเช่นนั้น ข้างในลึก ๆ ตัวเขายังคงหวั่นใจว่าการดำเนินความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้นี่จะไปยืดกันจริงอย่างนั้นหรือ เนื่องจากพวกเขามีอายุต่างกัน และเฉลิมเองพึ่งจะยี่สิบต้น ๆ ซึ่งการตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันควรมีประสบการณ์มากกว่านี้ในความคิดของเขา และหากตัวเขาไปกันไม่ได้ ก็อยากจะล้มเลิกเสียแต่เริ่มต่างฝ่ายจะได้ไม่เสียเวลา และคนเด็กจะไปทำตามคว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status