เพราะนักเรียนของเพนนีก่อเรื่องเอาไว้ เธอเลยต้องตามแก้ปัญหาวิกฤตระดับโลก ไหนจะปัญหาหัวใจกับเพื่อนร่วมงานสาว ที่ในยุคสามสิบปีข้างหน้านี้ แม้แต่หุ่นยนต์ยังเป็นยูริ แถมเพนนียังถูกฆ่าตาย เธอเลยรู้ตัวว่าตัวเองวนลูปติดอยู่ในเหตุการณ์เดิมซ้ำๆ แถมมุขตลกฮากระจายระหว่างทางอีก มะ อ่านเถอะ
View Moreเขียนโดยเรย์ เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน
ผมตื่นตั้งแต่ตีสี่ เวลานี้มีคนบอกผมว่าผู้ร้ายไม่ค่อยมี ทำไมเหรอ เพราะว่าเป็นเวลาที่ผู้ร้ายยังไม่ตื่น ผมกระแอมนิดหนึ่งเพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ท่ามกลางตึกสูง ตึกพวกนี้ถูกจับจองไว้หมดแล้ว ในโลกตอนนี้แค่มีความพยายาม ทุกคนจะมีที่อยู่ราคาแพง ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพอันน่าหลงใหล
ผมหยิบอุปกรณ์ปีนตึกออกมา มันเป็นจุกดูดที่แข็งแรงพอจะจับยึด แค่กดมันลงไปบนผนังตึกที่เป็นกระจก จากนั้นดึงตัวเองขึ้นไป จนสูงขึ้นเรื่อยๆ แรงโน้มถ่วงไม่อาจทำอะไรผมได้นัก ผมใช้เวลาเพียงห้านาทีก็มาถึงชั้นที่หนึ่งร้อยหนึ่ง แล้วเจาะกระจกด้วยอุปกรณ์ที่อยู่ในเป้
ในห้องไม่มีคน ส่วนใหญ่ในเวลาอย่างนี้ คนไม่ค่อยอยู่ห้องกัน เขาหลับอยู่ในบ้านซะมากกว่า
คนอะไร หาข้อมูลมาละเอียดสิ้นดี
ในเพนท์เฮาส์มืดสลัว ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอย่างช้าๆ ผมมองไปรอบๆ เห็นตู้กระจกตั้งอยู่กลางห้อง ไม่บอกก็รู้ว่าการรักษาความปลอดภัยคงดีมากแน่ๆ ผมหยิบรีโมทออกมา แล้วกดปุ่มสีแดง เสียงระเบิดดังมาจากชั้นหนึ่งของตึกหลังนี้ เสียงไซเรนดังขึ้นทำลายความเงียบ ผมตั้งใจให้เสียงดังขนาดนั้น เพื่อเรียกความสนใจของทุกคนให้ไปอยู่ที่ชั้นหนึ่ง จากนั้นผมจึงเอาค้อนมาตีตู้กระจก
ไม่ มันไม่แตก
ผมคิด แล้วก็คิด ว่าจะทำอย่างไรดี
อ่อ รู้แล้ว
คนหล่อที่เป็นคนเก่ง ก็คิดไวแบบนี้แหละ
เมื่อระบบรักษาความปลอดภัยดังขึ้น เจ้าของห้องทุกห้องจะกลับมาดูของมีค่าในห้องตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ห้องนี้ ผมหลบเข้าไปในซอกหลืบ ก่อนหน้านั้นก็ย้ายตู้ใส่เพชรไปแอบในตู้ที่อยู่ตรงกันข้ามกับซอกที่ผมซ่อนอยู่
เจ้าของห้องเป็นผู้หญิง ผมสีบลอนด์ หน้าตาเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ เธอเดินไปเปิดตู้ทุกตู้เพื่อตามหาเพชร แต่เปิดตู้ที่ผมแอบอยู่ไม่ออก หญิงสาวล้มเลิกความตั้งใจ แล้วเปิดตู้อื่น จากนั้นก็ยิ้มออกมา
ผมเล่นกลบางประการ ทำให้ตู้เหมือนไม่มีเพชรอยู่ในนั้น หญิงสาวหน้าซีด แล้วกดรหัสที่ตู้กระจก จากนั้นกระจกก็เปิดออก แต่ไม่เจออะไร เมื่อเห็นดังนั้นเธอย้ายตัวเองไปที่ห้องนอน เพื่อดูทรัพย์สินอื่นๆ
เสร็จผม!
ผมเอื้อมมือไปหยิบเพชรออกจากตู้กระจกที่เปิดค้างไว้นั้น ไว้ว่างๆ ผมจะบอกว่าผมทำได้ยังไง การพลางตาไม่ใช่ความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียวที่พวกเราทำได้ แต่คุณต้องลงไปศึกษาจากใต้ดินบ้าง
ก็เท่านั้น
ผมเดินไปที่รูที่ผมทำขึ้น จากนั้นปีนออกไป เพชรเม็ดงามนั้นอยู่ในกระเป๋าเป้ ราคาไม่น้อยกว่าหนึ่งบิทคอยน์ ผมจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างราชา และผมสร้างชีวิตใหม่นี้ได้ด้วยตัวเอง จากการทำการบ้านอย่างหนักของผม
แม่สาวผมบลอนด์ได้ยินเสียงกุกกักที่ผมทำขึ้น เธอสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษ หยิบปืนแล้วเล็งมาที่หัว ผมปล่อยมือจากกระจกแล้วทำให้ตัวเองทิ้งดิ่งลงไปยังพื้นโลก เธอวิ่งมายังช่องว่างนั้น แล้วยิงผมอีกที
ผมกระโดดจากตึกนั้นไปยังอีกตึกหนึ่ง ระหว่างตึกคงกว้างสักสิบเมตรได้มั้ง ใครแคร์ ผมไม่ได้มาเล่นๆ
ผมมาเพื่อย่องเบา!
กระสุนนัดหนึ่งตรงมายังไหล่ขวา ผมรู้สึกเจ็บแปลบ เลือดไหลจากตึกนับร้อยชั้นลงสู่เบื้องล่าง มองไม่เห็นเลยว่าตกลงที่พื้นได้อย่างไร แขนขวาผมใช้การไม่ได้ การปีนตึกจึงเป็นไปไม่ได้
แม่งเอ้ย ถ้าตายตอนนี้ทรัพย์สินจะหายไปหมด ความปวดหนึบทำให้ผมกังวล ผมพยายามคิดและชั่งใจ แต่นี่เป็นโลกแสนทันสมัย ผมจะมาตายแบบธรรมดาๆ แบบนี้ไม่ได้ ผมต้องใช้ไม้ตาย
ผมหยิบมันออกมา แล้วกระดกยาต่อชีวิต ราคาแพงไม่ว่าหรอก แต่กว่าจะหาได้นี่สิ
เลือดหยุดไหล แขนขวาผมกลับมาใช้ได้อีกครั้ง ผมกระตุกปืนออกจากเอว แล้วยิงไปที่แม่สาวตุ๊กตาบาร์บี้ เธอหลบพ้น แต่ตัวดูดกระจกลื่นหลุดออกจากมือ ผมตกลงเบื้องล่าง หลายสิบชั้นเลยนะ
ไม่รอดแล้วไอ้เรย์!
น้ำกระจายจากน้ำหนักตัวที่ผมทิ้งลงไปในสระว่ายน้ำ เลือดกระจายเต็มสระ ผมว่ายขึ้นอย่างง่ายดายเพราะยาเมื่อครู่ บอร์ดี้การ์ดนับสิบของหญิงสาวล้อมรอบสระว่ายน้ำไว้ เล็งปืนมาที่ผม ผมปีนขึ้นมาริมสระ ยกสองมือขึ้น จากนั้นหาโอกาสที่บอดี้การ์ดกำลังจะคว้าเป้ไปจากผม ผมเตะเข้าที่ซอกคอบอดี้การ์ดคนหนึ่ง อีกสองคนเล็งปืนมาที่ผม
"ถ้ายิงผม ผมจะกดระเบิดในเป้นี้ แล้วเพชรก็จะหายไปตลอดกาล หรือไม่อย่างนั้น เรามาสู้กันตัวต่อตัว"
ผมเอ่ยใส่กล่องแปลภาษา ทุกคนดูเข้าใจดี
ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ฝึกการต่อสู้มานักต่อนัก กล้ามเนื้อจดจำท่าทางได้อย่างง่ายดาย บอดี้การ์ดชกเข้าที่ช่องท้อง ผมหลบได้ แล้วสวนกลับ จากนั้นก็กระโดดสูงกว่าสองเมตรแล้วถีบเข้าที่ยอดอก พวกฝรั่งตัวใหญ่อย่างนี้เสมอสินะ แต่ผมออกจะว่องไวกว่า เราสู้กันจนเหนื่อยหอบ ผมสู้ไม่ไหว ไม่อาจเผชิญหน้าสามต่อหนึ่งได้ เหลือทางไหนอีกไหมนะ ผมคิดเพียงชั่วครู่
ผมกดเลือกพลังธาตุน้ำจากความสามารถที่ถูกซ่อนไว้ ยกมือขึ้นไปทางบอดี้การ์ด น้ำจากสระน้ำมาอยู่ในมือผมแล้วพวยพุ่งไปทางพวกนั้น เป็นลำเกลียวคลื่นขนาดยักษ์
ชายฉกรรจ์พวกนั้นถูกอัดด้วยน้ำขนาดเท่ารถบรรทุกสิบล้อ ตกลงจากอาคารสูง
ผมคิดว่าน่าจะตายนะ
แม่สาวบาร์บี้ หน้าถอดสี แต่ยกมือขึ้นเช่นกัน บรรดาของที่หนักและเป็นธาตุดิน เช่น โต๊ะ เก้าอี้ และกระทั่งเสา พุ่งมาทางผม
"ใช่ ฉันใช้ธาตุดิน"
เธอยิ้มแล้วพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ
ผมกระโดดหลบ แล้วลงจากตึกสูง ยิงเชือกไปที่เหล็กแข็งแรง แล้วโหนตัวลงมาจนถึงพื้นดิน น้ำจากสระน้ำเมื่อครู่ไหลซึมอยู่ทั่วพื้นปูน ผมเบี่ยงตัวเล็กน้อย ให้โต๊ะ เก้าอี้ และเสาปักลงไปในพื้นปูน ตอนนี้เราเห็นพื้นปูนแตกเป็นเสี่ยงๆ จนเห็นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ผมอมยิ้มเล็กน้อย
เสร็จไอ้เรย์!
ธาตุน้ำที่ผมใช้เป็นไม้ตาย สามารถนับรวมเอาธาตุอื่นๆ ที่ผสมกับธาตุน้ำได้ เช่น ดินที่เปียกน้ำแบบนี้ ผมควบคุมได้ทั้งน้ำและดินเลยล่ะ
ผมยื่นมือออกไปข้างหน้า ดินเปียก หรือโคลนนั่นแหละพุ่งไปยังเจ้าของเพชร เธอยื่นมือออกมาข้างหน้า แล้วบังคับดิน เรายันกันแบบนั้นอยู่นาน ผมต้องคิดหาทางออกทางอื่น แต่ผมเตรียมทางหนีทีไล่มาก่อนแล้ว
เอาล่ะ จากนั้นก็วิ่งไปทางชุมชนแหล่งเสื่อมโทรม กลิ่นขยะลอยมากระทบจมูก ตึกสวยงามเปลี่ยนเป็นบ้านที่คนไม่น่าจะอยู่ได้ พวกบอดี้การ์ดยังไม่ละมือจากผม เธอเรียกบอดี้การ์ดออกมาอีก อยากรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นผู้มีอิทธิพลขนาดไหน ถึงได้มีคนเรียกมาได้ไม่จำกัดขนาดนั้น
พวกนั้นตามรอยเลือดมา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งตื่นเต้นและหวาดเสียว ผมกระโดดขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่เอียงกระเท่เร่ บอดี้การ์ดเงยหน้าขึ้นมา แต่ไม่ทันเสียแล้ว ผมโยนอาหารใส่พวกเขาพร้อมกับฉีดสเปรย์ลงไปด้วย จากนั้นก็กระโดดลงมาแล้ววิ่งหนีไป
ก่อนที่บอร์ดี้การ์ดพวกนั้นจะรู้ตัว กองทัพหนูวิ่งกรูเข้าใส่พวกเขา มันทั้งกัด ทั้งกิน จนพวกนั้นไม่สามารถจะตามผมต่อไปได้
เพราะอาหารเรียกหนูมาได้ก็จริง แต่สเปรย์เป็นกลิ่นที่เรียกกองทัพหนูมาได้เลย ของเหล่านี้ผมได้มาในราคาแพงเชียวละ
ผมหลบเข้าบ้านในแหล่งเสื่อมโทรม ไม่มีใครคิดว่าบ้านหลังนี้จะมีของมีค่าอย่างเพชรโคตรเพชรที่ผมเพิ่งได้มา
ผมล็อคเอาท์ มันเป็นแค่ VR (Virtual reality) คือ การจำลองภาพให้เสมือนจริง แบบ 360 องศา พร้อมกับเสื้อสูทที่ใส่แล้วสามารถกำหนดท่าทางในโลกเสมือนได้ ในตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใคร ผมอมยิ้ม ถ้าเอาเพชรนี้ไปขายในตลาดใต้ดิน ผมจะซื้ออะไรดี หรือจะแลกเอาเงินมาใช้ในโลกจริงๆ นี่ดี
ไอ้เรย์เอ้ย แกกำลังจะรวยแล้ว!
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 24 ชั่วโมง ลูปที่ 6 การเจอกับพ่อแม่คราวนั้น ทำให้ฉันตระหนักว่าฉันมีค่า เพราะมีคนรักฉันและเพราะฉันตั้งใจจะทำความดี ดังนั้นตอนนี้ใจฉันมันเอนเอียงไปทางทำความดีซะมากกว่า ที่ผ่านมาเอาแต่จะใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ฉันนั่งนิ่งแล้วก็นึกว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าคุณเหลือเวลาในชีวิตอีกไม่มาก สิ่งที่อยากทำจะเป็นการฆ่าคน? หรือการช่วยคน? ฉันกลัวเหลือเกินว่าก่อนตาย ใจฉันจะอยู่กับความดีหรือความชั่วที่ทำ และถ้าโลกหลังความตายมี ฉันจะไม่ตกนรกหรอกหรือ ถ้าวางแผนฆ่าชาวนาดาไว้มากขนาดนั้น แกรมม่าเดินมาจากด้านหลัง โอบเอวฉันไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบเย็น เราแทบจะคบกันโดยไม่ต้องตกลงอะไรกันก่อน ไวไฟไหมล่ะ "เรามาทิ้งทวงกันไหม ไหนๆ เพนนีก็ใกล้ตายแล้ว" เธอพูดแทนใจฉันทั้งหมด "เรามาช่วยชาวนาดากันเถอะ" เราคุยกันเล็กน้อยเพื่อวางแผน ก่อนเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปนาดากัน ซึ่งก่อนไป ฉันก็แนะนำตัวว่าเป็นตำรวจจากประเทศไทย และอยากมาเสนอขายไอเดีย เพื่อทดแทนที่ทำให้ บลูค
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง ลูปที่ 6 ฉันพายัยคนตาสวยไปหาหมอดูที่ทำนายเรื่องของฉันเอาไว้ ประตูบ้านเปิดแง้มๆ เอาไว้ ฉันจึงเห็นว่ามีผู้สูงวัยสองคนกำลังคุยกับหมอดูอยู่ "เราอยากรู้เรื่องเพนนี" "เพนนีไหน" "เพนนีที่คุยเคยทำนายเอาไว้ว่าจะช่วยคนนับล้าน" ฉันหูพึ่ง เมื่อได้ยินดังนั้น จึงส่งสัญญาณให้แกรมม่าเงียบเสียงลง "แล้วพวกคุณจะอยากรู้ไปทำไม" หมอดูเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า เพราะอายุมากแล้ว "เราเป็นพ่อแม่เธอ" ฉันได้ยินดังนั้น แทบจะเตะประตูเข้าไปที่จริง ก็แค่ดันประตูเฉยๆ "แล้วทำไมถึงทิ้งให้หนูอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า" "เพนนี!!" ผู้หญิงคนนั้นหันมามองฉันที่เข้ามา ตาโต หน้าซีดเผือก "ทำไมคะ ช่วยบอกหนูหน่อย" น้ำตาของฉันไหลออกมา มันเป็นเพราะความน้อยใจ ความเสียใจ และความสะเทือนใจที่ผลักดันน้ำตาออกมา "นั่งก่อนเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว" ผู้ชายค
เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 6 ฉันเจอแกรมม่าและเพียงออเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ แต่ก็ยังดีใจที่ได้เจอเธออยู่ หมายถึงแกรมม่าน่ะ แล้ววันนี้ฉันคิดจะถอยก้าวหนึ่ง ก่อนจะไปต่อ หมายความว่า ฉันจะไม่หาทางไปจัดการบลูคิลเลอร์ในทันที แต่อยากสืบเรื่องวนลูปก่อน ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ฉันใช้อ้อยอิ่งโทรด้วยวิดีโอหาลุงกาน ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน "ลุงกานคะ หนูอยากคุยกับนักวิทยาศาสตร์ เรื่องกาลเวลา" "แต่ว่า" "นะคะ หนูขอคำตอบเท่าที่เรามีก็ได้ ไม่ต้องตอบให้กระจ่างชัดทุกเรื่องก็ได้" ฉันทำเสียงอ้อนเล็กๆ และรู้ว่าลุงกานจะใจดีกับฉันเสมอ เพราะอะไรนะ เพราะฉันเป็นเด็กกำพร้า หรือฉันเป็นคนโปรด หรือเพราะฉันมีความสำคัญกับโลกใบนี้ แต่ไม่ว่าเพราะอะไร ฉันก็จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี "แกรมม่าจะไปด้วย" "แต่สุดท้ายเมื่อมีการวนลูป แกรมม่าก็จะลืมอยู่ดี" ฉันโบกมือเพื่อปฏิเสธ "แต่แกรมม่าจะช่วยฟัง แล้วก็จะช่วยถามด้วย เพื่อให้เพนนีได้ข้อมูลที่ดีที่สุดนะ"
Comments