หล่อนคงไม่มีทางหุ่นดี และเป็นแบบผู้หญิงในฝันของภาคได้อย่างแน่นอน
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ อย่างปลงตก ก่อนจะเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า มองชุดในตู้ไม้ที่ภายในมีแต่เสื้อผ้าเชยๆ ตามรสนิยมของตนเอง
มือเล็กขาวสะอาดหยิบชุดสีน้ำตาลอมเทาออกมาจากตู้ มันคือชุด แม็กซี่เดรสตัวยาวคลุมเกือบถึงข้อเท้า หล่อนไม่ค่อยชอบสีมันสักเท่าไหร่ แต่ชุดนี้จะช่วยอำพรางสัดส่วนอวบอัดของหล่อนได้เป็นอย่างดี
“ชุดนี้แหละ”
หล่อนไม่จำเป็นต้องสวยนี่น่า เพราะงานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่อให้ภาคและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ผ่อนคลาย หล่อนเป็นแค่ผู้ช่วยงานเท่านั้น
หญิงสาวหยิบกางเกงชั้นในลูกไม้สีชมพูหวานที่เข้าชุดกับบราเซียร์ทรงโบราณขึ้นมาสวมใส่ และกำลังจะใส่ชุดแม็กซี่เดรสตามลงไป แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน
“แปบนะจ๊ะแม่”
หล่อนตะโกนตอบออกไป ก่อนจะรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูสีชมพูหวานในตู้มาพันรอบกาย และถลาไปดึงบานประตูห้องนอนให้เปิดออก
“แม่มีอะไรจ๊ะ...”
หล่อนพูดได้แค่นั้นก็ชะงักค้าง ไม่สิ... ไม่ใช่แค่ชะงักค้าง แต่หล่อนช็อกเลยทีเดียว
กนกแก้วกะพริบตาถี่ๆ เพราะคิดว่าตัวเองมองผิดไป มองแม่เป็นภาค แต่... แต่ไม่ว่าจะหลับตาแล้วก็ลืมตาซ้ำไปซ้ำมาสักกี่รอบ เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงหน้า
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่เห็น แน่ล่ะ เขาจะต้องไม่ชอบกับสิ่งที่เห็นอย่างแน่นอน
หล่อนอับอาย และแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว ผู้หญิงอวบเกือบอ้วนแบบหล่อน ไม่น่าจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย
ภาคยิ่งไม่มีหล่อนอยู่ในสายตาอยู่แล้ว พอเขาเห็นแบบนี้ เขาก็คงจะยิ่งขบขัน
“บอส...”
“ผมไม่เคยเห็นคุณกับสีชมพูมาก่อนเลย”
เขาทำหน้าสงสัย ใบหน้าอมยิ้มเกือบจะแสดงความขบขันออกมา
“และก็ไม่เคยเห็นคุณไม่สวมแว่นมาก่อนเช่นกัน”
ดวงตาคมกริบสีดำจ้องมองประสานเข้ามาในดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะหนกของหล่อน
“คือว่า... แก้ว...”
เขายิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะยื่นถุงกระดาษสีสวยใบใหญ่ให้
“ผมเอาชุดมาให้น่ะ”
“ชุด...?”
“ใช่ เพราะผมรู้ว่าถ้าผมไม่เอามาให้คุณ คุณจะต้องแต่งตัวเชยๆ แบบที่ใส่ไปทำงานแน่นอน”
ใบหน้าของหล่อนร้อนผ่าว แต่ก็ทำได้แค่เพียงยื่นมือสั่นๆ รับไปถุงกระดาษใบสวยจากมือใหญ่เท่านั้น แต่พระเจ้าก็กลั่นแกล้งหล่อนไม่หยุดหย่อน เมื่อปลายนิ้วดันสัมผัสกันโดยบังเอิญ
หล่อนสั่นสะท้านไปทั้งตัว รีบกระชากถุงกระดาษมาไว้ในมือ และหนีกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ประตูถูกปิดลงแล้ว และหล่อนก็ไม่รู้ว่าภาคจะโกรธกับกิริยารีบร้อนของหล่อนหรือเปล่า รู้เพียงแต่ว่า หล่อนทนยืนให้เขามองอย่างขบขันต่อไปไม่ได้
“บอส... ทำไมมาเร็วนักนะ...”
หล่อนยืนอยู่หลังบานประตูไม้ ก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ความตื่นตกใจยังคงกระจายแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายสาว
หล่อนใช้เวลาแต่งตัวอีกเพียงแค่สิบห้านาทีก็ก้าวออกมาจากห้อง และลงบันไดบ้านมา หัวใจยังคงสั่นสะท้าน แข้งขาก็ยังคงอ่อนแรง
หล่อนเห็นภาคกำลังนั่งคุยกับแม่ของตนเองอยู่อย่างสนุกสนาน ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองหล่อน เมื่อเห็นมารดามองมา
สายตาของเขายังคงเหมือนเดิม มีแค่ความมืดดำ มีเพียงบางอย่างเท่านั้นที่อ่านไม่ออกเพิ่มขึ้นมา แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจมัน เพราะลำพังแค่จะฝืนยิ้ม ทำตัวปกติกับเขาเหมือนเมื่อก่อนก็ยากเย็นเต็มที่แล้ว
ก็เขาดันมาเห็นหล่อน... มาเห็นหล่อนในสภาพไม่เรียบร้อย เห็นความอวบอัดเกินผู้หญิงของหล่อน แล้วจะไม่ให้หล่อนอับอายได้ยังไงกันล่ะ
เขามองหล่อนราวกับไม่เคยเห็นผู้หญิงรูปร่างแบบนี้มาก่อน ก็แน่ล่ะ เขาเคยเห็นแต่หุ่นเพรียวบาง และนมใหญ่มาตลอดชีวิตนี่น่า
“ผมซื้อคอนแทคเลนส์มาด้วย ใส่เอาไว้ในถุงเสื้อผ้า คุณไม่เห็นหรือแก้ว”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนเช่นทุกวัน บอกให้รู้ว่าเขาลืมเรื่องเมื่อกี้ไปแล้ว
“เอ่อ... แก้ว... แก้วไม่อยากใส่น่ะค่ะ แต่ก็ขอบคุณ บอสมากนะคะ”
เขาลุกขึ้นยืน มองหล่อนแบบเต็มๆ ตา
“ไม่เป็นไรหรอก ตามใจคุณเถอะ เพราะดวงตาเป็นของคุณ”
หล่อนฝืนยิ้มหันไปร่ำลามารดา ในขณะที่ภาคมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“คุณใส่ชุดเดรสพอดีตัวแบบนี้ก็ดูแปลกตาดีนะ”
หล่อนก้มลงมองสภาพตนเอง ก่อนจะลอบถอนใจออกมาอย่างประหม่า
หล่อนไม่ชอบชุดแบบนี้เลย มันรัดไปทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นอก เอว หรือว่าสะโพกที่ใหญ่เกินไปของหล่อน แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธคำสั่งของภาคได้
“แก้วไม่เคย... ใส่แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ”
หล่อนบอกเขาไปตามความจริง
เมียตีทะเบียนที่เขาไม่รัก 29.อวสาน“ไม่นะคะ พราวต้องกลับบ้าน!”“ไม่ให้กลับ”เขาตอบทันควัน ไม่มีแม้แต่จังหวะลังเล เสียงนั้นหนักแน่นแบบที่หล่อนรู้เลยว่า... ไม่มีทางได้ลงจากอ้อมแขนง่ายๆ แน่“แต่พราวโทรบอกคนขับรถให้มารับแล้วนะคะ”“เดี๋ยวมาไม่เจอพราว เขาก็กลับไปเองแหละ”เขาพูดนิ่งๆ พร้อมยักคิ้วนิดๆ ท่าทางสบายใจเกินเบอร์ ขณะอุ้มหล่อนเดินตรงไปตามทางเดินยาวด้านหลังของตัวคฤหาสน์ ซึ่งมันมีทางเชื่อมขึ้นสู่ห้องนอนชั้นสองอีกทาง“แต่ว่า...”“ไม่มีแต่”หนุ่มหล่อก้มหน้าลงเล็กน้อย กระซิบชิดใบหูของหล่อน เสียงนั้นนุ่ม ลึก และเต็มไปด้วยแรงปรารถนา“ฉันอยากเป็นทาสสวาทของเธอใจจะขาดอยู่แล้ว พราว...”แก้มนวลของพราวพิลาศแดงดระเรื่อ ยิ่งสบตากับเขาในระยะใกล้แบบนี้ แถมใบหน้ายังคงอยู่ใกล้กันมากแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งหวั่นไหวลมหายใจอุ่นๆ ของเขาแนบใกล้จนหล่อนรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจตนเอง“แต่... พราวอาย...”“ไม่มีอะไรต้องอายเลย”เขาพูดเบา แต่น้ำเสียงมั่นคง“เรารักกัน... และเราก็กำลังจะแสดงความรักกัน...”“แต่ว่า... เราเพิ่งทำไปเมื่อวานเองนะคะ...”“กับเธอ... กี่ครั้งก็ไม่พอหรอกนะ พราว...”เขาพูดเสียงแหบต่ำ และเต็มไปด้
เมียตีทะเบียนที่เขาไม่รัก 28.“ถ้าคุณจะบอกว่าเกลียดพราว... ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ เพราะพราวรู้ดี”เสียงหล่อนสั่น ดวงตาแดงรื้น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นโดยที่เจ้าตัวก็พยายามจะกลั้นไว้สุดแรง“ฉันไม่ได้เกลียดเธอ...”เขาก้าวเข้าหา ยื่นมือออกไปจะกอด แต่หล่อนถอยหนี“งั้นก็คงขยะแขยงมั้งคะ”“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันน่ะ...”เขาเงยหน้าขึ้น สบตาหล่อนอย่างไม่หลบสายตาอีก“ฉัน... อยากให้เธอกลับมา... อยู่กับฉัน...”“พราว... ไม่กลับไปแล้วค่ะ”หล่อนเม้มปากแน่น หันหลังจะเดินหนี แต่เขาไวกว่า ก้าวเข้ามารวบตัวหล่อนเข้าไปกอดแน่น จนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน“กลับมาอยู่กับฉันนะ พราว... ฉันรักเธอ”เสียงกระซิบบอกที่ข้างหูหล่อน ทำให้ร่างบางนิ่งงัน เหมือนถูกตรึงไว้กับอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา“คุณช้างว่าอะไรนะคะ...”“ฉันรักเธอ พราวพิลาศ ฉันรักเธอจริงๆ”พราวพิลาศตัวแข็งทื่อ สมองขาวโพลนไปชั่วขณะ“รัก...? คุณช้างรักพราวเหรอคะ?”“ใช่ ฉันรักเธอ รักจนไม่อาจทนเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว”เขาหวังว่าหล่อนจะเชื่อ หวังว่าหล่อนจะเข้าใจ แต่กลับตรงกันข้าม หล่อนยิ่งดิ้นรน และหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา“คุณปู่ขอร้องให้คุณช้
เมียตีทะเบียนที่เขาไม่รัก 27.“ครับ คุณปู่”“แกมีอะไรอยากพูดกับหนูพราวไม่ใช่เหรอ”ชยางกูรขยับริมฝีปากเล็กน้อย ราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับต้องกลืนคำเหล่านั้นลงคอไปพร้อมกับความกลัวที่บีบหัวใจเขาเลื่อนสายตาไปสบตากับหญิงสาวตรงหน้า... หญิงสาวที่เขาเคยผลักไสไล่ส่ง และกำลังจะเสียหล่อนไปตลอดกาล“ผม... ไม่มีครับ”เสียงเขาเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ทว่าในใจกลับตะโกนอยากพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามออกไปจนแทบบ้า“เจ้าช้าง”เสียงของคุณปู่คราวนี้แข็งขึ้นเล็กน้อย คล้ายตำหนิ แต่ชยางกูรก็ยังคงนั่งก้มหน้านิ่ง กินข้าวนิ่งเฉย ไม่พูดไม่จาอะไรพราวพิลาศเห็นบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด จึงคิดว่าเป็นเพราะตัวเอง ที่ทำให้ชยางกูรเงียบงันไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ดังนั้นหล่อนจึงเลือกที่จะปลีกตัว“หนูอิ่มแล้วค่ะคุณปู่”“อ้าว ทำไมอิ่มเร็วจังเลยหนูพราว หนูเพิ่งกินนิดเดียวเองนะ”“หนู... อิ่มจริงๆ ค่ะ”หล่อนยิ้มออกมา ทั้งที่รอยยิ้มนั้นช่างเจือจางและบิดเบี้ยว “ขอบคุณคุณปู่มากนะคะที่ชวนหนูมากินอาหารอร่อยๆ แบบนี้”หล่อนยังคงฝืนยิ้มต่อ แม้ว่าหัวใจจะเจ็บหนึบก็ตาม“ไว้วันหลัง หนูจะเชิญคุณปู่ไปทานข้าวบ้านหนูบ้างนะคะ หนูจะเข้าครัวเพื
เมียตีทะเบียนที่เขาไม่รัก 26.คุณปู่พูดพร้อมส่ายหน้า แต่ในน้ำเสียงนั้นมีความรัก และความเอ็นดูที่ซ่อนอยู่ลึกๆ“คุณปู่ครับ...”ชยางกูรเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงระเรื่อ“ผมยอมให้คุณปู่ด่าไปทั้งชาติเลยครับ ขอแค่เพียง... คุณปู่ช่วยทำยังไงก็ได้ ให้ผมได้เมียกลับมาทีนะครับ... นะครับคุณปู่...”คุณปู่เงียบไปครู่หนึ่ง มองหลานชายที่เมื่อก่อนเคยยืนผงาดเหมือนราชสีห์ แต่ตอนนี้ห่อเหี่ยวราวหมาน้อยหลงทาง“เอางี้ เจ้าช้าง...”ชยางกูรเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง“ครับ! คุณปู่จะช่วยเหรอครับ!?”คุณปู่ยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ“ใช่”ชยางกูรแทบจะกระโดดกอดขาคุณปู่ทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ใบหน้าที่ดูเหมือนจะไม่มีความหวังเมื่อครู่ กลับเปล่งประกายสดใส จนเกือบเห็นสายรุ้งพุ่งออกจากหัว“เย็นนี้...”คุณปู่พูดช้าๆ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่าทางสุขุม“ปู่จะนัดหนูพราวมากินข้าวเย็นที่บ้าน”“จริงเหรอครับ! ปู่สุดยอดมากเลยครับ!”ชยางกูรแทบจะลุกขึ้นเต้นระบำเสียให้ได้ แต่ไม่นานก็ชะงักไป“แล้ว... ผมต้องทำยังไงครับ”“ยังจะมาถามอีก...”คุณปู่วางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา แล้วจ้องตาหลานชายนิ่ง“แกก็ต้องทำยังไงก็ได้
เมียตีทะเบียนที่เขาไม่รัก 25.ชยางกูรจะก้าวตาม แต่กลับถูกปรัชญาขวางทางเอาไว้ “หลีกไป”น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นจนน่าขนลุก ดวงตาเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่เก็บไว้ไม่อยู่“คุณพราวรักคุณก็จริง...”ปรัชญาพูดอย่างใจเย็น“แต่เธอก็สามารถหยุดรักคุณได้เหมือนกันครับ” ดวงตาของชยางกูรแข็งกร้าวขึ้นทันที“นี่คุณจะแย่งเมียผมให้ได้เลยใช่ไหมวะ!”“ผมไม่ได้จะแย่ง...”ปรัชญาตอบเรียบๆ ก่อนจะพูดต่อ“แต่ถ้าคุณพราวเลือกผม... ผมก็พร้อมจะดูแลเธอ ในแบบที่คุณไม่เคยทำครับ”ชยางกูรหน้าตึง ความอดกลั้นพังทลายหมัดของเขาเหวี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว แต่... ปรัชญาหลบได้อย่างฉิวเฉียดดวงตาทั้งคู่สบกันอีกครั้ง คราวนี้...มันไม่ใช่แค่ความไม่พอใจ แต่มันคือศึกระหว่างชายสองคนที่มีใจให้ผู้หญิงคนเดียวกัน“หยุดเดี๋ยวนี้นะคะ!”พราวพิลาศวิ่งกลับเข้ามา และดันอกของชยางกูรออกแรงพอควร“คุณช้าง อย่าทำตัวเป็นนักเลงแบบนี้ได้ไหมคะ!”เขาจ้องหน้าหล่อน ดวงตาทั้งโกรธ ทั้งปวดร้าว ก่อนจะหันหลังกลับไปขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรเสียงประตูปิดดัง ปัง! ก่อนที่รถหรูจะเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็วและแรงเมื่ออยู่กันเพียงสองคน พราวพิลาศหันไปมองปรัช
เมียตีทะเบียนที่เขาไม่รัก 24.เขาหัวเราะอย่างพึงพอใจ ก่อนจะก้มลงดูดหัวนมของหล่อนอย่างเอาแต่ใจ“อู๊ยยยย คุณช้าง... อื้อ... อ๊า... อา...”“อยากให้ฉันหยุดเอาเธอไหม... อืมมม โอ้วววว หอยเธอนี่มันฟิตดีจัง... โอ้ววว...”“ไม่... อ๊า... อย่าหยุด... คุณช้าง... ซี๊ดดดด พราวเสียว อ๊า...”และสุดท้าย หล่อนก็ทำได้แค่เพียงปล่อยให้ไฟสวาทอันร้อนแรงของชยางกูรแผดเผาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณอย่างเต็มใจ...แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ชยางกูรขยับตัวเล็กน้อย เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้น ก่อนที่แขนแข็งแรงจะเหยียดออกไปราวกับจะโอบใครบางคนข้างกาย...ว่างเปล่า...ผ้าปูเตียงเย็นเฉียบ...พราวพิลาศ... ไม่อยู่แล้วเขาลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะพลิกกายขึ้นนั่ง ดวงตาคมหลุบลงมองผ้าปูเตียงยับยู่ที่ยังมีร่องรอยของการเคลื่อนไหวเมื่อชั่วโมงก่อนชยางกูรถอนหายใจเบาๆ ในความเงียบ พลางเอื้อมมือแตะที่นอนข้างตัวอย่างไม่รู้ตัวตรงที่ที่หล่อนเคยนอน...ตรงที่ที่หล่อนพูดคำว่า รักคุณ ออกมาในจังหวะที่หล่อนลืมตัว และคิดว่าเขาไม่ได้ยินแต่เขาได้ยิน...เขาได้ยินอย่างชัดเจน ได้ยินทุกลมหายใจที่สั่นไหว และแผ่วเบาของหล่อน... และเสียงน