“คุณรู้อะไรไหม? ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ถูกผู้ร้ายจับตัวมา ถ้าไม่ถูกฆ่าก็จะถูกทำเรื่องอย่างว่าจนสาแก่ใจ แล้วถึงค่อยปล่อยตัวไป”
คนตัวเล็กกว่าน้ำตารื้นขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ฟัง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะช่วยคนตรงหน้าด้วยสามัญสำนึกของคนเป็นแพทย์ แต่ก็ยังไม่วายที่จะถูกงูเห่าอย่างเขาแว้งเข้ามากัด แล้วเธอก็คือชาวนาคนนั้นชัดๆ เลย
“ฉันเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตคุณเอาไว้แท้ๆ แต่กลับตอบแทนกันแบบนี้เองเหรอ อันที่จริงฉันน่าจะเรียกตำรวจมาจับคุณตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ”
“คุณคิดจะทวงบุญคุณกับคนอย่างผมงั้นเหรอ? เกิดมาผมก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงหน้าโง่ ที่บอกว่าถูกผู้ชายหักอกมา แต่ก็ยังกล้ารับผู้ร้ายขึ้นรถ แถมยังช่วยรักษาให้อีกต่างหาก ผู้หญิงอย่างเธอหากไม่โดนผัวสวมเขา ก็คงจะถูกมันหลอกเอาไปขายเข้าสักวัน”
เธอทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสขโมยหอมแก้มใส นั่นทำให้เจ้าของร่างบางถึงกับสะดุ้งเกร็งตัวด้วยความตกใจ ก่อนจะตวาดแว้ดออกไปว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันเป็นคนช่วยชีวิตคุณ ทำไมคุณถึงได้ทำเรื่องที่มันเลวร้ายและไม่เหมาะสมกับฉันแบบนี้ คุณยังมีความเป็นลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่ไหม?”
“ผมก็กำลังตอบแทนผู้มีพระคุณของผมยังไงล่ะ”
“นี่เขาเรียกว่าตอบแทนพระคุณหรือยังไงกัน มันใช่ที่ไหนใครเขาสั่งสอนมาฮะ!”
“ก็แบบฉบับของโจรไง มันก็ต้องแบบนี้ไหม? ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าโจรได้ยังไงกัน?”
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงบางสิ่งอยู่ในดวงตา แล้วมันก็ทำให้วริญญารู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาได้ หรืออาจเป็นเพราะเธอรู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกผู้ชายทิ้งขว้าง แล้วมันจะใช่ความรู้สึกอย่างเดียวกัน กับที่ริมฝีปากหนาค่อยๆ แนบลงมาบดจูบกับริมฝีปากของวริญญานั่นหรือเปล่า?
คำถามมากมายยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของร่างบาง แต่ท้ายที่สุดมันกลับค่อยๆ จางหาย หลงเหลือไว้เพียงสัมผัสอบอุ่นเนิบช้าจากริมฝีปากหยักได้รูป ที่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมให้เขาเอาแต่ใจ จากจูบที่แค่แตะสัมผัสเนิบช้า กลับกลายเป็นว่าจูบนั้นเปลี่ยนเป็นรุกเร้ารุนแรงหน่วงหนักมากขึ้นไป เจ้าของร่างใหญ่ไล้จูบเธอไปทั่วทั้งร่างกาย โดยไม่มีจุดไหนที่เขาไม่ได้สัมผัสมัน เมื่อเขาทำอย่างนั้นมันชวนให้สมองของหญิงสาวว่างเปล่าขาวโพลน และยอมให้เขาเป็นคนพาเธอโจนทะยานขึ้นสู่ที่สูงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักอิ่มพอ
หากจะมีใครหลายคนพูดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย ยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้กับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ตอนนั้นมันก็คงพูดไม่ผิดเท่าไหร่นัก
ฝ่ามือกว้างลูบไล้อยู่บนเรือนร่างที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกระดากอายหรือรังเกียจอะไร แต่ตรงข้ามกันมันกลับเป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้ง
ไม่ใช่เพียงเพราะวริญญาถูกทอดทิ้งจนรู้สึกโหยหาอ้อมกอดของใครก็ได้ แต่ทว่าภายในอ้อมกอดของร่างใหญ่ มันกลับมีพื้นที่เตรียมเอาไว้ให้สำหรับเธอ
อาจจะเป็นเพราะโชคชะตา…หรือฟ้ากำหนดมาให้เขาและเธอได้มาเจอกัน
สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน หรืออาจจะถูกสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อเริ่มมองเห็นเค้าลางแห่งความเลวร้าย โดยมีพรหม คอยลิขิตให้ชีวิตเธอได้เดินไปตามทางที่ถูกกำหนดไว้ อย่างที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้หญิงสาวได้สมหวังกับใครสักคน...
วริญญาเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอ เมื่อได้รับข้อความมากมาย ในขณะที่เธอกำลังงัวเงียตื่นจากการนอนหลับ เพราะหลังกลับมาจากที่ทำงาน เธอก็ยังต้องมาคอยพยาบาลคนที่ชอบเอาแต่ใจ ที่อาศัยอยู่ในห้องของตัวเอง
ในขณะที่เธอกำลังมีความสุขกับชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนจะมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ได้วนกลับมาหาวริญญาอีกครั้ง
“ริญจะต้องกลับไปที่บ้านหลายวัน คุณจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้หรือเปล่าคะชาง?”
ชาง คือชื่อของผู้ชายที่เธอเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ตอนนั้น
ร่างหนาพลิกตัวขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง แล้วใช้เพียงท่อนแขนข้างเดียวหนุนศีรษะไว้ในขณะที่ร่างกายเปลือยเปล่า ดีหน่อยตรงที่เขายังเอาผ้าห่มผืนบางปิดบังช่วงล่างเอาไว้
“ทำไมคุณถึงต้องกลับบ้านด้วยละ? ในเมื่อเราสองคนอยู่ด้วยกันที่นี่มาเป็นเดือน แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่คุณบอกกับผมว่าจะกลับบ้าน”
วริญญาทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่สามารถบอกความจริงทุกอย่างกับเขาได้
จากการที่คบหากันมาสักระยะ วริญญาสามารถเรียนรู้นิสัยใจคอของชางได้อยู่อย่างหนึ่ง
ชางเป็นคนช่างสังเกตุเก่ง ชายหนุ่มรู้ว่าเธอเองก็ไม่ต้องการให้เขาได้รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเธอเท่าไหร่? แต่ชางก็ไม่เคยถามหาเหตุผลจากเธอว่าทำไม?
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ริญไม่มีเวลากลับไปหาท่านทั้งสองคนเท่านั้นเอง แล้วเมื่อกี้นี้ก็มีข้อความของคุณแม่ส่งมาบอกริญว่าคุณพ่อกำลังไม่สบาย ริญก็เลยคิดว่าน่าจะต้องไปเยี่ยมหาท่านบ้างน่ะค่ะ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะกลับมาหาคุณที่นี่ได้”
เขาไม่ตอบเธอกลับไปทันที เพียงแต่หรี่ตามองร่างบางราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง
“คุณคิดจะให้ตำรวจเข้ามาจับผมตอนที่คุณไม่อยู่ที่นี่หรือเปล่า?” คำพูดของเขาติดตลกเชิงต้องการจะลองใจ
“ ริญไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณเลยนะคะชาง...” เจ้าของร่างบางรีบตอบกลับไป เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจเธอไปอย่างนั้น
เธอได้ยินเสียงเขากลั้นขำเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ยกฝ่ามือใหญ่ เข้าไปลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าของหญิงสาวราวกับกำลังเอาใจ
“ไปเถอะ แล้วก็รีบกลับมานะ คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบรออะไรนานๆ”
เจ้าของร่างใหญ่มองเธอด้วยสายตาที่มองเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง แต่มันเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในหัวใจ
แต่หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป เมื่อร่างของเธอถูกอีกฝ่ายรั้งเข้าไปแนบกับอกกว้าง ก่อนจะจูบริมฝีปากบางอย่างรุกเร้าเอาแค่ใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งเนิ่นนานอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะผละออกมาพูดกับเธอว่า
“ขอแค่อย่าให้ผมจับได้ ว่าคุณแอบไปมีผู้ชายคนอื่นก็แล้วกัน”
น้ำเสียงทุ้มบอกแกมหยอกเย้า แต่ทว่านัยน์ตาคมของเขาที่ฉายแววออกมาเหมือนกับสัตว์ร้าย แววตาของคนที่ไม่เคยคิดจะไว้ใจใครเลยจริงๆ
ถึงแม้หญิงสาวจะอยู่กับเขามาเป็นเวลานับเดือน แต่ก็ยังไม่เคยได้เห็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานะทางความคิดของคนตัวใหญ่กว่า เจ้าของแววตาที่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ข้างในอย่างหาที่สุดไม่ได้...
วริญญาไม่เคยรู้ หรือเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เคยแสดงมันออกมาให้เธอได้เห็นเอง
เด็กชายเคยไฝ่ฝันว่าตนอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่คอยดูแลใกล้ๆ ไม่ใช่เด็กที่มีเพียงแค่ยายไปรับส่งที่โรงเรียน ในวันเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่เด็กชายก็ยังมีความตื่นกลัวตามประสา เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตนมาก่อนเลย“ไปหาแด๊ดดี้สิคะลูก หนูไม่อยากจะไปเล่นเบสบอลกับแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ?” วริญญาเอ่ยย้ำถึงกิจกรรมที่ลูกชายอยากจะทำนักหนา แต่ทว่ายังหาคนสอนไม่ได้ แล้วมันก็ข้าทางกับสถานะการณ์ในตอนนี้พอดี“ลุงคนนั้นเป็นแด๊ดดี้ของผม จริงๆ หรือครับมัม” เชนเงยหน้าขึ้นมาถามตามประสา พร้อมกับมีรอยยิ้มน่ารักตามมา เมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยยืนยันกับเขาว่า“ใช่สิคะลูก ผู้ชายคนนี้คือแด๊ดดี้ของหนู เขาเองก็ตามหาพวกเรามานานแล้วนะ ไปสิจ๊ะ ไปกอดแด๊ดดี้อย่างที่หนูเคยอยากจะทำไง...”ชางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินประโยคที่วริญญาพูดออกมา นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเธอกับลูกจะต้องอยู่กับความอ้างว้าง ซึ่งมันไม่ต่างจากเขา ที่เฝ้าตามหาหญิงสาวมาชั่วชีวิตเช่นเดียวกันชางเบี่ยงองศาหน้าหันไปทางอื่น เพราะต้องการกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
หญิงสาวจึงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ เชิงออกคำสั่งให้เปิดเทปบันทึกเสียง และภาพจากคลิปวีดีโอ ที่มีเสียงสนทนาระหว่างอเนก และอนุวัฒน์ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนเป็นลูกชาย นมนิ่มถึงกับไปไม่เป็น อีกทั้งยังมีสีหน้าซีดเผือดอย่างที่เห็น“บอกมาได้ไหมคะ ว่าคนที่เห็นอยู่ในคลิปและเทปบันทึกเสียงนี่ ใช่เสียงของลูกชายนมหรือเปล่า?”“มันเป็นหลักฐานปลอมใช่ไหมคุณหนู มันเป็นเรื่องไม่จริงหรอกค่ะ ใครจะกล้าไปคิดต่ำทรามกับผู้มีพระคุณได้ นมเคยสอนคนหนึ่งไว้ว่ายังไงก็สอนลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน”คำแก้ตัวของนมนิ่ม ทำให้วริญญาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เพราะจนถึงขนาดนี้นางก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะยอมรับความผิดที่ตนได้เป็นคนก่อไว้ข่าวการตายของอเนกและอนุวัฒน์ในเวลานี้ กำลังขึ้นไปอยู่หน้าหนึ่งของสื่อทุกสำนักนักข่าวเริ่มขุดคุ้ยและหาหลักฐานซึ่งเชื่อกันว่าในอีกไม่นาน ก็ต้องตามมาถึงตัวของแม่นมของเธออย่างไม่ต้องสงสัยวริญญา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วค่อยๆ ยกเอาถาดอาหารออกมา ก่อนจะวางมันลงตรงหน้านมนิ่ม พร้อมกับรอยยิ้มการค้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้านมบริสุทธิ์ใจจ
อนุวัฒน์เคยบอกแม่ของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า อเนกเป็นคนที่คิดจะดีดตัวออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มแผนการ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเสียท่าให้แก่องค์กรฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้แล้วว่า หากจะต้องตายมันก็ต้องตายตกตามกันไป เพราะถึงยังไงมันก็ได้ชั่วด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้น “มึงเอง ก็อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดได้เลยไอ้อเนก”ปัง!อนุวัฒน์ใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่ เหนี่ยวไกปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอเนก แต่ตัวของอเนกเองกลับไวกว่า เขาจึงยิงรัวเข้าไปที่ร่างของอนุวัฒน์เพื่อให้มันได้ตายสมใจ แต่ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง อนุวัฒน์ได้เหนี่ยวไกปืนแล้วยิงใส่อเนกได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าลูกปืนมันจะไม่ได้เข้าไปที่ส่วนศีรษะของอเนกอย่างที่ตนตั้งใจ แต่กระสุนก็ยิงเข้าไปที่ชายโครงของอเนกจึงเป็นเหตุให้อเนกเสียการควบคุมพวงมาลัยรถที่กำลังบังคับอยู่ รถที่กำลังแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงเกินพิกัด ซึ่งเมื่อขาดคนบังคับมันจึงหลุดออกนอกเส้นทาง คล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดให้รถคันที่เห็น กระเด็นออกมาจากถนนเส้นหลัก จากนั้นจึงพลิกคว่ำแล้วกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จมหายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเห็นกลุ่มเลือ
“จัดการส่งคนเข้าไปลากคอพวกมันมา ฉันไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ เดินตามแผนการณ์ของเราที่วางเอาไว้ อย่าจับตายจำเอาไว้ว่าฉันต้องการเห็นพวกมันตัวเป็นๆ ““รับทราบครับเจ้านาย”หลังจากที่นั้นเรือลำนั้นแล่นออกไป ก็มีเรืออีกลำซึ่งใหญ่กว่าค่อยๆ ชะลอตัวเข้ามาจอดยังชายหาดด้านข้าง นั่นมันทำให้วริญญารู้สึกเอะใจ แล้วหันกลับไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย“ชาง!...คุณเตรียมแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย!? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะชาง!”วริญญาแว๊ดใสหน้าชางอย่างจะเอาเรื่อง เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงรีบรับสารภาพกับเธอทันที“บอกเดี๋ยวนี้แล้วครับเมีย....ผมแค่อยากให้คุณทำใจได้ เพราะอันที่จริงแล้วการที่ผมจะฆ่าพวกมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณมีให้กลับมาทำร้ายคุณเอง ผมรู้ดีว่าในตอนที่คุณยังรังเกียจผมอยู่ถ้าผมทำอะไรรุนแรงกับคนพวกนั้นลงไป คุณก็คงจะไม่มีวันให้อภัยผมไปชั่วชีวิต”เขาเหมือนกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดและความรู้สึกของเธอ วริญญาตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรผู้ชายที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ในตอนนี้ถึงได้เข้าใจหัวอกของเธอเสียทุกอย่างชายหนุ่มประคอ
หญิงสาวเพียงแค่ใช้ส้อมที่อยู่ในมือจิ้มลงไปในอาหาร แล้วนำมันขึ้นมาใส่ปากรับประทาน จึงพบว่ารสชาดนั้นไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอเคยกินอาหารฝีมือของแม่นม มันช่างน่าประหลาดเพราะมันเป็นรสชาดที่เธอลืมไปนาน หรือเป็นเพราะเธอกินอาหารฝีมือของแม่นมของเธอมานานจนเกินไป“มันไม่มีกลิ่นที่เหมือนกับอะไรบางอย่าง รบกวนจมูกของเราฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ชางเอ่ยถามเพราะต้องการความเห็น“ทำไมคุณถึงได้รู้ ทุกครั้งที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของแม่นมนิ่ม อาหารพวกนั้นจะมีกลิ่นบางอย่าง มันหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นของอะไร?”ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า“สารปรอทยังไงล่ะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อของคุณโดน”ถ้วยอาหารในมือของหญิงสาวถึงกับร่วงตกลงไปบนพื้น ชางรู้ดีว่าเธอคงจะตื่นตกใจ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถ้วยนั้นขึ้นมาเคาะไล่สิ่งสกปรกแล้วใช้กระดาษซับมันที่มีอยู่ในถุงเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะตักอาหารลงไปให้ใหม่อีกครั้ง“คุณจะพูดล้อเล่นไปถึงไหน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณ กับแม่นมของฉันมีปัญหาอะไรกันถึงขนาดจะต้องตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณพ่อด้วย?”“ห
ท่อนแขนกำยำทั้งสองข้าง ยังคงกอดประคองร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่นผิวเนื้อเนียนนุ่มยังคงเบียดเสียดถูไถกันจนกระทั่งบางครั้งยังเข้าใจว่า ร่างกายของเธอและเขาอาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ในช่วงจังหวะนั้นมีหลายครั้งที่เธอกับเขาได้ประสานสายตา และก็มีบางคราที่วริญญาเธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างลืมตัว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่ห่างหาย ชางจึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่เคยลืมเขาไปจากหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ผมรักคุณ รักทั้งหมดของคุณ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อา…คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“ปล่อยฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันสู้แรงคุณไม่ไหวแล้วนะ กี่ครั้งแล้วคะนี่”“ผมไม่สนใจ จะกี่ครั้งมันก็เป็นของผม อย่างนี้!”ชายหนุ่มโจนจ้วงเข้าไปจนสุดลำโคน จนโดนกำปั้นบอบบางทุบเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงต่อว่าตามมาเสียงดัง“นิ้คุณ! คิดจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไงฮะ!? คุณเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมตามหาคุณไม่เจอ ตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นว่าคุณมีผู้ชายคนอื่น”วริญญาไม่กล้าพูดอะไรต่อ หญิงสาวได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาตักตวงเอากับร่างกายของเธอต่อไป พร้อมกับฟังเสียงคำรามของอีกฝ่ายที่ระบาย