สาเหตุที่วริญญาถูกแฟนหนุ่มปฏิเสธรัก มีสาเหตุมาจากที่เธอถูกนักศึกษาแพทย์ที่เป็นรุ่นน้อง นำภาพของเธอที่เจ้าตัวเป็นคนแอบถ่าย ไปส่งต่อให้อดีตแฟนหนุ่มของเธอได้ดู
เมื่อเขาเห็นภาพดังกล่าว ที่ในนั้นมีแฟนสาวของตัวเองยืนอยู่ พร้อมกับผู้ชายหลายคนในบริเวณลานจอดรถด้านล่างของคอนโด เพียงแค่นั้นมันก็สามารถระบุตัวตนของแฟนสาวได้ โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องคาดเดา
ชายหนุ่มรับไม่ได้เมื่อรู้ความจริงว่า วริญญาคือลูกสาวคนเดียวของมาเฟียใหญ่ ที่มีนามเรียกขานทั่วไปว่านายใหญ่ ‘กนก’
วริญญาย่างเท้าเข้าประตูบ้านทันทีหลังจากที่รถเอสยูวี สีเทาเข้มจอดสนิท
“กลับมาบ้านเสียทีนะคะคุณหนู รู้บ้างหรือเปล่า ว่านมรอคุณหนูอยู่นานแล้ว”
วรัญญาเห็นหญิงวัยกลางคนที่มีอายุใกล้เคียงกับมารดา วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกอดวริญญาด้วยความคิดถึง
ซึ่งเธอเองก็โอบกอดร่างท้วมใหญ่ของอีกฝ่ายด้วยเช่นเดียวกัน
“สบายดีหรือเปล่าคะนมนิ่ม หนูไม่ได้กลับมาบ้านตั้งหลายปี สุขภาพร่างกายของนมยังแข็งแรงดีอยู่ใช่ไหมคะ?” เธอถามพร้อมกับบีบนวดตามร่างกายของคนที่เธอเรียกว่าแม่นม
“แม่นมไม่เป็นอะไรเลยค่ะ สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีทุกอย่าง จะมีก็แต่คุณพ่อของคุณหนูนั่นแหละค่ะ ที่ตอนนี้ท่านไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่?”
“ใครบอกว่าฉันไม่สบายฮะ!?”
เสียงดังก้องแสดงออกถึงอำนาจเอ่ยลงมาจากชั้นสองของตัวอาคาร เมื่อวริญญาเงยหน้าขึ้นไปมอง จึงได้พบกับใบหน้าของผู้ให้กำเนิดที่กำลังมองลงมาด้วยสีหน้าตึงเครียด
กนกเดินลงบันไดวนมาอย่างช้าๆ ก่อนจะพาร่างใหญ่เดินผ่านลูกสาวไปที่ห้องรับรองแขก
“ใครเป็นคนบอกให้แกกลับมาที่นี่? ฉันคิดว่าแกคงจะหนีเอาตัวรอดไปอยู่กับแม่แกแล้วซะอีก”
“ริญเพิ่งเรียนจบ แล้วก็เพิ่งจะได้ทำอาชีพที่ตัวเองเคยฝันเอาไว้ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ยังไงหนูก็ไปแน่นอนเพราะตอนนี้หนูกำลังเตรียมตัวจะไปหาคุณแม่ที่ฝรั่งเศสค่ะ”
คำพูดถากถางระหว่างกันของสองพ่อลูก กลายเป็นประโยคต้อนรับ ทั้งที่ลูกสาวไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านนานหลายปี นับตั้งแต่ที่กนกได้เลิกลากันไปกับมารดาของวริญญา
ไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นภายในครอบครัว แต่สาเหตุที่มารดาขอแยกทางกับคนเป็นบิดานั้น เป็นเพียงเพราะท่านไม่สามารถทนเห็นคนที่ท่านรักมาก ต้องเดินอยู่บนเส้นทางหลากสีได้ และเมื่อขอให้เป็นกนกเป็นฝ่ายเลือกระหว่างเธอกับสิ่งที่เขากำลังทุ่มเท คำตอบที่กานดาได้รับกลับมานั่นก็คือ...
เขาเลือกเส้นทางที่จะยังเป็นมาเฟียโดยยอมเสียลูกและเมียไปตลอดกาล...
แผ่นหลังตั้งตรงดูไร้เยื่อใยเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคยเป็นมา วริญญาชิงชังในความไม่แยแสกับความรู้สึกของใครนั่น ไม่ว่าจะเป็นภรรยา หรือแม้แต่ลูกสาวของเขาอย่างเธอ
กนกไม่เคยต้องการให้ใครเข้ามาขวางทางในการทำธุรกิจสีเทาของเขา
“ถ้าแกไม่คิดจะกลับมาสืบทอดหน้าที่ ก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้ ฉันผิดเองที่ไม่สามารถมีลูกชายได้”
“ถึงหนูจะไม่สามารถเป็นได้อย่างที่คุณพ่อต้องการ แล้วทำไมคุณพ่อถึงไม่คิดจะมองหนูในแบบที่หนูเป็นบ้างล่ะคะ คุณแม่ก็หนีไปจากเราแล้วคนหนึ่ง ซึ่งคุณพ่อก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะเสียใจหรืออาลัยอาวรณ์ พอตอนที่หนูเลือกจะเรียนเป็นหมอ คุณพ่อก็ยังไม่เข้าใจถึงเจตนาที่หนูมีอีกหรือคะ”
“แกอย่ามาทำเป็นรู้ดี เพราะโลกใบนี้มันไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างที่แกคิดไว้ แม้กระทั่งไอ้ผู้ชายที่แกคิดว่า จะให้มันมาเป็นสามี แกก็น่าจะเห็นแล้วนี่ว่าธาตุแท้ของมันเป็นคนยังไง?”
“นั่นมันก็เป็นเพราะ คุณพ่อส่งคนไปก่อกวนเขา ทำไมคะ ชีวิตของหนูมันไม่สามารถจะเป็นของหนูได้จริงๆหรือยังไง ก็ในเมื่อคุณพ่อบอกแล้วว่าไม่ต้องการหนูกับแม่ แล้วเพราะอะไรถึงยังจะต้องส่งคนไปคอยตามดูหนูด้วย หนูอยากจะเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นทั่วๆไป แค่นี้คุณพ่อก็ให้พวกเราสองคนแม่ลูกไม่ได้หรือไงคะ?” วริญญาตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้น
ทั้งสองคนพ่อลูกสาดคำพูดใส่กัน ราวกับต้องการจะให้อีกฝ่ายยอมจำนนด้วยเหตุผลของตัวเอง
คนเป็นบิดาเลือกที่จะเป็นเงียบเสียงของตัวเองลงไป ด้วยสีหน้าเรียบเฉยความรู้สึกที่เย็นชา แต่ใช่ว่าเขาจะยอมแพ้พ่าย เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้คนเป็นลูกสาวฟัง
บางครั้งวริญญาก็อยากจะถามผู้ให้กำเนิดที่ยืนเชิดหน้านิ่งนั่นเหมือนกันว่า เขามีหัวใจให้ใครบ้างหรือเปล่า?
หรือเขามองเธอกับแม่เป็นแค่สัตว์สองเท้าที่เอาไว้ประดับบ้านก็เท่านั้น...
“ถ้าแกจะกลับมาที่นี่เพื่อจะมาสั่งสอนฉัน เหมือนที่แม่แกพล่ามอยู่ทุกวัน ก็ไม่ต้องเข้ามาเหยียบที่นี่ แกกลับไปได้แล้ว”
มันเหมือนกับทุกครั้งที่เธอพยายามพูดเรื่องนี้กับผู้เป็นพ่อ แต่มันไม่ต่างจากการขว้างลูกบอลไปโดนกำแพง มันมีเพียงแค่ลูกเบาที่จะกระเด็นกลับมาหาคนขว้าง ไม่มีสักครั้งที่ลูกบอลนั้นจะสามารถทลายกำแพงได้
หญิงสาวมองผู้เป็นบิดาซึ่งเดินจากไปด้วยความน้อยใจ เธอได้รับข้อความจากแม่นมว่าบิดากำลังอาการไม่ดี สายใยของคนเป็นพ่อลูกถึงยังไงก็ต้องกลับมาดูแล แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับมาพบกับเรื่องเดิมๆซ้ำซาก มันตอกย้ำความอ่อนด้อยในจิตใจ ว่าที่แท้แล้วสุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเอาชนะพ่อของเธอได้ มีเพียงแค่แม่นมเท่านั้นที่คอยรักและห่วงใยไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“หนูจะกลับแล้วนะคะแม่นม”
“ทำไมถึงจะรีบกลับละคะ คุณหนูรู้หรือเปล่าคะว่าคุณพ่อป่วยหนักมาก แล้วยิ่งพักนี้มีคนขององค์กรที่มาจากฝั่งเมืองใหญ่ คนพวกนั้นกำลังใช้อำนาจบีบคั้นคุณพ่อของคุณอยู่ ทำไมคุณหนูถึงไม่กลับมาอยู่ช่วยคุณพ่อก่อนละคะ”
“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ จะให้หนูไปช่วยอะไรได้ หนูก็เคยบอกแล้วว่าให้คุณพ่อวางมือจากองค์กรนี้ซะ หากมีใครคอยตามมาเพื่อคิดบัญชีกับท่าน มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก”
“แต่ที่คุณพ่อทำไปทั้งหมดก็เพื่อคุณริญญ่ากับคุณกานดานะคะ ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจท่านบ้างเลย ตอนนี้ถ้าหากไม่มีใครมาอยู่ใกล้ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้ อีกไม่นานท่านก็คงจะล้มป่วย”
มันช่วยไม่ได้หากทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น ในเมื่อท่านเป็นคนทำให้คนในครอบครัวต้องแตกฉานซ่านเซ็น
กานดาไม่สามารถอยู่เมืองไทยได้ เธอพาตัวเองไปอยู่ไกลถึงประเทศฝรั่งเศส ส่วนคนเป็นบุตรีที่ยังพอจะมีสายใยหลงเหลือให้กันอยู่บ้าง เธอก็อยากจะขัดขวางทางสีเทาของท่านให้มันถึงที่สุด แต่ก็ไม่เคยหยุดท่านได้เลย
ในเมื่อผู้ให้ชีวิตไม่คิดจะหวนคืนสู่เส้นทางของคนทั่วไป เธอก็ควรปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามชะตา
“คราวหน้าคราวหลังนมอย่าได้ส่งข้อความไปหาหนูอีกนะคะ คุณพ่อเขามีเงินมากมาย แค่ใช้เงินจ่ายค่าจ้างนางพยาบาลมาสักคนสองคน หรือจะเหมาจ่ายหมอทั้งโรงพยาบาลก็ยังทำได้ สำหรับท่านหนูไม่มีความสำคัญอะไรเลย”
“คุณหนูจะรู้บ้างไหมคะ? ว่าคุณพ่อของคุณท่านรักและเป็นห่วงเป็นใยคุณมากขนาดไหน?”
เสียงเรียกร้องของแม่นมเอ่ยขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวเดินจากไป....แต่วริญญาก็ไม่สนใจที่จะฟัง
ยังรักแค่ไหน? รักจนถึงขั้นต้องการจะหย่าขาดจากภรรยา ที่เคยบอกว่ารักนักหนา
เป็นห่วงเป็นใยถึงขนาดไหนกัน? ถึงขั้นส่งคนให้ตามไปสอดส่องชีวิตของวริญญา จนทำให้งานวิวาห์ที่เธอวาดฝันไว้ ต้องล่มสลายลงไปกลางคัน
ความรักของท่าน…ที่แท้แล้วมันคืออะไร?
เด็กชายเคยไฝ่ฝันว่าตนอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่คอยดูแลใกล้ๆ ไม่ใช่เด็กที่มีเพียงแค่ยายไปรับส่งที่โรงเรียน ในวันเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่เด็กชายก็ยังมีความตื่นกลัวตามประสา เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตนมาก่อนเลย“ไปหาแด๊ดดี้สิคะลูก หนูไม่อยากจะไปเล่นเบสบอลกับแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ?” วริญญาเอ่ยย้ำถึงกิจกรรมที่ลูกชายอยากจะทำนักหนา แต่ทว่ายังหาคนสอนไม่ได้ แล้วมันก็ข้าทางกับสถานะการณ์ในตอนนี้พอดี“ลุงคนนั้นเป็นแด๊ดดี้ของผม จริงๆ หรือครับมัม” เชนเงยหน้าขึ้นมาถามตามประสา พร้อมกับมีรอยยิ้มน่ารักตามมา เมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยยืนยันกับเขาว่า“ใช่สิคะลูก ผู้ชายคนนี้คือแด๊ดดี้ของหนู เขาเองก็ตามหาพวกเรามานานแล้วนะ ไปสิจ๊ะ ไปกอดแด๊ดดี้อย่างที่หนูเคยอยากจะทำไง...”ชางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินประโยคที่วริญญาพูดออกมา นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเธอกับลูกจะต้องอยู่กับความอ้างว้าง ซึ่งมันไม่ต่างจากเขา ที่เฝ้าตามหาหญิงสาวมาชั่วชีวิตเช่นเดียวกันชางเบี่ยงองศาหน้าหันไปทางอื่น เพราะต้องการกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
หญิงสาวจึงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ เชิงออกคำสั่งให้เปิดเทปบันทึกเสียง และภาพจากคลิปวีดีโอ ที่มีเสียงสนทนาระหว่างอเนก และอนุวัฒน์ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนเป็นลูกชาย นมนิ่มถึงกับไปไม่เป็น อีกทั้งยังมีสีหน้าซีดเผือดอย่างที่เห็น“บอกมาได้ไหมคะ ว่าคนที่เห็นอยู่ในคลิปและเทปบันทึกเสียงนี่ ใช่เสียงของลูกชายนมหรือเปล่า?”“มันเป็นหลักฐานปลอมใช่ไหมคุณหนู มันเป็นเรื่องไม่จริงหรอกค่ะ ใครจะกล้าไปคิดต่ำทรามกับผู้มีพระคุณได้ นมเคยสอนคนหนึ่งไว้ว่ายังไงก็สอนลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน”คำแก้ตัวของนมนิ่ม ทำให้วริญญาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เพราะจนถึงขนาดนี้นางก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะยอมรับความผิดที่ตนได้เป็นคนก่อไว้ข่าวการตายของอเนกและอนุวัฒน์ในเวลานี้ กำลังขึ้นไปอยู่หน้าหนึ่งของสื่อทุกสำนักนักข่าวเริ่มขุดคุ้ยและหาหลักฐานซึ่งเชื่อกันว่าในอีกไม่นาน ก็ต้องตามมาถึงตัวของแม่นมของเธออย่างไม่ต้องสงสัยวริญญา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วค่อยๆ ยกเอาถาดอาหารออกมา ก่อนจะวางมันลงตรงหน้านมนิ่ม พร้อมกับรอยยิ้มการค้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้านมบริสุทธิ์ใจจ
อนุวัฒน์เคยบอกแม่ของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า อเนกเป็นคนที่คิดจะดีดตัวออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มแผนการ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเสียท่าให้แก่องค์กรฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้แล้วว่า หากจะต้องตายมันก็ต้องตายตกตามกันไป เพราะถึงยังไงมันก็ได้ชั่วด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้น “มึงเอง ก็อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดได้เลยไอ้อเนก”ปัง!อนุวัฒน์ใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่ เหนี่ยวไกปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอเนก แต่ตัวของอเนกเองกลับไวกว่า เขาจึงยิงรัวเข้าไปที่ร่างของอนุวัฒน์เพื่อให้มันได้ตายสมใจ แต่ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง อนุวัฒน์ได้เหนี่ยวไกปืนแล้วยิงใส่อเนกได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าลูกปืนมันจะไม่ได้เข้าไปที่ส่วนศีรษะของอเนกอย่างที่ตนตั้งใจ แต่กระสุนก็ยิงเข้าไปที่ชายโครงของอเนกจึงเป็นเหตุให้อเนกเสียการควบคุมพวงมาลัยรถที่กำลังบังคับอยู่ รถที่กำลังแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงเกินพิกัด ซึ่งเมื่อขาดคนบังคับมันจึงหลุดออกนอกเส้นทาง คล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดให้รถคันที่เห็น กระเด็นออกมาจากถนนเส้นหลัก จากนั้นจึงพลิกคว่ำแล้วกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จมหายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเห็นกลุ่มเลือ
“จัดการส่งคนเข้าไปลากคอพวกมันมา ฉันไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ เดินตามแผนการณ์ของเราที่วางเอาไว้ อย่าจับตายจำเอาไว้ว่าฉันต้องการเห็นพวกมันตัวเป็นๆ ““รับทราบครับเจ้านาย”หลังจากที่นั้นเรือลำนั้นแล่นออกไป ก็มีเรืออีกลำซึ่งใหญ่กว่าค่อยๆ ชะลอตัวเข้ามาจอดยังชายหาดด้านข้าง นั่นมันทำให้วริญญารู้สึกเอะใจ แล้วหันกลับไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย“ชาง!...คุณเตรียมแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย!? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะชาง!”วริญญาแว๊ดใสหน้าชางอย่างจะเอาเรื่อง เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงรีบรับสารภาพกับเธอทันที“บอกเดี๋ยวนี้แล้วครับเมีย....ผมแค่อยากให้คุณทำใจได้ เพราะอันที่จริงแล้วการที่ผมจะฆ่าพวกมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณมีให้กลับมาทำร้ายคุณเอง ผมรู้ดีว่าในตอนที่คุณยังรังเกียจผมอยู่ถ้าผมทำอะไรรุนแรงกับคนพวกนั้นลงไป คุณก็คงจะไม่มีวันให้อภัยผมไปชั่วชีวิต”เขาเหมือนกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดและความรู้สึกของเธอ วริญญาตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรผู้ชายที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ในตอนนี้ถึงได้เข้าใจหัวอกของเธอเสียทุกอย่างชายหนุ่มประคอ
หญิงสาวเพียงแค่ใช้ส้อมที่อยู่ในมือจิ้มลงไปในอาหาร แล้วนำมันขึ้นมาใส่ปากรับประทาน จึงพบว่ารสชาดนั้นไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอเคยกินอาหารฝีมือของแม่นม มันช่างน่าประหลาดเพราะมันเป็นรสชาดที่เธอลืมไปนาน หรือเป็นเพราะเธอกินอาหารฝีมือของแม่นมของเธอมานานจนเกินไป“มันไม่มีกลิ่นที่เหมือนกับอะไรบางอย่าง รบกวนจมูกของเราฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ชางเอ่ยถามเพราะต้องการความเห็น“ทำไมคุณถึงได้รู้ ทุกครั้งที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของแม่นมนิ่ม อาหารพวกนั้นจะมีกลิ่นบางอย่าง มันหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นของอะไร?”ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า“สารปรอทยังไงล่ะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อของคุณโดน”ถ้วยอาหารในมือของหญิงสาวถึงกับร่วงตกลงไปบนพื้น ชางรู้ดีว่าเธอคงจะตื่นตกใจ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถ้วยนั้นขึ้นมาเคาะไล่สิ่งสกปรกแล้วใช้กระดาษซับมันที่มีอยู่ในถุงเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะตักอาหารลงไปให้ใหม่อีกครั้ง“คุณจะพูดล้อเล่นไปถึงไหน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณ กับแม่นมของฉันมีปัญหาอะไรกันถึงขนาดจะต้องตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณพ่อด้วย?”“ห
ท่อนแขนกำยำทั้งสองข้าง ยังคงกอดประคองร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่นผิวเนื้อเนียนนุ่มยังคงเบียดเสียดถูไถกันจนกระทั่งบางครั้งยังเข้าใจว่า ร่างกายของเธอและเขาอาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ในช่วงจังหวะนั้นมีหลายครั้งที่เธอกับเขาได้ประสานสายตา และก็มีบางคราที่วริญญาเธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างลืมตัว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่ห่างหาย ชางจึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่เคยลืมเขาไปจากหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ผมรักคุณ รักทั้งหมดของคุณ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อา…คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“ปล่อยฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันสู้แรงคุณไม่ไหวแล้วนะ กี่ครั้งแล้วคะนี่”“ผมไม่สนใจ จะกี่ครั้งมันก็เป็นของผม อย่างนี้!”ชายหนุ่มโจนจ้วงเข้าไปจนสุดลำโคน จนโดนกำปั้นบอบบางทุบเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงต่อว่าตามมาเสียงดัง“นิ้คุณ! คิดจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไงฮะ!? คุณเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมตามหาคุณไม่เจอ ตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นว่าคุณมีผู้ชายคนอื่น”วริญญาไม่กล้าพูดอะไรต่อ หญิงสาวได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาตักตวงเอากับร่างกายของเธอต่อไป พร้อมกับฟังเสียงคำรามของอีกฝ่ายที่ระบาย