“ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ เอ๊ะผ้าของข้า…”
“ไม่ต้องเก็บมันเปื้อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปซื้อในเมืองแต่ตอนนี้ท่านนั่งให้สบายก่อนเถอะ”
“เอ่อ ข้าขอโทษที่ทำท่านเดือดร้อน”
เขานึกขำกับคำขอโทษของนาง เขาน่ะหรือจะเดือดร้อนทั้ง ๆ ที่นางเป็นคนที่เสียหายจากเรื่องนี้แท้ ๆ เขายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีระหว่างที่พานางลงเขาไปช้า ๆ
ช่างน่าแปลกที่ทิวทัศน์เดิม ๆ ในวันนี้กลับทำให้เขาไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและสามารถลืมเรื่องราวเคร่งเครียดบางอย่างลงไปได้ชั่วคราว จนเข้ามาถึงในเมืองเขาก็ผูกม้าฝากไว้ที่โรงพักม้าก่อนจะพานางไปซื้อผ้าคลุมหน้าอันใหม่
“ว้าว ผืนนี้ปักรูปดอกเหมย ข้าเอาผืนนี้”
เขาหยิบเงินจ่ายให้นางก่อนจะรับผ้ามาจากมือนางเพื่อผูกให้ หงหลินซินแทบจะยืนไม่อยู่เมื่อจินอวี้หานเอื้อมมาสวมผ้าคลุมหน้าให้นางอย่างเบามือ
“ท่านไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้”
“หลินซิน เจ้าว่าอย่างไรนะ”
“ท่าน...”
“ยังไม่เรียกพี่อวี้หานอีกงั้นหรือ”
“ข้า…”
เขาต้องดึงนางเข้ามาเพื่อแสร้งทำเป็นผูกผ้าด้านหลังแต่หันมากระซิบ
“ออกมาข้างนอกเช่นนี้ท่านจะต้องปกปิดฐานะตัวเอง ดังนั้นทำตามที่ข้าบอกมิเช่นนั้นวันนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พาท่านหญิงออกมาเที่ยว”
เขาผูกผ้าคลุมหน้าให้นางเสร็จแล้วนางจึงหันมามองเขาตาปริบ ๆ ก่อนที่อวี้หานจะมองหน้านางเพื่อให้นางพูดออกมา
“ขอบคุณ… พี่อวี้หาน”
“เช่นนี้ค่อยน่าพาเที่ยวหน่อย ไปกันเถอะเจ้าคงหิวแล้ว”
เขาคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของนางและจับเอาไว้ก่อนจะจูงไปยังหอเหลาอี้ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นร้านที่อร่อยที่สุดในย่านนี้ เมื่อเขาสั่งให้เปิดห้องส่วนตัวนางก็ได้เวลาจะถอดผ้าคลุมออก แต่เขายังไม่ให้นางถอดเพราะเสี่ยวเอ้อร์พึ่งจะมาส่งอาหาร
“อย่าพึ่งเปิด รอพวกเขามาส่งอาหารก่อน”
“เอ่อ… เจ้าค่ะพี่อวี้หาน”
เขายิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจเมื่อนางเรียกเขาว่า “พี่อวี้หาน” ตามที่เขาสั่ง เขานั่งอ่านเรื่องของนางในรายงานจนหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยใส่ใจมาก่อนจึงรู้ว่าสาเหตุที่นางป่วยบ่อย ๆ ที่หยุนหนานนั้นยามฤดูหนาวก็หนาวมากกว่าที่อื่นเพราะอยู่ทางเหนือ เพียงแค่ฤดูสารทก็เริ่มหนาวแล้ว
ตอนที่นางยังเด็กเคยถูกสาวใช้ในจวนอ๋องลักพาตัวตามคำสั่งของอนุคนที่สามของท่านอ๋องและเอานางไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน ผ่านไปหนึ่งคืนจึงมีคนไปพบนางที่นั่นซึ่งเกือบจะแข็งตาย เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้หงหลินซินป่วยเป็นปอดบวมและเป็นโรคกลัวความหนาว หากสัมผัสอากาศเย็นและชื้นเมื่อใดก็เสี่ยงที่จะกลับไปเป็นปอดบวมอีกครั้ง เมื่อเขาทราบเรื่องราวนี้ของนางก็รู้ได้ทันทีว่าที่ฝ่าบาททำเช่นนี้ก็เพื่ออยากให้นางคุ้นชินและไม่ต้องกลัวอากาศหนาวเหมือนตอนเด็กจึงอ้างเรื่องพิธีล้างความชั่วร้ายนี้เพื่อพานางมารักษานั่นเอง
“ว้าวน่ากินทุกอย่างเลยข้ากินได้เลยหรือไม่”
นางหันมามองเขาด้วยสายตาเชิงขออนุญาต อวี้หานจึงหันไปและแกะผ้าคลุมหน้าของนางออก หลินซินคิดว่าหากเขายังทำเช่นนี้อยู่เรื่อย ๆ นางคงต้องเป็นบ้าตายเพราะเขาเป็นแน่ แต่ที่สุดแล้วนางก็แพ้ความหิวเพราะอาหารที่เขาสั่งมาล้วนแต่น่ากินและไม่เคยเห็นนางจึงเริ่มชิมทุกอย่างตรงหน้า
“อร่อยหรือไม่”
"อร่อยเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากที่พาข้ามาเปิดหูเปิดตา ให้ตายเถอะอร่อยกว่าอาหารเจที่อารามจริง ๆ ด้วย"
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ”
อวี้หานหันไปมองใบหน้าเล็ก ๆ ยามที่กัดและกินอาหารด้วยใบหน้าที่มีความสุข ท่านแม่นางเสียตั้งแต่เด็กนางถูกแม่นมดูแลได้เพียงสี่ขวบแม่นมของนางก็เสียไปอีกคน จากนั้นท่านอ๋องจึงให้ชายารองเป็นผู้ดูแลแต่นางเองก็ยังมีบุตรชายบุตรสาวอีกสองคน ดังนั้นหงหลินซินจึงแทบจะไม่ได้รับความรักจากผู้ใดเลย ที่นางเติบโตมาได้เพราะท่านอ๋องส่งไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาทางใต้ซึ่งเป็นเขตอบอุ่นและหน้าหนาวสั้นกว่าหยุนหนาน ซึ่งนางไปเรียนเกือบหกปีก่อนจะกลับมาที่หยุนหนานและเรื่องราวทุกอย่างก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อนางไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศที่หยุนหนาน
“หลังจากอิ่มแล้วท่านจะพาข้าไปที่ใดต่องั้นหรือ”
“วันนั้นเจ้าไปที่หอคณิกาชายทำไมกัน”
“เอ่อ…”
หลินซินนิ่งไปเมื่ออวี้หานเอ่ยถามเรื่องนี้ แต่ถ้านางยังติดอยู่ที่อารามหย่งอันนางก็คงตามหาคนไม่พบ หากว่าได้อวี้หานช่วยไม่แน่ว่านางอาจจะพบเขาได้เร็วขึ้น เพราะดูไปแล้วราชครูจินผู้นี้เป็นคนที่นางน่าจะไว้ใจได้มากที่สุดในยามนี้
“ท่านอย่าพึ่งเข้าใจข้าผิดนะ ข้ามิได้ไปที่นั่นเพราะอยากเที่ยวหอคณิกาชาย ข้าแค่ไปตามหาคนให้สหายของข้าเท่านั้น”
“สหายงั้นหรือ ตามหาคน… ที่หอคณิกาชายนั่นน่ะหรือ”
“ใช่ นางได้ข่าวว่าเขาย้ายมาเมืองหลวงและมาอยู่ที่หอฉินหลันข้าจึงรับปากนางว่าจะไปตามหาเพื่อบอกข่าวกับเขาน่ะ”
“แล้วเพื่อนของเจ้าคนนั้นคือใครกัน”
“นางเป็นบุตรีคนเล็กของคหบดีร่ำรวยในหยุนหนาน มักจะมอบผ้าห่มและชุดขนสัตว์ชั้นดีให้ข้าทุกปีเพราะรู้ว่าข้าขี้หนาว นางชื่อ “เติ้งซูหลิน” เห็นว่าพวกเขาพบรักกันตอนที่ชายผู้นั้นอาศัยเรือของพ่อนางเดินทางไปหยุนหนาน ต่อมาพ่อของนางจับได้และอยากให้นางเลิกติดต่อกับเขาดังนั้นจึงสั่งห้ามทั้งคู่พบกัน”
“นี่คือสาเหตุที่เจ้าไปที่นั่นงั้นหรือ”
“อื้อ ๆ”
หลินซินตอบในขณะที่กำลังลองกินอาหารในจานอื่น ๆ เขาเริ่มยิ้มออกมาได้เพราะนางไม่ได้ไปที่นั่นเพราะชอบเที่ยวและลุ่มหลงคณิกาอย่างที่เขาเข้าใจ นางเพียงรับปากสหายเพื่อมาตามหาคน
“แล้วเขาผู้นั้นชื่ออะไรเผื่อว่าข้าอาจจะรู้จัก จะได้ช่วยเจ้าตามหา”
“จริงหรือพี่อวี้หาน ท่านจะช่วยข้าตามหาเขาได้ใช่หรือไม่ ข้านึกแล้วว่าท่านเป็นคนมีน้ำใจที่สุด”
นางจับมือเขาและตบเบา ๆ ที่หลังมือก่อนจะหันมาหยิบจดหมายที่พกติดตัวเอาไว้มาตลอดยื่นกลับให้เขา โดยไม่ทันได้สังเกตว่าอวี้หานกำลังตื่นเต้นเพราะถูกนางจับมือไปเมื่อครู่
“นี่เจ้าค่ะรายละเอียดของเขา ข้าเองก็จำได้ว่าชื่อสุ่ย…”
“สุ่ยเฉียนคง”
“ใช่ ๆ ชื่อนี้แหละท่านพอจะคุ้นเคยหรือไม่”
“ข้าน่ะหรือ เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าข้าต้องรู้จักคณิกาชายหรือนักดนตรีพวกนี้ด้วยเล่า”
“นั่นสิ ๆ ขออภัยข้าเลอะเลือนแล้ว ท่านเป็นถึงราชครูในวังหลวงเชียวนะจะรู้จักพวกเขาได้อย่างไรกัน ขอโทษทีข้าพูดจาเหลวไหล”
“ช่างเถอะ เจ้ามิได้สนใจพวกเขาก็พอแล้ว”
“อะไรนะ!”
“เอ่อ ข้าหมายถึงที่เจ้าไปสถานที่เช่นนั้นเพราะคิดว่า…”
“หือ นี่ท่านคิดว่าข้าไปหาผู้ชายงั้นหรือ ท่านบ้าไปแล้วชีวิตข้าไม่ได้ต้องการผู้ชายขนาดนั้น อยู่คนเดียวเช่นนี้ก็สบายใจดีจะตายอยากไปไหนก็ได้ไป หากว่ามิได้ติดอยู่ที่นี่แล้วละก็นะ”
“ท่านอยากไปไหนงั้นหรือ”
“ข้าน่ะหรือ ในเมื่อไม่ต้องหมั้นหมายและไม่แต่งงานแล้วข้าก็อยากจะออกไปท่องเที่ยวน่ะสิ นอกจากเมืองหลวงนี่แล้วยังมีอีกตั้งหลายที่ที่ข้ายังไม่เคยไปเลย ท่านเป็นคนติดกับระเบียบกฎเกณฑ์และอยู่ในวังมานานคงไม่คิดเรื่องพวกนี้สินะ”
“ข้าหรือ ข้าก็คิดนะ”
“งั้นหรือ ดีจริงขอให้ท่านได้ไปนะ”
“เอ่อ... แต่ว่าเจ้ากลัวความหนาวมิใช่หรือ เดินทางท่องเที่ยวเช่นนั้นไม่กลัวป่วยหรือ”
“กลัวทำไมกัน ท่านพ่อส่งข้ามาที่นี่ก็เพราะอยากรักษาข้าให้หายจากอาการพวกนี้โดยใช้เรื่องความอับโชคมาอ้างอยู่แล้วนี่”
“นี่เจ้าเองก็ทราบงั้นหรือ”
จินอวี้หานตกใจเล็กน้อยและไม่คิดว่าท่านหญิงจะล่วงรู้มาก่อนว่าการที่นางถูกส่งมาที่นี่เพื่อสิ่งใด
“หากว่าแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าถูกส่งมาที่นี่เพราะอะไรและเพื่อสิ่งใดข้าก็คงโง่เต็มทีแล้ว หรือว่าก่อนหน้านั้นท่านเองก็มองว่าข้าเป็นเพียงสตรีงี่เง่าที่น่าเบื่อเหมือนกับที่คนอื่นมองข้าเล่าพี่อวี้หาน”
ห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ