ความเงียบก่อตัวขึ้นในวิลล่าหรูหรา มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่แฝงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน ภาคินยืนพิงผนัง มองไปยังลลนาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการสนทนายังไงดี ส่วนลลนานั่งอยู่ริมหน้าต่าง เบือนหน้าออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกที่เงียบสงบ เธอค่อย ๆ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่น ราวกับพยายามหลบหนีความรู้สึกที่ทับถมอยู่ภายใน
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ความใกล้ชิดของทั้งสองที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นเหมือนเขตแดนที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ภาคินลอบถอนหายใจ หวังว่าการพูดอะไรบางอย่างอาจจะช่วยทำลายความเงียบนี้
ภาคินเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะวางขวดไวน์ ก่อนรินของเหลวสีแดงเข้มลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์ไหลกระทบแก้วแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความเงียบ เขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งทอดยาวบนโซฟา เบือนสายตาไปยังลลนาที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง
เธอยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ร่างบางของเธอยืนในแสงสลัวที่สะท้อนเข้ามาจากภายนอก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหลงใหลและความคาดหวัง สาวน้อยของเขาช่างดูสวยสง่า แม้ในยามที่ความเงียบครอบงำ
ลลนาหันตัวหลบออกจากสายตาของภาคินช้า ๆ ก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างเงียบเชียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาแทบไม่ได้ยิน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ยังคงสอดประสานอยู่ในความเงียบงันนั้น สายตาของภาคินยังคงติดตามเธออย่างเงียบงัน ความรู้สึกที่อัดแน่นในใจเขาไม่ได้ถูกเอ่ยออกมา
"หิวรึยัง" เสียงเข้มของภาคินดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำลายความเงียบที่กดดันบรรยากาศมานาน ลลนาที่กำลังจะปิดประตูห้องนอนหยุดชะงัก คำถามนั้นแทรกเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ราวกับเป็นความพยายามที่จะดึงเธอกลับมาให้ใกล้กันอีกครั้ง
เธอหันมองผ่านบานประตูแง้มเล็กน้อย สบตากับเขาเพียงชั่วครู่ก่อนตอบเบา ๆ แต่แฝงด้วยความหนักใจ
“ยังค่ะ”
"อาบน้ำก่อนแล้วออกมานะ เดี๋ยวทำอะไรให้กิน"
เสียงของภาคินอ่อนโยนลงกว่าที่เคย ดวงตาของเขาสบกับเธอ แฝงด้วยความห่วงใยที่เขาไม่เคยแสดงออกบ่อยนัก
ลลนายืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอน ความอ่อนโยนในน้ำเสียงนั้นทำให้หัวใจเธอหวั่นไหว เธอมองเขาอีกครั้ง สายตาที่บอกถึงความตั้งใจของเขา ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ ไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม แล้วหายเข้าไปในห้องนอน
เธอนั่งอยู่ปลายเตียงในห้องนอน หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่ยังอ้อยอิ่งอยู่ ไม่กล้าก้าวออกไปข้างนอก ใจเธอรู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับภาคินเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความรู้สึกที่สับสนยังทำให้เธอลังเล สายน้ำที่เคยช่วยปลอบประโลมดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้ความหนักใจของเธอบรรเทาลง
ถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง มองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ความอ่อนแอและความสับสนที่ปะทุขึ้นในใจทำให้เธอหยุดนิ่งไปอีกครั้ง แต่ลลนารู้ว่าหนีไปตลอดไม่ได้
“ยังไงก็ต้องคุยกันอยู่ดี”
ลลนาก้าวออกจากห้องในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวตัวเล็ก เนื้อผ้าแนบเนียนไปกับผิวอ่อนเยาว์ที่เต็มตึง ร่างสวยของเธอเคลื่อนออกมาอย่างช้า ๆ ท่ามกลางแสงเทียนที่ไหววับ โต๊ะริมหน้าต่างซึ่งทอดยาวมองออกไปเห็นทะเลที่มืดลงแล้ว เป็นภาพที่ชวนให้เงียบงัน สายลมเย็นจากทะเลพัดเข้ามาเบา ๆ
ภาคินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับตะลึงกับความงดงามของเธอในยามนี้ สายตาของเขาไม่อาจละจากเธอได้ ราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากร่างบาง เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างไม่รู้ตัว มือใหญ่ยื่นออกไปกุมมือน้อย ๆ ของเธอ ดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วค่อย ๆ เลื่อนเก้าอี้ออกสำหรับเธอ
“นั่งเถอะ”
เสียงของเขานุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขากดไหล่เนียนใสของเธอเบา ๆ ให้เธอนั่งลง สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจเธอเต้นแรง รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยคาดคิด
ภาคินเดินออกไปที่เคาน์เตอร์ครัว ก่อนหยิบจานสเต็กที่ย่างอย่างดีออกมาวางบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง บนโต๊ะนั้นยังมีอาหารหลายจานจัดเตรียมไว้อย่างประณีต ทั้งซุปเฟรนช์ออเนี่ยนหอมกรุ่นและสลัดผักสดที่เธอชอบ ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกจัดวางไว้ด้วยความเอาใจใส่
ลลนามองอาหารตรงหน้า รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ในทุกจานที่เขาทำ หัวใจของเธอเริ่มสั่นคลอนเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าภาคินยังคงจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเธอได้เสมอ
"เขายังจำได้เหรอ..."
เธอคิดในใจ ความรู้สึกอุ่น ๆ ค่อย ๆ แทรกเข้ามาในใจของเธอ ขณะที่สายตาเธอจับจ้องไปที่อาหาร และเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเงียบ ๆ รู้สึกถึงความผูกพันที่ยังคงอยู่
ทั้งคู่ทานอาหารกันเงียบ ๆ ภาคินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ลอบมองลลนาเป็นระยะ ขณะที่เธอยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างเงียบเชียบ แสงเทียนที่ริบหรี่ซึ่งควรจะสร้างบรรยากาศโรแมนติกกลับยิ่งทำให้ความอึดอัดระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้น ความเงียบงันในค่ำคืนนี้เหมือนจะยิ่งขยายช่องว่างระหว่างกันออกไป
ลลนาจิบไวน์แก้วแล้วแก้วเล่า ราวกับต้องการให้ความรู้สึกมึนเมาช่วยลบเลือนความคิดว้าวุ่นในใจ ทุกครั้งที่ยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก เธอรู้สึกเหมือนจะหนีห่างจากความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที แต่ความเงียบระหว่างพวกเขากลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกกดดันมากขึ้น
ภาคินมองเธอเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับตีกันยุ่ง ความสวยของเธอในยามนี้ที่ถูกแสงเทียนอาบไล้ทำให้เขาหวั่นไหว แต่ความอึดอัดระหว่างพวกเขากลับชัดเจนเกินกว่าจะทำลายได้ง่าย ๆ
"คุณลุงคะ... อาทิตย์หน้าหนูจะกลับอังกฤษค่ะ"
ลลนาหมดความอดทนและตัดสินใจทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนั้นก่อน ย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง น้ำเสียงของเธอเรียบง่ายแต่เด็ดเดี่ยว ราวกับเธอเตรียมใจมานานแล้ว
คำพูดนั้นทำให้ภาคินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แก้วไวน์ที่เขาถืออยู่ในมือหยุดค้างกลางอากาศ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อย แสดงถึงความตกใจที่ปะปนกับความรู้สึกบางอย่างที่กดทับอยู่ในใจมาตลอด
"กลับอังกฤษเหรอ?"
เขาถามเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถซ่อนเร้นได้ ความเงียบกลับมาครอบคลุมอีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันไม่ได้เกิดจากความอึดอัด แต่เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
ภาคินหมดความอดกลั้นเช่นกัน ร่างสูงของเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ก้าวยาว ๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวลลนาที่นั่งอยู่ ราวกับความอดทนที่เขาพยายามเก็บไว้พังทลายลงทันทีที่ได้ยินคำว่า
"กลับอังกฤษ"
เขายืนตรงหน้าเธอ สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธออย่างไม่หลบเลี่ยง ความรู้สึกที่อัดแน่นมานานแสดงออกผ่านแววตาและท่าทางของเขา มือหนาของเขายกขึ้น แต่หยุดชะงักกลางทาง ก่อนจะเอื้อมไปกุมมือเธอไว้แน่น
"ทำไมต้องรีบกลับ?"
น้ำเสียงของเขาเข้มข้นและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปะทุอยู่ภายใน ราวกับเขากำลังพยายามต่อสู้กับความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุม
"หนูจะแต่งงานค่ะ ไมเคิลขอแล้ว"
คำพูดนั้นเหมือนเป็นการเปิดเผยความจริงที่ทำให้ภาคินหมดความอดกลั้นมากยิ่งขึ้น เขาไม่สามารถทนกับความรู้สึกที่รุนแรงได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น เขาดึงร่างสวยของลลนาเข้ามาในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาอย่างรวดเร็ว จับเธอไว้แน่นไม่ให้ไปไหน ร่างของเธอแนบชิดกับอกเขา ความร้อนจากร่างกายของเขาแผ่ซ่านไปถึงเธอ เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้และกระซิบเสียงเครียด
"ไม่... ไม่ให้แต่งกับใครทั้งนั้น"
เสียงของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและความต้องการที่ชัดเจน ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อยจากอารมณ์ที่ถาโถม เขาหวังว่าสิ่งที่เขาทำจะทำให้เธอเปลี่ยนใจหรืออย่างน้อยก็ให้เธอรู้ว่าเขารู้สึกยังไง
“คุณลุงคะ... หนูเจ็บ”
ลลนาเอ่ยเสียงสั่น ความรู้สึกเจ็บปวดจากแรงบีบที่แขนของเธอทำให้เธอรู้สึกถึงความรุนแรงที่ซ่อนอยู่ในความรู้สึกของเขา
ภาคินหยุดชะงักจากคำร้องของเธอ เขาสำรวจใบหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวและความต้องการ เขาไม่ต้องการอ้อมค้อมกับลลนาอีกแล้ว แปดปีที่ห่างกันมันเพียงพอแล้ว ในใจของเขาต้องการที่จะให้เธออยู่ข้างกายเขาตลอดไป
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋ ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาพูดคุยถึงเรื่
เคนนั่งหลังพวงมาลัย บึ่งรถหรูของเขากลับบ้าน แต่คำถามของภาคินยังคงก้องอยู่ในหัว "นายกับแอนนา... ไปถึงไหนกันแล้ว?" แม้จะตอบไปแบบคร่าวๆ แต่เขายังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเล ความทรงจำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา เขาหันกลับมานึกถึงค่ำคืนนั้น ภาพของแอนนาภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง กับแรงปรารถนาที่ทั้งสองต่างไม่อาจต้านทานได้ เคนขบกรามแน่นเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนาค่อยๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพแอนนาท่ามกลางแสงจันทร์ริมทะเล แทบจะไม่สวมอะไรเลย ยังคงติดตรึงในหัวเขา คืนที่เร่าร้อนและไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ เคนไม่ใช่คนที่จะติดใจใครง่ายๆ แต่กับแอนนา เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ท้าทายและยั่วยวนเกินจะต้านทาน……………………………………………………..ค่ำคืนนั้น........ แอนนาที่ดื่มจนได้ที่ รู้สึกถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ค่ำคืนนี้เธอตัดสินใจไม่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเอง สวมชุดชั้นในสีดำบางเบาที่แสนวาบหวิว รัดรูปเผยให้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างยั่วยวน เธอเดินช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปที่ห้องของเ
เคนเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงานของภาคิน พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะ? สารภาพรักแล้วจูบกันนิดหน่อย แล้วก็แค่กอดกันทั้งคืนเหรอ?” เคนพูดเสียงหลง ก่อนจะทำท่าจะบ้าตาย “ภาคิน ไอ้บ้านี่ อายุอานามเท่าไหร่แล้ววะ? มาเล่นบทหนุ่มน้อยอยู่ได้ บอกว่าให้จัดการให้อยู่หมัดไงวะ!”เขาส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยวเธอก็หนีไปอีกหรอก อย่ามาทำแบบนี้! ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น”เคนเดินไปมาเหมือนเป็นคนขาดสติ เขามองภาคินด้วยความคาดหวังและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เอาให้เด็ดขาด! อย่ามาเล่นตัวแบบนี้ ถ้ารักจริงต้องทำให้เธอเห็นสิ!”ภาคินยิ้มให้กับความร้อนใจของเคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเคนพูดถูก ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงและความหวั่นใจ แต่เขาต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ให้ได้“ขอบใจที่เตือน” ภาคินพูดเบาๆ “แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาหัวใจตัวเองได้คิดบ้าง”เออ แล้ววันนั้นแกกับแอนนาไปพักที่ไหน ไม่ใช่ว่าแกทำอะไรเกินไปแล้วนะเว้ย พูดมา ภาคินคาดคั้น เคนละล่ำละลักจะปฏิเสธ แต่โดนเพื่อนรักไล่ต้อนจนในที่สุดก็เล่าถึงสถานการณ์ของเขากับแอนนาให้ภาคินฟัง ภาคินฟังแ
ภาคินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อค่ำและการโต้เถียงกับลลนา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เคน" ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขากดรับสายด้วยความรู้สึกหนักหน่วง"อย่าปล่อยโอกาสนี้เสียเปล่าไปนะเพื่อน" เคนพูดขึ้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและแรงกระตุ้นภาคินถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขาพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง"ปล้ำเลยสิ" เคนพูดอีกครั้งอย่างเร่งรีบภาคินส่ายหัวเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากทำร้ายลลนา เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง"หรือจะยอมปล่อยไปล่ะ" เคนกล่าวต่อ"ไม่" ภาคินตอบกลับสั้น ๆ"อาทิตย์หน้าเขาก็จะหนีไปตลอดกาลเลยนะ คิดดูดี ๆ ถ้ารักก็ทำเลย" เคนบีบให้ภาคินคิดให้รอบคอบ ภาคินนิ่งเงียบในขณะที่เสียงของเคนสิ้นสุดลง เขารู้ว่าเคนพูดถูก แต่ความรู้สึกที่แสนสับสนและความกดดันทำให้เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ เขากดวางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อพยายามปลอบประโลมตัวเองในขณะที่ความคิดวิ่งวนในหัว………………………………………..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลนาเดินไปเปิดประตูและพบกับชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก ภาคินที่ดูไม่ค่อยเหมือนค