Masukแม้ว่าจะยังไม่มืดค่ำแต่ทางเดินไปท้ายไร่ก็เปลี่ยวอยู่มาก แต่ที่ฮันน่ายอมให้ลูกสาวเดินมาคนเดียว ก็เพราะว่ากันยาสัญจรไปมาเป็นประจำและที่สำคัญสิงโตกับตุลาก็อยู่ที่ท้ายไร่ คงไม่มีใครกล้าทำอะไรกันยาได้ ที่มีฐานะไม่ต่างอะไรกับลูกสาวเจ้าของไร่นี้
เมื่อเดินมาได้สักพักกันยาสัมผัสได้ ถึงอะไรบางอย่างเธอมีลางสังหรณ์เหมือนกับว่ามีใครบางคนเดินตามมา แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่เจอใคร หญิงสาวจึงเร่งฝีเท้ารีบเดินให้ไว เพราะกลัวว่าผู้ชายที่เจอเมื่อสักครู่จะตามมาทัน
ในขณะที่กันยารีบเดินให้ไว ภายในใจของกันยากลับรู้สึกสั่นไหว เธอตัดสินใจหยุดเดิน เพื่อหมุนตัวกวาดมองไปรอบๆ ไร่ที่กว้างใหญ่ไพศาล ก่อนจะโฟกัสไปที่บ้านหลังเล็กท้ายไร่ ซึ่งเดินไปอีกไม่ไกลก็จะถึงมันเป็นบ้านไม้ที่สิงโตขอให้บิดาของเขาปลูกไว้ให้
แต่แล้วเธอก็รู้สึกก้าวขาไม่ออก เมื่อนึกถึงคำพูดของมารดาที่สนทนากับแม่ขวัญข้าว หลังจากที่สอบเสร็จ เธอแม่และตุลาก็ต้องย้ายออกไปจากไร่นี้ และก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ เมื่อย้ายไปอยู่ที่ใหม่ โดยเฉพาะเมืองกรุงเทพฯ ที่แสนจะวุ่นวาย กันยาไม่รู้ว่าเธอต้องปรับตัวยังไงถึงจะเข้ากับเมืองที่เต็มไปด้วยแสงศิวิไลซ์ได้
“ทำไมมายืนใจลอยอยู่ตรงนี้"
“ว้าย! ปล่อยนะ! " กันยาอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อข้อมือเรียวของเธอถูกผู้มาเยือนกุมเอาไว้ มิหนำซ้ำเขายังเดินเข้ามาใกล้ประชิดตัวเธอจากทางด้านหลัง คำพูดของเขาเมื่อสักครู่เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูของเธอทำให้กันยารู้สึกกลัวจนขนลุกซู่
“โธ่! ...สิงโต ทำไมตัวมาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้เค้าตกใจหมดเลย" เมื่อกันยาเห็นว่าเป็นสิงโต เด็กหญิงถึงกับเอามือขึ้นมาทาบอก พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งๆ เพราะเธอคิดว่าเป็นชายคนนั้นตามมาเสียอีก
“ขวัญอ่อนจังเลยนะเราเนี่ย เอาปิ่นโตมาเดี๋ยวเค้าถือเอง" สิงโตคว้าปิ่นโตจากมือของกันยามาถือเอาไว้ ก่อนจะเดินนำหน้าเด็กหญิงตรงไปยังบ้านท้ายไร่
“สิงโต..." เสียงของกันยาดังขึ้นทำให้สิงโตหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเธอด้วยความสงสัย เพราะฟังจากน้ำเสียงของกันยาแล้วเหมือนกับว่าเธอกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ และแฝงไปด้วยความรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“มีอะไร... เอาของไปเก็บก่อนเค้าจะพาตัวไปดูน้ำตก รู้สึกว่าวันนี้น้ำจะเริ่มหลากแล้วไหลลงมา สวยงามกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา" สิงโตไม่พูดเปล่าแต่เขายังเดินมาฉุดแขนเรียวของกันยาให้เดินตามไปติดๆ
“พรุ่งนี้ค่อยไปดูก็ได้สิงโต อย่าลืมสิว่าวันนี้เค้ามาติวข้อสอบให้ตัวกับตุลานะ ถ้าสอบไม่ผ่านแล้วละก็...โดนพ่อเสือดุไม่รู้ด้วยนะ"
กันยาทำหน้าทะเล้นออกมาเย้ยสิงโต เพราะเขาค่อนข้างที่จะเรียนวิชาภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ แถมสิงโตยังไม่ค่อยสนใจที่จะเรียนรู้จากการค้นคว้าอีกด้วย เขาเอาแต่มาหมกมุ่นอยู่ที่บ้านท้ายไร่ ทำเหมือนกับว่าชีวิตนี้ จะไม่เข้าไปอยู่ในเมืองจะอยู่แต่ในป่า จนบางครั้งบิดาของเขาก็อดคิดไม่ได้ ถ้าหากลูกชายจะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก เขาจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า แต่อัครเดชหารู้ไม่ว่าความจริงแล้วสิงโต ไม่ได้เขลาเบาปัญญาอย่างที่เขาคิด เพียงแค่สไตล์การชีวิตของเขานั้น แตกต่างจากหลายๆ คน
“ทำไมมาช้าจังรอตั้งนานไปทำอะไรอยู่ พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายปิดเทอมใหญ่เราไปเที่ยวกันไหม" ตุลากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง เมื่อเห็นสองคนเดินเข้ามาเขาจึงเสนอไอเดีย เพราะไม่ได้ออกจากไร่นานแล้วจึงอยากไปเที่ยวบ้างตามประสาเด็กวัยรุ่น
“สอบเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน มึงอ่านหนังสือรอไปก่อนนะตุลา เดี๋ยวกูจะพากันยาไปดูน้ำตกแป๊บหนึ่ง อ้าวนี่! ปิ่นโตข้าว" ตุลารับปิ่นโตจากสิงโตมาแบบงงๆ พร้อมกับมองใบหน้าสองคนสลับกันไปมา
“กันยาวันนี้อะไรเข้าสิงตัวเหรอ ถึงอยากไปดูน้ำตกกับไอ้สิงโต มึงดูน้องกูดีๆ นะกันยาว่ายน้ำไม่เป็น" ผู้ชายสองคนมักจะพูดกันแบบนี้ มักเรียกกันกูมึง แต่เวลาพูดกับกันยานั้น ตุลากับสิงโตมักจะใช้คำว่าตัวกับเขาแทนตัวเองตลอด จนเพื่อนๆ ต่างก็อิจฉากันยาที่มีผู้ชายสองคน คอยดูแลและปกป้องเธอ ตั้งแต่เรียนเตรียมอนุบาลจนกระทั่งจะขึ้นมอปลายไม่เคยมีใครกล้ารังแกเธอเลยสักครั้ง
“เค้าไปดูไม่นานหรอกเดี๋ยวก็กลับแล้วตัวจะไปด้วยกันไหมล่ะ" กันยาพยายามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด เพราะเธอรู้ดีว่าอีกไม่กี่วันก็จะไปจากที่นี่และคงไม่ได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแบบนี้อีกแล้ว
“เค้าไม่ไปหรอก ตัวไปกับสิงโตเหอะรีบไปรีบกลับมันจะค่ำมืดแล้ว ไอ้สิงโตมึงดูแลน้องกูดีๆ นะ" น้ำเสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวล เมื่อสนทนากับกันยาเปลี่ยนไปในพริบตา เมื่อตุลาหันกลับมาสั่งสิงโต เขากำชับให้ดูแลกันยาดีๆ เพราะตุลาห่วงใยมารดาและน้องสาวมาก เมื่อชีวิตที่เกิดมาไม่มีบิดาคอยดูแล
“เออน่า... มึงมักจะพูดกรอกหูกูแบบนี้ทุกครั้ง จนจำขึ้นใจแล้วเนี่ย กันยาเป็นดั่งเจ้าหญิงที่กูจะคอยทะนุถนอมดูแลให้เป็นอย่างดี จบไหม ไปเหอะกันยา" แม้ว่าสิงโตจะพูดจาประชดประชันออกมาแบบนั้น แต่ตุลาก็รู้ดีว่าเขาไม่มีวันที่จะทอดทิ้งให้กันยาตกอยู่ในอันตราย ตุลาจึงไว้ใจที่จะปล่อยให้ไปกันสองคน
เมื่อเดินมาถึงธารน้ำไหล ที่เบื้องหน้าเป็นน้ำตกไหลลงมากระทบที่ชั้นหินด้านล่างอย่างสวยงาม จนกันยาอดที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดชัตเตอร์รัวๆ ไม่ได้
“ตัวว่ามันสวยกว่าทุกปีไหม ทำไมเวลาที่เค้ามายืนมองน้ำตกที่นี่ทีไร ก็นึกถึงแต่กันยาทุกทีเลย" สิงโตจะรู้หรือเปล่าว่าคำพูดของเขา กำลังจะทำให้กัญญาไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เด็กหญิงพยายามกะพริบตาถี่ๆ แต่แล้วมันก็ไม่เป็นผลเมื่อน้ำใสๆ ไหลหยดลงมาจากดวงตาคู่สวยของเธอจนได้
ณ บ้านหลังหนึ่งที่ดูใหญ่โตราวกับปราสาทราชวัง ซึ่งเป็นบ้านที่อีธานออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อเซอร์ไพรส์ภรรยาและลูกๆ ของเขา ประจวบเหมาะกับการเฉลิมฉลองกันยาและตุลาเรียนจบมอปลาย และทั้งคู่กำลังจะเข้าเรียนในมหา'ลัย ผู้หญิงทั้งโลกต่างก็อิจฉาฮันน่า ที่เธอมีสามี ทั้งหล่อทั้งรวยและแสนดีอย่างอีธาน "คุณพ่อขาาา... ทำไมรู้ใจลูกสาวแบบนี้ กันยาชอบบ้านหลังนี้มากค่ะ มันล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติดูร่มรื่นดี" หญิงสาวยิ้มร่าออกมาจนหน้าบาน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นบิดาที่โซฟากว้าง พร้อมกับซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่งของอีธานระคนกำลังอ้อนที่ได้ของถูกใจ "ยัยตัวแสบ ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ พ่อยังคาดโทษหนูเอาไว้อยู่ลืมหรือยัง" อีธานแกล้งพูดเสียงเข้มออกมา จนกันยาทำมุ่ย เมื่อบิดากำลังจะบังคับให้เรียน ในคณะที่ใจเธอไม่รักเลยสักนิด "คุณแม่ขาาา... บอกคุณพ่อไปสิคะว่าประโยชน์ของการเรียนเศรษฐศาสตร์มีอะไรบ้าง และที่สำคัญกันยาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียนเกษตร เพื่อมาบริหารธุรกิจอสังหาของพ่อสักหน่อยนี่ค่ะ" อีธานถึงกับเกือบหลุดขำ ในคำพูดของกันยา แน่นอนคณะที่ลูกสาวของเขาเลือกเรียนนั้น มัน
"แล้วตุลาล่ะเรียนต่อคณะอะไร" "ผมคงต้องเรียนบริหารตามเจตนารมณ์ของพ่อ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ" ตุลาอดที่จะพูดจากระแนะกระแหนกันยาออกไปไม่ได้ เมื่อน้องสาวของเขาตั้งใจที่จะเรียนคณะเกษตรศาสตร์สาขาวิชาพืชสวน ทั้งที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และนั่นคือเหตุผลที่บิดาไม่อนุมัติ แต่ตุลาก็เชื่อว่ากันยาคงอ้อนจนได้ "ขวัญดีใจด้วยนะคะพี่ฮันน่า ที่พี่มีครอบครัวที่อบอุ่นสักที เมื่อพายุพัดผ่านไปทุกอย่างก็กลายกลับดี ในที่สุดวันดีๆ ก็เกิดขึ้นกับเราสองคน แม่เลี้ยงกวางกมลที่อยู่บนฟ้า คงมองลงมาด้วยรอยยิ้มที่เห็นลูกหลานมีความสุขแบบนี้" "ใช่แล้วจ้ะ พี่ต้องกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วย" ทั้งสองร่ำลากัน จากนั้นฮันน่าก็พาลูกๆ กลับ โดยมีสายตาของใครบางคน แอบมองตามหลังกันยา แม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอนั้นเปลี่ยนไปมาก เมื่อกันยาโตเป็นสาวเธอดูสวยผิดหูผิดตา แต่ทว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อไร่กวางกมลนั้น ก็คง
"คุณย่าจะพูดถึงคนอื่นทำไมล่ะครับ ในเมื่อเขายังไม่คิดถึงคุณย่าเลย ขอโทษด้วยนะครับแม่ฮันน่าที่ผมพูดแรงไป" เมื่อสิงโตตั้งสติได้เขารีบกลับขอโทษฮันน่าออกไปในทันที "ใครบอกว่ากันยาไม่คิดถึงคุณย่าล่ะสิงโต" เสียงเข้มของอัครเดชพูดขึ้น เมื่อเห็นลูกชายมีท่าทีที่ตำหนิกันยาออกมาอย่างชัดเจน "พ่อเสือครับ บางทีที่นี่อาจจะไม่ประทับใจกันยา เพราะบ้านป่าอย่างเราจะไปสู้แสงสีศิวิไลซ์ได้ยังไงกัน จริงไหมครับแม่ฮันน่า" สิงโตพูดเองเออเองทั้งนั้น ทั้งที่ยังไม่ได้รับฟังความจริง แต่เขากลับตัดสินกันยาไปในทางด้านลบเรียบร้อยแล้ว "สิงโตลูกไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้กันยานอนแอดมิดให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อตะกี้คุณย่ายังวิดีโอคอลคุยกับกันยาอยู่เลย" แม้ว่าสิงโตจะเกิดก่อนกันยาเพียงแค่เดือนเดียว แต่ผู้เป็นมารดาก็มักจะให้เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่เสมอ "เธอเป็นอะไรเหรอครับ" แม้ว่าน้ำเสียงของชายหนุ่มจะฟังดูเรียบเฉย แต่ภายในใจของเขากลับร้อนรุ่มเริ่มเป็นห่วงเธอ"กันยาไม่เป
"สิงโตจะไปรับแม่ฮันน่า ที่สนามบินกับพ่อเสือไหมลูก" คำถามของผู้เป็นมารดา ทำให้ชายหนุ่มรีบวางตำราในมือลงทันที "แม่ฮันน่า... หมายความว่าแม่ฮันน่าจะมาเที่ยวบ้านเราเหรอครับแม่" น้ำเสียงของชายหนุ่มดูตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อภายในใจของเขาคิดว่ายังไงกันยาก็ต้องตามมารดามาที่นี่ด้วย "ใช่จ้า แม่ฮันน่าจะมาเยี่ยมคุณย่า แต่แม่เองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่ากันยาและตุลาจะมาด้วยหรือเปล่า" ขวัญข้าวที่กำลังนั่งปอกผลไม้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ซึ่งเธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันที่กำลังจะได้เจอกับฮันน่า ที่จากกันไปหลายเดือนแล้ว"ผมขอตัวไปที่บ้านท้ายไร่ก่อนนะครับแม่" สิงโตกำลังสับสนชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาควรดีใจหรือเปล่า ถ้าหากจะได้เจอกันยาในวันนี้ ที่สำคัญระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานั้น เธอยังจะจำคืนและวันที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันตั้งแต่วัยเยาว์ได้หรือเปล่า “อ้าว! ไม่ไปกับพ่อเสือเหรอลูก"
"เมียผมน่ากินไปทั้งตัวเลย" ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออก สายตาคมนัยน์ตาสีฟ้าได้กวาดมองไปทั่วเรือนร่างของภรรยาอย่างชื่นชม ก่อนจะค่อยๆ ปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออก พร้อมกับดึงกางเกงลงไปกองรวมกันที่พื้นรวมกับชุดสวยของเธอ เผยให้เห็นเป้าตุงที่คับแน่นกางเกงบ๊อกเซอร์ แทบจะปริแตกออกมาอยู่แล้วในตอนนี้ ไรขนที่หน้าอกบวกกับมวลกล้ามบนเรือนร่างชายกำยำ กำลังทำให้ฮันน่ารู้สึกหลงใหลเขาเช่นกันในเวลานี้ "มองผมแบบนี้ ไม่รอแล้วนะเมียจ๋า" เขาพูดออกมาพร้อมกับเข้าไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้จนมิด "ไหนบอกว่าเมา" หญิงสาวพูดพร้อมกับช้อนสายตามองชายหนุ่มออกไปด้วยคำถาม ที่ไม่อยากเชื่อว่าเขาเมา "ผมเมาแล้วคึก คุณไม่รู้หรือไง เมียสวยแถมยังเซ็กซี่ขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว พูดมาแล้วยังเจ็บใจไม่หาย อยากจะเอาปืนยิงไอ้เมสันให้ตาย ที่มันบังอาจจ้องหน้าคุณตั้งเป็นชั่วโมง" ในขณะที่พูด ดวงตาของเขาได้ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาพร้อมกับสอดฝ่ามือไปใต้แผ่นหลังของภรรยาเพื่อปลดตะขอบราออกให้สิ้น "อื้ม... คุณอีธ
"พูดเฉยๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องโน้มตัวเข้ามาใกล้ คุณเห็นไหมว่าฉันกำลังขับรถอยู่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง ลูกจะอยู่กับใคร หื่นไม่เลือกเวล่ำเวลาจริงๆ " ฮันน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุ ในขณะอีธานก็ไม่ได้ลดละความพยายาม ชายหนุ่มยังคงใช้มือลูบลงไปที่ต้นขาของฮันน่าด้วยท่าทางที่เย้ายวนชวนขึ้นเตียง"แอบกินยาคุมหรือเปล่าเนี่ย... หลายเดือนแล้วทำไมคุณไม่ท้องสักที ผมอยากมีลูกกับคุณอีกสักสองสามคน" "ทำไมถึงเป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้ เชื่อเลยว่ากันยาได้คุณมาเต็มๆ ไม่มีเหตุผลแถมยังดื้อรั้นเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง" เมื่อห้ามไม่ได้ฮันน่าก็ปล่อยเลยตามเลย เธอพยายามลดความเร็วลง เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงบ้านแล้วพอรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบ้าน ฮันน่าถึงกับถอนใจออกมา เมื่อเธอรู้สึกยอมใจ ในความพยายามของอีธาน เพราะในเวลานี้ชายหนุ่มกำลังพยายามไซ้จมูกคมเป็นสันลงไปที่ซอกคอระหงของเธอ พร้อมกับกดปุ่มให้เบาะเอนลงไปข้างหลัง เขาทำเหมือนกับว่าจะเอากับเธอบนรถนี้ให้ได้ "นี่คุณ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถึงบ้านแล้วค่ะ เดี๋ยวลูกก็ออกมาเห็นหรอก เมาแล้วเป็นแบบนี้ท







