อีธาน มัฟเวล อดีตเขาคือมาเฟียหนุ่มผู้มากด้วยอิทธิพล แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นกับเขา ทำให้ชายหนุ่มต้องพลัดพรากจากหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เมื่อเขาถูกทำร้ายอาการสาหัสเจ็บเจียนตาย ชายหนุ่มใช้เวลารักษาตัวสิบปีกว่าจะหายดี จนสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติ และเมื่อเขาหายดีจึงตัดสินใจเลือกทำอาชีพที่สุจริต นั่นคือการโรงแรม ซึ่งชายหนุ่มใช้ระยะเวลาไม่ถึงปี ทำให้เขาฟื้นฟูฐานะทางด้านการเงินได้อย่างน่ามหัศจรรย์ แต่ก็มีเรื่องสำคัญที่ทำให้เขาค้างคาใจ นั่นคือผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ เมื่อชายหนุ่มได้พบกับเธอโดยบังเอิญ จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้เธอมาเป็นภรรยาของเขาด้วยความเต็มใจ โดยที่ชายหนุ่มไม่ทราบว่าเธอมีลูกกับเขา แถมยังได้ลูกแฝดอีกด้วย และนั่นจึงเป็นที่มาของเรื่องนี้ เล่ห์ร้ายใจปรารถนา
View Moreทางด้านอีธานหลังจากลองขับรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดราคาเหยียบห้าสิบล้าน ชายหนุ่มได้พาฮันน่าแวะเข้าไปภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เพื่อรับประทานมื้อกลางวัน แม้ผู้จัดการสาวจะพยายามปฏิเสธแต่ก็ไม่สามารถขัดใจ ลูกค้าวีไอพีรายใหญ่ของโชว์รูมได้
"ทำไมไม่กลับไปส่งฮันน่าก่อนค่ะ คุณอีธานทำแบบนี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งคุณก็รู้ไม่ใช่เหรอคะ ฮันน่าไม่ชอบออกมาทานข้าวกับลูกค้าแบบนี้ ถ้าบอสรู้อาจจะไม่พอใจได้" เมื่ออยู่ภายในห้องตามลำพังกับลูกค้าหนุ่ม ฮันน่าทำใจดีสู้เสือพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ทั้งที่ภายในใจของเธอนั้นมันสั่นระริกราวกับลูกนกตกน้ำ เมื่อชายตรงหน้ามีอิทธิพลเกินกว่าที่เธอนั้นจะสามารถหลบหลีกได้
"ผมแค่พาคุณแวะมาทานข้าว ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย" ในขณะที่พูดอีธานได้ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมายืนอยู่ด้านหลังของเธอ ก่อนจะก้มลงเข้าไปคร่อมหญิงสาวร่างอรชรเอาไว้ แล้วกระซิบลงไปที่ข้างใบหูของฮันน่าเบาๆ
"หนึ่งล้านแลกกับการที่คุณนอนอ้าขาให้ผม" วาจานี้ช่างเชือดเฉือดจิตใจของฮั่นน่าเหลือเกินไม่เคยมีผู้ชายคนไหนใช้คำพูดให้เธอรู้สึกเจ็บปวด ราวกับโดนของมีคมทิ่มแทงลงมากลางใจ ได้มากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
"แม้ว่าฉันจะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการเงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นคน ของฉันมันก็มีเท่าเทียมกับคุณ" น้ำเสียงฮันน่านุ่มนวลแผ่วเบา แต่เต็มไว้ด้วยความตั้งมั่นและเด็ดเดี่ยว พร้อมกับแฝงความรู้สึกเจ็บปวดไว้ในคราวเดียวกัน เมื่อเธอนั้นกำลังคิดว่าอีธานควรจะให้เกียรติสตรีเพศแม่มากกว่านี้
"ผมอยากจะรู้จังว่าลีลาของผู้หญิง เจ้าพยศอย่างคุณจะเด็ดแค่ไหนกัน" อีธานพูดพร้อมกับฉายแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่เดิมแล้วหยิบไวน์มารินแล้วส่งให้กับฮันน่า
หญิงสาวรับมาพร้อมกับจิบเบาๆ ตามมารยาท แต่เขากลับรบเร้าให้เธอดื่มจนหมดแก้ว ในขณะที่อีธานมองมาที่หญิงสาวด้วยแววตาที่หวานหยาดเยิ้ม แต่แอบแฝงความร้ายกาจซ่อนเอาไว้อย่างน่ากลัว
"ลองชิมดูสิ อร่อยนะ" อีธานพูดพร้อมกับตักอาหารใส่จานให้ฮันน่า และนี่มันคือเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาก็ว่าได้ ที่ตักอาหารใส่จานให้กับ ผู้หญิงที่มาทานข้าวด้วย ส่วนมากหญิงสาวจะเป็นฝ่ายบริการเขามากกว่า แต่ฮั่นน่ามักจะเฉยชากับเขาทุกครั้งเวลาที่เธอนั้น ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับอีธาน ไม่ต่างจากการถูกบังคับและนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพอใจในตัวของเธอ
"ขอบคุณค่ะ" น้ำเสียงของฮันน่าฟังดูราบเรียบราวกับว่าเธอนั้นกล่าวขอบคุณเขาไปตามมารยาท
ภายในห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา แต่บรรยากาศกับไม่อำนวย เมื่อหญิงสาวที่เขาพามาไม่เล่นด้วย เธอลงมือรับประทานอาหาร แต่สายตากลับมองไปยังนาฬิกาที่ข้อมือบ่อยครั้งครั้ง โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ เมื่อใจของเธอนั้นอยากออกไปให้พ้นๆ จากห้องนี้เสียที เพราะทุกครั้งเขาไม่เคยพาเธอมารับประทานอาหารภายในห้องแบบนี้ มันจึงทำให้ฮันน่ารู้สึก หวั่นใจไม่น้อย ถ้าหากอีธานจะคิดไม่ซื่อกับเธอ มันคงกลายเป็นเรื่องง่ายดายมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่ลับตาคนแบบนี้
"คุณปิดแอร์หรือเปล่าคะทำไมร้อนจัง" ฮันน่า ถามชายหนุ่มออกมาพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า ความรู้สึกภายในกายของเธอมีความอยากจะปลดปล่อยกับชายตรงหน้าทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าแปลกใจทั้งที่เธอนั้นไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน
"หึ!..." เสียงตอบจากในลำคอของนิทานดังขึ้นพร้อมกับยกยิ้มแล้วฉายแววตาร้ายกาจขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาทางด้านหลังของฮันน่าอีกครั้ง
"ร้อนมากหรือเปล่า ถอดสูทออกสิ" เสียงทุ้มกระซิบลงไปที่ข้างใบหูเขาหญิงสาว เพียงแค่เธอได้ยินน้ำเสียงของเขา ก็กระตุ้นให้อารมณ์ในกายพลุกพล่านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะเวลานี้กายของเธอมันกำลังพยศหัวใจ และกำลังจะทำในสิ่งที่เธอนั้นพยายามที่จะหนีห่าง
"ผมถอดให้" ฮันน่านั่งนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด เธอยอมให้อีธาน ถอดเสื้อสูทออกอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นเขาได้โอบประคองร่างอรชรตรงไปที่เตียงนอน มือหนาของเขาได้รูดซิปที่ด้านหลังเลื่อนลงช้าๆ เธอใส่เดรสสีชมพูซึ่งเป็นชุดฟอร์มของโชว์รูม
"อย่าค่ะ" มือเรียวดันอกแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้ แม้ว่าเธอนั้นจะพยายามควบคุมร่างกายไม่ให้เตลิดไปกับความต้องการที่มี แต่ก็รู้ดีว่าเธอคงยับยั้งชั่งใจได้เพียงแค่ไม่นาน เมื่อความต้องการที่มีนั้นเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ทุกครั้งที่นอนกับผม คุณจะได้เช็คหนึ่งล้านบาท อย่าปฏิเสธไปเลยฮันน่า ผมรู้ว่าคุณก็มีความต้องการไม่ต่างจากผมในตอนนี้" ชายหนุ่มพูดออกมาในขณะที่มือของเขาอยู่ไม่เป็นสุข และในเวลานี้ชุดเดรสของเธอก็ได้หลุดออกจากอก เหลือเพียงแค่บราสีสด ที่เผยให้เห็นเนินอกขาวอวบจนน่าฟัด
เรือนร่างอรชรถูกจับกดให้นอนราบกับเตียง แล้วพอีธานก็ค่อยๆ ดึงชุดเดรสของเธอออกจนพ้นเรียวขาขาว ในเวลานี้เรือนกายของเธอมีเพียงแค่บราและชุดชั้นในตัวจิ๋ว ปิดบังร่างกายในส่วนที่หวงแหนเอาไว้เอาไว้เท่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปจัดการชุดของตัวเอง ซึ่งเขาใช้เวลาถอดมันออกอย่างช่ำชองราวกับคนชำนาญ ที่เคยผ่านสนามพิศวาสมานับไม่ถ้วน เผยเห็นซิกแพคที่อยู่ภายใต้ไรขนที่ขึ้นแซมอย่างเห็นได้ชัด จนหัวใจของฮันน่าเต้นตึกตัก อย่างไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต
"อืม...คุณอีธาน" เสียงหวานร้องเรียกชื่อชายหนุ่มออกมา เมื่อเขากำลังบรรจงสอดมือลงไปใต้บราของเธอ เขาค่อยๆ บีบนวดแล้วคลึงเบาๆ ในขณะที่มืออีกข้างของเขากำลังใช้ความพยายามในการปลดตะขอออก ขณะที่ความเป็นชายของเขาเริ่มพองตัวขึ้นเรื่อยๆ จนเวลานี้เป้ากางเกงบ๊อกเซอร์คับแน่นจนตุง พร้อมสำหรับการเปิดศึกกับเธอ
ใบหน้าคมคายเข้าหาใบหน้ารูปไข่ จากนั้นบทจูบอันเร่าร้อนก็ได้เริ่มขึ้น อีธานโลมเลียริมฝีปากอิ่มจนทั่วทั้งบนและล่าง เธอเองก็พยายามปากอ้ารับลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้าไปในโพรงปาก เพื่อสัมผัสกับลิ้นเล็กที่แตะกระหวัดเกาะเกี่ยวปลายลิ้นโต้ตอบแลกเปลี่ยนรสหวานกันไปมาอย่างไม่รู้จักพอ
"อืม...อื้ม" เสียงครางจากในลำคอของคนทั้งคู่ดังขึ้นมาเป็นระยะ ในขณะที่บราและชุดชั้นในตัวจิ๋วของเธอถูกอีธานเกี่ยวทิ้งลงไปอยู่ใต้เตียง พร้อมกับบ๊อกเซอร์ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเวลานี้ร่างกายของคนทั้งคู่เสียดสีกันจนเริ่มที่จะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ คงไม่มีอะไรมาฉุดรั้งให้อีธานยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ลงได้
"สวยจัง คุณรู้ตัวหรือเปล่า ผมไม่เคยเห็น ผู้หญิงคนไหนมีสรีระร่างกายที่สวยงามเท่ากับคุณก่อนเลยในชีวิต" ในขณะที่พูดมือของเขาได้ลูบไล้ไปทั่วกายของเธอ พร้อมกับใช้สายตาคมกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะมาหยุดโฟกัสที่อกตูมสองข้าง ซึ่งเขายอมรับว่ามันเต่งตึงขึ้นมาจากธรรมชาติ โดยที่เธอนั้นไม่ได้ศัลยกรรมมาก่อน
"อืม...อ๊า..." ฮันน่าร้องอุทานออกมาเสียงหลงเมื่อเม็ดบัวของเธอถูกริมฝีปากของอีธานคาบเกี่ยวเอาไว้ เขาใช้ปลายลิ้นหยอกล้อกับปลายยอดปทุมถันอย่างเมามัน ราวกับคนคลั่งในรักก็ไม่ปาน เขาอมแล้วดูดกลืนทรวงอกอิ่มจนสาแก่ใจ มือหนาค่อยๆ เลื่อนลงต่ำแล้วสอดเข้าไปที่กลีบกุหลาบงามบานเบ่งของเธอ จากนั้นเขาได้ใช้นิ้วคลี่แล้วสอดเข้าไปตรงกลางร่องเสียว การกระทำของเขาทำให้ร่างเล็กบิดเร้าไปมาด้วยความรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว
“สวัสดีค่ะ เชิญเลยค่ะเดี๋ยวดิฉันจะขึ้นไปส่งคุณธาวินได้แจ้งเอาไว้แล้ว" พนักงานสาวสวยยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายฮันน่าจากนั้นหล่อนก็ได้เดินนำหน้าหญิงสาวตรงไปยังลิฟต์ เพราะอีธานอยู่ชั้นบนสุด คือชั้นเก้าและที่สำคัญชั้นนั้นมีเพียงแค่เขาอาศัยอยู่ เพราะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเหมือนบ้านมากกว่าโรงแรมพอฮันน่าเดินออกเดินออกมาจากลิฟต์พนักงานสาวก็ได้กลับลงไปทันที ในเวลานี้ หญิงสาวกำลังตกอยู่ในภวังค์การออกแบบที่ดูน่าอยู่น่าอาศัย ฮันน่ากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่ลีโอจะเดินเข้ามาหาเธอ “เชิญครับ นายให้คุณเข้าไปรออยู่ในห้อง เอาช่อดอกไม้มาเดี๋ยวผมถือเอง เชิญคุณผู้หญิงเข้าไปด้านในเลยครับ" ในเวลานี้ฮันน่าทำตัวไม่ถูกบวกกับความแปลกใจเธอเป็นแค่คนส่งดอกไม้แล้วทำไมต้องเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในของห้องด้วย แล้วถ้าเขาคิดไม่ซื่อกับเธอจะทำยังไงดี หรือว่าเธอกำลังมองโลกในแง่ร้ายเกินไป ในเมื่อเขาก็มีภรรยาอยู่แล้ว ผู้ชายคนนั้นอาจจะให้เธอเข้าไปนั่งรอ เพื่อจ่ายเงินที่เหลือก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นฮันน่า จึงยอมเดินเข้าไปในห้อง และเธอก็ถึงกับตกตะลึงในความหรูหราโอ่อ่าของห้องนี้
“อืม...ออกรถสิ ฉันยอมคุณศิลาจริงๆ ขนาดเลทตั้งหลายชั่วโมงก็ยังจะรอ แสดงว่าโปรเจคนี้คงมีความสำคัญกับเขามาก" อีธานรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง ที่เสี่ยศิลาไม่ยอมเลื่อนนัด เพราะไม่อย่างนั้นแล้วละก็ เขาคงจะแอบเฝ้ามองฮันน่ากับลูกทั้งวัน แต่ตอนนี้เขาคงต้องไปพบหุ้นส่วนรายสำคัญก่อน “อุ้ย! เกือบลืมค่ะแม่นี่เงินค่าช่อดอกไม้พร้อมกับค่ามัดจำช่อใหม่ และนี่นามบัตร" ฮันน่ารับเงินค่าช่อดอกไม้มาจากลูกสาว พร้อมกับนามบัตรแบบงงๆ “คืออะไรกันยา ค่าดอกไม้หกพันส่วนอีกสี่พันค่ามัดจำช่อใหม่หมายความว่ายังไง"ฮันน่าถามลูกสาวออกมาด้วยความแปลกใจ และเมื่อเห็นนามสกุลของนายธาวินที่อยู่บนนามบัตร เธอถึงกับทำตาโตพร้อมกับเอามือขึ้นมาป้องปากเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่นามสกุลก็ทำให้ใจของเธอนั้นเต้นแรง เพราะสิบกว่าปีมาแล้วที่เธอนั้นไม่ได้ข่าวของอีธาน แต่หญิงสาวก็ปรารถนาอยากให้เขามีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าเธอนั้นไม่อยากพบเจอกับเขาก็ตามที“คุณธาวินเขาสั่งดอกไม้ที่ร้านของเราช่อละเป็นหมื่นเลยนะคะแม่ และ
ในเวลานี้ต่างคนต่างก็จ้องมองกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งสองรู้แค่เพียงว่าภายในใจมันรู้สึกดี กันยาเองก็รู้สึกผูกพันกับแววตาของชายหนุ่ม เธอรู้สึกอบอุ่นเวลาที่ได้จ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้า อีธานดูเป็นผู้ใหญ่หล่อสมาร์ตเท่และมีเสน่ห์มาก แต่ความรู้สึกของกันยาเขาเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่กำลังจ้องมองเธออย่างเอ็นดู ไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง อีธานยังคงมองไปที่ใบหน้าของกันยาด้วยความรู้สึกถูกชะตา ทันใดนั้นเองเขาได้คิดแผนการบางอย่างขึ้นมา ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องชดเชยเวลาทั้งหมด เพื่อกลับมาเป็นครอบครัว ดั่งที่ใจเขาเคยปรารถนาเอาไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งเธอเองเป็นคนปฏิเสธและทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี “ดอกไม้สวยมาก ค่าเดินมาส่งสี่พันรวมเป็น หนึ่งหมื่นหนูนับก่อนก็ได้นะ" อีธานหยิบธนบัตรส่งให้กันยา พร้อมกับเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้จากหญิงสาวมาวางไว้ที่เบาะหลัง “ขอบคุณมากนะคะที่ใช้บริการร้านของเรา แต่กันยาคง
“อืม...ผมเอาช่อนี้ครับ" ลีโอชี้ลงไปที่ภาพของดอกไม้ช่อใหญ่ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง “ว้าว! แฟนคุณคงดีใจมากเลย นั่งรอสักครู่นะคะ" กันยายิ้มแฉ่งออกมาด้วยใบหน้าที่สดใส ใครเห็นก็บอกว่าโลกทั้งใบเป็นของเธอ เพราะรอยยิ้มที่พิมพ์ใจไม่ต่างจากอีธาน เพียงแค่เค้าโครงใบหน้าเธอได้มารดามาเต็มๆ “พี่แป้งรับออเดอร์ด้วยค่ะ" กันยาตะโกนออกไปเสียงดัง เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่หน้าร้าน เธอลืมไปว่าทุกคนไปพักรับประทานมื้อกลางวันกันหมด “กันยา...แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าตะโกนเสียงดัง อุ๊ย! ตายแล้ว... ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า ที่ลูกสาวดิฉันเผลอเสียมารยาท ตะโกนออกมาเสียงดังแบบนี้" ฮันน่าลุกออกมาจากโต๊ะทำงาน ซึ่งเธอกำลังเช็กออเดอร์ ดูรายชื่อลูกค้าในการจัดงานนอกสถานที่ของเดือนนี้ เมื่อได้ยินเสียงลูกสาวเรียกแป้งร่ำดังลั่นออกมาแบบนั้น ทำให้หญิงสาวร่างอรชรเดินออกมาดูหน้าร้าน
“ลีโอ...ลีโอ ใช่เธอหรือเปล่า... ใช่ฮันน่าไหม ใช่! ต้องใช่เธอแน่!" น้ำเสียงของอีธานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง คำขอโทษของเธอเมื่อสักครู่ ยังคงก้องอยู่ในหัวใจของเขา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นศตวรรษ ชายหนุ่มก็ยังคงจดจำสรีระท่าทางของเธอได้เป็นอย่างดี นั่นฮันน่าภรรยาของเขา ต่อให้เธอแต่งหน้าทาปาก หรือว่าไม่เติมแต่งอะไรลงไปบนใบหน้าเขาก็จำได้จนติดตา ภาพของเธอยังคงตราตรึงในหัวใจของเขาอยู่ทุกวินาที แต่ที่เขาสงสัยในตอนนี้ก็คือเธอมาทำอะไรที่นี่ เพราะนี่คือโรงแรมของเขา “คุณฮันน่าล้านเปอร์เซ็นต์ครับนาย" ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ลีโอก็มีความตื่นเต้นไม่แพ้เจ้านายหนุ่มของเขาเช่นกัน “จะรออะไรล่ะ รีบตามเธอไป วันนี้ฉันจะรู้ให้ได้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหนกับใคร เธอหายไปไหนมา" น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความดีใจ แววตาที่เป็นประกายบ่งบอกให้รู้ว่าหัวใจที่ตายด้านกำลังจะฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง “แต่คุณศิลารอนายอยู่
“ความจริงแล้วผมใช้บริการที่ร้านดอกไม้ ของคุณมานานแล้วนะครับ แต่ผมพึ่งรู้ว่าเจ้าของร้านตัวจริงคือคุณฮันน่า ผมคิดว่าเป็นคุณเรยาซะอีก" ฮันน่ารู้สึกเกลียดแววตาของเสี่ยศิลาเหลือเกิน มันดูน่าขนลุกยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งเธอไม่เคยได้สัมผัสกับแววตาน่าขยะแขยงแบบนี้มานานแล้ว แต่ฮันน่าก็ต้องทำใจดีสู้เสือ เพราะเขาได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ดูเหมือนว่าเสี่ยศิลาจะมีออเดอร์เข้าร้านของเธอบ่อยๆ“ขอบคุณนะคะที่ไว้ใจร้านเรา พอดีว่าลูกโตขึ้น ก็เลยพาเด็กๆ ย้ายมาเข้าเรียนที่นี่ แต่ก่อนดิฉันให้พี่สาวดูแลกิจการให้ แต่ตอนนี้คงต้องเข้ามาดูแลเองทั้งหมดแล้วละค่ะ" คำบอกเล่าของฮันน่าทำให้เสี่ยศิลาถึงกับหน้าเสีย เพราะเขาไม่คิดว่าเธอนั้นจะมีครอบครัวแล้ว แต่ผู้ชายอย่างเขาก็ยังข้องใจ ทำไมไปที่ร้านตั้งหลายครั้ง กลับไม่เคยพบกับสามีของเธอ “คุณเป็นคุณแม่ที่สวยที่สุดในโลกเลยนะครับ สามีของคุณช่างเป็นผู้ชายที่โชคดี ผมชักอยากจะเห็นหน้าอยากทำความรู้จักเขาซะแล้ว" เวลานี้กลายเป็นฮันน่าที่มีสายตาล่อกแล่ก เธอไม่ได้กลัวที่จะบอกเขาว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่หญิงสาวอยากให้ศิลาเข้าใจว่าเธอนั้นมีลูกมีสามีแล้ว เขาไม่ควรทำ
Comments