Masuk“เป็นอะไรไปหรือเปล่ากันยา ทำไมตัวต้องร้องไห้ด้วย มีใครรังแกเหรอ บอกเค้ามาใครทำอะไรตัวที่โรงเรียนหรือเปล่า" สิงโตฉุดร่างอรชรของกันยานั่งลงข้างๆ เขาที่โขดหิน พร้อมกับเอามือไปปาดน้ำตาออกจากแก้มให้กับเธอ ด้วยความ ทะนุถนอมโดยที่ทั้งสองไม่รู้ว่า ความรู้สึกในเวลานี้เขาเรียกว่าอะไร จะว่าความรักก็ไม่ใช่ เมื่อทั้งคู่ยังเด็กมันคงเป็นความผูกพันที่มีให้กันมากกว่า
“เปล่าร้องไห้สักหน่อย แค่ฝุ่นมันเข้าตา ตัวถ่ายรูปให้เค้าหน่อยสิ" กันยาส่งโทรศัพท์ให้กับสิงโต เขาหยิบมันมากดชัตเตอร์ให้เธอรัวๆ พร้อมกับ เปลี่ยนมาเป็นนั่งเบียดร่างเล็ก แล้วตั้งกล้องโฟกัสที่ใบหน้าของเขาและเธอ จนกันยารีบขยับออกแทบจะตกลงไปในลำธารอยู่แล้ว
“ตัวนั่งดีๆ สิ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก ไอ้ตุลามันเอาเค้าตายเลยนะนั่น ถ้าตัวตกน้ำ" คำขู่ของสิงโตได้ผลกันยายอมนั่งนิ่งๆ ให้เขากดชัตเตอร์รัวๆ จากนั้นสิงโตได้ส่งสมาร์ตโฟนให้กับเธอ แล้วหยิบอีกเครื่องออกมาจากกระเป๋าของเขา เพื่อถ่ายรูปเก็บเอาไว้
“พอแล้วสิงโต ตัวจะถ่ายทำไมเยอะแยะทำยังกับว่าจะไม่ได้เจอกันอีกนานอย่างนั้นแหละ"
“ตัวพูดอะไรออกมารู้หรือเปล่ากันยามันไม่ดีนะ พวกเราสามคน เอ่อ... แพนด้าด้วยอีกคน พวกเราเป็นทั้งเพื่อนและยังเป็นพี่เป็นน้องจะไม่มีทางพรากจากกันไปไหน ตัวต้องสัญญากับเค้านะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามทิ้งเค้าไปไหนเป็นเด็ดขาดรู้หรือเปล่ากันยา เอานิ้วก้อยมาเอามาเกี่ยวก้อยกัน" น้ำเสียงที่ดูจริงจังของสิงโตนั้น กำลังทำให้กันยาลำบากใจ เพราะถึงยังไงเธอก็ต้องไปจากไร่นี้อยู่ดี ต่อให้เขารั้งเธอไว้มันก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อมารดาของเธอและตัดสินใจลงไปแล้ว
“สิงโตทุกคนล้วนมีทางเดินของตัวเองทั้งนั้น สักวันตัวอาจจะอยากไปใช้ชีวิตเพียงลำพัง แล้วทิ้งเค้ากับตุลาไว้ข้างหลัง โดยที่ไม่หันกลับมามองเลยก็ได้" ในเวลานี้กันยาพยายามหาประโยคที่ฟังแล้วดูดี มาพูดโน้มน้าวจิตใจสิงโต เพื่อที่เธอนั้นจะได้ไม่ต้องเกี่ยวก้อยสัญญากับสิงโต เมื่อเธอเชื่อว่ายังไงก็คงไม่มีทางที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเขาได้
เช้าของวันใหม่บรรยากาศแสนจะอึมครึม ที่บ้านของฮันน่าในเวลานี้ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าโดยเฉพาะเจ้าสิงโต เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้ จะต้องพรากจากกันยาและตุลา พร้อมทั้งแม่ฮันน่า คำบอกเล่าของมารดาจึงเป็นดั่งหอกแหลมคมที่ทิ่มลงมากลางใจของเขา เมื่อความผูกพันที่มีให้กันมันมากเกินกว่าที่จะทำใจให้ชินได้ นับจากวันนี้ไปไร่กวางกมลคงแห้งเฉา เหมือนดั่งต้นไม้ที่ไร้การรดน้ำพรวนดินและอีกไม่นาน ต้นไม้นั้นก็อาจจะตายได้ถ้าหากเจ้าของไม่ใส่ใจกลับมาเหลียวแล
“เค้ากับตุลาไม่อยู่ ตัวก็ตั้งใจเรียนด้วยนะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็โทรไปถามเค้าก็ได้ เดี๋ยวจะติวให้ สมัยนี้เทคโนโลยีได้พัฒนาไปมาก ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เจอกัน แต่ก็สามารถเห็นหน้ากันทุกวันได้ อย่าทำหน้าแบบนี้สิสิงโต" กันยาเดินเข้าไปหาสิงโต ที่นั่งอยู่ด้านนอกระเบียงของบ้านสายตาของเขามองออกไปอย่างไร้จุดหมาย มารดาน่าจะบอกเขาเร็วกว่านี้ เขาเพิ่งทราบข่าวจากคุณย่าเมื่อคืน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สิงโตไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืนเขาเอาแต่นั่งเหม่อและไม่รู้ว่านับจากวันนี้ต่อไป เขาจะอยู่ได้ยังไง ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนถ้าไม่เจอกับตัวก็คงจะไม่เข้าใจ
“ตัวรู้เรื่องนี้นานหรือยัง ทำไมไม่บอกเค้าก่อน ตัวใจร้ายมากเลยรู้หรือเปล่า" สิงโตพูดจาตัดพ้อกันยาออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง เพราะไม่มีใครบอกเขาก่อนเลย เพื่อให้เวลาทำใจ เขากลายเป็นคนไม่สำคัญสำหรับทุกคนไปแล้วหรือยังไงนั่นคือความน้อยใจที่กำลังเกิดขึ้นกับสิงโต
“เค้าก็เพิ่งรู้ไม่กี่วันนี่เอง ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก" น้ำเสียงที่อ่อนหวานนุ่มนวลของกันยา แม้จะแผ่วเบาแต่ทุกครั้งที่ได้ยินมันกลับก้องกังวานอยู่ในหัวใจของสิงโต จนในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนกับโลกได้กลายเป็นสีเทาทุกอย่างในไร่มองออกไปไม่เห็นมีสีเขียวเลย เมื่อสายตาของเขากำลังมืดมน เพราะความเสียใจ จึงทำให้ทุกอย่างรอบกายกลายเป็นความหมองหม่น
“ก็อย่างว่าเราคงไม่มีความสำคัญสำหรับเธอ ยังไงก็ขอให้เธอโชคดีก็แล้วกัน ลาก่อนนะกันยา" น้ำเสียงที่แข็งกร้าว แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา กับสรรพนามที่เรียกเธอและใช้แทนตัวเขาได้เปลี่ยนไป บ่งบอกให้กันยารับรู้ว่าสิงโตโกรธเธอมากแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกเขาล่วงหน้า
“สิงโต! อย่าเพิ่งไปสิสิงโต! กลับมาฟังเค้าอธิบายก่อน กันยาไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกตัวเลยนะ" กันยาวิ่งลงบันได พร้อมกับตะโกนตามหลังสิงโตออกไป แต่เขากลับไม่หันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้กันยารู้ว่าการจากกันครั้งนี้ มันช่างเป็นการจากลาที่แสนจะเจ็บปวด
“กันยาใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางแล้ว ไม่ต้องตามสิงโตหรอกเดี๋ยวแม่จัดการเอง ไปลาคุณย่าเถอะเดี๋ยวพ่อเสือจะไปส่งที่สนามบิน" กันยาทำได้แค่เพียงมองสิงโตค่อยๆ เดินหายไปหลับตาความรู้สึกที่เกิดขึ้น ทำให้กันยาเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเธอเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกับเขาเลยสักนิดกับการจากลาครั้งนี้
“แม่ขวัญดูเหมือนว่าสิงโตจะโกรธกันยามากเลยนะคะ จากคำพูดของเขาฟังดูห่างเหินเหมือนกับคนแปลกหน้า จนกันยาไม่รู้ว่าสิงโตจะเกลียดกันยาไปแล้วหรือเปล่า ที่ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังก่อน" ใบหน้าและแววตาของกันยาที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดนั้น กำลังทำให้แม่ขวัญข้าวรู้สึกพลอยเศร้าไปด้วย
ณ บ้านหลังหนึ่งที่ดูใหญ่โตราวกับปราสาทราชวัง ซึ่งเป็นบ้านที่อีธานออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อเซอร์ไพรส์ภรรยาและลูกๆ ของเขา ประจวบเหมาะกับการเฉลิมฉลองกันยาและตุลาเรียนจบมอปลาย และทั้งคู่กำลังจะเข้าเรียนในมหา'ลัย ผู้หญิงทั้งโลกต่างก็อิจฉาฮันน่า ที่เธอมีสามี ทั้งหล่อทั้งรวยและแสนดีอย่างอีธาน "คุณพ่อขาาา... ทำไมรู้ใจลูกสาวแบบนี้ กันยาชอบบ้านหลังนี้มากค่ะ มันล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติดูร่มรื่นดี" หญิงสาวยิ้มร่าออกมาจนหน้าบาน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นบิดาที่โซฟากว้าง พร้อมกับซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่งของอีธานระคนกำลังอ้อนที่ได้ของถูกใจ "ยัยตัวแสบ ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ พ่อยังคาดโทษหนูเอาไว้อยู่ลืมหรือยัง" อีธานแกล้งพูดเสียงเข้มออกมา จนกันยาทำมุ่ย เมื่อบิดากำลังจะบังคับให้เรียน ในคณะที่ใจเธอไม่รักเลยสักนิด "คุณแม่ขาาา... บอกคุณพ่อไปสิคะว่าประโยชน์ของการเรียนเศรษฐศาสตร์มีอะไรบ้าง และที่สำคัญกันยาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียนเกษตร เพื่อมาบริหารธุรกิจอสังหาของพ่อสักหน่อยนี่ค่ะ" อีธานถึงกับเกือบหลุดขำ ในคำพูดของกันยา แน่นอนคณะที่ลูกสาวของเขาเลือกเรียนนั้น มัน
"แล้วตุลาล่ะเรียนต่อคณะอะไร" "ผมคงต้องเรียนบริหารตามเจตนารมณ์ของพ่อ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ" ตุลาอดที่จะพูดจากระแนะกระแหนกันยาออกไปไม่ได้ เมื่อน้องสาวของเขาตั้งใจที่จะเรียนคณะเกษตรศาสตร์สาขาวิชาพืชสวน ทั้งที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และนั่นคือเหตุผลที่บิดาไม่อนุมัติ แต่ตุลาก็เชื่อว่ากันยาคงอ้อนจนได้ "ขวัญดีใจด้วยนะคะพี่ฮันน่า ที่พี่มีครอบครัวที่อบอุ่นสักที เมื่อพายุพัดผ่านไปทุกอย่างก็กลายกลับดี ในที่สุดวันดีๆ ก็เกิดขึ้นกับเราสองคน แม่เลี้ยงกวางกมลที่อยู่บนฟ้า คงมองลงมาด้วยรอยยิ้มที่เห็นลูกหลานมีความสุขแบบนี้" "ใช่แล้วจ้ะ พี่ต้องกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วย" ทั้งสองร่ำลากัน จากนั้นฮันน่าก็พาลูกๆ กลับ โดยมีสายตาของใครบางคน แอบมองตามหลังกันยา แม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอนั้นเปลี่ยนไปมาก เมื่อกันยาโตเป็นสาวเธอดูสวยผิดหูผิดตา แต่ทว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อไร่กวางกมลนั้น ก็คง
"คุณย่าจะพูดถึงคนอื่นทำไมล่ะครับ ในเมื่อเขายังไม่คิดถึงคุณย่าเลย ขอโทษด้วยนะครับแม่ฮันน่าที่ผมพูดแรงไป" เมื่อสิงโตตั้งสติได้เขารีบกลับขอโทษฮันน่าออกไปในทันที "ใครบอกว่ากันยาไม่คิดถึงคุณย่าล่ะสิงโต" เสียงเข้มของอัครเดชพูดขึ้น เมื่อเห็นลูกชายมีท่าทีที่ตำหนิกันยาออกมาอย่างชัดเจน "พ่อเสือครับ บางทีที่นี่อาจจะไม่ประทับใจกันยา เพราะบ้านป่าอย่างเราจะไปสู้แสงสีศิวิไลซ์ได้ยังไงกัน จริงไหมครับแม่ฮันน่า" สิงโตพูดเองเออเองทั้งนั้น ทั้งที่ยังไม่ได้รับฟังความจริง แต่เขากลับตัดสินกันยาไปในทางด้านลบเรียบร้อยแล้ว "สิงโตลูกไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้กันยานอนแอดมิดให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อตะกี้คุณย่ายังวิดีโอคอลคุยกับกันยาอยู่เลย" แม้ว่าสิงโตจะเกิดก่อนกันยาเพียงแค่เดือนเดียว แต่ผู้เป็นมารดาก็มักจะให้เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่เสมอ "เธอเป็นอะไรเหรอครับ" แม้ว่าน้ำเสียงของชายหนุ่มจะฟังดูเรียบเฉย แต่ภายในใจของเขากลับร้อนรุ่มเริ่มเป็นห่วงเธอ"กันยาไม่เป
"สิงโตจะไปรับแม่ฮันน่า ที่สนามบินกับพ่อเสือไหมลูก" คำถามของผู้เป็นมารดา ทำให้ชายหนุ่มรีบวางตำราในมือลงทันที "แม่ฮันน่า... หมายความว่าแม่ฮันน่าจะมาเที่ยวบ้านเราเหรอครับแม่" น้ำเสียงของชายหนุ่มดูตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อภายในใจของเขาคิดว่ายังไงกันยาก็ต้องตามมารดามาที่นี่ด้วย "ใช่จ้า แม่ฮันน่าจะมาเยี่ยมคุณย่า แต่แม่เองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่ากันยาและตุลาจะมาด้วยหรือเปล่า" ขวัญข้าวที่กำลังนั่งปอกผลไม้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ซึ่งเธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันที่กำลังจะได้เจอกับฮันน่า ที่จากกันไปหลายเดือนแล้ว"ผมขอตัวไปที่บ้านท้ายไร่ก่อนนะครับแม่" สิงโตกำลังสับสนชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาควรดีใจหรือเปล่า ถ้าหากจะได้เจอกันยาในวันนี้ ที่สำคัญระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานั้น เธอยังจะจำคืนและวันที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันตั้งแต่วัยเยาว์ได้หรือเปล่า “อ้าว! ไม่ไปกับพ่อเสือเหรอลูก"
"เมียผมน่ากินไปทั้งตัวเลย" ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออก สายตาคมนัยน์ตาสีฟ้าได้กวาดมองไปทั่วเรือนร่างของภรรยาอย่างชื่นชม ก่อนจะค่อยๆ ปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออก พร้อมกับดึงกางเกงลงไปกองรวมกันที่พื้นรวมกับชุดสวยของเธอ เผยให้เห็นเป้าตุงที่คับแน่นกางเกงบ๊อกเซอร์ แทบจะปริแตกออกมาอยู่แล้วในตอนนี้ ไรขนที่หน้าอกบวกกับมวลกล้ามบนเรือนร่างชายกำยำ กำลังทำให้ฮันน่ารู้สึกหลงใหลเขาเช่นกันในเวลานี้ "มองผมแบบนี้ ไม่รอแล้วนะเมียจ๋า" เขาพูดออกมาพร้อมกับเข้าไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้จนมิด "ไหนบอกว่าเมา" หญิงสาวพูดพร้อมกับช้อนสายตามองชายหนุ่มออกไปด้วยคำถาม ที่ไม่อยากเชื่อว่าเขาเมา "ผมเมาแล้วคึก คุณไม่รู้หรือไง เมียสวยแถมยังเซ็กซี่ขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว พูดมาแล้วยังเจ็บใจไม่หาย อยากจะเอาปืนยิงไอ้เมสันให้ตาย ที่มันบังอาจจ้องหน้าคุณตั้งเป็นชั่วโมง" ในขณะที่พูด ดวงตาของเขาได้ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาพร้อมกับสอดฝ่ามือไปใต้แผ่นหลังของภรรยาเพื่อปลดตะขอบราออกให้สิ้น "อื้ม... คุณอีธ
"พูดเฉยๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องโน้มตัวเข้ามาใกล้ คุณเห็นไหมว่าฉันกำลังขับรถอยู่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง ลูกจะอยู่กับใคร หื่นไม่เลือกเวล่ำเวลาจริงๆ " ฮันน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุ ในขณะอีธานก็ไม่ได้ลดละความพยายาม ชายหนุ่มยังคงใช้มือลูบลงไปที่ต้นขาของฮันน่าด้วยท่าทางที่เย้ายวนชวนขึ้นเตียง"แอบกินยาคุมหรือเปล่าเนี่ย... หลายเดือนแล้วทำไมคุณไม่ท้องสักที ผมอยากมีลูกกับคุณอีกสักสองสามคน" "ทำไมถึงเป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้ เชื่อเลยว่ากันยาได้คุณมาเต็มๆ ไม่มีเหตุผลแถมยังดื้อรั้นเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง" เมื่อห้ามไม่ได้ฮันน่าก็ปล่อยเลยตามเลย เธอพยายามลดความเร็วลง เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงบ้านแล้วพอรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบ้าน ฮันน่าถึงกับถอนใจออกมา เมื่อเธอรู้สึกยอมใจ ในความพยายามของอีธาน เพราะในเวลานี้ชายหนุ่มกำลังพยายามไซ้จมูกคมเป็นสันลงไปที่ซอกคอระหงของเธอ พร้อมกับกดปุ่มให้เบาะเอนลงไปข้างหลัง เขาทำเหมือนกับว่าจะเอากับเธอบนรถนี้ให้ได้ "นี่คุณ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถึงบ้านแล้วค่ะ เดี๋ยวลูกก็ออกมาเห็นหรอก เมาแล้วเป็นแบบนี้ท







