ホーム / อื่น ๆ / เล่ห์ลำดวน / บทที่ 4 คราวเคราะห์

共有

บทที่ 4 คราวเคราะห์

last update 最終更新日: 2025-06-19 22:04:06

เช้าวันเสาร์ แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของ พิมพ์พลอย ที่บัดนี้กลับกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหวาดผวาและความรู้สึกไม่ปลอดภัย เธอกรีดร้องสุดเสียงขณะสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมอาการหอบหายใจถี่ หัวใจยังคงเต้นรัวดุจกลองศึกจากฝันร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ภาพสุดท้ายที่ติดตาคือใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวในชุดไทยโบราณที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น จ้องมองมายังเธอด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ มันเป็นภาพที่ชัดเจนและสมจริงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ราวกับหญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ เสียงหวีดหวิวที่ดังอยู่ในความฝันยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท “พิกุล! มึงมันสารเลว! มึงต้องชดใช้!” พร้อมกับเสียงกระซิบเบาๆ ที่พร่ำเรียกชื่อ "ลำดวน... ลำดวน..." อย่างเวทนา สลับกับภาพความรู้สึกเจ็บปวดทรมานที่แผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจของเธอราวกับเป็นความเจ็บปวดของเธอเอง กลิ่นดอกลำดวนที่หอมหวานแต่กลับเย็นยะเยือกอบอวลไปทั่วห้องนอน จนเธอต้องเอามือปิดจมูกด้วยความอึดอัดและคลื่นไส้ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงแค่ฝัน แต่ความรู้สึกเย็นวาบที่ข้อเท้าและอาการขนลุกซู่ไปทั่วร่างยังคงเตือนให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไปแล้ว

พิมพ์พลอยลุกขึ้นจากเตียงด้วยความอ่อนล้า แม้จะหลับไปหลายชั่วโมง แต่ร่างกายและจิตใจของเธอกลับไม่ได้รับการพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ราวกับถูกสูบพลังงานออกไปจนหมดสิ้น เธอเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้า ในกระจกเงาบานใหญ่ เธอเห็นตัวเองที่ดูซีดเซียว ตาคล้ำ และแววตาเต็มไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัวที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เธอแน่ใจว่าเมื่อคืนก่อนนอนเธอปิดไฟทุกดวงในห้องอย่างมิดชิดและล็อกประตูหน้าต่างแน่นหนาทุกบาน แต่ตอนนี้ โคมไฟตั้งพื้นในห้องนั่งเล่นกลับเปิดสว่างจ้า พิมพ์พลอยขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอเดินไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด แม้จะไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่เธอรู้สึกได้ถึง ลมหายใจเย็นๆ ที่รดต้นคอ ราวกับมีใครกำลังยืนอยู่ด้านหลังเธอ ห่างออกไปเพียงแค่ลมหายใจเดียว เธอหันขวับกลับไป แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าเช่นเคย ภาพเงานั่นยังคงตามติดเธอมาไม่ห่าง เธอรีบปิดไฟและเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว พยายามรวบรวมความกล้าและสติที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด เพื่อรับมือกับสิ่งที่มองไม่เห็นนี้

หลังจากรวบรวมสติได้ พิมพ์พลอยตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกหลอนไปมากกว่านี้ เธอเริ่มเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือภาพหลอนที่เกิดจากความเครียดอีกต่อไปแล้ว แต่มันมีความเชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่เหนือความเข้าใจและเป็นอันตรายถึงชีวิต เธอเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ "ลำดวน" และ "พิกุล" จากตำนานพื้นบ้านเก่าแก่ เรื่องเล่าปรัมปรา หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากอินเทอร์เน็ต พิมพ์พลอยใช้เวลาหลายชั่วโมงในการอ่านเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับดอกลำดวน หรือชื่อเหล่านี้ แต่ก็ไม่พบอะไรที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน นอกจากเรื่องเล่าทั่วไปเกี่ยวกับผีที่ตามทวงแค้น หรือตำนานรักโศกนาฏกรรมที่ไม่ระบุชื่อตัวละคร เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่หาข้อมูลที่ตรงจุดไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอเริ่มขยายวงการค้นหาข้อมูลไปที่เรื่องราวเกี่ยวกับบ้านเก่าริมน้ำหรือท่าน้ำโบราณในย่านเมืองเก่า ที่เคยเป็นพื้นที่สำคัญในอดีต เธออ่านบทความและกระทู้ต่างๆ อย่างไม่ลดละ แม้จะรู้สึกอ่อนเพลียมากก็ตาม

ในเวลาเดียวกัน ที่คฤหาสน์หรูใจกลางเมือง รวินทร์ ซีอีโอหนุ่มผู้สง่างาม กำลังนั่งอยู่บนโซฟานุ่มสีเข้มในห้องทำงานส่วนตัว แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวสวนอันร่มรื่น เขากำลังจิบกาแฟดำร้อนๆ ช้าๆ แววตาคมกริบของเขาทอดมองไปยังภาพเขียนสีน้ำมันเก่าแก่ที่แขวนอยู่บนผนังอย่างใช้ความคิด ภาพนั้นเป็นภาพหญิงสาวในชุดไทยโบราณที่กำลังยืนอยู่ริมท่าน้ำท่ามกลางแสงจันทร์สลัวๆ ใบหน้าของหญิงสาวในภาพนั้นดูเศร้าสร้อยและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับกำลังสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ลึกๆ ในใจของรวินทร์เอง เขายกมือขึ้นลูบที่ขมับเบาๆ รู้สึกปวดศีรษะตุบๆ มาตั้งแต่ตื่นนอน และภาพความฝันที่เลือนรางแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกรุนแรงก็ยังคงติดอยู่ในห้วงความคิดของเขา เขาฝันถึงสถานที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ท่าน้ำ… ต้นลำดวน… และเสียงร้องไห้โหยหวนของใครบางคนที่เขาจำไม่ได้ แต่ความเจ็บปวดในฝันนั้นชัดเจนจนน่าตกใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีปะปนกับความสับสนบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของรวินทร์ เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังแผ่ซ่านเข้ามาในตัวเขาอย่างช้าๆ แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ปิ่น แฟนสาวของรวินทร์ เดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยรอยยิ้มสดใสและเสียงหัวเราะเบาๆ เธอดูสวยสง่าในชุดลำลองราคาแพงที่เข้ากับบุคลิกของเธอ เธอกอดแขนรวินทร์อย่างออดอ้อนและวางคางบนไหล่ของเขา "วินทร์คะ วันนี้เราไปดูงานศิลปะกันไหมคะ แกลเลอรีที่เปิดใหม่เมื่อวานนั่นแหละค่ะ มีงานน่าสนใจเยอะเลยนะคะ ปิ่นจองโต๊ะร้านอาหารโปรดของวินทร์ไว้แล้วด้วยค่ะ" รวินทร์วางแก้วกาแฟลงช้าๆ หันมายิ้มให้ปิ่นเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นดูซีดจางและไร้ชีวิตชีวา "วันนี้วินทร์คงไปไม่ได้หรอกปิ่น มีงานด่วนที่ต้องสะสางพอดีเลย แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ด้วย" น้ำเสียงของรวินทร์ดูอ่อนเพลียเล็กน้อย ปิ่นสังเกตเห็นแววตาที่ดูเหนื่อยล้าของเขา เธอสัมผัสหน้าผากเขาเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง "คุณวินทร์พักผ่อนไม่พอหรือเปล่าคะ ดูซึมๆ ไปนะ ปิ่นว่าคุณวินทร์พักผ่อนบ้างดีกว่านะคะ อย่าโหมงานหนักนักเลย"

รวินทร์พยักหน้ารับ "คงงั้นมั้ง" เขาตอบสั้นๆ ดวงตาของเขากลับไปจับจ้องที่ภาพเขียนหญิงสาวในชุดไทยที่ติดผนังอยู่ในห้องทำงานตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน ปิ่นสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของรวินทร์ เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยกับความสนใจที่รวินทร์มีต่อภาพเขียนนั้น ในระยะหลังมานี้ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงในตัวเขาที่ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าจากการทำงาน มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ปิ่นเริ่มเป็นกังวลอย่างหนัก

ในขณะเดียวกัน เดชา กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาที่บริษัท เขากำลังตรวจสอบเอกสารกองโตอย่างละเอียด พร้อมกับจิบกาแฟพลางครุ่นคิดถึงแผนการตลาดใหม่ที่กำลังจะเสนอในที่ประชุมใหญ่ปลายสัปดาห์นี้ เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ดูเวลาที่เหมาะสม ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหา พิมพ์พลอย เพื่อสานต่อเรื่องงานตามที่รวินทร์แนะนำ

เสียงโทรศัพท์มือถือของพิมพ์พลอยดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความผิดหวังที่ยังหาข้อมูลอะไรไม่ได้ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เดชา" ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ พิมพ์พลอยรีบกดรับสายด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “สวัสดีค่ะคุณเดชา”

“สวัสดีครับคุณพิมพ์พลอย” น้ำเสียงของเดชาดูสดใสและเป็นกันเองอย่างเคย “ผมขอโทษที่โทรมาแต่เช้าวันหยุดนะครับ พอดีมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษาคุณหน่อยน่ะครับ คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณเลยครับ”

พิมพ์พลอยขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเดชา” เธอถามด้วยความสนใจปนความหวัง

“พอดีบริษัทผมมีโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้น่ะครับ เป็นโครงการใหญ่มากที่เราทุ่มเทกำลังคนและงบประมาณอย่างเต็มที่เลยครับ และเรากำลังมองหากราฟิกดีไซเนอร์ฝีมือดีมาช่วยออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งหมดสำหรับโครงการนี้น่ะครับ ผมเห็นผลงานของคุณแล้วประทับใจมากจริงๆ เลยอยากชวนคุณมาคุยรายละเอียดที่บริษัทของเราสักหน่อยครับ เพื่อที่คุณจะได้เห็นภาพรวมของโครงการและศักยภาพที่คุณจะแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่” เดชาอธิบายด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นและให้ความสำคัญกับพิมพ์พลอยอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าคุณสะดวก วันจันทร์ช่วงบ่ายจะดีไหมครับ ประมาณบ่ายโมง หรือบ่ายสองก็ได้ครับ”

พิมพ์พลอยรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่เข้ามาอย่างไม่คาดฝัน เธอกำลังมองหางานใหญ่ๆ มาพักหนึ่งแล้ว ซึ่งโปรเจกต์นี้ดูจะเป็นโอกาสทองสำหรับเธอจริงๆ “ได้ค่ะคุณเดชา วันจันทร์ช่วงบ่ายฉันสะดวกค่ะ บ่ายโมงก็ได้ค่ะ” เธอตอบรับด้วยความยินดีและรู้สึกขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของเดชา

“เยี่ยมเลยครับคุณพิมพ์พลอย งั้นเดี๋ยวผมจะส่งรายละเอียดการเดินทางและแผนที่ไปให้นะครับ เจอกันวันจันทร์บ่ายโมงตรงที่ออฟฟิศนะครับ” เดชาบอก ก่อนจะวางสายไป พิมพ์พลอยรู้สึกดีใจมากกับโอกาสที่เข้ามาในชีวิต เธอพยายามจะปัดเป่าความกังวลจากเหตุการณ์ประหลาดที่เจอมาตลอดทั้งวันทิ้งไป และจดจ่ออยู่กับโอกาสทางอาชีพที่กำลังจะมาถึงนี้แทน ซึ่งเธอหวังว่ามันจะช่วยให้เธอได้พักจากเรื่องลี้ลับที่กำลังตามหลอกหลอน

วันจันทร์ช่วงบ่าย พิมพ์พลอยเดินทางมาถึงบริษัท "ดับเบิลยู.ซี. เอเธนส์" ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและกังวลเล็กน้อย อาคารสำนักงานใหญ่ดูโอ่อ่าและทันสมัยกว่าที่เธอจินตนาการไว้มาก ประตูกระจกบานใหญ่เปิดออกต้อนรับเธออย่างเงียบเชียบ เธอขึ้นลิฟต์แก้วไปยังชั้นสูงสุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องทำงานผู้บริหารและห้องประชุมใหญ่ เธอได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพนักงานต้อนรับสาวสวยที่พาเธอไปยังห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ก่อนที่เดชาจะเดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นและเป็นกันเอง “สวัสดีครับคุณพิมพ์พลอย ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาเยี่ยมชมบริษัทของเราในวันนี้”

เดชาพาพิมพ์พลอยเดินชมส่วนต่างๆ ของบริษัท ตั้งแต่แผนกกราฟิกดีไซน์ที่เต็มไปด้วยความครึกครื้น ห้องประชุมขนาดเล็กและใหญ่ที่ตกแต่งอย่างทันสมัย ไปจนถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและทันสมัยด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เนอร์ พิมพ์พลอยรู้สึกทึ่งกับความยิ่งใหญ่และความเป็นมืออาชีพของบริษัทนี้มาก เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานและความทะเยอทะยานที่แผ่ซ่านอยู่ทั่วทั้งอาคาร เดชาพาเธอเข้ามายังห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเมืองได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา บนโต๊ะประชุมมีเอกสารและแบบจำลองโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ยังคงปกปิดรายละเอียดสำคัญไว้บางส่วน เพื่อรอการนำเสนออย่างเป็นทางการ

“โปรเจกต์นี้เป็นโครงการใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของบริษัทเราเลยครับคุณพิมพ์พลอย เป็นคอมเพล็กซ์ที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ โรงแรมหรูห้าดาว และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ” เดชาอธิบายด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจและแววตาเป็นประกาย “เราต้องการงานออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ที่สะท้อนถึงความหรูหรา ความเป็นเอกลักษณ์ และวิสัยทัศน์ของโครงการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราเชื่อว่าฝีมือของคุณจะสามารถเนรมิตให้งานนี้สมบูรณ์แบบได้ครับ”

ในขณะที่เดชากำลังอธิบายรายละเอียดโครงการอยู่นั้น ประตูห้องประชุมก็เปิดออกอย่างเงียบเชียบ และ รวินทร์ ก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสุขุมและสง่างามเช่นเคย เขาสวมชุดสูทสีเทาเข้มที่ขับให้ดูมีอำนาจและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น “สวัสดีครับคุณพิมพ์พลอย ไม่คิดว่าจะได้พบกันที่นี่ในวันนี้” รวินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาของเขาจับจ้องมาที่พิมพ์พลอยอย่างลึกล้ำจนเธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขามองมาที่เธออย่างพินิจพิจารณา ราวกับกำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ หรือกำลังพยายามทำความเข้าใจกับอะไรบางอย่างที่เกินจะหยั่งถึง

รวินทร์เข้าร่วมการสนทนา เขาเปิดดูผลงานของพิมพ์พลอยที่เดชาเตรียมไว้บนจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่อย่างละเอียด เขาใช้เวลาพิจารณาแต่ละภาพอย่างถี่ถ้วน ใบหน้าของเขาไม่มีอารมณ์ใดๆ แสดงออกมา แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับวูบไหวเมื่อเห็นบางภาพในพอร์ตโฟลิโอของเธอ โดยเฉพาะภาพกราฟิกที่มีลายเส้นอ่อนช้อยแบบไทยประยุกต์ที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด “คุณพิมพ์พลอยมีความสามารถจริงๆ ครับ ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมและแตกต่างให้กับโครงการของเราได้” รวินทร์กล่าวเสียงเรียบ แสดงความชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา

ทันใดนั้นเอง รวินทร์ก็เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงอย่างกะทันหัน ราวกับถูกค้อนทุบลงมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัดจนแทบไม่มีสีเลือด เขายกมือขึ้นกุมขมับแน่น ดวงตาปิดสนิทด้วยความทรมาน เดชาและพิมพ์พลอยต่างแสดงความตกใจและเป็นห่วงอย่างมาก "วินทร์! เป็นอะไรไป?" เดชาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับลุกขึ้นยืน รวินทร์ส่ายหน้าเล็กน้อย "ไม่เป็นอะไรหรอกเดชา แค่ปวดหัวนิดหน่อย สงสัยพักผ่อนไม่พอจริงๆ" เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงพยายามเก็บอาการ แต่แววตาของเขาที่เหลือบมองมาที่พิมพ์พลอยฉายแววสับสนและหวาดกลัวเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเห็นบางสิ่งบางอย่างที่คนอื่นไม่เห็นและกำลังคุกคามเขาอยู่ ในชั่วพริบตานั้น พิมพ์พลอยเห็นเงาเลือนรางของใบหน้าหญิงสาวในชุดไทยโบราณซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของรวินทร์เพียงชั่วเสี้ยววินาที ดวงตาที่เรืองรองด้วยแสงสีแดงก่ำนั้นจ้องมองมาที่เธอด้วยความอาฆาตที่ไม่มีวันสิ้นสุด ก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็วราวกับภาพลวงตา พิมพ์พลอยสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความประหลาดใจและหวาดกลัวอย่างรุนแรง เธอพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป คิดว่าเธอคงตาฝาดไปเอง หรือเป็นเพราะความเครียดสะสมที่ทำให้เธอเริ่มเห็นภาพหลอน

รวินทร์พยายามควบคุมตัวเองอย่างยากลำบาก เขาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด “คุณพิมพ์พลอย ถ้าสนใจร่วมงานกับเรา เดชาจะส่งรายละเอียดและข้อเสนอให้พิจารณานะครับ ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณ” รวินทร์กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะขอตัวออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปพักผ่อน

เดชาหันมายิ้มให้พิมพ์พลอยด้วยท่าทางขอโทษ "ขอโทษด้วยนะครับคุณพิมพ์พลอย สงสัยรวินทร์จะพักผ่อนไม่พอจริงๆ ปกติเขาไม่ค่อยเป็นแบบนี้หรอกครับ" เดชาอธิบายก่อนจะพาพิมพ์พลอยกลับไปที่ห้องรับรอง และพูดคุยเรื่องข้อเสนอต่างๆ และขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียด พิมพ์พลอยรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งจะเปิดประตูสู่ความสำเร็จในอาชีพของเธอ แต่ในใจก็ยังคงมีภาพใบหน้าของรวินทร์ที่ซ้อนทับกับเงาหญิงสาวในชุดไทยโบราณหลอกหลอนอยู่ไม่หาย เธอเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นเพียงภาพหลอนจริงหรือ

ช่วงบ่ายแก่ๆ วันเดียวกัน พิมพ์พลอยกลับมาถึงบ้านพร้อมเอกสารข้อเสนอจากบริษัท "ดับเบิลยู.ซี. เอเธนส์" เธอวางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้าจนแทบหมดเรี่ยวแรง วันนี้เธอรู้สึกเหมือนพลังงานถูกดูดออกไปจนหมด ไม่ใช่แค่จากความตื่นเต้นเรื่องงาน แต่เป็นจากเหตุการณ์ประหลาดที่เธอเจอมาทั้งวัน รวมถึงภาพหลอนที่เห็นบนใบหน้ารวินทร์ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

ขณะที่เธอกำลังนั่งพัก สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็น ปฏิทินตั้งโต๊ะเก่าๆ ที่วางอยู่บนชั้นหนังสือในห้องนั่งเล่น มันเป็นปฏิทินที่เธอเคยได้รับเป็นของขวัญเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่เคยเปิดดูรายละเอียดข้างในเลย เพราะปกติเธอจะใช้ปฏิทินในโทรศัพท์ พิมพ์พลอยรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดให้เธอต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างไม่มีเหตุผล ราวกับมีพลังงานบางอย่างกำลังชี้นำเธอ เธอค่อยๆ เปิดปฏิทินไปทีละหน้า แต่ละหน้ามีภาพลายเส้นเก่าๆ ของวัดวาอารามและสถานที่สำคัญในอยุธยา ที่ดูงดงามและคลาสสิก เธอพลิกมาจนถึงหน้าสุดท้าย เป็นภาพวาดของ ท่าน้ำเก่าแห่งหนึ่งที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาครึ้มครึ้ม และมีบ้านทรงไทยโบราณตั้งอยู่ริมน้ำ

ในทันใดนั้นเอง ความรู้สึกบางอย่างก็พลันพุ่งเข้าสู่จิตใจของพิมพ์พลอยอย่างรุนแรงจนเธอรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ภาพในฝันที่เธอเห็นซ้ำๆ ภาพของท่าน้ำเก่าแก่ที่ปรากฏในความฝันทุกคืน… มันคือที่นี่! มันคือท่าน้ำในปฏิทินเก่าเล่มนี้! พิมพ์พลอยรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เธอจ้องมองภาพนั้นอย่างไม่วางตา ความรู้สึกคุ้นเคยและหวาดกลัวผสมปนเปกันไปหมดอย่างแยกไม่ออก เธอพลิกไปดูด้านหลังของปฏิทิน มีข้อมูลระบุไว้เพียงสั้นๆ ว่า “บ้านริมน้ำ: โครงการบูรณะและอนุรักษ์พื้นที่เก่าแก่ของสมาคมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย” และที่ตั้งคร่าวๆ ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พิมพ์พลอยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เธอตัดสินใจทันทีว่าเธอจะต้องไปที่นั่น เธอรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่มองไม่เห็นผลักดันให้เธอต้องไปค้นหาคำตอบที่นั่น เพื่อไขปริศนาที่ตามหลอกหลอนเธอมานาน เธอเตรียมตัวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ทะมัดทะแมง และรีบออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว พิมพ์พลอยเหมารถแท็กซี่ไปยังย่านที่ระบุในปฏิทิน เมื่อรถแท็กซี่เลี้ยวเข้าสู่ซอยแคบๆ ที่เงียบสงบ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากความวุ่นวายของเมือง กลับกลายเป็นความเงียบสงบที่เต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่ริมแม่น้ำที่ทรุดโทรม ต้นไม้ใหญ่แผ่ร่มเงาไปทั่วบริเวณ เสียงผู้คนจอแจเปลี่ยนเป็นเสียงนกร้องและเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ที่ชวนให้รู้สึกวังเวง

เมื่อรถจอด พิมพ์พลอยก้าวลงจากรถ ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดก็เข้ามาปะทะเธอทันที กลิ่นอายของความเก่าแก่และกลิ่นดินปนน้ำโคลนโชยมาตามลมเย็นๆ ที่พัดมาจากแม่น้ำ เธอเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆ ริมคลองที่เชื่อมมาจากแม่น้ำ ที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืช จนกระทั่งเธอพบกับ ท่าน้ำเก่าแก่ที่ปรากฏในปฏิทิน และในความฝันของเธอ ที่นั่นมีต้นลำดวนขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่ริมท่าน้ำ กลิ่นหอมหวานของดอกลำดวนอบอวลไปทั่วบริเวณราวกับมีใครโรยดอกไม้ไว้ทั่วทั้งคุ้งน้ำ มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่เธอได้กลิ่นมาตลอดทั้งวันและในความฝัน ซึ่งบัดนี้มันกลับเป็นกลิ่นที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด พิมพ์พลอยเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความกลัว ความสงสัย และความต้องการที่จะรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ข้างท่าน้ำ มี บ้านทรงไทยโบราณเก่าคร่ำคร่าหลังหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่ ตัวบ้านทำจากไม้สักเก่าแก่ที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานจนเนื้อไม้กลายเป็นสีดำสนิท มีเถาวัลย์เลื้อยปกคลุมไปทั่วทั้งตัวบ้าน ดูรกร้างและถูกทิ้งร้างมานานหลายปี บานหน้าต่างไม้เก่าๆ ที่ปิดตายดูเหมือนกำลังจ้องมองมายังเธออย่างมีชีวิต พิมพ์พลอยรู้สึกเหมือนเคยมาที่นี่มาก่อน ราวกับความทรงจำที่ถูกปิดผนึกกำลังถูกปลดปล่อยออกมาช้าๆ เธอเดินเข้าไปใกล้ประตูรั้วไม้เก่าที่ผุพัง สายตาของเธอจับจ้องไปที่บ้านหลังนั้น และในทันใดนั้นเอง ภาพในฝันก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวของเธออย่างรุนแรงและชัดเจน ภาพของหญิงสาวในชุดไทยโบราณที่ยืนอยู่ริมท่าน้ำแห่งนี้ ภาพของความเจ็บปวดและความแค้นที่ฉายชัดในดวงตาของเธอคนนั้น และภาพของตัวเธอเองในชุดไทยโบราณที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงตาของพิมพ์พลอยเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีด เมื่อภาพสุดท้ายปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในสมองของเธอ ภาพของพิกุลในชุดไทยโบราณกำลังผลักร่างของลำดวนลงไปในน้ำตรงท่าน้ำแห่งนี้!

พิมพ์พลอยทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีด ร่างกายสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้ ภาพในอดีตชาติที่ถูกปิดผนึกไว้ในจิตใต้สำนึกกำลังจะเปิดเผยตัวเองอย่างสมบูรณ์ เธอกำลังสงสัยว่าเธอคือ "พิกุล" ผู้ที่ฆ่า "ลำดวน" ความสงสัยและคำถามต่างๆได้ถาโถมเข้ามาในความคิดอย่างรุนแรงจนเธอแทบจะรับไม่ไหว เธอมีคำถามมากมายแต่ไม่มีใครที่จะให้คำตอบเธอได้ เธอได้แต่สงสัยว่าทำไมลำดวนถึงตามมาหลอกหลอน และทำไมกลิ่นดอกลำดวนถึงตามติดเธอมาตลอด หรือว่าเธอคือพิกุลจริงๆ พิมพ์พลอยเงยหน้าขึ้นมองบ้านโบราณที่ดูเหมือนจะจ้องมองเธออยู่เช่นกัน และในชั่วพริบตานั้น เธอเห็นเงาร่างของลำดวนในชุดไทยยืนอยู่บนเฉลียงบ้านหลังนั้น ใบหน้าของลำดวนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้นและดวงตาเรืองรองด้วยแสงสีแดงก่ำ ลำดวนกำลังจ้องมองมาที่พิมพ์พลอยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตที่ไม่มีวันสิ้นสุด และรอยยิ้มเยือกเย็นที่ชวนให้ขนหัวลุก

ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์ของรวินทร์ เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ภาพความฝันและนิมิตที่เกี่ยวข้องกับท่าน้ำเก่าแก่ยังคงฉายซ้ำในหัวของเขา เขารู้สึกเหมือนมีเสียงบางอย่างกำลังกระซิบอยู่ในสมอง เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเจ็บปวด "ใกล้แล้ว... ใกล้ถึงเวลาของมึงแล้ว... พิกุล" เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของเขาเอง แต่มันกลับชัดเจนราวกับเสียงของตัวเขาเอง รวินทร์ยกมือขึ้นกุมศีรษะแน่นด้วยความสับสนและหวาดกลัว เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เขารู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังตื่นขึ้นและครอบงำเขาอย่างช้าๆ มันเป็นพลังงานแห่งความแค้นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา พร้อมที่จะปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกกักเก็บมานานนับร้อยปี และในขณะที่พิมพ์พลอยกำลังเผชิญหน้ากับ "คราวเคราะห์" ครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ รวินทร์เองก็กำลังถูกดึงเข้าสู่โชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงเช่นกัน

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เล่ห์ลำดวน   บทที่ 13 บทส่งท้าย (คนจัญไร)

    ขณะที่ความตายและความมืดมิดเข้าครอบงำพิมพ์พลอย ประตูเรือนก็พลันเปิดออกอีกครั้ง เผยให้เห็นร่างของ ปิ่น แฟนสาวของรวินทร์ ที่ก้าวเข้ามาในด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีดหลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องของพิมพ์พลอย เธอมองเห็นร่างไร้วิญญาณของพิมพ์พลอยที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น และใบหน้าอำมหิตของรวินทร์ที่ยืนอยู่เหนือร่างนั้น ปิ่นกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีดเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ภาพที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็น“วินทร์! เกิดอะไรขึ้นคะ! คุณพิมพ์พลอยเป็นอะไรไป!” ปิ่นวิ่งตรงเข้ามาถามรวินทร์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอพยายามจะเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเพื่อขอคำอธิบาย แต่รวินทร์ (ที่ถูกลำดวนสิง) กลับสะบัดมือออกอย่างแรง มองปิ่นด้วยสายตาเย็นชา ไร้เยื่อใย ไม่มีความรู้สึกใดๆ ปรากฏในดวงตาคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย“เจ้าหมดประโยชน์แล้วปิ่น... ไปให้พ้น!” เสียงของรวินทร์แหบพร่าและไร้อารมณ์ ราวกับเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ ลำดวนในร่างรวินทร์ไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเห็นใจต่อปิ่นที่ถูกใช้เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมอันโหดเหี้ยมนี้ ปิ่นยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงกับคำพูดของรวินทร์ ใบหน้าของเธอซีด

  • เล่ห์ลำดวน   บทที่ 12 ไหม้เป็นจุล (ตอนจบ)

    ค่ำคืนนั้น... พายุโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เสียงฟ้าร้องครืนครั่นก้องไปทั่วฟ้า สายฟ้าฟาดผ่าลงมาเป็นสายริ้วๆ สลับกับเสียงลมกรรโชกและเสียงฝนที่สาดซัดกระทบหน้าต่างอย่างรุนแรง บรรยากาศภายนอกดูราวกับเป็นลางร้าย สะท้อนความวุ่นวายภายในจิตใจของ พิมพ์พลอย ที่กำลังจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความหวาดกลัวและสิ้นหวังถึงขีดสุดหลังจากถูก ลำดวน ตามราวีอย่างโหดเหี้ยมจนเธอต้อง "หลงเชื่อ" ในทุกคำพูดของ รวินทร์ พิมพ์พลอยได้เตรียมสิ่งของตามที่รวินทร์บอก และมายังบ้านเก่าของเขาตามนัดหมาย สิ่งที่เธอเกิดขึ้นคือเธอไม่มีสติเพียงพอที่จะสังเกตุว่า บ้านเก่าของรวินทร์ คือเรือนไทยโบราณ เหมือนกับที่เธอฝันเห็นตลอด ตอนนี้ร่างกายของเธอบอบช้ำจากการอดหลับอดนอนติดต่อกันหลายวัน ดวงตาของเธอคล้ำโบ๋ลึกเข้าไปในเบ้า หน้าตาซูบผอมจนเห็นโครงกระดูกชัดเจน เธอสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวัน ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับคนบ้า ทุกย่างก้าวที่เธอก้าวเข้ามาในเรือนไทยแห่งนี้ คือย่างก้าวที่เต็มไปด้วยความกลัวและความหวังที่ริบหรี่ แต่ที่แน่ๆ คือเธอไม่อยากตาย เธอจึงพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอดพิมพ์พลอยนำพาตัวเองมายังลานกว้างกลางเรือนที่ปกติ

  • เล่ห์ลำดวน   บทที่ 11 หลงเชื่อ

    หลังจากที่ ลำดวนได้ใช้ "เล่ห์กล" หลอกหลอนพิมพ์พลอยต่างๆนาๆ ทำให้ ความเหนื่อยล้าทางกายและใจได้ถาโถมเข้าใส่พิมพ์พลอยอย่างหนัก เธอจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความหวาดกลัวและสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การที่ เดชา คอยอยู่เคียงข้าง ดูแลเอาใจใส่ และเป็นที่พึ่งพิงทางใจให้กับเธออย่างสม่ำเสมอ ทำให้พิมพ์พลอยรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาได้บ้าง และเธอก็ "หลงเชื่อ" ในความรักและความห่วงใยที่เดชามีให้เธออย่างสุดหัวใจ เพราะเขาคือคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่ายังมีคนอยู่เคียงข้างในโลกที่มืดมิดและเต็มไปด้วยสิ่งเหนือธรรมชาติที่กำลังตามราวีเธออย่างไม่ลดละในขณะเดียวกัน รวินทร์ ก็ยังคงติดต่อพิมพ์พลอยอย่างต่อเนื่อง ในฐานะ "ผู้ช่วยเหลือ" ที่รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของเธอ พิมพ์พลอยเองก็ "หลงเชื่อ" ในตัวรวินทร์อย่างมากเช่นกัน แม้ว่าบางครั้งเขาจะดูมีอาการแปลกๆ หรือพูดจาด้วยถ้อยคำที่น่าประหลาดใจ แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ของเธอ และเสนอหนทางในการหลุดพ้นจากฝันร้ายนี้ พิมพ์พลอยรู้สึกราวกับรวินทร์คือความหวังสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ เธอจึงพร้อมที่จะทำตามทุกสิ่งที่เขาสั่ง โดยหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังความหวังนั้น มี "เล่ห์

  • เล่ห์ลำดวน   บทที่ 10 เล่ห์กล

    แสงอรุณรุ่งสาดส่องเข้ามาในห้องคอนโดที่มืดมิด ทว่ามันไม่ได้นำพาความอบอุ่นหรือความหวังมาสู่ พิมพ์พลอย เลยแม้แต่น้อย เธอนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นห้องเย็นเฉียบ น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าที่เข้าแทนที่ ภาพความทรงจำอันโหดร้ายจากอดีตชาติที่เธอได้เห็นในความฝันเมื่อคืนยังคงฉายซ้ำในมโนสำนึกไม่หยุดหย่อน การกระทำอัน "อัปปรีย์" ของ พิกุล ที่ทรมานทาส วางแผนชั่วร้าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวินาทีที่ผลัก ลำดวน ลงไปในน้ำ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มชั่วร้ายของพิกุลยังคงหลอกหลอนเธอไม่เลิกรา พิมพ์พลอยรู้สึกคลื่นไส้และรังเกียจตัวเองอย่างรุนแรงจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าในอดีตชาติ เธอจะเคยเป็นคนเลวทรามต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้ร่างกายของพิมพ์พลอยบอบช้ำจากความหวาดกลัวและอดหลับอดนอนมาหลายวัน ดวงตาของเธอคล้ำโบ๋ลึกเข้าไปในเบ้า หน้าตาซูบผอมจนเห็นโครงกระดูกชัดเจน เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจนแทบจะไม่มีแรงขยับตัวได้อีกต่อไป “ทำไม... ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้... ทำไมต้องเป็นฉัน” เธอพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแหบแห้ง เธอพยายามจะลืม พยายามจะปฏิเสธความจริงอันน่ารังเกียจนี้ แต่ภาพเหล่านั้นมันชัดเจนเกินกว่าจะเป็น

  • เล่ห์ลำดวน   บทที่ 9 อัปปรีย์

    หลังจากที่พิมพ์พลอยแยกย้ายกับ รวินทร์และปิ่น เธอก็ตรงกลับมาบ้าน และเผลอหลับไปบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้าทันที ส่งผลให้จิตสำนึกของ พิมพ์พลอย ถูกฉุดกระชากย้อนกลับไปสู่ห้วงเวลาอันไกลโพ้นอีกครั้ง คราวนี้มันคือการดำดิ่งลงไปในวังวนแห่งอดีตชาติอย่างสมบูรณ์ ภาพและเสียงรอบกายชัดเจนราวกับเธอกำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยอยุธยาปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจริง ๆ เธอเห็นตัวเองในร่างของ พิกุล หญิงสาวผู้เติบโตมาพร้อมกับ ลำดวน ด้วยความผูกพันที่แนบแน่นดุจพี่น้อง“แม่พิกุล… ดอกลำดวนที่เรือนเราบานสะพรั่งเชียวหนา” เสียงหวานของลำดวนเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งสองนั่งร้อยมาลัยดอกไม้ริมท่าน้ำ กลิ่นหอมหวานของดอกลำดวนโชยมาตามลมเย็น ๆ พิกุลยิ้มให้ลำดวน ใบหน้าของเธอดูอ่อนหวาน แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ทอประกายถึงดวงตา แววตาของพิกุลกลับฉายแววบางอย่างที่ยากจะตีความ พิมพ์พลอยรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อเห็นสายตาเหล่านั้นของตัวเองในอดีตชาติ “พิกุล! อย่าวิ่งไปใกล้ท่าน้ำนักสิลูก! ดูสิแม่ลำดวนเขานั่งเรียบร้อยไม่ซนเหมือนเจ้าเลย” คุณหญิงแม่เอ่ยพลางส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มให้ลำดวนที่นั่งรออยู่ข้างเรืออย่างสงบ เนื่องจากคุณหญิงเอ็นดูลำด

  • เล่ห์ลำดวน   บทที่ 8 ตามราวี

    พิมพ์พลอยลืมตาโพลงในความมืด ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ภาพความฝันในอดีตชาติยังคงฉายชัดในมโนสำนึกราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอเห็นตัวเองในร่างของพิกุลกระทำต่อลำดวนอย่างโหดเหี้ยม แววตาของพิกุลในฝันเต็มไปด้วยความสะใจและไร้ซึ่งสำนึกผิดใดๆ นั่นคือ เธอ นั่นคือ บาปกรรม ที่เธอเคยก่อไว้ พิมพ์พลอยรู้สึกขนลุกซู่กับความชั่วร้ายของตนเองในอดีต เธอไม่เคยคิดเลยว่าในอดีตเธอจะเลวทรามได้ถึงเพียงนี้กลิ่นดอกลำดวนโชยเข้ามาในห้องอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงจนแสบจมูก ราวกับดอกไม้ถูกนำมาโรยไว้ทั่วห้อง กลิ่นนั้นเย็นยะเยือก กัดกินความรู้สึกสงบสุขที่เพิ่งได้รับจากเดชาไปเมื่อครู่ พิมพ์พลอยหอบหายใจถี่ เธอรู้ดีว่าลำดวนยังคงตามติดเธอมาไม่ห่าง ไม่ว่าจะหนีไปไหนก็ตามเธอพยายามขยับตัว แต่ร่างกายกลับแข็งทื่อราวกับถูกตรึงไว้กับเตียง เธอได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ปลายเตียง เสียงนั้นคล้ายเสียงหัวเราะเยาะที่มาจากที่ไกลแสนไกล เกินกว่าที่มนุษย์จะเปล่งเสียงได้ พิมพ์พลอยอยากจะกรีดร้อง แต่เสียงกลับจุกอยู่ที่ลำคอ เธอรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างจนหนาวสั่นไปถึงไขกระดูก ราวกับจะแช่แข็งทุกสิ่งในตัวเ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status