ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทเปิดผลัวะออกมาอย่างแรงจนบรรดาเลขานุการสาวที่นั่งกันอยู่ต่างพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่นของท่านประธาน ผู้ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมามักจะอารมณ์ดีและใจเย็นอยู่ตลอด
"หนู...คุณจันทร์!" ชินดนัยหน้าแดงก่ำ สีหน้าเหมือนกำลังอดกลั้นกับอะไรบางอย่าง
"คะท่าน" จันทร์เจ้ารีบลุกขึ้นยืนแล้วเอามือประสานกันไว้ด้านหน้าอย่างเรียบร้อยเช่นเคย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกไปทางสีหน้า แต่มุมปากก็เอาแต่จะยกยิ้มอยู่เรื่อยจึงเม้มปากเอาไว้เพื่อกลั้นยิ้ม แต่ถ้ามองจากสายตาของเพื่อนร่วมงาน กลับมองว่าหญิงสาวกำลังหวาดกลัวกับน้ำเสียงและท่าทางกราดเกรี้ยวของผู้เป็นนาย ทุกคนจึงอดเห็นใจไม่ได้
"คุณซื้อหอยทอดให้ผม" เขาชี้เข้าไปในห้อง จันทร์เจ้าทำทีเป็นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะพยักหน้าอย่างใสซื่อ
"ใช่ค่ะ ก็ท่านประธานบอกว่าซื้ออะไรก็ได้ ฉันก็เลยซื้อหอยทอดมาให้เพราะร้านอื่นต้องรอคิวนานน่ะค่ะ เอ่อ...มีอะไรรึเปล่าคะ หรือว่ามีสิ่งแปลกปลอมในอาหาร"
"มันมีถั่วงอก!" เขาเค้นเสียงราวกับกัดฟันพูด ทำเอาจันทร์เจ้าต้องกลั้นขำอีกครั้งด้วยการใช้เล็บจิกมือตัวเอง
"ใช่ค่ะ หอยทอดก็ต้องมีถั่วงอกอยู่แล้ว" หญิงสาวแสร้งกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ พยายามปั้นหน้าตายสุดฤทธิ์ ไม่นำพากับสีหน้าอดกลั้นราวกับอยากกระโดดมาตะปบคอตนของเจ้านายหนุ่ม
"เอ่อ...จันทร์จ๊ะ คือว่าท่านประธานไม่กินถั่วงอกจ้ะ ถือเป็นอาหารต้องห้ามเลย" เอมิกาเดินมาพูดกับเลขาฯ ใหม่ด้วยใบหน้าจืดเจื่อน ก่อนจะหันไปพูดกับประธานหนุ่มหล่อที่ตอนนี้ทำท่าเหมือนกำลังนับหนึ่งถึงร้อยอยู่ในใจ
"น้องเขาไม่รู้ค่ะคุณชิน ดิฉันเองก็ลืมบอกน้องเขาไว้ ต้องขอโทษด้วยค่ะ"
"อ้าว งั้นหรือคะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะท่านประธาน คราวหน้าฉันจะจำไว้ค่ะ"
จันทร์เจ้าทำหน้าสลดพลางยกมือไหว้ขอโทษเขาอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วหลุบตามองพื้น ปากอิ่มเม้มแน่นจนแก้มป่อง ซึ่งอาการอย่างนี้มีหรือที่ชินดนัยจะไม่รู้ว่าเธอแกล้ง
ไอ้การกลั้นขำจนหน้าสั่นนั่นคืออะไร!
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ความจริงแล้วเขาไม่ได้โกรธอะไรเธอมากมาย เพียงแต่เขาเห็นถั่วงอกแล้วรู้สึกขยะแขยงจนขนลุกมากกว่า กอปรกับความโมโหหิวเพราะตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เขาดื่มกาแฟไปแค่ถ้วยเดียว ตอนได้กลิ่นหอมของอาหารที่เธอซื้อมาวางไว้บนโต๊ะให้เขาก็คิดว่าเปิดกล่องออกมาแล้วจะได้กินเลย แต่สิ่งที่อยู่ในกล่องทำเอาเขาถึงกับเบ้หน้า
"ไม่เป็นไร คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด"
เขาเน้นที่คำว่าไม่รู้ เพราะมั่นใจว่าจันทร์เจ้าจำได้แน่นอนว่าเขาไม่กินถั่วงอก และการที่เธอจงใจซื้ออาหารที่ใส่ถั่วงอกเยอะ ๆ มาให้ก็หมายความว่าเธอต้องการแกล้งเขา
"ถ้าอย่างนั้นผมจะลงไปกินเองก็ได้ แต่คุณจันทร์ไปกับผมละกัน จะได้รู้ว่าร้านไหนที่ผมไม่กินบ้าง คุณเพิ่งมาเป็นเลขาฯ ผมวันแรก ยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ"
จันทร์เจ้าเงยหน้ามองเขาตาโต ก่อนจะส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธเสียงอ่อน
"เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะท่าน บอกชื่อร้านมาก็ได้ค่ะ คราวหน้าฉันจะได้เลี่ยงไม่ซื้อร้านนั้น"
"ก็ไปด้วยกันนี่แหละ ชื่อร้านอะไรนั่นผมจำไม่ได้หรอก รออยู่นี่แป๊บนะ ผมเข้าไปเอากระเป๋าสตางค์ก่อน" พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง จึงไม่เห็นว่าจันทร์เจ้าอ้าปากค้างพลางมองไปที่เลขาฯ รุ่นพี่อย่างขอความช่วยเหลือ
"พี่เอมคะ จันทร์ไม่อยากไป" หญิงสาวทำหน้าราวกับจะร้องไห้
"ไปเถอะจันทร์ ท่านอุตส่าห์ชวน เรานี่ก็แปลกคน ปกติมีแต่คนอยากไปกินข้าวกับท่านประธานนะ คุณชินน่ะเนื้อหอมจะตาย นี่อะไรกัน ทำหน้าเหมือนเจอเจ้าหนี้อย่างนั้นแหละ" นันทิดาพูดกลั้วหัวเราะ
"นั่นสิ ถ้าเป็นยายเลขาฯ คนเก่านะ ป่านนี้ตีปีกผับ ๆ แล้ว" กชวรรณยิ้มขำเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนกินยาขม
"ไปกันรึยังครับคุณจันทร์เจ้า ผมหิวแล้วนะ" เสียงทุ้มที่ดังมาทำให้สามสาวรุ่นพี่ต้องถอยกลับไปนั่งที่เดิมของตน
"อย่าดุเลขาฯ ใหม่นักนะคะคุณชิน เดี๋ยวน้องเขาใจฝ่อหมด" เอมิกาแกล้งแซวเจ้านายหนุ่ม
"ดุอะไรกัน ถ้าอย่างผมดุ โลกนี้ก็ไม่มีคนใจดีแล้ว" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยก่อนจะเดินนำไปที่ลิฟต์ แต่ขณะที่เดินผ่านจันทร์เจ้า เขาปรายตามองเธอแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างท้าทาย หญิงสาวจึงเชิดหน้าขึ้นแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะเดินตามเขาไปเงียบ ๆ
เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ด้วยกันสองคน จันทร์เจ้าเลือกยืนใกล้กับแผงปุ่มกด ขณะที่ชินดนัยยืนเยื้องไปทางด้านหลังเธอเล็กน้อย หญิงสาวกดปุ่มปิดประตูลิฟต์แล้วกดหมายเลขหนึ่ง แต่แล้วจู่ ๆ คนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เอื้อมมากดหมายเลขห้า โดยที่แขนของเขานั้นเฉียดผ่านแขนเธอไปเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอให้หญิงสาวถึงกับต้องกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ
"แสบไม่เบาเลยนะ มาวันแรกก็เล่นพี่ซะแล้ว" เขาพูดเบา ๆ โดยที่สายตายังคงจับจ้องแต่ร่างระหงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นศีรษะเธอขยับเล็กน้อยแต่ไม่ยอมหันกลับมามองเขาตรง ๆ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
จนกระทั่งลิฟต์เปิดที่ชั้นห้าซึ่งเป็นชั้นของลานจอดรถชายหนุ่มจึงเดินออกไป จันทร์เจ้ากดปุ่มให้ประตูลิฟต์เปิดค้างไว้แต่ยังคงยืนอยู่ในลิฟต์
"ศูนย์อาหารอยู่ชั้นหนึ่งนี่คะ"
ชินดนัยเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหันกลับมาเลิกคิ้วขึ้นอย่างยียวน
"พี่ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะลงไปกินข้างล่าง พี่แค่พูดว่าจะไปกินเองเท่านั้นนะ ตามมาเถอะน่า เดี๋ยวจะพาไปกินของอร่อย"
จันทร์เจ้าลอบถอนหายใจแต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้ารถยุโรปคันสีดำเพื่อรอให้เธอเดินไปถึง หญิงสาวจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาให้เขามอง
เขาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่ง จันทร์เจ้าขอบคุณเขาเบา ๆ แล้วย่อตัวนั่งบนเบาะพลางรีบคว้าเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เพราะไม่อยากให้เขาคาดเข็มขัดให้ และเธอก็เดาได้ไม่ผิดนักเพราะชินดนัยจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้จริง ๆ แต่เพราะหญิงสาวคว้าเอาไว้ก่อนแล้ว ผลคือมือใหญ่ของเขาจับหมับที่มือของเธอแทน
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร