“มาแล้วครับผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริงแล้วเดินเข้ามาวางขวดน้ำไว้บนโต๊ะและยื่นแก้วนมให้น้องสาว เธอรับแก้วไปถือไว้ เขาจึงเดินไปที่โต๊ะข้างเตียง เปิดลิ้นชักหยิบยาต้านเศร้าที่ต้องกินก่อนนอนออกมาทั้งแผง จากนั้นก็มานั่งที่เดิม
เขารอจนเธอดื่มนมหมดแก้วจึงแกะยาจากแผงยื่นให้หนึ่งเม็ดพร้อมรอยยิ้ม เธอมองยาเม็ดเล็ก ๆ สีขาวในมือเขาครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกมารับแต่ยังไม่ยอมกิน เขาจึงแกะออกมาอีกเม็ดแล้วพูดว่า
“ถ้านุชไม่อยากกินยาคนเดียวเดี๋ยวพี่กินเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ” พูดจบเขาก็โยนยาเม็ดนั้นเข้าปากแล้วยกน้ำขึ้นดื่มทั้งขวด ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของน้องสาว
“พี่ชิน! กินเข้าไปได้ยังไงคะ” หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ากินยาเหมือนตน
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย พี่ก็แค่อยากกินยาเป็นเพื่อนนุช คราวนี้ถึงตานุชต้องกินยาบ้างแล้วนะคะ” เขายิ้มราวกับการกินยาต้านเศร้าทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ครั้นพอเห็นน้องสาวกินยาแล้วดื่มน้ำตาม ชินดนัยก็ได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางคิดในใจว่าพรุ่งนี้จะโทรศัพท์ไปถามรมิดาเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นโรคนี้
จากนั้นชญานุชก็เดินไปที่เตียงนอนแต่ยังไม่หลับ ชายหนุ่มจึงนั่งอีกฝั่งแล้วคุยเรื่องจิปาถะกับน้องสาวจนกระทั่งเธอหลับไปในที่สุด เขาจึงค่อย ๆ เดินออกมาแล้วกลับห้องของตัวเอง
เช้าวันต่อมา จันทร์เจ้ามาทำงานตามปกติ เมื่อขึ้นลิฟต์มาถึงออฟฟิศก็ต้องแปลกใจเมื่อมีเด็กผู้ชายอายุประมาณหกเจ็ดขวบกำลังนั่งต่อเลโก้อยู่ที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง เธอกำลังจะอ้าปากถามเด็กแต่เอมิกาก็เดินออกมาจากห้องแคนทีนพร้อมกับชามพลาสติกลายการ์ตูนโดราเอมอน
“อ้าวจันทร์ มาถึงแล้วหรือ กินอะไรมารึยัง อ้อใช่ นี่น้องออกัส ลูกชายพี่เองจ้ะ ออกัสครับ สวัสดีน้าจันทร์รึยังลูก”
เอมิกาหันไปบอกบุตรชาย เด็กน้อยจึงวางมือจากตัวต่อแล้วกระพุ่มมือไหว้จันทร์เจ้าอย่างน่ารัก หญิงสาวจึงรับไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายทั้งรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคนเก่ง” จากนั้นเธอก็หันไปถามเอมิกาด้วยความสงสัย
“ที่นี่เขาให้พาลูกมาได้ด้วยหรือคะ ดีจังเลย” นั่นก็เพราะที่ทำงานเก่าของเธอนั้นห้ามอย่างเด็ดขาดเพราะเจ้านายของเธอไม่ชอบเด็กเท่าไร
“ได้จ้ะ เจ้านายที่นี่ไม่ว่าอะไรหรอก เขาเข้าใจอยู่ว่าบางทีคนเราก็ต้องมีเหตุจำเป็นกันบ้าง อย่างวันนี้แม่พี่มีธุระน่ะก็เลยอยู่ดูหลานไม่ได้ พี่เลยต้องพามาที่นี่ด้วย ที่ทำงานแฟนพี่ก็ไม่สะดวกเพราะเป็นโรงงาน”
เอมิกาอธิบายให้เลขาฯ รุ่นน้องฟังพลางป้อนข้าวบุตรชายไปด้วย ขณะที่จันทร์เจ้านั้นได้แต่ยิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่ได้ทำงานที่นี่ เพราะหากวันไหนที่มารดาไม่ว่างเลี้ยงพราวนภาเธอจะได้พาหนูพราวมาทำงานด้วย
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังเข้ามาใกล้ทุกขณะทำให้รอยยิ้มของจันทร์เจ้าจางลงเล็กน้อย เพราะไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร หญิงสาวรีบเดินไปที่โต๊ะของตัวเองแล้ววางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินเร็ว ๆ ไปที่ห้องแคนทีนเพื่อหลบหน้าเขาชั่วคราว แต่ดูเหมือนว่าความคิดนี้จะผิดมหันต์ เพราะคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าแต่เช้ากำลังเดินตามมาที่ห้องแคนทีนด้วย
ชินดนัยเดินยิ้มกริ่มมายืนอยู่ด้านหลังจันทร์เจ้าโดยเว้นระยะห่างไว้ไม่ให้ใกล้เธอมากเกินไป เขาทำทีเป็นเงยหน้าเล็กน้อย และทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นอะไรบางอย่างในห้อง
"หอมจังเลย กลิ่นนี้นี่มัน..." เขาหยุดพูดแค่นั้นแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด รอยยิ้มกรุ้มกริ่มกว้างขึ้นกว่าเก่าเมื่อเห็นหญิงสาวหันมามองเขาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ และปรามอยู่ในที
"กลิ่นหมูปิ้งนี่นา แค่ได้กลิ่นก็หิวเลยเนี่ย หนูจันทร์กินข้าวมารึยัง สงสัยคงยังแน่เลยใช่ไหม ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาที่นี่ พี่ว่าเราลงไปหาอะไรกินกันดีกว่าไหม"
จันทร์เจ้ายิ้มอ่อน รอยยิ้มของเธอทำคนมองตาพร่า เพราะจันทร์เจ้าเมื่อเจ็ดปีก่อนนั้นเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา รอยยิ้มจึงดูเจิดจ้าสดใส แต่จันทร์เจ้าในวันนี้แตกต่างออกไป เธอดูมีเสน่ห์เย้ายวนในแบบหญิงสาวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร แต่ก็ไม่ดูกร้านโลก ตรงกันข้าม บุคลิกนิ่ง ๆ ดูเรียบร้อยแต่สายตารู้ทันของเธอที่มองมา ส่งให้หญิงสาวดูน่าค้นหาและน่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
"ไม่รบกวนท่านประธานดีกว่าค่ะ เชิญตามสบาย เผอิญว่าไม่ค่อยชอบนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านายเท่าไร มันอึดอัดค่ะ"
รอยยิ้มของชินดนัยยังคงประทับอยู่บนหน้า แต่สายตาดูแพรวพราวยิ่งกว่าเดิม เขากระแอมเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธออีกก้าวหนึ่งแล้วพูดว่า
"ถ้าอย่างนั้นเที่ยงนี้คงต้องทนอึดอัดหน่อยแล้วละ เพราะสิบโมงครึ่งเราต้องไปสาขาที่พารากอนกัน" เขาหยุดพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ จากนั้นก็ลดเสียงเบาลงให้ได้ยินกันแค่สองคน
"ให้เกียรติกินข้าวกับพี่สักมื้อได้ไหม ในฐานะแฟนเก่าก็ได้"
จันทร์เจ้าทำหน้าตูมตาขวางทันที และเขาก็ชอบเหลือเกินที่เห็นเธออารมณ์เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเพราะตนได้ เพราะหมายความว่าอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้รังเกียจหรือเกลียดเขาเสียจนมองเป็นอากาศธาตุ
"เล่นมาบอกกันตอนนี้ฉันสามารถปฏิเสธได้ด้วยหรือคะ" แม้น้ำเสียงของเธอจะเรียบนิ่งเพราะอย่างไรเสียเขาก็คือเจ้านาย แต่กระนั้นเขาก็ยังจับความรู้สึกของจันทร์เจ้าได้ว่าเธอไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก
"แน่นอนว่าไม่"
ชายหนุ่มเกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเสียง ฮึ! เบา ๆ จากเลขาฯ สาว กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างแต่ได้ยินเสียงคนกำลังเดินมา เขาจึงต้องล้มเลิกความคิดไปเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของตนกับจันทร์เจ้าในตอนนี้ เขาไม่อยากให้เธอลำบากใจและมองหน้าเพื่อนร่วมงานไม่ติด
"เอ...เที่ยงนี้กินอะไรดีน้า" เขาเปรยยิ้ม ๆ พลางเดินไปหยิบแก้วกาแฟของตัวเองมาวางบนเคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงหน้าเธอ แล้วบอก
"ชงกาแฟให้หน่อยครับคุณจันทร์ เอาไปให้ผมในห้องนะ" เขาเปลี่ยนคำเรียกขานทันทีเมื่อเห็นพนักงานคนอื่นเดินเข้ามาในห้องแคนทีน
"ได้ค่ะท่านประธาน" จันทร์เจ้ามองค้อนเขาอย่างอดไม่อยู่ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติพลางยิ้มให้ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ จากนั้นก็จัดแจงชงกาแฟให้ผู้เป็นนายซึ่งตอนนี้เดินออกจากห้องแคนทีนไปแล้ว
หลังจากชงกาแฟเสร็จ หญิงสาวก็นำไปให้เขาในห้องทำงาน ชินดนัยกำลังคุยโทรศัพท์อยู่เธอจึงวางแก้วกาแฟไว้ให้เขาบนโต๊ะ ขณะที่กำลังจะหันกลับไปทางประตู ชายหนุ่มก็ทำมือเป็นเชิงบอกให้เธออยู่ก่อน จันทร์เจ้าจึงต้องยืนรออยู่หน้าโต๊ะเขา เพราะฟังจากที่เขาคุยโทรศัพท์กับคนที่อยู่ปลายสายแล้วเธอจึงคิดว่าเจ้านายคงต้องการคุยเรื่องงานด้วย
ไม่นานนักชินดนัยก็วางสาย และเป็นดังคาด เขาเรียกเธอไว้เพื่อคุยเรื่องงานจริง ๆ
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร