"พี่โทร. ไปบอกผู้จัดการสาขาแล้วละว่าเราจะเข้าไปที่นั่น ที่พี่จะให้จันทร์ไปวันนี้ก็เพราะอีกหน่อยจันทร์จะต้องไปติดต่อกับที่นี่บ่อย ๆ และอีกอย่างคือหลายคนรู้แค่ว่าพี่เปลี่ยนเลขาฯ แล้วแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ถือเสียว่าไปแนะนำตัวเองละกัน"
"ค่ะ สิบโมงครึ่งใช่ไหมคะ"
"อืม เดินไปนะ เดินบนทางลอยฟ้านี่แหละ และถ้าจันทร์ไม่มีงานด่วน หรืองานไหนที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในวันนี้พี่ก็จะพาเราไปที่ศูนย์บริการด้วย ไปดูขั้นตอนการทำงานจริงเวลาที่มีสินค้าส่งซ่อม จะได้รู้ว่าเขาทำกันยังไงบ้าง"
จันทร์เจ้าทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจได้
"คิดว่าไม่มีนะคะ ไปวันนี้เลยก็ได้"
ชินดนัยยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าให้ "งั้นก็ตามนั้น สิบโมงครึ่งเข้ามาเตือนพี่อีกทีละกัน เผื่อพี่มัวแต่ทำนั่นทำนี่จนลืมเวลา"
"ค่ะ ขอตัวนะคะ" พูดจบจันทร์เจ้าก็หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีสายตาเจ้าเล่ห์ของผู้เป็นนายมองตามหลังไปตลอดจนกระทั่งประตูปิดลงเขาจึงละสายตาออกมา
ชินดนัยยิ้มกว้างเมื่อในที่สุดกวางน้อยก็ตกหลุมที่เขาดักไว้จนได้
"ไว้ไปวันหลังละกันนะหนูจันทร์ ศูนย์บริการน่ะ"
เรื่องอะไรเขาจะไปวันเดียวกันหมด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้อยู่กับเธอแค่สองคน ฉะนั้นเขาจึงต้องทยอยพาจันทร์เจ้าไปตรงนั้นตรงนี้วันละที่ก็พอ
เขาไม่เคยพาเลขานุการส่วนตัวไปแนะนำตัวเองกับผู้จัดการสาขาอย่างที่กำลังจะพาจันทร์เจ้าไปวันนี้ เพราะตามหลักแล้วไม่ใช่หน้าที่ของผู้บริหารอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย เลขาฯ คนเก่าอย่างพริมา เขาก็เซ็นเอกสารแนะนำตัวให้แค่นั้น แล้วให้เจ้าตัวเดินทางไปเอง แต่เพราะนี่คือจันทร์เจ้า แม้จะมีเวลาแค่เล็กน้อยเขาก็ต้องการใช้กับเธอให้คุ้มค่าที่สุด
เมื่อถึงเวลานัดจันทร์เจ้าก็เดินไปเคาะห้องท่านประธานตามคำสั่งของเขา ครั้นพอได้ยินเสียงเจ้าของห้องอนุญาตเธอจึงเปิดประตูเข้าไป แต่ก็พบว่าเขายืนตรงหน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว
"พร้อมแล้วใช่ไหม งั้นเราไปกันเถอะ" เสียงทุ้มของเขาฟังดูก็รู้ว่ากำลังอารมณ์ดีอย่างที่สุด
"ค่ะ" หญิงสาวรับคำสั้น ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองเพื่อหยิบกระเป๋าสะพาย จากนั้นจึงเดินตามเขาไปหน้าลิฟต์ เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก ตามมาด้วยผู้หญิงวัยกลางคนในชุดทำงานดูภูมิฐานคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมหญิงสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างดีในชุดเดรสเข้ารูปสีดำ
"อุ๊ย! เจอพี่ชินพอดีเลยค่ะคุณแม่ พี่ชินคะสวัสดีค่ะ"
หญิงสาวคนนั้นฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับยกมือไหว้ชินดนัย แววตาที่มองชายหนุ่มเต็มไปด้วยความชื่นชอบหลงใหล ซึ่งจันทร์เจ้าเห็นแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คงแอบรักเจ้านายตนอยู่แน่
"สวัสดีครับคุณน้า สวัสดีครับน้องเกรซ" ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้อาวุโสก่อน จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้คนอ่อนวัยกว่า
"อ้าวตาชิน จะไปไหนล่ะ วันนี้น้าพาน้องเกรซมาคุยกับเราด้วยนะเรื่องตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัวของเราที่ยังว่างอยู่ ดูสิเนี่ย พอลูกสาวน้ารู้ว่าเรากำลังหาเลขาฯ คนใหม่ น้องก็รีบบินกลับจากทริปทัวร์ยุโรปกับเพื่อนเพื่อมาสมัครงานกับเราทันทีเลย"
หญิงวัยกลางคนคนนั้นปรายตามองจันทร์เจ้าเพียงเล็กน้อยแล้วก็ไม่สนใจอีก แต่หญิงสาวที่มาด้วยกันกลับจ้องจันทร์เจ้าเขม็งด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คราแรกจันทร์เจ้างุนงงไม่น้อยเพราะมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน ทว่าพอสังเกตดี ๆ แล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงชักสีหน้าใส่ตน
"ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับเพราะผมรับเลขาฯ ใหม่มาแล้ว"
ชินดนัยหันไปหาหญิงสาวที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลังตนเล็กน้อยแล้วแนะนำเธอให้ทั้งสองคนได้รู้จัก
"นี่จันทร์เจ้าครับ เลขาฯ คนใหม่ของผม คุณจันทร์ครับ นี่คือคุณรัมภา เคยทำงานที่นี่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชีสมัยที่คุณพ่อผมยังบริหารอยู่น่ะ ส่วนนี่คุณระรินดา หรือคุณเกรซ เป็นลูกสาวของคุณรัมภา"
ชินดนัยแนะนำทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ เขาจงใจไม่บอกจันทร์เจ้าว่ารัมภากับระรินดาเป็นญาติห่าง ๆ ของเขาเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจสองคนนั้นมากเกินไป และจันทร์เจ้าก็ทำได้ดี เพราะเธอแค่ยกมือไหว้ทั้งคู่ตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีนอบน้อมให้อีกฝ่ายแต่ก็ไม่ดูเย่อหยิ่งจองหองจนเกินไป
เขาไม่ค่อยชอบสองแม่ลูกคู่นี้เท่าไรนัก ตอนที่รัมภายังทำงานกับบิดาของเขาก็ชอบทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง ในหนึ่งอาทิตย์มาทำงานแค่วันสองวัน ชอบชี้นิ้วสั่งพนักงานคนอื่นให้ทำงานส่วนตัว หรือเรื่องอื่นที่นอกเหนือไปจากงานที่รับผิดชอบอยู่เป็นประจำโดยถือตัวว่าตนเป็นญาติกับเจ้าของบริษัท ขณะที่บิดาของเขาก็น้ำท่วมปากพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
พอเขามารับหน้าที่แทนบิดา เขาจึงหาทางบีบให้อีกฝ่ายเกษียณตัวเองออกไปด้วยการนำระบบบัญชีสมัยใหม่เข้ามาใช้กับบริษัท รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรใหม่ทั้งหมดเพื่อลดขั้นตอนยุ่งยากของระบบเก่าที่ล้าหลังเป็นเต่าล้านปี ซึ่งแน่นอนว่ารัมภารับกับระบบใหม่ไม่ได้จึงลาออกจากบริษัทไปด้วยตัวเอง
แต่ดูเหมือนรัมภาจะยังไม่ยอมวางมือจากบริษัทนี้เสียทีเดียว เพราะเจ้าตัวพยายามยัดเยียดบุตรสาวมาให้เขาทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย
"อะไรกัน จะรับเลขาฯ ทั้งคนทำไมไม่ปรึกษาน้าก่อนล่ะตาชิน เดี๋ยวก็ไปคว้าใครที่ไหนมาก็ไม่รู้เหมือนคราวที่แล้วอีก ทำงานไม่ได้เรื่องได้ราว ดีแต่แต่งตัวโป๊ส่งสายตายั่วยวนผู้ชายไปทั่ว"
"ผมเป็นผู้บริหารของที่นี่นะครับคุณน้า ดูแลพนักงานตั้งหลายสิบชีวิต แค่เรื่องเลือกเลขาฯ ผมทำเองได้ครับไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณน้าเลย เลขาฯ คนเก่าผมไม่ได้เป็นคนเลือก ฝ่ายบุคคลเขาเลือกมาให้ผม แต่สำหรับคุณจันทร์เจ้า ผมเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเองครับ เพราะฉะนั้นผมค่อนข้างมั่นใจสายตาของผมว่าเลือกคนไม่ผิด"
พูดจบเขาก็หันไปมองหน้าเลขานุการส่วนตัวด้วยหวังว่าหญิงสาวจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ ครั้นพอหันไปมองสองแม่ลูกคู่นั้นอีกครั้ง จึงเห็นว่ารัมภาชักสีหน้าไม่พอใจที่ถูกเขาตอกกลับนิ่ม ๆ อย่างเห็นได้ชัด ส่วนระรินดานั้นเอาแต่จ้องเขม็งไปทางจันทร์เจ้าราวกับโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน
"ผมกับเลขาฯ มีธุระด่วนต้องไปข้างนอก ขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวจะไปไม่ทัน"
ชายหนุ่มกดปุ่มเรียกลิฟต์ทันทีโดยไม่สนใจว่าสองคนนั้นจะทำหน้าอย่างไร เมื่อลิฟต์เปิดออกเขาจึงเบี่ยงตัวให้จันทร์เจ้าเดินเข้าไปก่อน จากนั้นตัวเองค่อยตามเข้าไปทีหลังแล้วกดปุ่มปิดลิฟต์
เมื่อได้อยู่ตามลำพังชินดนัยก็ถามจันทร์เจ้าถึงเรื่องที่เขาสงสัยทันที
"หนูจันทร์รู้จักเกรซมาก่อนหรือ"
"เปล่าค่ะ ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอกันเลยด้วยซ้ำ" เธอหันมาตอบเขา
"อ้าว แล้วทำไม..." เขาอดสงสัยไม่ได้ ถ้าไม่เคยรู้จักกันแล้วทำไมระรินดาถึงได้ทำกิริยาอย่างนั้นใส่เธอ และดูเหมือนจันทร์เจ้าก็เข้าใจว่าเขาสงสัยเรื่องไหน เธอจึงเฉลยให้เขารู้
"วันนี้ฉันกับคุณเกรซใส่ชุดเหมือนกัน ยี่ห้อเดียวกันค่ะ ต่างแค่สีเท่านั้นเอง" เธอตอบพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ขณะที่คนฟังอย่างเขาได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
"พวกผู้หญิงนี่บางทีก็มีเรื่องเขม่นกันแปลก ๆ เนอะ"
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร