ด้านเรวัต เมื่อรับรู้การเคลื่อนไหวของโรสรินทร์กับมารดา ชายหนุ่มก็สั่งให้แม่บ้านเตรียมเสื้อผ้าทันที ชายหนุ่มตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องรู้ความจริงให้ได้ แต่ก่อนที่เขาจะออกจากบริษัท จริยาก็เดินทางมาถึง
“คุณจะไปไหนคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อพบว่าชายหนุ่มเตรียมตัวออกไปข้างนอกทั้งที่เพิ่งจะเข้างาน
“ไปทำธุระน่ะ”
จริยาที่เดินไปนั่งตักกว้างและโอบกอดเขาเอาไว้สบตาอย่างสงสัย แต่ใบหน้าที่ถูกศัลยกรรมเพิ่มเติมยังคงแต้มรอยยิ้มงดงามและออดอ้อนยั่วยวนอยู่ในที ตั้งแต่กลับมาคบหากับเรวัตอีกครั้ง ความเป็นอยู่ของหล่อนก็ดีขึ้นชนิดหลังมือเป็นหน้ามือ และหล่อนจะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือไปได้อีก
“จ๋าไปด้วยได้ไหมคะ อยากตามไปดูแลคุณ อีกอย่างไปหลายวันจ๋าคิดถึง” ไม่พูดเปล่า แต่หญิงสาวยังจูบแก้มสากหนักๆ ไล้มือกับใบหน้าของเขาไปพลาง และทำท่าว่าจะจูบริมฝีปากได้รูปต่อถ้าไม่ถูกชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธ
“คุณไปด้วยไม่ได้หรอกจ๋า” ตอบพลางดึงมือที่ไล้ใบหน้าของเขาออก ดวงตาที่มองหล่อนไม่มีแววล้อเล่น จริยาทำเสียงหงุดหงิดแต่ก็ยอมลุกขึ้นจากตักกว้างโดยง่าย ปลีกตัวออกไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน เพราะรู้ดีว่าหากเรวัตทำท่าแบบนี้หมายถึงเขากำลังหงุดหงิด อย่าให้ถึงกับออกปากเลย นั่นหมายความว่าเขาโกรธจัดและคนเดือดร้อนคงไม่พ้นหล่อน
เรวัตเป็นสายเปย์ตัวจริงเสียงจริง หล่อนขออะไรเขาให้ได้ทุกอย่าง แต่ก็เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองอย่างร้าย สิ่งไหนเขาไม่พอใจคือหล่อนต้องหยุด บอกว่าไม่ก็คือไม่ ไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง งี่เง่าเซ้าซี้ ต่อให้หล่อนเป็นคนที่เขารัก ก็ไม่มีข้อยกเว้น บางทีหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าเขารักหล่อนจริงหรือเปล่า แต่ทั้งเงินทองและเครื่องประดับราคาแพงที่ได้รับจากเรวัตทำให้จริยาเลิกคิดเรื่องนั้น ความรักมันกินได้เสียที่ไหน เงินต่างหากที่ซื้อข้าวกินได้ ทั้งยังทำให้ชีวิตของหล่อนดีขึ้นราวฟ้ากับเหว
“จะไปกี่วันคะ จ๋าอยู่ทางนี้คนเดียวเหงานะ” สาวสวยทำเสียงกระเง้ากระงอด แต่พอหอมปากหอมคอ ให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูกว่าจะน่ารำคาญ
เรวัตหัวเราะหึๆ ในลำคอ แววตามองนิ่งไปยังคนถามอย่างรู้ทัน ทำเอาหญิงสาวรู้สึกอึดอัดแต่ยังพยายามยิ้มหวานเอาใจ
“ผมว่าคุณไม่เหงามั้ง เพื่อนเยอะจะตายไป”
จริยายิ้มเจื่อน เขารู้ดีว่าหล่อนเป็นนักปาร์ตีตัวยง และทันทีที่เขารับกลับมาในฐานะคนรู้ใจอีกครั้ง สิ่งแรกที่หล่อนทำคือการจัดปาร์ตี แล้วบรรยากาศเก่าๆ ที่แสนคิดถึงก็ย้อนกลับมา แต่ที่คิดไม่ถึงคืออดีตคู่ขาของหล่อนก็เชิญตัวเองมาในงานด้วย ทั้งยังพยายามงอนง้อขอคืนดี แต่เมื่อหล่อนไม่เล่นด้วย มันก็ดื่มจนเมาและป่าวประกาศว่าเคยเป็นอะไรกัน ทุกอย่างควรจบลงแค่นั้น ถ้ามันจะไม่ใช่จังหวะนรก เรวัตก้าวเข้ามาในงานพอดิบพอดี!
แผนการที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังโตของเรวัตจึงเป็นหมัน เขาไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก หล่อนได้แต่เจ็บใจทว่าไม่อาจทำอะไรได้ ไม่กล้าทวงตำแหน่งคุณผู้หญิงของเรวัต ยังดีที่เขาไม่เลิกรากับหล่อน ยังคงเลี้ยงดูมาจนถึงวันนี้ ยังให้สิทธิ์เข้าถึงตัวจนผู้หญิงหลายคนอิจฉา เพราะตั้งแต่ตกพุ่มหม้ายชายหนุ่มก็เสน่ห์แรงเกินต้านทาน มีผู้หญิงหลายคนพยายามนำเสนอตัวเอง แต่หล่อนไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่
ทว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่หล่อนจะควบคุมเขาเหมือนเมื่อก่อน เรวัตไม่ใช่คนเดิมที่หล่อนจะชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ได้อีกต่อไป ทว่าคนตรงหน้าเป็นเรวัตคนใหม่ที่หล่อนไม่อาจคาดเดาใจได้ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่!
โรสรินทร์มาถึงบ้านพักตากอากาศหลังคุณผกามาศเพียงสิบห้านาที หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างพอใจ พลางสูดกลิ่นอายแสนบริสุทธิ์เสียเต็มปอด
บ้านพักหลังนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขา เช้าๆ จะเห็นหมอกหนาลอยกรุ่นตัดทิวเขาสีทะมึน ตัวบ้านเป็นไม้สองชั้นสีโอ๊ก แน่นหนาแข็งแรง ภายในบริเวณบ้านมีไม้ยืนต้นใหญ่ให้ความร่มรื่น ถัดไปไม่ไกลคือสิ่งปลูกสร้างด้วยปูนเลียนแบบธรรมชาติ บนหลังคาลาดชันติดแผงโซลาร์เซลล์ ด้านในคือเครื่องปั่นไฟ ปั๊มน้ำ แบตเตอรี่และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น รอบตัวบ้านคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงต่ำลดหลั่น เงียบสงบ เหมาะแก่การหลบมาพักกายใจ มีเพียงเสียงนกร้อง เสียงน้ำไหลเพราะห่างไปอีกนิดมีลำธารเล็กๆ ตัดผ่าน
บ้านพักหลังนี้มีคนดูแลสองคนคือสองสามีภรรยาวัยสี่สิบปลาย หญิงสาวยิ้มให้คนทั้งสองทันทีเมื่อพวกเขาก้าวออกมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะป้านิด ลุงโต้ง”
ทั้งสองรับไหว้สาวสวยตรงหน้าด้วยความดีใจเช่นกัน ก่อนจะมองไปยังเด็กน้อยในอ้อมแขนของโรสรินทร์
“ลูกชายหรือครับคุณหนู” โต้งเอ่ยถาม เขารับรู้เรื่องราวของโรสรินทร์ผ่านคุณผกามาศเงียบๆ จึงรู้ได้ทันทีว่าเด็กในอ้อมแขนคนนี้เป็นลูกชายของหล่อน แววตาจึงฉายชัดว่าเอ็นดูและตื่นเต้นยามมองคนตัวเล็ก
“ใช่ค่ะ ตัวเล็กธุจ้าคุณตากับคุณยายก่อนครับ ผมชื่อเด็กชายรติกานต์ ชื่อเล่นน้องรันนะครับ” หญิงสาวแนะนำลูกชายตัวน้อยด้วยความภูมิใจรักใคร่ สองผัวเมียถึงกับยิ้มแป้น มองคนตัวเล็กด้วยสายตาเอ็นดู
ขณะที่กำลังคุยเล่นอยู่กับทั้งสอง คุณผกามาศก็เดินออกมาจากบ้าน ท่านยิ้มกว้างเมื่อเห็นหลานชายตัวอวบลืมตาแป๋ว
“หลานย่ามาถึงแล้ว”
โรสรินทร์หันไปยิ้มให้ท่าน ขณะที่โต้งและนิดหันไปตามเสียงแล้วยืนพินอบพิเทา ดวงหน้าของทั้งคู่ต่างแจ่มใส เพราะนานๆ ครั้งเจ้าของบ้านจะมาเยือน เมื่อมาเยือนก็หอบเอาความสุขมาด้วย โดยเฉพาะครั้งนี้ที่มีเด็กน้อยหน้าตาน่าชังมาให้พวกเขาได้ชื่นชม จากที่เอ็นดูรักใคร่โรสรินทร์มากอยู่แล้ว เมื่อหล่อนมีลูกน้อย พวกเขาก็ยิ่งเทความเอ็นดูไปให้กับคุณหนูทั้งใจ
“เข้าบ้านกันก่อนนะ แม่มีเรื่องจะคุยกับเรา” เมื่อคุณผกามาศกล่าวเช่นนั้น หญิงสาวจึงหันไปเอ่ยขอตัวกับสองผัวเมีย แล้วเดินตามเข้าไปด้านใน
โต้งก้าวออกไปก้าวหนึ่งแล้วหยุดนิ่ง ใบหน้าของเขาเจือยิ้มละไม แววตาที่เจิดจ้าค่อยๆ อ่อนแสง นิดขยับไปยืนข้างๆ สามีแล้วเงยหน้ามอง ดวงตาเรืองแสงเมื่อครู่อ่อนลงเมื่อเห็นใบหน้าอ่อนโยนของเขายามมองตามสองแม่ลูกเข้าไปด้านใน
“พี่โต้ง”
โต้งหลุบตามองเมีย เขาสูดลมหายใจแล้วพยักหน้ายิ้ม ก่อนจะพากันกลับไปทำหน้าที่ของตนตามเดิม
บทพิเศษ ๒หมดทั้งใจโรสรินทร์เป็นสาวร่างเล็ก หากเทียบกับเรวัตหล่อนก็สูงเลยหัวไหล่เขาขึ้นไปเล็กน้อยเท่านั้น หญิงสาวอาจไม่ใช่คนสวยจัดจ้าน แต่ก็น่ารักอ่อนหวานอย่างที่ทำให้หนุ่มอื่นเหลียวมองได้โดยไม่ยาก และเขารักทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นหล่อน “กำลังท้องกำลังไส้ ไปซนที่ไหนมาอีก”เสียงกระเซ้าที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหันไปยิ้มกว้างกับสามีที่เดินเข้ามาสวมกอดหล่อนจากด้านหลัง“ไปซื้อของใช้ส่วนตัวกับแนนมาค่ะ โรสซื้อครีมโกนหนวดแล้วก็มีดโกนมาให้พี่เรด้วย ของเก่าใกล้หมดแล้ว” หญิงสาวตรวจสิ่งของที่ซื้อมาว่าครบถ้วนหรือไม่ ขณะที่ชายหนุ่มเกยคางกับบ่าบอบบางเอาไว้ สายตาก็มองเข้าไปในถุงผ้า มือเรียวใหญ่ลูบไล้บนหน้าท้องที่ยื่นออกมามากแล้ว“ท้องนี้ใหญ่จัง แค่สามสี่เดือนเอง” เขาพึมพำอย่างนึกเป็นห่วง โรสรินทร์ตั้งท้องลูกคนที่สามให้กับเขาแล้ว แต่ดูหล่อนยังกระฉับกระเฉงแทบไม่ต่างจากตอนปกติทั้งที่ท้องโตเร็วมาก“ท้องสามแล้วนะคะ ก็ใหญ่เป็นธรรมดา แต่คลอดคนนี้แล้วโรสว่าเราสองคนทำหมันกันดีกว่านะ”คนตัวโตเลิกคิ้วนิดๆ ยิ้มหน่อยๆ“ตามใจโรส”คนถูกตามใจมาโดยตลอดยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ“ใจดีจังเลย ตามใจตลอด”“มีเมียกับเขาแค่คนเดี
เวลานั้น ภาพวูบวาบในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ขาดหายกำลังไหลผ่านเข้ามาในความคิด ทำให้เขาปวดหัวอีกครั้ง มันหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ แต่เขาไม่ยอมเชื่อโดยเฉพาะภาพกอดจูบผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย ทำเรวัตช็อก หัวใจเต้นแรง เหงื่อแตกพลั่กไม่จริง เขาไม่ทำแบบนั้น!เมื่อชายหนุ่มลืมตาและหันไปมองตรงที่หญิงสาวยืนอยู่กลับไม่พบร่างบาง ภายในห้องว่างเปล่าจนเขาใจหาย ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เขาไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นต่อไปแน่เมื่อมารดายื่นคำขาด เรวัตก็บอกตนเองว่าช่างมัน ในเมื่อโรสรินทร์อยากอยู่เขาก็ให้อยู่ ทว่าทุกวันหล่อนจะได้พบกับความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น เหมือนกับที่เขากำลังรู้สึก“อยากอยู่ก็ได้ แต่ช่วยย้ายข้าวของของเธอออกจากห้องของฉันด้วย”เขาออกคำสั่งทันทีที่กลับมาถึงบ้าน หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งตัวชา หน้าชาอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงค่อยๆ ทยอยขนย้ายข้าวของออกจากห้องนอนส่วนตัวที่เคยเป็นวิมานรักของเขาและหล่อนมาหนึ่งปีเต็มด้วยสายตาหม่นหมอง แต่เรวัตกลับเข้าใจไปว่าหล่อนกำลังอาลัยอาวรณ์ห้องนี้นักหนา“โทษทีนะ แต่ห้องนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอ บ้านหลังนี้ก็
เรวัตจดปลายปากกาลงบนใบสำคัญการสมรสเรียบร้อย โรสรินทร์จึงเซ็นชื่อของตนเองตามลงไป มองผู้หญิงที่มารดาบอกว่ากำลังวางแผนร่วมชีวิตกับหล่อนก่อนประสบอุบัติเหตุด้วยความรู้สึกสับสน แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่มารดากล่าวอ้างจนลุล่วงภายในห้องหอเขายืนนิ่งอยู่หน้าเตียงนอน ขณะที่เจ้าสาวของเขากำลังอาบน้ำ งานแต่งวันนี้เป็นเพียงงานเล็กๆ มีผู้ร่วมงานไม่กี่คน แต่เขาก็พอใจให้เป็นแบบนั้น เพราะต่อให้มีคนมากมาย เขาก็จำอะไรไม่ได้สักอย่างชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบนเตียงกว้าง จนถึงเวลานี้เขาก็ยังสับสน ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว มารดาบอกว่าเขากับเจ้าสาวรักกัน แต่ทำไมเขาจึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นเลยสักนิด แม้ความจริงเขาจะยังจำอะไรไม่ได้ หมอบอกว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะต้องมีความรู้สึกผูกพันกับหล่อนบ้างสิ แต่นี่ไม่เลยสักนิด...คืนแรกผ่านไปด้วยดี เขาไม่ได้แตะต้องหล่อน เพราะดูเหมือนหล่อนเองก็ประหม่าเช่นกัน แต่หลังจากนั้น เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น จึงทำให้คู่สามีภรรยาหมาดๆ เริ่มคุ้นเคยกันทีละนิด จากที่เคยรู้สึกแปลกหน้า ก็กลายเป็นความสนิทสนม“เช้านี้คุณเร
บทพิเศษ ๑เศษพิศวาสณ โรงพยาบาลชื่อดัง โรสรินทร์นั่งบนโซฟาชิดผนังภายในห้องพิเศษ ดวงตาคู่สวยของสาวน้อยคอยมองไปยังเตียงผู้ป่วยเป็นระยะ คนบนเตียงยังคงหลับอยู่บนนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาให้คนรอได้ใจชื้นเลยสักหน“ตาเรตื่นบ้างไหมโรส” คุณผกามาศกลับเข้ามาอีกครั้งในช่วงเย็น ท่านยืนมองลูกชายที่มีสายระโยงระยางอยู่เท่าเดิมด้วยสายตาหม่นหมองเหตุการณ์ชวนช็อกทำให้ท่านแทบล้มทั้งยืน แต่เมื่อเป็นเสาหลักทำให้ต้องฝืนหยัดยืนและตั้งสติ“ยังเลยค่ะ คุณแม่นั่งก่อนนะคะ” หญิงสาวผุดลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง คุณผกามาศจึงเข้าแทนที่ ท่านกอบมือลูกชายขึ้นมากุมเอาไว้ นัยน์ตามีหยาดน้ำเอ่อคลอ“ตาเร ได้ยินแม่ไหมลูก”โรสรินทร์ยืนมองท่านด้วยความสงสารจับใจ เรวัตไม่มีวันรู้ว่าเขาเกือบทำให้ท่านขาดใจตามไปด้วยเปลือกตาของเรวัตกระตุกเบาๆ แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คุณผกามาศนั่งมองลูกชายอยู่นาน ภาวนาให้เขาปลอดภัยทุกลมหายใจ กระทั่งมีงานเร่งด่วนท่านจำต้องกลับไปอีกครั้ง“แม่ฝากพี่เขาด้วยนะโรส”โรสรินทร์ยิ้มให้กับผู้มีพระคุณ“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าคุณเรรู้สึกตัวเต็มที่ โรสจะรีบโทร.บอกกับคุณแม่ค่ะ”ผู้สูงวัยพยักหน้ารับรู้ ดวงตาคู่
วันเวลาเคลื่อนไปปีแล้ว ปีเล่า ทุกชีวิตล้วนเติบใหญ่ เช่นเดียวกับสองพี่น้องที่กำลังวิ่งเล่นบนชายหาด เสียงคลื่นซัดสาดเป็นจังหวะ บริเวณนี้เป็นชายหาดส่วนตัวของเรวัต เมื่อไม่นานมานี้ เขาตัดสินใจซื้อบ้านพักตากอากาศหรูติดชายทะเลเพราะลูกๆ ชอบมาก เด็กๆ มักจะเรียกร้องขอให้พ่อกับแม่พามาเที่ยวทะเลเสมอ เขาซึ่งเป็นพ่อที่รักลูกมากจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้เป็นบ้านพักสำหรับครอบครัว“พ่อจ๋า มาเย่นกัน” แม่หนูรินร้องเรียกบิดาเสียงแหลม แล้วกระโดดโลดเต้นกับพี่ชายตัวโตที่คอยดูแลน้องสาวอยู่ไม่ห่าง“พี่เรไปเล่นกับลูกๆ เถอะค่ะ ตรงนี้โรสกับแนนจัดการเอง” หญิงสาวเงยหน้าบอกสามีที่กำลังเตรียมวางบาร์บีคิวบนเตา“งั้นฝากด้วยนะ” เรวัตบอกกับภรรยาก่อนจะเช็ดมือแล้วเดินตรงไปยังลูกๆ ที่กำลังสนุกสนานกับการเตะน้ำเล่นคุณผกามาศที่หลับเอาแรงเพิ่งเดินออกมาสมทบ ท่านมองหลานหญิงชายด้วยสายตาแจ่มใส“สนุกกันน่าดู ร่ำร้องมาตั้งแต่เดือนก่อน”โรสรินทร์หันไปมองท่านแล้วยิ้มอ่อน ก่อนจะมองเลยไปยังคนทั้งสามที่เป็นดั่งดวงใจของหล่อน“บ่นทุกวันเลยค่ะ นี่ถ้าอาทิตย์นี้ไม่พามาคงโวยวายไม่หยุด”“จริงค่ะคุณท่าน คุณหนูเซ้าซี้จนคุณโรสไม่เป็นอันทำง
บทส่งท้ายเมื่อถึงกำหนดคลอด เรวัตพาโรสรินทร์ไปโรงพยาบาลตามนัด เขาอยู่กับภรรยาตลอดเวลา แม้แต่ช่วงเวลาสำคัญ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้เห็นภรรยาคลอดลูก หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ลุ้นจนหน้าดำหน้าแดง รู้ตัวอีกทีว่าลืมหายใจก็ตอนที่ลูกสาวของเขาพ้นออกมาจากท้องของมารดาหมอให้ชายหนุ่มตัดสายสะดือ จากนั้นเขาได้อุ้มลูกสาวเป็นครั้งแรก พลันความตื้นตันก็ปริ่มล้นจนเอ่อท้นออกมาเป็นน้ำตา ลูกสาวของเขาผิวขาวผ่อง เนียนละเอียด ปากนิดจมูกหน่อย ตัวนิดเดียวแต่ร้องดังลั่นห้อง จนหมอและพยาบาลแซวว่าคงต้องส่งให้น้องเรียนว่ายน้ำ เพราะปอดใหญ่มากโรสรินทร์มองภาพสามีอุ้มลูกสาวแล้วน้ำตาไหล เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่น้ำตาคลอ เขายิ้มให้หล่อนแล้วส่งลูกสาวคืนให้กับนางพยาบาล...ไม่กี่วันต่อมาทั้งหมดก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ตามปกติ น้องรันที่ตอนนี้กลายเป็นพี่รันเรียบร้อยอยู่ไม่ห่างน้องสาว ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตรงไหนก็จะวนเวียนกลับมาหาน้อง มากอด มาหอมและคอยดูแล“น้องริน” พี่รันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วจดจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่มหอมกรุ่นสูดดมดังฟอด จนคนเป็นแม่อดที่จะหัวเราะเพราะความเอ็นดูไม่ได้ “แม่ค้าบ น้องรินน่ารักจัง”คนตัว