Home / โรแมนติก / เสน่หาผีเสื้อราตรี / บทที่ 11 เจ้านายจอมเฮี้ยบ - 100%

Share

บทที่ 11 เจ้านายจอมเฮี้ยบ - 100%

last update Last Updated: 2024-11-02 15:16:34

“อุ๊ย! ที่ไหนคะเนี่ย”

ช่อมาลีสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของพชรอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไร หญิงสาวดันตัวเองไปข้างหลังจนแทบจะจมไปกับเบาะ มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างคนเพิ่งตื่นนอน

“พารากอน” พชรตอบ ก่อนจะขยับตัวกลับไปพิงเบาะตามเดิม

“หืม...พารากอน ท่านประธานมาที่นี่ทำไมคะ หรือว่าหิวข้าว”

ช่อมาลีพยายามหันเหความสนใจของเขาให้ละไปจากการมองสำรวจใบหน้าของเธอ แค่เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคู่นั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว

“ก็...เดินเล่น กินข้าว แล้วก็...หาหนังสนุก ๆ ดูสักเรื่อง ไปกันเถอะ!”

พูดจบเขาก็ปลดล็อกรถแล้วก้าวขาออกไปทันที ทำให้ช่อมาลีต้องรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยแล้วก้าวตามลงไป ทว่ามือก็ยังไม่วายหยิบแฟ้มงานติดมาด้วย

“จะเอามาทำไมเล่าคุณช่อ เอาไว้ในรถนั่นแหละ จะถือทำไมให้เมื่อย”

พชรเดินมาดึงแฟ้มไปจากมือของหญิงสาวแล้วเปิดประตูรถด้านหลังโยนแฟ้มงานเข้าไปวางแหมะอยู่บนเบาะ จากนั้นกึ่งจูงกึ่งลากเธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้า

“เอ่อ...ท่านประธานคะ ไม่ต้องจูงก็ได้ค่ะ ดิฉันเดินเองได้”

ช่อมาลีละล่ำละลักบอกเขาพลางออกแรงยื้อข้อมือของตนเองไม่แรงนัก ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

“คุณหิวรึยัง ผมว่าเราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า ตั้งแต่เช้าผมยังไม่ได้กินอะไรเลย” พอพูดถึงเรื่องอาหาร ช่อมาลีก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าหิวเหมือนกัน เพราะเมื่อเช้ายังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกเขาลากมาขึ้นรถเสียก่อน

“ก็เริ่มหิวแล้วค่ะเพราะตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน”

ช่อมาลีเอามือลูบท้องตนเองเบา ๆ พชรจึงชวนให้เดินต่อ แต่ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยุดเดินเอาเสียดื้อ ๆ

“จริงสิ ผมว่าเราไปจองตั๋วหนังกันก่อนดีกว่า ไปดูด้วยว่ามีเรื่องไหนน่าสนใจ ไปกันเถอะ” พูดจบเขาก็ออกเดินนำโดยมีช่อมาลีเดินตามหลังไปติด ๆ หญิงสาวค้อนใส่แผ่นหลังของเขาอย่างอดไม่ได้ คนอะไรคิดเอง เออเอง ตัดสินใจเองไปเสียทุกอย่าง ไม่ถามเธอสักคำว่าอยากดูภาพยนตร์กับเขารึเปล่า

ระหว่างที่เดินผ่านแผนกชุดว่ายน้ำสตรี พชรอมยิ้มที่มุมปากเมื่อนึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ มะรืนนี้ช่อมาลีต้องไปภูเก็ตกับเขา กลับมาอีกทีก็วันศุกร์ ซึ่งความจริงแล้วเรื่องงานที่จะทำนั้นแค่วันเดียวก็เสร็จ ส่วนที่เหลืออีกสองวัน เขากะจะเที่ยวพักผ่อนให้ฉ่ำปอดโดยหนีบเลขาฯ คู่ใจไปด้วยนี่แหละ อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าช่อมาลีใส่บิกินี่ตัวจิ๋วจะน่ามองสักแค่ไหนกัน

ทั้งคู่มาหยุดอยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์สำหรับซื้อตั๋วภาพยนตร์ พชรแหงนหน้ามองโปรแกรมภาพยนตร์ที่ปรากฏขึ้นบนจอพร้อมกับรอบฉายสักครู่แล้วก็ก้มลงมาถามคนข้างกาย

“เอาเรื่องนี้ดีไหมคุณช่อ รอบแรกตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงจากนี้เราจะได้ไปกินข้าวกันก่อน”

ชายหนุ่มพูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ช่อมาลีเองก็หันไปทำหน้างง ๆ ยังไม่ได้ทันได้ตอบรับอะไร พชรก็เดินเข้าไปที่ช่องซื้อตั๋วแล้วเรียบร้อย

ช่อมาลีหันมองไปรอบ ๆ เวลานี้ยังไม่ค่อยมีคนมาดูภาพยนตร์เท่าไรนัก เพราะห้างเพิ่งเปิดทำการได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ภาวนาในใจให้มีคนใจตรงกันมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันเยอะ ๆ เธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกเก้อเขินเกินไปนักเวลาที่ต้องนั่งอยู่กับเขาในนั้นเพียงลำพังโดยที่รอบข้างไม่มีคนอื่นอยู่เลย

“เรียบร้อย ไปกันเถอะ” พชรแตะหลังหญิงสาวให้ออกเดินเมื่อจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว เขาพาเธอลงลิฟต์มายังชั้นล่างสุดที่เป็นศูนย์อาหาร และร้านอาหารมากมายที่ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว

“เราจะกินอะไรกันดีคุณช่อ”

ชายหนุ่มพูดพลางไล่สายตาไปตามร้านอาหารชื่อดังต่าง ๆ ในขณะที่ช่อมาลีจ้องเขม็งไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่อยู่ในศูนย์อาหาร เพราะเวลานี้เธออยากกินอะไรก็ได้ที่ช่วยทำให้ตาสว่าง หายจากอาการง่วงงุน

“แล้วท่านประธานอยากกินอะไรคะ” หญิงสาวถามเขากลับไป พชรหันหน้ามากะจะตอบเมื่อเล็งร้านที่ต้องการเอาไว้ แต่พอมองตามสายตาของหญิงสาว เขาจึงเปลี่ยนใจ

“กินในศูนย์อาหารนี่ก็ได้เนอะ ง่ายดี ผมว่าราดหน้าร้านนั้นก็น่ากินดีนะ” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ขณะที่เดินเคียงกับช่อมาลีเข้าไปในศูนย์อาหาร จัดแจงแลกเงินซื้อบัตรแล้วยื่นให้เธอไปใบหนึ่ง

“มาออกเดตกับหนุ่มฮอตแบบผมทั้งที กินให้เต็มที่เลยนะคุณช่อ”

แววตาของคนพูดเป็นประกายเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เผลอตัวตวัดค้อนใส่เขาก่อนจะผละจากไป ตาคมมองตามร่างระหงพร้อมกับความสงสัยในใจที่เริ่มก่อตัว

“ช่อมาลี...ม็อท...เหมือนมาก”

สารวัตรจุมพลนั่งอ่านรายงานที่ผู้ใต้บังคับบัญชาสรุปมาให้ด้วยสีหน้าเครียดขึ้ง กระดาษรายงานตรงหน้าเขามีตัวหนังสือสีน้ำเงิน และสีแดงเขียนแทรกเอาไว้ในแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งลายมือนั้นไม่ใช่ของใครอื่น แต่มันเป็นลายมือของเขาเอง ในกระดาษรายงานเป็นการเรียงลำดับเวลาก่อนหลัง ดังนี้

ห้าทุ่มครึ่ง ดนตรีสดเริ่มการแสดง

ห้าทุ่มสี่สิบนาที แมทเอาเบียร์ขึ้นไปให้สารวัตร ตอนนั้นดนตรีกำลังเล่นเพลงที่สาม

ห้าทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืน ดีเจมิวอ้างว่าอยู่ในห้องล็อกเกอร์ตลอดเวลา และเดินออกไปที่ฮอลล์ตอนที่บนเวทีกำลังเล่นเพลงเพียงกระซิบ (เทียบเวลาจากกล้องวงจรปิด และลิสต์รายการเพลงจากวงบัตเตอร์ฟลายแล้ว พบว่าเพลงนี้เล่นในช่วงเวลานั้นจริง ๆ)

เที่ยงคืน ดีเจอาร์มเดินเข้ามาในโซนของพนักงาน สวนทางกับดีเจมิวที่หน้าประตู และบอกด้วยว่าบนเวทีกำลังเล่นเพลงเพียงกระซิบ ซึ่งตรงกันกับคำให้การของดีเจมิว

เที่ยงคืนหกนาที แนนนี่เดินออกมาที่ด้านหลัง ตรงที่สูบบุหรี่พนักงาน เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้ช่วยพ่อครัวเอาขยะถุงที่สองมาทิ้งตรงหลังแท็งก์น้ำ และพอเดินกลับมาในครัวก็เห็นดีเจอาร์มกำลังหยิบช้อนชาไปยื่นให้แนนนี่

เที่ยงคืนสิบห้านาที ดนตรีสดพักเบรก

เที่ยงคืนครึ่ง ครัวปิด

เที่ยงคืนสามสิบห้านาที จากกล้องวงจรปิดพบว่ามีคนเดินไปที่หลังแท็งก์น้ำ

เที่ยงคืนห้าสิบนาที ผู้ช่วยพ่อครัวที่ชื่อชัย เข็นรถขยะไปทิ้ง

เที่ยงคืนห้าสิบสามนาที ชัยเข็นรถแอบไว้ที่ข้างรถของแมท ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในครัวเพราะได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าในครัวไฟไหม้ จากนั้นไม่นานดูจากกล้องวงจรปิดพบว่ารถเข็นคันนั้นขยับเล็กน้อย

ตีหนึ่งสิบห้านาที ดนตรีสดเริ่มแสดงอีกรอบ จนถึงเวลาตีสอง

สารวัตรหนุ่มนั่งอ่านรายงานซ้ำไปซ้ำมา ตรงไหนที่น่าสงสัยเขาก็ใช้ปากกาแดงขีดเส้นใต้เอาไว้ แล้วก็เขียนกำกับสิ่งที่ตนเองสงสัยลงไป ทว่าหลักฐานการอ้างที่อยู่ของแต่ละคนก็ดูแน่นหนาจนน่าเชื่อถือ

ชายหนุ่มหยิบรายงานอีกฉบับขึ้นมาอ่าน ซึ่งเป็นรายงานเกี่ยวกับหลักฐานทางด้านวัตถุที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุ

ลูกกุญแจดอกหนึ่งที่เจอใกล้กับแท็งก์น้ำ เป็นกุญแจล็อกเกอร์ของดีเจมิว คำถามต่อมาก็คือ มันไปอยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างไรในเมื่อดูจากกล้องวงจรปิดแล้วไม่ปรากฏว่าดีเจมิวเข้าไปในบริเวณนั้นเลย และที่สำคัญ เมื่อคืนวันเสาร์เจ้าตัวเพิ่งจะแอบแจ้งข้อมูลลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีพอสมควร

ไม่พบช้อนที่ผู้ตายใช้เป็นอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ สงสัยว่าอาจจะนำมาล้างเก็บไว้ที่เดิมแล้วก็ได้ แต่เท่าที่ดูจากกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นมีใครเดินเข้าไปในบริเวณนั้นอีก หรือบางทีคนร้ายอาจจะนำติดมือออกไปด้วย

ไม่พบปากกาเคมีในบริเวณนั้น แสดงว่าคนร้ายต้องพกติดตัว หรือไม่ก็เอาไปทิ้งที่ใดที่หนึ่ง เพราะปากกาเคมีที่มีอยู่ในคลับทั้งหมด เมื่อเอามาตรวจสอบดูแล้วไม่พบว่ามีอันไหนที่มีคราบเลือดติดอยู่ตรงส่วนหัวที่ใช้เขียน เพราะตอนที่เขาเลิกผ้าเพื่อดูสภาพศพ เห็นว่ามีการเขียนทับรอยเลือดบางส่วน

ทำไมคนร้ายต้องเขียนคำด่าทอลงบนตัวศพ เพราะถ้าหากอยากจะประจานกันจริง ๆ ทำไมไม่เขียนในที่เด่นสะดุดตา ทำไมเจาะจงเลือกเขียนในร่มผ้า ซึ่งถ้าหากไม่เปิดดูก็จะไม่รู้เลยว่ามีคำบางคำเขียนไว้

นิติเวชแจ้งเวลาเสียชีวิตของเหยื่อว่าเป็นช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนสิบห้านาทีจนถึงเที่ยงคืนสี่สิบห้านาที

สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงในการจัดการเหยื่อตั้งแต่ลงมือฆ่าจนกระทั่งจัดการเอาศพยัดใส่ถุงขยะแล้วเอาไปใส่ไว้ในรถเข็น แสดงว่าผู้ร้ายรายนี้ต้องเป็นคนแข็งแรงพอตัว แล้วไหนจะช่วงเวลาที่ขนศพลงจากรถเข็นแล้วเอาไปเก็บซ่อนไว้ตรงมุมมืดข้างรถนั่นอีกเล่า นับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ และบ้าบิ่นพอตัวเลยทีเดียว

ดูแค่การจัดฉากให้ศพก็รู้แล้วว่าคนร้ายรายนี้ลงมืออย่างใจเย็น ไม่รีบร้อน ราวกับกำลังสร้างสรรค์งานศิลปะสักชิ้นหนึ่ง เพียงแต่งานศิลป์ชิ้นนี้มีองค์ประกอบคือเลือดและความตาย!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   ตอนพิเศษ - 100%

    “ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   ตอนพิเศษ - 50%

    สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทส่งท้าย - 100%

    “ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทส่งท้าย - 70%

    “เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทส่งท้าย - 35%

    ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 24 แรงดึงดูด - 100%

    ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status