“พวกเธอไปเที่ยวที่คลับบ่อยหรือ”
ช่อมาลีแกล้งทำหน้าซื่อถามออกไป หนึ่งในนั้นทำหน้าเยาะราวกับว่าสิ่งที่เธอถามนั้นช่างโง่เง่าสิ้นดี แต่เธอก็ต้องทำเป็นไม่เห็น และไม่ใส่ใจกับคนพวกนี้
“พวกเราไปกันทุกอาทิตย์นั่นแหละ เธอคงยังไม่เคยไปสินะมาลี คลับซุสของคุณโอมน่ะมีแต่คนมีระดับ หรือพวกกระเป๋าหนัก เงินหนาเท่านั้นนะถึงจะเข้าไปได้”
เฉิ่มเชยอย่างช่อมาลีนี่น่ะหรือจะสะเออะเข้าไป ไม่รู้ว่าคุณโอมเมาหรือว่ามึนกันแน่ที่รับแม่นี่เข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสมสักนิด!
พลอยต่อประโยคหลังในใจ สายตามองเหยียดไปยังเลขาฯ คนใหม่ของประธานบริษัทอย่างไม่ปิดบังก่อนจะเสหลุบตาลงดูดน้ำในแก้ว
“ฉันไม่เคยไปเที่ยวหรอกที่แบบนั้น ฉันไม่ค่อยสันทัดเท่าไร”
ช่อมาลีตอบออกไป ก่อนจะทำทีเป็นมองไปที่หน้าร้านเพื่อดูว่าข้าวกล่องของตนได้หรือยังเพราะขี้เกียจจะเสวนากับสาว ๆ กลุ่มนี้เต็มทีแล้ว
“นี่มาลี ฉันถามอะไรหน่อยสิ คุณโอมเขาชอบผู้หญิงแบบไหนน่ะ เธอรู้บ้างรึเปล่า” เก๋ถามแทรกขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกาย ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ลอบยิ้มอยู่ในหน้า แล้วตอบออกไปด้วยความมั่นใจเต็มที่
“ท่านประธานน่าจะชอบผู้หญิงที่ใจกล้านะคะ แบบพวกกล้าได้กล้าเสียน่ะค่ะ ยิ่งผู้หญิงที่เข้าหาก่อนนี่ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ เพราะเท่าที่สังเกตดู ท่านประธานดูจะถูกใจสาว ๆ พวกนี้เป็นพิเศษ อ้อ...ดูเหมือนยิ่งเซ็กซี่ก็ยิ่งชอบค่ะ”
ช่อมาลีแกล้งทำท่ากระซิบกระซาบเบา ๆ ราวกับเรื่องที่กำลังพูดอยู่เป็นความลับสุดยอด ก่อนจะเสริมความหนักแน่นในคำพูดของตนเองเข้าไปอีก ด้วยการเน้นย้ำประโยคเด็ดลงไป
“รู้แล้วก็อย่าไปบอกใครนะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาลีเอาเจ้านายมานินทา แต่เท่าที่มาลีเห็นมาตลอดห้าวัน เวลาออกไปข้างนอกกับท่านประธานน่ะ ท่านจะชอบมองแต่สาวเซ็กซี่แต่งตัวเก่ง ๆ เป็นพิเศษเลยค่ะ”
ระหว่างนั้นเด็กในร้านเอาข้าวกล่องของช่อมาลีเดินมาให้ที่โต๊ะพอดี หญิงสาวเลยถือโอกาสนี้บอกลากับคนในโต๊ะแล้วเดินออกจากร้านด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม
ถ้าให้เดา สามสาวนั่นต้องแต่งตัวประชันกันสุดฤทธิ์ในวันจันทร์แน่นอน ไม่รู้เสียแล้วว่าท่านประธานพชรน่ะ เวลาทำงานก็คือทำงาน อีกทั้งอะไรที่เป็นหน้าเป็นตาของบริษัทนี่เขาจะเข้มงวดยิ่งกว่าอะไร
เธอจำได้ว่าเขาเคยเปรย ๆ ให้ฟังอยู่เสมอว่าพนักงานขาย หรือเซลล์ของที่นี่ต้องแต่งตัวให้ภูมิฐาน ดูดีมีระดับให้สมกับราคา และความหรูหราของรถ ไม่ใช่แต่งนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นโคโยตี้ตามผับตามบาร์
...สงสัยคืนนี้คงมีไก่วิ่งโร่เข้าไปให้สมภารจับกินถึงที่แน่นอน และที่สำคัญ งานนี้คงได้มีผีเสื้อราตรีถูกเด็ดปีกกันเป็นทิวแถว
ร่างระเหิดระหงในชุดกางเกงหนังเข้ารูปสีดำ ช่วงบนคลุมทับด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่ ด้านในใส่เสื้อกล้ามรัดรูปสีขาว กำลังนั่งให้ช่างทำผมเจ้าประจำฉีดสีผมให้เป็นสีแดง
ช่อมาลีนั่งมองตนเองในกระจก ยามเธอแต่งหน้าครบเครื่องแบบนี้ ถอดแว่นสายตาออกไปแล้วใส่คอนแทกเลนส์สีดำแทน ผมก็ฉีดจนเป็นสีแดงและดัดเป็นลอนสวย สลัดคราบของเลขานุการแสนเฉิ่มเชยจนไม่เห็นฝุ่น เธอลงทุนขนาดนี้ ถ้าท่านประธานจะจำได้ก็ให้มันรู้ไป
“อ่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้ะ”
ช่างทำผมสาวประเภทสองยืนมองช่อมาลีผ่านทางกระจกเงาบานใหญ่ด้วยความชื่นชมปนอิจฉา ปกติใบหน้ายามไม่แต่งก็จัดว่าสวยเข้าทีดีอยู่แล้ว แม้จะดูจืดไปหน่อยก็ตาม แต่พอได้แต่งขึ้นมาก็สวยเสียจนอดมองตาค้างไม่ได้ ไม่รู้ว่ารอดปากเหยี่ยวปากกามาได้อย่างไรจนป่านนี้ ทั้งที่ทำงานกลางคืนแท้ ๆ
“เฮ้ย! ไอ้ม็อท เสร็จรึยังเนี่ย ช้าแล้วนะเว้ย”
ว่านลงจากรถตู้มาตามเพื่อนสาวที่นั่งทำผมอยู่ในร้านใต้ตึกที่พักของช่อมาลี ร้านเสริมสวยร้านนี้ตามปกติจะปิดประมาณสองทุ่ม แต่ถ้าเป็นวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะเปิดแง้มไว้เล็กน้อยเพื่อให้ช่อมาลีมาใช้บริการได้อยู่คนเดียวเพราะสนิทสนมกันพอสมควร
“เสร็จแล้วค่ะพ่อรูปหล่อ” ช่างแต่งหน้าทำผมหันไปตอบเพื่อนในวงของช่อมาลีพร้อมกับทำสายตาวิบวับใส่
“แหม...พี่กระแตเนี่ยนอกจากจะสวยแล้วยังตาถึงอีกนะเนี่ย”
ว่านพูดหยอกเย้ากับสาวเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง ซึ่งเขาไม่ได้พูดยอเฉย ๆ แต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะสาวประเภทสองคนนี้ ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครรู้เลยว่าหล่อนเคยเป็นผู้ชายมาก่อน เพราะความสวยที่โดดเด่น สรีระก็เหมือนผู้หญิงแท้ ความสูงก็ไล่เลี่ยกับม็อทเลยทีเดียว ไม่เหมือนกะเทยบางคนที่สูงโย่งเก้งก้าง แถมรูปร่างก็มีแต่มัดกล้ามตามประสาผู้ชาย
“ไป ๆ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวต้องไปเตรียมตัวอีก ไปก่อนนะพี่กระแต”
ช่อมาลีหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ช่างทำผม คว้ากระเป๋าสะพายใบโตขึ้นคาดไหล่ ดันหลังเพื่อนให้เดินออกจากร้านไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอแล้วมุ่งหน้าไปยังคลับทันที
เมื่อมาถึงคลับ ช่อมาลีเข้าไปเก็บกระเป๋าในล็อกเกอร์สำหรับพนักงาน ก่อนจะเดินออกไปสมทบกับเพื่อนในวงที่ด้านหลังเวทีสำหรับเตรียมความพร้อม ร่างระหงเดินผ่านทางเดินสลัวด้วยไฟสีน้ำเงินเหมือนเดิม ครั้นเมื่อผ่านจุดเกิดเหตุที่เคยมีร่างไร้วิญญาณของใครคนหนึ่งในนั้นก็อดหันไปมองไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะมีแสงไฟสีส้มสลัว ๆ เพื่อมองเห็นภายในได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับเธอแล้วมันก็ยังดูวังเวงน่ากลัวอยู่ดี
และเพราะไม่ทันระวังกับพื้นต่างระดับตรงนี้ จึงส่งผลให้หญิงสาวต้องก้าวสะดุดเข้าจนได้ ช่อมาลีใจหายวาบเมื่อรู้ว่าร่างของตนเองกำลังจะล้มหัวเข่ากระแทกพื้น ถ้าไม่เพราะมีอ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนเข้ามาโอบรัดไว้ที่รอบเอวเสียก่อน
ครั้นเมื่อเธอตั้งหลักได้จึงพยายามจะขืนกายออกจากวงแขนนั่น ทว่ามันกลับรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเสียงทุ้มคุ้นเคยที่กระซิบเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาอยู่ข้างหู เสียงนั้นใกล้เสียจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่เป่ารินรดเข้ามาพาให้ขนอ่อนลุกวูบวาบไปทั้งร่าง
“ระวังหน่อยนะครับ พื้นตรงนี้มันไม่เสมอกัน”
พูดจบ ชายหนุ่มก็แอบสูดดมความหอมที่รวยรินออกมาจากคนในอ้อมแขน อดแปลกใจไม่ได้ที่เธอไม่ใช้น้ำหอมเหมือนผู้หญิงทำงานกลางคืนทั่วไป และนั่นเป็นสิ่งที่เขาชอบเสียเหลือเกิน เพราะมันหมายถึงว่ากลิ่นหอมที่เขารับรู้ได้ในขณะนี้คือความหอมจากกายหญิงสาวล้วน ๆ จนพานให้จินตนาการต่อว่าผิวเนื้อแท้ ๆ ของเธอจะหอมแบบเดียวกันนี้ทุกตารางนิ้วหรือเปล่า
ช่อมาลีพยายามระงับความตื่นเต้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ค่อย ๆ หันไปหาคนที่ดูเหมือนหวังดี แต่กลับกอดเอวของเธอเสียแน่นจนแผ่นหลังแนบสนิทไปกับแผงอกของเขา
“ขอบคุณมากค่ะบอส”
หญิงสาวหันไปมองสบตาแพรวพราวของเขาแล้วก็ใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยใบหน้าของเขาตอนนี้ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบ...ใกล้เกินไปแล้ว!
“โอมครับ เรียกผมว่าโอมดีกว่า อย่าเรียกบอสเลย มันฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร”
พชรจงใจพูดใกล้ ๆ ริมหูของหญิงสาว ลมหายใจของเขากำลังแผ่กระจายไปทั่วผิวเนื้อของเธอในบริเวณนั้นราวกับเขากำลังสัมผัสมันด้วยมือ
“เหมือนที่ผมเรียกคุณว่าม็อทเฉย ๆ นั่นแหละ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไร ถ้าผมจะเรียกชื่อเล่นคุณเฉย ๆ ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้จัง ถ้าไม่รังเกียจ เลิกงานแล้วให้ผมไปส่งได้ไหมครับม็อท”
ประกายตาของเขาวาววามล้อแสงไฟ เขารู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นรู้ดีว่าเขากำลังหมายถึงอะไร ทีนี้ก็รอแค่คำตอบจากเธอเท่านั้น และเขาค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าเขาจะต้องได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจกลับมาแน่นอน
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ