“ทำไมคุณถึงไม่แจ้งตำรวจตั้งแต่ตอนแรกที่เจอศพ” สารวัตรหนุ่มถามพลางจ้องหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งอย่างค้นหา
“คุณตำรวจน่าจะรู้ดีนะครับว่าพวกผมหรือไม่ว่าใครก็ตามไม่มีใครอยากยุ่งกับตำรวจเท่าไรนักหรอก โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ปิดเงียบกันทั้งนั้นแหละ และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าคนตายเป็นใคร คนฆ่าเป็นใคร แถมพวกผมยังมาร้องเพลงให้ที่นั่นเป็นวันแรก แต่ก็ต้องมายุ่งเกี่ยวกับตำรวจแล้ว ผมว่าสู้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเลยน่าจะดีกว่า”
คริสตอบตามจริง คนทำงานกลางคืนอย่างพวกเขาทุกคน แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการข้องเกี่ยวกับตำรวจทั้งนั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
สารวัตรหนุ่มลอบถอนหายใจ ข้อนี้เขารู้ดี บางคนถ้าไม่ใช่เรื่องของตน ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครอยากยุ่งทั้งนั้น ยิ่งเรื่องฆาตกรรม หรือเรื่องที่มีคนตายยิ่งแล้วใหญ่ กว่าจะง้างปากแต่ละคนได้ เล่นเอาเหนื่อย
หลังจากนั้นก็ทำการซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ และสภาพศพที่ทั้งสองคนพบเจอตอนแรกว่าจะตรงกันกับตอนที่ตำรวจไปเจอหรือไม่ ซึ่งคำตอบโดยส่วนใหญ่ คริสจะเป็นผู้ตอบเกือบทั้งหมด
หลังจากที่ทั้งสี่คนทิ้งที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์เอาไว้แล้วก็เดินทางออกจากสถานีตำรวจเพื่อไปเล่นดนตรีต่อที่ผับอีกแห่ง ส่วนสารวัตรก็สั่งการให้ลูกน้องไปที่ลานทิ้งขยะของอะพาร์ตเมนต์ที่ช่อมาลีพักอยู่ เพื่อตามเก็บรองเท้าที่หญิงสาวเอาทิ้งไปแล้ว
สัปดาห์แรกของการทำงานในบริษัทใหม่ของช่อมาลีผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เธอเริ่มเรียนรู้งาน และนิสัยใจคอของเจ้านายคนใหม่ได้ไม่ยากเย็นอะไร โชคดีที่พชรเป็นคนง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก นอกเหนือจากนั้นเขายังเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ตัดสินใจอะไรได้ว่องไว และเฉียบขาด
แต่ใครจะเชื่อว่าภายใต้ท่าทีที่เรียบนิ่งและเฉยชานั่นเขามีต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น แต่กับเธอ เขากลับกลายเป็นคนช่างเย้าแหย่ จนบางครั้งรู้สึกได้ถึงสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่ส่งมาให้อย่างไม่ตั้งใจของเขาอยู่เรื่อย
และที่สำคัญ เกือบทุกวันเธอจะได้รับโทรศัพท์จากแผนกต้อนรับที่ด้านล่างว่ามีหญิงสาวมาขอพบเจ้านายของเธอตลอด ไม่ตอนเช้าก็ตอนบ่าย แถมรายชื่อของหญิงสาวเหล่านั้นไม่มีซ้ำกันเลยสักชื่อ!
ช่อมาลีเดินออกจากลิฟต์เพื่อไปหาข้าวกลางวันกินเพียงลำพัง เพราะวันนี้เจ้านายของเธอออกไปกินมื้อเที่ยงกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มารอพบตั้งแต่สิบเอ็ดนาฬิกา ทำให้เธอรู้สึกขอบคุณผู้หญิงคนนั้นที่พาเจ้านายผู้แสนดีของตนออกไปอย่างนี้
ถ้าเป็นไปได้ช่วยมาพาเขาไปทุกวันเลยยิ่งดี เพราะถ้าเขาอยู่ทีไร คนที่ต้องอยู่ร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขาก็คงไม่พ้นเธอ
หญิงสาวไปยืนเมียง ๆ มอง ๆ ในร้านอาหารตามสั่ง ดูเมนูอาหารที่จะสั่งใส่กล่องขึ้นไปกินบนออฟฟิศ ระหว่างที่กำลังยืนอ่านรายการอาหารอยู่นั้น ข้อมือก็ถูกใครบางคนมากระตุกเบา ๆ จนต้องหันไปมอง
“นี่เธอ...เธอเป็นเลขาฯ ของท่านประธานใช่ไหม”
สาวสวยนางหนึ่งในชุดเดรสแน่นเปรี๊ยะ สวมทับด้วยเสื้อคาดิแกนสีขาวยืนส่งยิ้มมาให้ ช่อมาลีจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ฝ่ายขายของบริษัท อดแปลกใจไม่ได้ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร แล้วทำไมจะต้องถามซ้ำอีกครั้งให้วุ่นวายด้วยก็ไม่รู้
“ใช่ค่ะ” ช่อมาลีจำใจต้องส่งยิ้มไปตามมารยาท จำได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ากับกลุ่มเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ฝ่ายขายด้วยกันนั้น พยายามชะม้ายชายตาให้ท่านประธานกันขนาดไหน
ยิ่งเวลาที่เธอต้องออกไปข้างนอกกับพชร ไม่ว่าจะออกไปด้วยเรื่องงาน หรือบางครั้งแค่ออกไปกินมื้อกลางวันเป็นเพื่อนเขาก็เถอะ แต่เธอก็สังเกตได้ถึงสายตาของหญิงสาวพวกนี้ที่มองมาด้วยความสงสัยใคร่รู้ระคนอิจฉาจนน่าเบื่อหน่าย ซึ่งเธออยากจะบอกพวกนั้นเหลือเกินว่าเปลี่ยนจากความอิจฉามาเป็นความสงสารจะดีกว่าไหม
“มองหาโต๊ะอยู่หรือ...มานี่สิ มานั่งด้วยกัน” ไม่พูดเปล่า ผู้หญิงคนนั้นยังถือวิสาสะจับจูงมือของช่อมาลีลากเข้าไปในร้านโดยที่คนถูกลากยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ เมื่อมาถึงโต๊ะ หญิงสาวคนนั้นก็จับบ่าของช่อมาลีกดลงให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
“นั่งตรงนี้เลย...นี่พวกเรา ได้ตัวมาแล้ว”
ประโยคหลังเจ้าหล่อนหันไปคุยกับเพื่อนในโต๊ะอีกสองคนที่มองคนมาใหม่ยิ้ม ๆ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างช่อมาลี
“เธอชื่อช่อมาลีใช่ไหม เราชื่อเก๋นะ คนนี้ชื่อพลอย คนนี้ชื่อมายด์”
ช่อมาลีหันไปยิ้มให้ทุกคนบนโต๊ะ ในใจรู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวกลุ่มนี้คงไม่มีทางมายุ่งกับผู้หญิงเฉิ่มเชยอย่างเธอแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะ...
“วันนี้คุณโอมจะเข้ามาอีกไหม เอ๊ะ...เธอชื่อเล่นชื่ออะไรนะ” เก๋ถามขึ้นทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“เรียกเราว่ามาลีก็ได้ วันนี้ท่านประธานคงไม่เข้ามาแล้วล่ะ เห็นว่าไปกินกลางวันกับคุณไอรดาน่ะ แล้วก็คงเลยไปข้างนอกล่ะมั้ง”
ผิดจากที่คิดไว้ที่ไหน สาว ๆ พวกนี้ก็แค่หวังจะถามข่าวหรือเรื่องของประธานรูปหล่อจากเธอเท่านั้น ช่อมาลีหันไปสั่งอาหารกับเด็กในร้านก่อนจะหันมามองหน้าคนในโต๊ะ
“ยี้...ยายแปดหลอดนั่นน่ะหรือ ไม่เห็นสวยเลย คุณโอมนี่ก็ใครชวนไปไหนก็ไปกับเขาหมดเลย ไม่หัดปฏิเสธเสียบ้าง”
พลอยทำหน้ายี้อย่างขัดใจ อีกสองคนก็ทำท่าพยักพเยิดไปด้วยอย่างเห็นดีเห็นงามกันไปหมดจนช่อมาลีชักเบื่อ
เพิ่งรู้ว่าเจ้านายของเธอมีแฟนคลับกับเขาด้วย มิหนำซ้ำแฟนคลับสาว ๆ พวกนี้ก็ไม่เรียกเขาว่าท่านประธานเหมือนคนอื่น ๆ ในบริษัทเรียกกัน แต่กลับเรียกชื่อเล่นเฉย ๆ ราวกับพยายามจะทำตัวให้สนิทสนมคุ้นเคย หรือบางทีก็เหมือนกับพยายามข่มเธอกลาย ๆ จากน้ำเสียงของคนพวกนี้
“ฉันว่าวันนี้คุณโอมเขาก็คงไปที่คลับเลยแน่ ๆ ช่วงหลังมานี่ฉันเห็นคุณโอมแวะเข้าไปที่คลับเกือบทุกอาทิตย์เลยนะ ปกติเห็นเข้าเดือนละครั้งได้ เธอรู้รึเปล่ามาลีว่าที่นั่นมีอะไรไม่ชอบมาพากลไหม ฉันหมายถึง...ผู้หญิงน่ะ”
มายด์เป็นคนถามขึ้น แล้วทุกคนก็ตั้งตารอคำตอบจากช่อมาลี จนคนถูกถามอยากจะหลุดหัวเราะให้กับความอยากรู้ของพวกหล่อนเสียเหลือเกิน
ก็ได้...เดี๋ยวช่อมาลีจัดให้บัดเดี๋ยวนี้
“อืม...เท่าที่เห็นนะ ท่านประธานก็มีแต่สาว ๆ เข้าหาอยู่ตลอดเวลา มาลีเองก็ไม่รู้ว่าคนที่โทร. มาหาบ่อย ๆ กับคนที่มาชวนไปกินมื้อเที่ยงมื้อเย็นน่ะจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่คลับรึเปล่า แต่เอ...วันนี้ก็แอบได้ยินนะว่าเจอกันที่คลับครับ อะไรแบบนี้แหละ บางทีอาจจะเป็นผู้หญิงที่ท่านประธานกำลังคบอยู่ก็ได้นะ ว่าแต่...ถามทำไมหรือ”
ช่อมาลีแกล้งตีหน้าซื่อตาใส หันไปถามกลับกับพวกที่ตั้งตนเป็นแฟนคลับท่านประธานรูปหล่อ
“ไม่ได้การแล้ว คืนนี้ฉันต้องไปให้เห็นกับตา ดีนะเนี่ยที่ฉันแต่งตัวมาพร้อม” พลอยทำหน้าจริงจังพลางสะบัดผมจับชุดที่ตนสวมใส่อยู่ให้เพื่อนอีกสองคนเห็น
“ฉันว่าต้องเป็นกลุ่มยายแนนเน่าแน่เลย เห็นคุณแมทเดินมากระซิบกระซาบกับยายนั่นบ่อย ๆ สักพักมันก็เดินหายไปทางฝั่งของพนักงานน่ะ”
เก๋ออกความเห็น ในขณะที่ช่อมาลีก็ฟังไปเรื่อย ๆ เพื่อเก็บข้อมูล เธอรู้ว่าพวกผีเสื้อราตรีเหล่านี้ส่วนใหญ่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันดีว่าใครเป็นใคร แม้จะไม่เคยคุยกันก็ตาม เพราะแค่การพูดคุยกัน เรียกชื่อกันในห้องน้ำ หรือการเรียกชื่อโดยพนักงานเสิร์ฟที่รู้จักมักคุ้นกับคนที่มาเที่ยวบ่อย ๆ เป็นอย่างดี แค่นี้ก็ทำให้รู้จักชื่อกันได้ไม่ยาก
ยิ่งถ้าใครไปเที่ยวบ่อย ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักเด็กเสิร์ฟเอาไว้บ้างเพื่อเอาไว้สำหรับการจองโต๊ะที่ทำเลดีที่สุด ในขณะเดียวกัน เด็กเสิร์ฟพวกนี้ก็ยินดีรับใช้ เพราะนั่นหมายถึงเงินค่าทิปที่ลอยเข้ากระเป๋าจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ