เสน่หามนตรา
บทที่ 20 - รอ
...เงาเลือนลางดั่งมีคนกำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ แต่เชคฮ บราฮิมกลับไม่ได้ใส่ใจที่จะมองสักนิด จนเงานั้นเคลืรอนคล้อยขยับมาหยุดยืนตรงข้าม
"หายไปไหนมาเหรอคะ" เสียงหวานหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงที่คุ้นชิน จนเชคฮ บราฮิมที่นั่งฟุบก้มหน้าอย่างคนสิ้นหวังต้องเงยหน้าขึ้นมอง...ใบหน้าหวานที่คุ้นเคย ยืนตรงหน้าก้มมองเขาอยู่ด้วนสีหน้านิ่งเรียบ ความดีใจจึงมีขึ้นมาจนเผยรอยยิ้มที่ฉีกกว้างออกจนแทบถึงใบหู
"ม่านฟ้า" เชคฮ บราฮิมเอ่ยเรียกชื่อหญิงที่ตามหาจนเริ่มท้อใจ เมื่อหายังไงก็หาไม่เจอ จนเริ่มท้อแท้และอ่อนแรง เกิดความสิ้นหวังในใจจนต้องนั่งฟุบกับพื้นหญ้าของโรงพยาบาลที่กว้างขวาง "หายไปไหนมา รู้ไหมผมตามหาอยู่นาน...ใจไม่ดีเลย" เชคฮ บราฮิมร่ายยาวพร้อมหยัดตัวลุกขึ้นยืนฉับไว โผลเข้ากอดม่านฟ้าอย่างคะนึงหา สาวรับใช้ก้มหน้ามองพื้นแทบไม่ทันเลยทีเดียว อ้อมกอดที่แนบแน่นอย่างคนคิดถึง ม่านฟ้าไม่ไหวติงยอมให้เชคฮ บราฮิมโอบกอดอยู่แบบนั้น และเธอก็ไม่ได้กอดตอบกลับแต่อย่างใด
"ฉันรอคุณมาหา...แต่ก็ไม่เห็นมาสักที นอนไม่หลับเลยมาเดินสูดอากาศกับอัยมี่และอาเดล" ม่านฟ้าบอกกล่าวถึงเหตุผล พร้อมเอ่ยถึงหญิงรับใช้สองคนที่หลังมานี้ม่านฟ้าเริ่มมีการพูดคุยจนรู้สึกชิน หรือเพราะม่านฟ้านั้นเริ่มเหงาจึงต้องการเพื่อนคุยฆ่าเวลา
...อัยมี่และอาเดล คือ หญิงสาวที่เข้ามารับใช้ด้วยเป็นเครื่องบรรณาธิการของบิดาของพวกเธอ ที่เชคฮ บราฮิมเป็นผู้ที่คอยสนับสนุนในธุรกิจที่บิดาของพวกเธอทำอยู่ เพื่อเป็นการตอบแทนจึงได้ยกลูกสาวฝาแฝดให้ ครั้งแรกหวังมอบเพื่อขึ้นแท่นภรรยาของเชคฮ บราฮิมแต่ก็ถูกท่านเชคฮปฏิเสธไป ด้วยยังวัยเยาว์และเอ็นดูดั่งน้องสาวมากกว่า จึงให้คอยติดตามดูแลอาฟียา แต่ตอนนี้อาฟียาให้มาดูแลม่านฟ้าเสียก่อนด้วยพี่ชายร้องขอ เพราะสองคนนี้ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องคู่นี้อย่างสนิทใจ
"ผมร้อนรนใจมาก เมื่อไปหาแล้วไม่เจอที่ห้องพัก"
"ฉันรอคุณหลายวัน...ก็ไม่มา"
"ผมมีธุระสำคัญที่ต้องทำ"
"ฉันรอคุณ"
"ผมมาหาแล้ว"
"ฉันรอคุณทั้งคืน"
...ประโยคแนวเดิม แบบเดิมที่สาวเจ้าเอาแต่พูดวนซ้ำ เวียนวนอยู่แบบนั้นเมื่อเสียงเชคฮ บราฮิมเอ่ยตอบ ดวงตานิ่งเรียบ แววตาเฉยชามองตรงอย่างคนเหม่อลอย แต่ปากก็พร่ำพูดเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงของเชคฮ บราฮิม
"ผมว่ายืนตรงนี้มันเมื่อย ขึ้นห้องไปพักนะ คุณยังไม่หายดี"
"ฉันหายดีแล้ว"
"แต่หน้ายังซีดอยู่"
"อยากดูพระอาทิตย์ขึ้น..."
"ก็ได้...นั่งตรงนั้นนะ" เชคฮ บราฮิม เผยยิ้มและประคองม่านฟ้าไปยังม้านั่งสีขาวตัวยาว "ทำไมตัวเย็นแบบนี้ล่ะ"
"คุณม่านฟ้าลงมาเดินตั้งแต่สี่นาฬิกาแล้วค่ะ" อัยมี่บอกกล่าวนายเหนือหัวทัยใด
"ขอเสื้อคลุมให้ม่านฟ้าด้วยอัยมี่"
"นี่ค่ะ" ด้วยรู้หน้าที่ของตัวเองอัยมี่ยื่นเสื้อคลุมที่ถักทอด้วยเนื้อผ้าชนิดพิเศษที่เพิ่มความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังขลิบทองที่ช้บ่งถึงศักดินาของผู้สวมใส่ยื่นส่งให้กับเชคฮ บราฮิม
"คอแห้งจัง คอแห้งแปลก ๆ แค่กๆ ๆ " ม่านฟ้าพูดเปรยออกมา อีกทั้งยังมีอาการไอฝืด ๆ โก่งตัวไอจนเชคฮ บราฮิมเริ่มห่วงเมื่อเห็นอาการ
"เป็นยังไงบ้างม่านฟ้า" เมื่อเห็นอาการก็นึกห่วงใย ม่านฟ้ามีท่าทีเปลี่ยนไปมาก อ่อนโยนขึ้น พูดจาอ่อนหวาน จนเชคฮ บราฮิมพอใจและหลงใหลมากกว่าเดิม มีแค่แววตาที่ฉายแววเปลี่ยนไปเท่านั้นคงเป็นเพราะสิ่งที่อาฟียาทำขึ้น แต่อีกไม่นานก็คงกลับเป็นเช่นเดิม และที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือหัวใจของม่านฟ้า? "...อาเดลขอน้ำอุ่นที"
"น้ำอุ่นได้แล้วค่ะ" อาเดลผู้เป็นน้องสาวของอัยมี่ยื่นกระติกน้ำอุ่นขนาดพอดีมือให้กับเชคฮ บราฮิม กระติกน้ำอุ่นที่เตรียมมาด้วยเพราะหมอนั้นสั่งไว้ก่อนหน้าว่าม่านต้องดื่มน้ำอุ่นประจำจนกว่าจะหายดี
"ดื่มน้ำก่อนนะครับ" เชคฮ บราฮิมคอยประคับประคองกระติกน้ำเพื่อให้ม่านฟ้าได้ดื่มให้ชุ่มคอ
"ขอบคุณค่ะ" ม่านฟ้ายื่นกระติกน้ำอุ่นคืนทั้งที่มือหนาคอยจับประคองอยู่แล้ว เสียงหวาน ๆ เอ่ยขอบคุณจนเชคฮ บราฮิมนั้นยิ้มกริ่ม ครั้งแรกที่ม่านฟ้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหวานหยดไร้การกระแทกแดกดัน...แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว
...สองคู่สายตาชายหญิงนั่งมองดวงตะวันที่ค่อย ๆ โผล่สาดทอแสงที่นวล แสงแรกของวันใหม่ที่เขาและเธอได้เชยชมพร้อม ๆ กัน
"สวยจังเลยค่ะ" ม่านเอ่ยขึ้นลอย ๆ ใบหน้าคมซบลงบ่าหนาของเชคฮ บราฮิม สายตาก็จ้องมองไปยังดวงตะวันดวงนั้น
"คงสวยไม่เท่าคุณ" มือหนาไล้พวงแก้มเนียนใส กลีบปากหนาประทับจูบลงกลางหน้าผากนูนอย่างแสนรัก ความดีใจจนแทบล้นอกเผยออกมาทางสีหน้า เชคฮ บราฮิม ผู้ที่มีหัวใจด้านชาบัดนี้แปรเปลี่ยนไป และได้มอบใจทั้งดวงแก่หญิงนางนี้ที่ชื่อ ม่านฟ้า
"อยากกลับแล้ว" ม่านฟ้าหยัดตัวนั่งหลังตรงพูดบอกกล่าวถึงจุดประสงค์ที่เธอนั้นต้องการ...เมื่อพึงพอใจแล้วที่ได้เชยชมดวงตะวันและแสงแรกของเช้าวันใหม่
"ครับ...ผมพาไปนะ" เชคฮ บราฮิมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมยื่นมือหนาไปตรงหน้าม่านฟ้าหวังให้เธอนั้นจับกุม
"ขอบคุณค่ะ"
((ม่านฟ้า!) )
สิ้นเสียงหวานและรอยยิ้ม ม่านฟ้าก็ลมพับทันทีเมื่อลุกขึ้นยืน เชคฮ บราฮิมตกใจดวงตาเบิกกว้าง รับตัวม่านฟ้าแทบไม่ทัน ม่านฟ้านอนหลับตาสนิทในอ้อมกอดร่างกายแน่นิ่งแม้นเขย่าเพียงใดก็ไม่มีทีท่าจะตื่น...สาวใช้และบอร์ดี้การ์ดที่คอยเฝ้าระวังก็เช่นกัน ตื่นตระหนกกันหมด
"ตามหมอมาด่วน....เร็ว! "
เสียงอันทรงอำนาจสั่งการเร็วพลัน อัยมี่รีบวิ่งหน้าตั้งตามคำสั่งการอย่างรนใจด้วยห่วงใยม่านฟ้าไม่น้อย
"ม่านฟ้า...ตื่นสิครับ" ร่างบางในอ้อมแขนแกร่งสั่นคลอนด้วยแรงจากการวิ่งของเชคฮ บราฮิม ที่กำลังอุ้มพาเธอไปยังห้องพักฟื้น "อย่าเป็นอะไรนะม่านฟ้า" ความร้อนรนใจและกังวลเริ่มก่อตัว เหตุไฉนม่านฟ้าถึงได้เป็นเช่นนี้ ทั้งก่อนหน้ายังดี ๆ นั่งชมดวงตะวันและพูดคุยกันอย่างคนปกติดี....เพราะอะไร?
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา