เสน่หามนตรา
บทที่ 21 - โวยวาย
อีกฟากฝั่งของครรชิตก็กำลังร้อนใจ เมื่อลูกทัวร์หายตัวไป เพราะวันนี้คือวันสุดท้ายและต้องเดินทางกลับประเทศไทยในคืนนี้ จะตามหาลูกทัวร์ที่หายไปได้ที่ไหนก็ยังไม่รู้...คู่บัดดี้ที่นอนด้วยกันก็บอกไม่รู้อะไร ความสงสัยที่มีก็คือครั้งสุดท้ายที่เขาเจอม่านฟ้าในอ้อมกอดผู้ชายอาหรับคนนั้น
"คุณอยู่ไหนนะม่านฟ้า" เมื่อไปขอความช่วยเหลือจากสถานฑูตก็ไร้วี่แวว หากม่านฟ้าเป็นอะไรไปบริษัททัวร์ของเขาต้องเสียชื่อเป็นแน่...แต่ไม่เท่ากับความรู้สึกห่วงใยม่านฟ้า ห่วงหาว่าเธอนั้นจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า เพราะดูท่าชายคนนั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
...ล้อเครื่องบินเหยียบผืนดินประเทศไทยในเวลาต่อมา ครรชิตกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก เมื่อลูกทัวร์นั้นหายไปและจนใจไม่รู้จะตามหาได้อย่างไร กาลนี้ก็ต้องพาลูกทัวร์คนอื่น ๆ กลับมาก่อนเพราะถึงกำหนด ... เรื่องของม่านฟ้าคงต้องหารือกับคนในบริษัทอีกที และครรชิตจะไม่หยุดแค่นี้ เขาต้องตามหาม่านฟ้าให้พบจงได้
เมื่อตั้งใจว่าจะมารับเพื่อนที่สนามบินตามที่ม่านฟ้าบอกไว้ว่าวันไหนที่เธอจะเดินทางกลับ...เอยมายืนรอรับตรงทางออกอยู่เนิ่นนาน แต่กลับไม่เห็นเพื่อนแม้แต่เงา
"รอรับกระเป๋าอยู่เหรอ? " เอยพึมพำคนเดียว และยืนรอม่านฟ้าอยู่แบบนั้นสักครู่ จนสายตามองเห็นป้ายบริษัททัวร์ที่เพื่อนใช้บริการชูขึ้นสูง "สงสัยอยู่ตรงรวมกลุ่มนั้น..."
...เมื่อกลุ่มทัวร์เริ่มสลาย หลายคนยกมือไหว้ร่ำลากัน ไม่นานคนกลุ่มนั้นก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง สายตาของเอยกวาดมองอยู่นาน...แล้วม่านฟ้าเพื่อเธอล่ะ?
"ขอโทษนะคะ รู้จักม่านฟ้าไหมคะ? " และช่างประจวบเหมาะเมื่อเอยนั้นถามถูกคนเสียจริง เธอคือบัดดี้ที่นอนห้องเดียวกันกับม่านฟ้า
"เธอนอนห้องเดียวกับฉันค่ะ...แต่ว่าเหมือนเธอจะหายตัวไป"
"หายตัวไป! " เอยร้องเสียงหลงตกใจ เพื่อนเธอหายตัวไป หายได้ยังไง แล้วทำไมไม่มีใครตามหา กลับมากันตามลำพังโดยไร้เพื่อนเธอเนี้ยนะ! ความเดือดดาลควันแทบออกหู เมื่อเอยได้รับรู้ บริษัททัวร์ต้องรับผิดชอบ!
"ค่ะ...เธอหายไปตั้งแต่คืนแรก ได้ยินแบบนั้นนะคะ" เอยยิ่งตกใจไปใหญ่เพื่อนเธอหายไปตั้งแต่คืนแรก "ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวค่ะ...รบกวนถามอีกหน่อย ใครคือหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์นี้"
"คุณครรชิตค่ะ เป็นหัวหน้ากรุ๊ปและเป็นเจ้าของ...โอ๊ะ! นั่นไงคะเดินไปนั่นแล้ว" คู่บัดดี้ชี้บอกเมื่อสายตามองเห็นครรชิตเดินไปยังประตูทางออก
"ขอบคุณมากค่ะ...ฉันขอตัว" เอยกล่าวขอบคุณแล้วรีบวิ่งหน้าตั้งด้วยความเร็วขาที่ทำได้ ด้วยกลัวไม่ทันครรชิต
"เดี๋ยว ๆ! คุณ! คุณ! " เอยแผดเสียงดังตะโกนลั่นหวังให้ครรชิตหยุดเดิน จนเอยต้องวิ่งดักทางด้านหน้าด้วยอาการหอบเหนื่อยอย่างกับไปวิ่งมาราธอนมาก็ไม่ปาน
"เรียกผมหรือครับ" ครรชิตสงสัยจึงย้อนถาม
"ก็คุณนะสิ" เอยบอกด้วยเสียงหอบเหนื่อย "คุณใช่ไหมเป็นเจ้าของบริษัททัวร์...โอ๊ยเหนื่อย อึก! " เอยถามเพื่อความมั่นใจว่าเธอไม่ได้ทักผิดคน ก่อนจะสบถเสียงหอบโก่งตัวมือค้ำหัวเข่า ลอบกลืนน้ำลายลงคอ โดยไม่ได้รักษาภาพลักษณ์แม้แต่น้อยเพราะความเหนื่อยหอบบังคับ
"ใช่ครับ" ครรชิตตอบเพียงสั้น ๆ
"เพื่อนฉันอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมาด้วย เป็นบริษัททัวร์ภาษาอะไร คนหายไปทั้งคนไม่ตามหา แล้วกลับมาแบบนี้~~~อื้อ อ่อยนะเอ้ยไอ้อ้า..." ครรชิตปิดปากเอยเร็วพลัน เมื่อเธอนั้นขยับตะโกนด่าทอเสียงดังจนคนที่เดินรอบข้างหันมามองเป็นสายตาเดียว ครรชิตปิดปากเอยลากหลบตรงมุมของประตูทางออกเพื่อเลี่ยงสายตาใครต่อใคร
"เงียบสิคุณ! " ครรชิตบอกเสียงหนัก แต่เอยกลับหาได้สนใจไม่ เพราะเธอร้อนใจเพื่อนหายไปทั้งคน ใครจะใจเย็นเงียบปากลงได้
"อ่อยอะ" เอยพยายามดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของครรชิตหวังให้หลุด ปากก็ยังขยับด่าทอไม่หยุดแม้ถูกปิดด้วยฝ่ามือหนาก็ตาม เอยยังพยายามต่อไป
"หยุด! แล้วเงียบ! "
"อ่อย อันไอ้หยุด"
"ไม่หยุดผมจูบ...จูบตรงนี้เลย! "
ได้ผล...เอยเงียบปากและหยุดดิ้นทันทีที่ครรชิตเอ่ยปากข่มขู่ แม้นไม่รู้ว่าเขาจะกล้าทำไหม แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ยังไงก็คนแปลกหน้าถึงแม้จะหน้าตาดีก็ตาม ก็ไม่ควรแข็งข้อ
เสน่หามนตราบทที่ 22 - เดือด...เมื่อคำข่มขู่สัมฤทธิ์ผล ครรชิตปล่อยตัวเอยให้หลุดพ้นจากพันธนาการ...หญิงสาวที่ถูกฉวยโอกาสแสดงสีหน้ากระฟัดกระเฟียดอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอมเงียบปากไว้แต่โดยดี"บอกมาสิเพื่อนฉันอยู่ไหน" เอยเมื่อหลุดพ้นก็ยืนประจันหน้า สองมือกอดอกย้อนถามครรชิตอย่างคนหัวร้อน นั่นมันเพื่อนเธอทั้งคนนะ!"ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่ว่ามีผู้ชายอาหรับคนหนึ่งบอกว่าคุณม่านฟ้าคือภรรยาของเขา""นายจะบ้าเหรอ! เพื่อนฉันโสด ไม่เคยมีสามี" เอยบอกกล่าวให้อีกฝ่ายรับรู้ ในใจนึกสงสัยใครกันที่กล้าพูดออกมาแบบนั้น...ทั้งที่ม่านฟ้าไม่ค่อยรู้จักหรือสนิทกับใคร"ผมโดนการ์ดของผู้ชายคนนั้นซ้อม ตอนที่จะช่วยคุณม่านฟ้า ที่โดนผู้ชายคนนั้นอุ้มออกจากโรงแรม ดูคุณม่านฟ้าไม่มีสติ แต่เขาบอกว่าเธอไม่สบาย" ครรชิตพูดตามสิ่งที่เห็น"แล้วนายก็หนีกลับมาเนี้ยนะ...ไอ้บริษัททัวร์เฮงซวย! " เอยเมื่อได้ฟังก็ตวาดเสียงลั่น ให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้พาตัวม่านฟ้าเพื่อนรักของเธอไปเสียดื้อ ๆ"ผมเปล่า คือผมพยายามตามหาและขอความช่วยเหลือจากสถานฑูต แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนต้องกลับมาส่งลูกทัวร์คนอื่นๆ ก่อน" ครรชิตบอกหวังให้เอยเข้าใจในสิ่ง
เสน่หามนตราบทที่ 23 - ลูกอ้อน...บรรยากาศภายในโรงพยาบาลที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยาปฏิชีวนะ ม่านฟ้าผู้ที่นอนหลับสนิทมาหนึ่งวันเต็ม ๆ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เปลือกตาค่อย ๆ เปิดออก จนเผยให้เห็นดวงตาสีนิลกลมโต เชคฮ บราฮิมผู้เฝ้าไข้ไม่ห่างกายด้วยความห่วงใยหญิงอันเป็นที่รัก เผยรอยยิ้มดีใจเมื่อเห็นม่านฟ้าลืมตาตื่น"ม่านฟ้า คุณเป็นอย่างไรบ้าง" น้ำเสียงดีใจเอ่ยถามออกไปทันใด"ปวดหัวค่ะ" ม่านฟ้าตอบกลับเสียงเรียบ อีกทั้งพยายามหยัดตัวเองลุกกึ่งนอนกึ่งนั่งหลังพิงกับหัวเตียง โดยมีเชคฮ บราฮิมคอยช่วยเหลือประคับประคอง"หลับไปนานหลายชั่วโมงเลย" ปากเปรยแต่มือก็สารวันดึงผ้าห่มคลุมกายสาวไปพลาง"ฉันรู้สึกเพลีย ๆ อย่างกับนอนไม่เพียงพอ" ม่านฟ้าบอกถึงอาการที่เป็นอยู่ที่เธอนั้นรู้สึก"หมอบอกคุณมีไข้เล็กน้อย ให้พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าออกไปเดินตอนกลางคืนอีกรู้ไหม..." เชคฮ บราฮิมบอกกล่าวให้ม่านฟ้าฟัง อีกทั้งมือหนายังลูบหัวม่านฟ้าอย่างแสนรัก ดวงตาดุดันที่แปรเปลี่ยนไป เมื่อได้มองม่านฟ้าช่างหยาดเยิ้มจนแทบละลาย...สายตานี้เขามีให้เธอเพียงผู้เดียว"ฉันรอคุณ" ดวงตากลมโตสีนิลเงยมองสบสายตากับ เชคฮ บราฮิม ในระยะใกล้อย่างไม่เกรง
เสน่หามนตราบทที่ 24 - กังวล...เมื่ออาการของม่านฟ้าเริ่มดีขึ้น ไข้ทุเลาเบาบางลง เชคฮ บราฮิมจึงพาม่านฟ้ากลับมาพักที่บ้านพักส่วนตัวหลังใหญ่ ที่สร้างไว้ด้วยอาณาเขตหลายสิบไร่ ทั้งเรือนไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม อีกทั้งบ้านพักที่สร้างบนต้นไม้ใหญ่อย่างโอ่อ่า สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบอย่างเพลิดเพลินสายตาทั้งเวลากลางคืนและกลางวัน นั่งจิบไวน์ชมจันทร์ก็แสนจะเพลิดเพลิน"ที่นี่ที่ไหน" ม่านฟ้าเอ่ยถามทันใดเมื่อสายตามองเห็นสถานที่แปลกใหม่นี้ที่ไม่คุ้นชินในสายตา"บ้านผมเอง" เชคฮ บราฮิม ให้คำตอบพร้อมคอยประคองม่านฟ้าให้เดินแนบชิดอย่างระมัดระวัง"อยากกลับบ้าน" ม่านฟ้าหันมองสบตาเชคฮ บราฮิมด้วยแววตาเศร้า น้ำเสียงวิงวอน จนคนมองนั้นใจวูบไหวเมื่อม่านฟ้าเอ่ยคำที่แสลงใจว่าอยากกลับบ้าน นี่ไงบ้านหลังใหม่ของเธอ เชคฮ บราฮิม พร่ำเพ้อในใจ"นี่ไงครับบ้านของคุณ" เชคฮ บราฮิม พยายามพูดหว่านล้อมม่านฟ้า ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมส่งยิ้มให้ หวังให้เธอไม่คิดกาลไกลอยากกลับไปบ้านของเธอที่ต่างแดน"บ้านของยาย...กลับบ้านของยาย" ม่านฟ้าร่ายกล่าวอีกครั้ง พร้อมน้ำใสๆ ในตาที่เอ่อคลอจนเต็มดวงตากลมโต อย่างกับเธอนั้นร้องขอ...ขอให้เขา
เสน่หามนตราบทที่ 25 - โอกาสมีไว้ฉวย....ร่างกายที่เคยอ่อนล้าของม่านฟ้าดีขึ้น ใบหน้าเริ่มสดใส อัยมี่และอาเดลที่ถูกสั่งให้มาดูแลม่านฟ้าตลอดไป การคลุกคลีกับม่านฟ้าจึงเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น สองฝาแฝดผู้มีอายุน้อยกว่าม่านฟ้า รู้สึกถูกชะตาเมื่ออยู่ใกล้ เสมือนพวกเธอนั้นมีพี่สาวแต่ก็ใช่ว่าจะก้าวก่ายคุยเล่นได้มากนัก เพราะเสียอย่างไรแล้วม่านฟ้าก็คืออนาคตของชีคคาแห่งชาร์จาห์แน่นอน จึงต้องให้เกียรติ"อัยมี่ อาเดล ฉันอยากออกไปเดินเล่น" ม่านฟ้าเอ่ยบอก เมื่อตื่นมาแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย อยากให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ้าง"แต่ว่าร่างกายยังไม่แข็งแรงดี...ท่านเชคฮจะห่วงเอานะคะ" อัยมี่ผู้เป็นแฝดพี่ชี้แจงอย่างห่วงใย"นั่นสิคะ เกรงจะไม่สบายอีก" อาเดลเสริมทัพหวังให้ม่านฟ้าเข้าใจในความห่วงใยที่พวกเธอนั้นมีให้"โธ่ อัยมี่ อาเดล นี่ฉันนอนทั้งวันแล้วนะ...เบื่อจะแย่!"(("ท่านเชคฮสั่งไว้ค่ะ") ) พี่น้องฝาแฝดตอบแทบพร้อมกัน จนม่านฟ้าหันหน้ามองอย่างจับจ้อง อะไร ๆ ก็คำสั่ง ขัดบ้างไม่ได้หรืออย่างไรกันนะ นั่นคือสิ่งที่ม่านฟ้ากร่นบ่นพึมพำในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกไปทำได้เพียงแสดงออกทางสีหน้าและแววตาเท่านั้น"มีอะไรกันหรือเสียงดังเ
เสน่หามนตราบทที่ 26 - หวัง...ความร้อนรนใจจนไม่เป็นทำอันใด เชคฮ บราฮิม เดินสับขาไปมาจนสาวใช้และอาฟียานั้นแทบเวียนหัว คอยแต่ส่งสายตามองไปยังร่างบางที่นอนนิ่งหลับตาสนิทอย่างห่วงใย"ท่านพี่ นั่งบ้างก็ดีนะคะ" อาฟียาเอ่ยทักเมื่อเริ่มไม่มีสมาธิในการดูแลม่านฟ้า ก็พี่ชายเล่นเดินไปเดินมาข้างเตียงไม่หยุด...เสียสมาธิแถมตาลายอีกต่างหาก"ก็พี่เป็นห่วง" เชคฮ บราฮิมหยุดเดินแล้วตอบกลับน้องสาว"แสดงออกมากไป เหมือนไม่ใช่ตัวตนท่านพี่เลยนะคะ" อาฟียา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวพี่ชาย ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปมาก ใครบ้างจะไม่สงสัยแค่คนรับใช้และบอร์ดี้การ์ดกระมังที่คงไม่กล้าทัก".........." เชคฮ บราฮิมเงียบกริบหลบเลี่ยงสายตาน้องสาวด้วยการเดินไปนั่งลงบนโซฟาหรูที่ตั้งตระหง่านข้างเตียงนอนแทน อาฟียาเมื่อสังเกตุเห็นพี่ชายนั้นเงียบ บ่งบอกว่าพี่ชายของตนนั้นกำลังใช้ความคิดย้อนนึกตาม...แสดงออกขนาดนั้นเลยหรือ? เชคฮ บราฮิมกร่นถามตัวเองในใจ"คิก คิก...เขินหรือคะท่านพี่""เปล่า แล้วนี่ม่านฟ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เชคฮ บราฮิมถามอย่างร้อนรนใจ เมื่ออาฟียานั้นเดินมานั่งเคียงข้าง และหัวเราะชอบใจ ตอนนี้อาการม่านฟ้าสงบลงแล้ว"ตอนนี้ท่านพี
เสน่หามนตราบทที่ 27 - ขอจูบได้ไหม?...ตลอดทั้งวันและทั้งคืนเชคฮ บราฮิม คอยเฝ้าดูม่านฟ้าแทบไม่ห่างสายตาเป็นระยะอย่างกังวลใจ กลัวคนที่รักจะเป็นอะไรไป และเชคฮ บราฮิมเพิ่งออกจากห้องนอนของม่านฟ้าไปในเวลาย่ำรุ่ง ด้วยหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ จึงฝากฝังให้อัยมี่และอาเดลดูแลรับช่วงต่อ สัญญาที่ให้ไว้ว่าจะพาไปชมบ้านต้นไม้ก็ไม่ได้ทำ เพราะม่านฟ้านั้นล้มป่วยเสียก่อน จึงต้องชะงักไว้เดี๋ยวค่อยพาไปทีหลังเมื่ออาการดีขึ้นกว่านี้...อัยมี่และอาเดล ยืนทำหน้าที่ให้คอยเฝ้ารอดูเวลาที่ม่านฟ้านั้นตื่นนอน เพราะต้องคอยปรนนิบัติอำนวยความสะดวกให้แก่ม่านฟ้า น้ำเกลือที่หมอให้เพื่อบำรุงร่างกายได้หมดกระปุกเมื่อไม่นานก่อนที่เชคฮ บราฮิมจะเดินออกจากห้องไป ทุกอย่างถูกจัดการจนเรียบร้อย(("อรุณสวัสดิ์ค่ะนายหญิง") ) อัยมี่และอาเดลเอ่ยทักพร้อมกัน อีกทั้งยังก้มหัวโค้งตัวอย่างนอบน้อมให้เกียรติ"หืม...นายหญิง? " ม่านฟ้ามองหน้าสองสาวรับใช้อย่างงวยงง ทำไมถึงได้เรียกเธอแบบนี้ทั้งที่ก่อนหน้าเรียกว่าคุณม่านฟ้าธรรมดาเท่านั้น"ท่านเชคฮสั่งค่ะ" อัยมี่ตอบตามที่ได้รับรู้มา เพราะว่าเมื่อคืนที่ก่อนนายเหนือหัวจะเข้าห้องนอนได้สั่งไว้ว่านับจากนี้
เสน่หามนตราบทที่ 28 - คิดผิด ?ม่านฟ้าถูกสองสาวรับใช้ขัดสีฉวีวรรณด้วยเครื่องหอมมากมายนานนับชั่วโมงจนเธอนั้นแทบหลับฟุบกับอ่างน้ำวนขนาดใหญ่"นายหญิงอยู่นิ่ง ๆ สิคะ" อาเดลพูดพร่ำเมื่อม่านฟ้านั้นนั่งหัวสัปงกเอนเอียง จนพวกเธอนั้นจัดการแต่งหน้าทำผมไม่ถนัด บางครั้งก็แทบหน้าหลับกับโต๊ะเครื่องแป้ง"อาเดล ฉันเริ่มง่วงมากแล้ว" "ต้องไปงานเลี้ยงกับท่านเชคฮก่อนนะคะ" "ทำไมต้องให้ไปด้วยนะ ไม่เข้าใจเลย ฮ้าว~~~" "ไม่รู้ความหมายหรือคะ" "ไม่รู้"...หญิงสาวชาวไทยถูกเนรมิตรแต่งกายด้วยชุดในแบบฉบับหญิงสาวชาวอาหรับ ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงที่ท่านเชคฮสั่งให้คนสรรหา เครื่องประดับละลานตาถูกร้อยใส่ตามสัดส่วนร่างกายอันที่ควรจะมี และที่สำคัญที่ท่านเชคฮสั่งการอย่างเด็ดขาด นั่นก็คือ อย่าลืมกำไรข้อมือและข้อเท้า"นายหญิงงดงามมากเลยค่ะ" อัยมี่ทักท้วงขึ้นเมื่อการแต่งกายให้ม่านฟ้านั้นจบลงด้วยเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายนั่นคือกำไรข้อเท้าตามที่นายเหนือหัวสั่งการไว้อย่างเด็ดขาด"อัยมี่ทำไมเครื่องทองถึงต้องใส่มากมายขนาดนี้ด้วยล่ะ" ม่านฟ้าท้วงกลับเพราะไม่ว่าส่วนไหนบนร่างกายก็ล้วนแต่มีเครื่องประดับสวมติดท
เสน่หามนตราบทที่ 29-แสดงออก"อัสซาลามูอาลัยกูม ท่านพ่อ" เชคฮ บราฮิมกล่าวทักทายผู้เป็นพ่อด้วยกิริยาท่าทางอ่อนน้อม"วาอาลัยกูมมุซซาลาม" ท่านผู้นำรัฐตอบรับคำทักทายลูกชายด้วนรอยยิ้ม"อัสซาลามูอาลัยกูม ท่านผู้นำ" อานัสที่ยืนขนาบข้างเชคฮ บราฮิม กล่าวทักทายตาม"วาอาลัยกูมมุซซาลาม...สบายดีหรืออานัส" ท่านผู้นำรัฐตอบกลับะร้อมคำถามตามมารยาท"สบายดีครับ" อานัสตอบรับคำถามท่านผู้นำอย่างเคารพ "ท่านพ่อฝากความคิดถึงมาให้ และใช่ว่าไม่อยากมางานในวันนี้ แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่เป็นอยู่ไม่ค่อยแข็งแรง""ไม่เป็นไร ฝากความห่วงใยถึงพ่อเจ้าด้วย มีโอกาสจะแวะเวียนไปหา" ท่านผู้นำรัฐชาร์จาร์วางคำพูดอย่างงดงาม ด้วยมาดของผู้นำที่น่าเกรงขามและดูมีเกียรติ"ยินดีต้อนรับครับท่าน" อานัสก้มหัวตอบรับอย่างเด็กเคารพผู้ใหญ่ เรื่องบาดหมางของลูกชายและเพื่อนรัก คนเป็นพ่อก็รู้ดีแต่ด้วยเหตุผลที่ลูกชายบอกไว้ว่ามันคือเรื่องส่วนตัว คนเป็นพ่อจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว"ตามสบายนะ ขอไปดูแขกทางด้านนั้นก่อน" ท่านผู้นำรัฐบอกกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไปเหลือไว้เพียงชายหนุ่มสองคนเท่านั้น ที่ยืนมองหน้ากันอีกคนกำลังจับพิรุธ ส่วนอีกคนอาจจะกำล
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา
Special - ขอแค่กลับมาตลอดเวลาที่ยาวนานกว่าสามสิบกว่าวันที่ม่านฟ้านั้นไม่ได้ออกไปไหน นอกจากอยู่ภายใต้ชายคาของคฤหาสน์และเดินเล่นเพียงแค่บริเวณรอบด้านเท่านั้น มีเพียงอาฟียาและเอยเพื่อนรักเท่านั้นที่คอยอยู่แก้เหงา โดยที่ม่านฟ้าก็ไม่รู้ว่าทำไม เชคฮ บราฮิม ถึงสั่งห้ามขนาดนี้ เหมือนจะกักขังเธอไว้อย่างกับนักโทษในความคิดของเธอ แต่เมื่อม่านฟ้าได้ยิน เชคฮ บราฮิม นั้นบอกแค่ว่า‘ที่ทำไปนั้นล้วนมีเหตุผล…ทุกอย่างเพื่อคุณนะม่านฟ้า’ประโยคที่บ่งบอกว่าเขานั้นห่วงใย ม่านฟ้าจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อให้มากความ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่คนรักนั้นทำและสั่งการ ย่อมมีเหตุผลและที่มาที่ไปเสมอ เธอจึงเชื่อใจและยอมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ “นี่เป็นของขวัญที่ท่านพี่ส่งมาให้ค่ะว่าที่พี่สะใภ้” อาฟียาและเอยเดินเข้ามาในห้องรับรองที่ม่านฟ้ากำลังนั่งถักไหมพรมเป็นงานอดิเรก พร้อมกับเหล่านางรับใช้ราวแปดคนพร้อมกับของในมือมากมายที่อาฟียาบอกว่ามันคือของขวัญ “ของขวัญ?” ม่านฟ้าเงยหน้าจากงานที่ทำแล้วย้ำถามอย่างสงสัย ของขวัญเนื่องในโอกาสอันใด และนี่ก็หลายวันที่ เชคฮ บราฮิม หายหน้าไป ม่านฟ้าจะเจอแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ด้วยหน้
“เธอเป็นอย่างไรบ้างหมอ” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรนใจเมื่อหมอนั้นตรวจอาการของม่านฟ้าเรียบร้อย “ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ” หมอหญิงบอกกล่าวถึงอาการ “ไม่ได้เป็นได้ยังไง อาเจียนขนาดนี้!” เชคฮ บราฮิม เกิดอาการฉุนเฉียวเมื่อสิ่งที่เขาเห็นนั้นว่าหนักหนา แต่หมอกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร เหมือนหมอนั้นโกหกหน้าตายเสียอย่างนั้น “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยค่ะท่าน...แค่นายหญิงนั้นตั้งครรภ์เท่านั้น” “ยังจะโก....” เชคฮ บราฮิม เตรียมสาดคำด่าเมื่อหมอยังบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ต้องหยุดชะงักคำพูดไว้ เมื่อสิ่งที่ได้ยินนั้นเหมือนสายลมผ่านหู ฟังดูแล้วไม่ค่อยชัดเจน “อะไรนะ หมอว่าอะไรนะ” จนต้องย้อนถามอีกครั้งอย่างตะลึงอึงงัน “นายหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ควรพานายหญิงไปฝากครรภ์และตรวจดูอายุครรภ์อีกครั้งนะคะ” “จริงเหรอ” สีหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี อาเดลและอัยมี่พร้อมราชิตที่ยืนข้างเตียง ยิ้มแย้มด้วยความปรีติยินดีที่ตอนนี้นายเหนือหัวกำลังจะมีทายาท “ม่านฟ้าเรากำลังจะมีลูก” เชคฮ บราฮิม โผเข้ากอดหญิงที่รักที่นอนยิ้มอยู่บนเตียง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสเป็นน้ำตาของความดีใจเมื
เวลาผ่านพ้นไปนานนับเดือนครรชิตหายไปจากต่างแดนเพราะคำสั่งที่แสนจะหนักแน่นของผู้มีอิทธิพลอย่าง เชคฮ บราฮิม สั่งการ ให้ส่งตัวกลับบ้านเกิดและไม่ได้ข่าวคราวอะไรของครรชิตอีกเลย ส่วนเอยและอาฟียาก็อยู่ด้วยกันอย่างคนรักแบบเปิดเผย แม้ผู้เป็นพ่อจะไม่ค่อยพอใจแต่จะห้ามยังไงได้เมื่อบุตรสาวนั้นร้องขอ ด้วยความรักลูกจึงต้องยอมปิดหูปิดตา แม้ว่าจะไม่ชอบใจ อาฟียาเทียวไปเทียวมายังประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง เพราะเอยก็มีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างเช่นคนทั่วไปเหมือนกัน แม้อาฟียาจะร้องขอให้เอยมาอยู่ด้วย แต่ด้วยเหตุผลที่มากขอของเอยอาฟียาจึงเป็นฝ่ายยอมเอง สิ่งที่ม่านฟ้านั้นฝัน สถานที่แห่งไหนที่ม่านฟ้านั้นอยากไป เชคฮ บราฮิม จะเป็นคนพาเธอสานต่อมันด้วยตัวเอง หลังมื้อเย็นที่ชายและหญิงนอนกกก่ายกันบนเตียงนอนและดูโทรทัศน์ด้วยกัน มือหนาลูบหน้าคนในอ้อมกอดแผ่วเบา มือเล็กก็ลูบไล้แผงอกแกร่งที่ไร้เสื้อผ้า ไหล่หนาคือหมอนหนุนชั้นดีให้หญิงสาว “อยากไปไหนไหม” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามขึ้น เมื่อนึกได้ว่าจุดประสงค์ที่ม่านฟ้านั้นมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อน แต่เธอกลับยังไม่ได้ไปไหนมากมายเพราะเขานั้นฉุดเธอมาก่อน “ถามทำไมค