เสน่หามนตรา
บทที่ 21 - โวยวาย
อีกฟากฝั่งของครรชิตก็กำลังร้อนใจ เมื่อลูกทัวร์หายตัวไป เพราะวันนี้คือวันสุดท้ายและต้องเดินทางกลับประเทศไทยในคืนนี้ จะตามหาลูกทัวร์ที่หายไปได้ที่ไหนก็ยังไม่รู้...คู่บัดดี้ที่นอนด้วยกันก็บอกไม่รู้อะไร ความสงสัยที่มีก็คือครั้งสุดท้ายที่เขาเจอม่านฟ้าในอ้อมกอดผู้ชายอาหรับคนนั้น
"คุณอยู่ไหนนะม่านฟ้า" เมื่อไปขอความช่วยเหลือจากสถานฑูตก็ไร้วี่แวว หากม่านฟ้าเป็นอะไรไปบริษัททัวร์ของเขาต้องเสียชื่อเป็นแน่...แต่ไม่เท่ากับความรู้สึกห่วงใยม่านฟ้า ห่วงหาว่าเธอนั้นจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า เพราะดูท่าชายคนนั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
...ล้อเครื่องบินเหยียบผืนดินประเทศไทยในเวลาต่อมา ครรชิตกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก เมื่อลูกทัวร์นั้นหายไปและจนใจไม่รู้จะตามหาได้อย่างไร กาลนี้ก็ต้องพาลูกทัวร์คนอื่น ๆ กลับมาก่อนเพราะถึงกำหนด ... เรื่องของม่านฟ้าคงต้องหารือกับคนในบริษัทอีกที และครรชิตจะไม่หยุดแค่นี้ เขาต้องตามหาม่านฟ้าให้พบจงได้
เมื่อตั้งใจว่าจะมารับเพื่อนที่สนามบินตามที่ม่านฟ้าบอกไว้ว่าวันไหนที่เธอจะเดินทางกลับ...เอยมายืนรอรับตรงทางออกอยู่เนิ่นนาน แต่กลับไม่เห็นเพื่อนแม้แต่เงา
"รอรับกระเป๋าอยู่เหรอ? " เอยพึมพำคนเดียว และยืนรอม่านฟ้าอยู่แบบนั้นสักครู่ จนสายตามองเห็นป้ายบริษัททัวร์ที่เพื่อนใช้บริการชูขึ้นสูง "สงสัยอยู่ตรงรวมกลุ่มนั้น..."
...เมื่อกลุ่มทัวร์เริ่มสลาย หลายคนยกมือไหว้ร่ำลากัน ไม่นานคนกลุ่มนั้นก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง สายตาของเอยกวาดมองอยู่นาน...แล้วม่านฟ้าเพื่อเธอล่ะ?
"ขอโทษนะคะ รู้จักม่านฟ้าไหมคะ? " และช่างประจวบเหมาะเมื่อเอยนั้นถามถูกคนเสียจริง เธอคือบัดดี้ที่นอนห้องเดียวกันกับม่านฟ้า
"เธอนอนห้องเดียวกับฉันค่ะ...แต่ว่าเหมือนเธอจะหายตัวไป"
"หายตัวไป! " เอยร้องเสียงหลงตกใจ เพื่อนเธอหายตัวไป หายได้ยังไง แล้วทำไมไม่มีใครตามหา กลับมากันตามลำพังโดยไร้เพื่อนเธอเนี้ยนะ! ความเดือดดาลควันแทบออกหู เมื่อเอยได้รับรู้ บริษัททัวร์ต้องรับผิดชอบ!
"ค่ะ...เธอหายไปตั้งแต่คืนแรก ได้ยินแบบนั้นนะคะ" เอยยิ่งตกใจไปใหญ่เพื่อนเธอหายไปตั้งแต่คืนแรก "ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวค่ะ...รบกวนถามอีกหน่อย ใครคือหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์นี้"
"คุณครรชิตค่ะ เป็นหัวหน้ากรุ๊ปและเป็นเจ้าของ...โอ๊ะ! นั่นไงคะเดินไปนั่นแล้ว" คู่บัดดี้ชี้บอกเมื่อสายตามองเห็นครรชิตเดินไปยังประตูทางออก
"ขอบคุณมากค่ะ...ฉันขอตัว" เอยกล่าวขอบคุณแล้วรีบวิ่งหน้าตั้งด้วยความเร็วขาที่ทำได้ ด้วยกลัวไม่ทันครรชิต
"เดี๋ยว ๆ! คุณ! คุณ! " เอยแผดเสียงดังตะโกนลั่นหวังให้ครรชิตหยุดเดิน จนเอยต้องวิ่งดักทางด้านหน้าด้วยอาการหอบเหนื่อยอย่างกับไปวิ่งมาราธอนมาก็ไม่ปาน
"เรียกผมหรือครับ" ครรชิตสงสัยจึงย้อนถาม
"ก็คุณนะสิ" เอยบอกด้วยเสียงหอบเหนื่อย "คุณใช่ไหมเป็นเจ้าของบริษัททัวร์...โอ๊ยเหนื่อย อึก! " เอยถามเพื่อความมั่นใจว่าเธอไม่ได้ทักผิดคน ก่อนจะสบถเสียงหอบโก่งตัวมือค้ำหัวเข่า ลอบกลืนน้ำลายลงคอ โดยไม่ได้รักษาภาพลักษณ์แม้แต่น้อยเพราะความเหนื่อยหอบบังคับ
"ใช่ครับ" ครรชิตตอบเพียงสั้น ๆ
"เพื่อนฉันอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมาด้วย เป็นบริษัททัวร์ภาษาอะไร คนหายไปทั้งคนไม่ตามหา แล้วกลับมาแบบนี้~~~อื้อ อ่อยนะเอ้ยไอ้อ้า..." ครรชิตปิดปากเอยเร็วพลัน เมื่อเธอนั้นขยับตะโกนด่าทอเสียงดังจนคนที่เดินรอบข้างหันมามองเป็นสายตาเดียว ครรชิตปิดปากเอยลากหลบตรงมุมของประตูทางออกเพื่อเลี่ยงสายตาใครต่อใคร
"เงียบสิคุณ! " ครรชิตบอกเสียงหนัก แต่เอยกลับหาได้สนใจไม่ เพราะเธอร้อนใจเพื่อนหายไปทั้งคน ใครจะใจเย็นเงียบปากลงได้
"อ่อยอะ" เอยพยายามดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของครรชิตหวังให้หลุด ปากก็ยังขยับด่าทอไม่หยุดแม้ถูกปิดด้วยฝ่ามือหนาก็ตาม เอยยังพยายามต่อไป
"หยุด! แล้วเงียบ! "
"อ่อย อันไอ้หยุด"
"ไม่หยุดผมจูบ...จูบตรงนี้เลย! "
ได้ผล...เอยเงียบปากและหยุดดิ้นทันทีที่ครรชิตเอ่ยปากข่มขู่ แม้นไม่รู้ว่าเขาจะกล้าทำไหม แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ยังไงก็คนแปลกหน้าถึงแม้จะหน้าตาดีก็ตาม ก็ไม่ควรแข็งข้อ
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา