ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย...
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมา นอกจากชาวต่างชาติที่กำลังเดินทางเข้าออกประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้ว ยังมีชายหนุ่มชาวไทยรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวดูมีออราที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก สวมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตแขนยาวกับกางเกงสแล็กส์สีดำเข้าชุด เดินปะปนมากับผู้คนเหล่านั้นด้วย
นัยน์ตาคมกริบของชายหนุ่มถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดสีดำราคาแพง แต่ไม่ได้ช่วยอำพรางความหล่อเหลาของเขาได้แม้แต่น้อย ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับดูเงียบขรึมราวกับว่าเขานั้นมีเรื่องหนักใจให้ขบคิดระหว่างทางที่เดินออกมาจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ความสูงโปร่ง หล่อเหลาและดูดีของชายหนุ่มเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย ใคร ๆ ต่างมองตามด้วยความสนอกสนใจว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้คือใครกัน
แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจผู้คนเหล่านั้นเลย ตั้งหน้าลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำพร้อมกับซุกมืออีกข้างลงในกระเป๋ากางเกง เดินตรงไปยังจุดบริการแท็กซี่ของทางสนามบินเพื่อเดินทางไปยังบ้านหลังใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขา ซึ่งชายหนุ่มตั้งใจที่จะกลับมาเซอร์ไพรซ์ไม่ยอมบอกใครแม้แต่คนเดียว
“ให้ขับเข้าไปจอดหน้าประตูรั้วเลยไหมครับ” คนขับรถแท็กซี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เข้าไปเลยครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของผู้โดยสารหนุ่มตอบกลับคนขับรถแท็กซี่ ก่อนที่รถจะแล่นเข้ามาจอดที่ประตูรั้วหน้าบ้านหลังใหญ่ในเวลาต่อมา
“ค่ารถเท่าไรครับ” เขาถามราคาเมื่อรถจอดเทียบประตูรั้วหน้าบ้านหลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
“ทั้งหมดสองพันสามร้อยบาทครับ”
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็หยิบกระเป๋าสตางค์คู่ใจออกมาควักธนบัตรสีเทาจำนวนสามใบให้กับคนขับรถแท็กซี่ โดยไม่ลืมทิ้งท้ายว่าไม่ต้องทอนก่อนจะลงจากรถ
คนขับรถก็บริการดีจนนาทีสุดท้าย ลงจากรถเดินอ้อมไปยังด้านหลัง หอบเอากระเป๋าใบใหญ่ของผู้โดยสารลงมาวางหน้าประตูรั้วให้เสร็จสรรพ
ชายหนุ่มยืนมองบ้านหลังใหญ่ผ่านแว่นตากันแดดสีดำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูรั้วเล็กเดินไปตามทางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ภายในห้องนั่งเล่นดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มเข้ามาถึงประตูบ้านหลังใหญ่ แม่บ้านเก่าแก่ที่ทำงานมานานเดินมาเห็นชายหนุ่มเข้าพอดี นางกำลังจะอ้าปากร้องทักแต่ผู้ที่เข้ามาใหม่ส่งสัญญาณให้นางเงียบเสียงก่อน นางจึงเงียบเสียงลงทันทีพร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ ให้ชายหนุ่มด้วยความดีอกดีใจแทน
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ เป็นห่วงไอ้คนที่อยู่ทางโน้นดีกว่า” เสียงพูดติดตลกที่คุยอยู่กับผู้เป็นมารดาดังขึ้น
“ไอ้คนทางโน้นที่ว่ามาเนี่ย มันหมายถึงกูใช่ไหม”
คนทางโน้นที่ถูกเอ่ยถึงพูดแทรกบทสนทนาของพี่ชายพร้อมกับถอดแว่นตากันแดดสีดำออกจากใบหน้า สมาชิกในบ้านที่นั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติเมื่อครู่นี้หันหน้าไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจพร้อมเพรียงกัน
ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วเช่นนี้!
“ตาสอง!” ผู้เป็นแม่จ้องหน้าบุตรชายคนเล็กที่ไปควบคุมดูแลงานรวมทั้งศึกษาด้านการตลาดเพิ่มเติมที่ต่างประเทศสามปีไม่กลับบ้านด้วยอาการตกตะลึง แล้วลุกขึ้นมาสวมกอดบุตรชายคนเล็กที่สูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรด้วยความคิดถึง
“สวัสดีครับคุณแม่ คุณพ่อ พี่หนึ่ง คุณมายด์” เขาทักทายผู้เป็นบิดามารดา พี่ชายและพี่สะใภ้ที่กำลังร่วมพูดคุยกันอยู่ภายในห้องนั่งเล่นอย่างครื้นเครง
สอง รณพีร์ อนันต์พิทากานต์ รองประธานบริหารหนุ่มหล่อไฟแรงในวัยสามสิบเจ็ดปี เป็นบุตรชายคนเล็กของคุณอนันต์กับคุณนายสรวงสุดา อนันต์พิทากานต์ ชายหนุ่มเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย ครอบครัวของเขารวยเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมและรีสอร์ตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ชายหนุ่มเดินทางไปควบคุมดูแลโรงแรมในเครือที่มีปัญหาที่ต่างประเทศเมื่อสองปีก่อน แต่เพราะเหตุใดเขาถึงขออยู่ดูแลงานที่นั่นต่ออีกหนึ่งปี เหตุผลนั้นไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเขาเองที่เก็บเอาไว้ภายในใจและภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมดูเข้าถึงยาก
“เจ้าสอง! กลับมาทำไมไม่บอก พ่อจะได้ให้คนขับรถไปรับที่สนามบิน” คุณอนันต์เอ่ยถามแกมตำหนิบุตรชายคนเล็กในคราวเดียวกัน
“ถ้าบอกว่าจะกลับวันนี้...ผมคงไม่ได้ยินอะไรดี ๆ แบบเมื่อกี้เหรอครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มพูดแซวพลางยิ้มน้อย ๆ
“แปลกตรงไหน อายุแกก็มากแล้ว…รีบแต่งงานสักทีเถอะ” คุณนายสรวงสุดาบอกอย่างประชดประชันบุตรชาย “ดูอย่างพี่หนึ่งพี่ชายแกสิ…ตอนนี้เขาแต่งงานมีเมียมีหลานให้ฉันอุ้มแล้ว ฉันรออุ้มลูกแกอยู่นะตาสอง...ไม่งั้นฉันไม่ยอมตาย”
“ก็ผมยังไม่พร้อมนี่ครับแม่ แม่ก็เลี้ยงลูกของไอ้หนึ่งไปก่อนแล้วกัน” รณพีร์ตอบกลับใบหน้านิ่งขรึมน้ำเสียงเรียบเฉย ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาราคาแพงเบา ๆ
“เลี้ยงอยู่แล้วหลานฉันทั้งคน แต่ฉันอยากเลี้ยงลูกแกด้วย”
“แล้วหลานสาวของผมไปไหนเสียแล้วล่ะครับ” รณพีร์ถามเปลี่ยนเรื่องพลางสอดส่ายสายตามองหาหลานสาวตัวน้อย
“นอนกลางวันอยู่บนห้องน่ะค่ะ” มธุรินตอบกลับน้องชายของสามี
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้โดยไม่พูดอะไรจนกระทั่งผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถาม
“ยังลืมเรื่องนั้นไม่ได้เหรอ” รณวีร์พอจะรู้เรื่องราวสำคัญที่ทำให้น้องชายของเขากลับมาเป็นคนเงียบขรึมและจริงจังกับการทำงานมากกว่าเมื่อก่อน พักหลัง ๆ น้องชายของเขาไม่ได้คบใครเป็นจริงเป็นจังเท่าไร มีแต่ควงเล่นไปวัน ๆ เท่านั้นเอง
“เปล่า” ชายหนุ่มปฏิเสธจนทำให้ผู้เป็นบิดามารดาเกิดสงสัยขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้ ตาหนึ่ง ตาสอง”
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่” รณพีร์ตอบปัด นางจึงหันไปมองบุตรชายคนโตแล้วคาดคั้น “ว่าไงตาหนึ่ง แกปิดบังเรื่องอะไรของตาสองเอาไว้บอกมานะ”
รณวีร์ไม่ยอมตอบ ผู้เป็นมารดาจึงหันไปทางลูกสะใภ้เพื่อขอความช่วยเหลือ
“พี่หนึ่งปิดบังอะไรไว้บอกคุณแม่มานะคะ ถ้าไม่บอกคืนนี้เราแยกกันนอน” มธุรินพูดข่มขู่สามีด้วยท่าทีจริงจัง
“บอกก็ได้” รณวีร์เอ่ยอย่างยอมจำนนคนเป็นเมีย
ผู้เป็นน้องมองหน้าพี่ชายพลางพูดเยาะเย้ย “โธ่เอ๊ย! กลัวเมียนี่หว่า อยากบอกก็บอกไปเลย ผมขอตัวขึ้นห้องนะครับ”
“อย่าให้ถึงตามึงกลัวเมียบ้างนะไอ้สอง”
“ไม่มีวันนั้นหรอก” สวนกลับพี่ชายอย่างมั่นใจก่อนจะออกไปจากห้องนั่งเล่น ปล่อยให้รณวีร์เล่าเรื่องของรณพีร์ที่รู้มาเพียงเล็กน้อยให้บิดาและมารดาได้รับทราบ
ทางด้านคนที่หนีหน้าขึ้นมาบนห้องนอนของตน ไม่อยากเล่าหรือได้ยินเรื่องที่ทำให้เจ็บช้ำใจอีกแล้ว
บางคนมักจะคิดว่าเขาชอบเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยไม่จริงจังกับใครเพราะเจ้าชู้ แต่ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขามีเรื่องที่เจ็บและจำฝังใจจึงไม่คิดที่จะจริงจังกับใครต่างหาก
ม่านทิวานั่งอยู่กับโต๊ะที่จองเอาไว้ร่วมกับเพื่อนอีกมุมหนึ่งของร้าน ร้านนี้ร้านใหม่ที่พวกเธอไม่เคยเข้ามา อันที่จริงพวกเธอนั้นไม่ค่อยได้เที่ยวบ่อยนักหรอก นาน ๆ จะหาเวลาว่างมาสักครั้ง แก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะยังคงมีไอน้ำเกาะพราวเพราะมันถูกยกขึ้นจิบเพียงไม่กี่ครั้ง ความสนุกและการเมาท์มอยมันทำให้ม่านทิวาลืมความทุกข์ไปชั่วขณะและนั้นมันทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่ากำลังมีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเฝ้ามองเธออยู่ในเงามืด ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งนั่งอยู่ในอีกมุมหนึ่งในชุดสูทลำลองท่ามกลางบรรยากาศของทุกคนที่แต่งตัวสบาย ๆ ในโทนสีดำ แต่ทุกอย่างมันทำให่ดูโดดเด่นและมีแฝงความอันตรายขึ้นมาไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือแม้กระทั้งออร่าที่เปล่งประกาย เขาจดจ้องใบหน้าหวาน ริมฝีปากระเรื่อสวยได้รูปเวลาพูดคุยหัวเราะอยู่กับเพื่อมันช่างน่าหลงใหลเสียจริง ๆการกระทำของเขามันช่างเหมือนคนโรคจิต แต่ทำไงได้คนมันหลงความสวยของหญิงสาว อยากได้เธอมาครอบครอง เขามองเธอจนกระทั่งเธอลุกออกจากโต๊ะไป ทำให้เขาต้องบอกคนที่นั่งร่วมโต๊ะและลุกตามออกไป ม่านทิวาลุกออกมาทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำอีกทั้งแวะตอบกลับข้อความงานด้วยครู่หนึ่งแล้
เสน่หาสามัลวงใจ ตอนพิเศษเมื่อเราได้พบกัน 2วันนี้มีตอนพิเศษของพี่สองกับน้องม่านมาฝากก่อนที่จะไปอ่านพี่หนึ่ง...พี่ชายสุดหล่อของพี่สองค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ช่วงนี้ไรท์มีเวลาน้อยแต่จะรีบปั่นมาลงให้อ่านค่ะ มาอ่านกันเถอะ มันพิเศษไหมนะ✨❤ คุณเคยเชื่อเรื่องความบังเอิญ โชคชะตา หรือ พรหมลิขิตหรือไม่ ❤✨"ยัยม่าน แกน่ะจะประหยัดอะไรนักหนา ทำงานหาเงินมาก็เหนื่อยให้รางวัลตัวเองบ้างเถอะ" ธาริกาเอ่ยเมื่อเห็นเพื่อนยืนเหม่อมองอยู่หน้าร้านนานสองนาน ไม่ยอมเข้าไปเลือกซื้อสักที่ แต่ก็ตามสไตล์เพื่อนของตนนั่นแหละสองสาวที่เดินตามหลังมาสมทบมองดูสถานการณ์ก่อนถามเจ้าตัวเช่นกัน "นั่นสิ ฉันก็เห็นด้วยนะ แกน่ะไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลย หามาก็ถูกสองแม่ลูกจอมสูบนั้นเอาไปหมด เก็บไว้บ้าง ตอนนี้อยู่หอก็เอาไว้นั้น สองคนนั้นคงไม่มาวุ่นวายหรอก" อัญญ์หนึ่งในเพื่อนสนิทของม่านทิวาบอกอย่างเข้าใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าบ้านของเพื่อนเป็นอย่างไร อย่างน้อย ๆ ก็ให้ซื้อของใช้บ้าง“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ แล้วพวกแกน่ะ ซื้อของกันเสร็จแล้วเหรอ” “ยังเหรอเดินมาดูคนประหยัดอย่างแกก่อนเนี่ยว่าได้อะไรติดไม้ติดมือหรือยัง”“กำลังจะเข้าไปดูร้านนี้น่ะ พอดี
ไม่ได้ออกนิยายเรื่องยาว มาทักทายนักอ่านหลายปีเลย ตั้งแต่ออกเรื่อง เสน่หาสามีลวงใจ มาก็หายเลย เนื่องจากปัญหาหลาย ๆ อย่าง แต่มีเรื่องสั้นออกมาบ้างประปราย แต่หลังจากนี้จะออกงานเรื่อย ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องสั้น และเรื่องยาว อย่างเรื่องที่รอกัน ยังจำได้ไหมน้า “เสน่หาสามีลวงรัก” พี่หนึ่ง ยังไงก็มาให้อ่านแน่นอน ระหว่างรอ ฝากเรื่อง “ทิวาเปื้อนราคี” , “ จะมีเรื่องยาวมาบ่อย ๆ กำลังใจจากนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ วันนีีไรท์ มีตอนพิเศษของพี่สองกับน้องม่านมาฝากก่อนที่จะไปอ่านพี่หนึ่ง...พี่ชายสุดหล่อของพี่สองค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ช่วงนี้ไรท์มีเวลาน้อยแต่จะรีบปั่นมาลงให้อ่านค่ะ มาอ่านกันเถอะ มันพิเศษไหมนะ ด้วยรัก...ญาดาพัชร์ 🌸เมื่อเราเพิ่งเคยพบกัน🌸 ✨❤ คุณเคยเชื่อเรื่องความบังเอิญ โชคชะตา หรือ พรหมลิขิตหรือไม่ ❤✨ แต่สำหรับม่านทิวาแล้ว ทั้งสามสิ่งนี้มันแทบจะไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอเลยแม้แต่เสี้ยวหนึ่ง... เพราะทุกสิ่งมันเกิดขึ้นด้วยการกระทำ แต่แล้วทุกอย่างก็ทำให้เธอคิดว่า บางทีการที่เธอได้พบกับครอบครัวของสามีอย่างรณพีร์ มันอาจจะเป็นทั้งสามสิ่งที่ว่ามาจัดสรรค์ก็เป็นได้ คนตัวเล็กนั่งเลี้ยงลูกน้อยอยู่ภายใ
รณพีร์กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารด้วยเตาถ่านที่หลังบ้านของม่านทิวาอย่างใจสู้ เพราะว่าเขาไม่เคยใช้มันมาก่อน ตอนที่อยู่ต่างประเทศเขาทำอาหารรับประทานเองก็จริงแต่เครื่องครัวมันทันสมัยกว่านี้ พอมาลองทำอะไรแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าเริ่มต้นไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี จนเขาต้องเปิดคลิปวิดีโอจากยูทูปทำตามขั้นตอนทุกอย่างที่สอนในคลิปวิดีโอชายหนุ่มอยากทำอาหารให้ลูกกับเมียได้ลองชิมฝีมือเขาครั้งแรกระหว่างที่ม่านทิวานอนกลางวัน เธอเพิ่งกลับจากการไปทำงานที่บ้านของย่าเขา ครั้นจะห้ามทำก็กลัวเมียจะโกรธจึงต้องปล่อยเลยตามเลย ให้ทำงานเบา ๆ ไม่หนักจนเกินไปไม่อยากขัดใจเมีย ถ้าเธอโกรธมันจะพลอยกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง“ไฟแรงเกินไป มันต้องทำยังไงวะ” บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียเพราะหลังจากเทไข่เจียวหมูสับลงในกระทะที่มีน้ำร้อนจัด ไฟในเตาก็ยิ่งโหมลุกรุนแรงมากยิ่งขึ้นทำเอาไข่เจียวของเขามีกลิ่นไหม้ขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้ว…ไหม้หมดแล้ว!”“พี่สองทำอะไรคะ กลิ่นไหม้ฟุ้งกระจายเต็มบ้านเลย”เป็นจังหวะเดียวกันกับม่านทิวาที่ตื่นจากการนอนกลางวันพอดี เธอออกจากห้องมาดูเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากทางหลังบ้าน
“เอาน้ำหอมปรับอากาศในรถออกหรือยังคะ” เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอนั่งรถคันไหน ๆ ก็ต้องเวียนหัวทุกครั้งไปเพราะกลิ่นน้ำยาปรับอากาศในรถ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็เลยไปตรวจดูพบว่าอาการคลื่นเหียนอาเจียนบ่อย ๆ ของเธอนั้นมาจากอาการตั้งครรภ์“เอาออกแล้วน่า รถคันนี้พี่พึ่งจะซื้อมาใหม่ เราไม่มีทางเวียนหัวแน่นอน รู้ว่าท้องอยู่…หลานไม่ชอบ”หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนก้าวขึ้นรถไป ผิดกับนทีที่พอจะได้ยินว่าธาริกาอาเจียนเวียนหัวเพราะเหตุใด เขาจะไม่มีทางปล่อยเธอกับลูกออกจากอกแน่นอนชายหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มองรถที่ขับออกไปอย่างนิ่งนอนใจและตัดสินใจขับตามไปห่าง ๆ แน่นอนว่าต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิ นทีหยิบพาสปอร์ตที่เขาแอบเก็บเอาไว้ในลิ้นชักหน้ารถของตนขึ้นมาดูอยากจะรู้นักถ้าไม่มีพาสปอร์ตนี่…เธอจะหนีเขาไปไหนได้!ธาริกามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปโหลดกระเป๋าให้เรียบร้อยเพราะยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เธอจึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอไปพลาง ๆ ตลอดการจับโทรศัพท์มือถือของเธอนั้นนทีพยายามโทร.หาและส่งข้อความมาตลอด แต่หญิงสาวกลับไม่
ตอนพิเศษ 1นที VS ธาริกาทุกคนต่างพากันร่วมแสดงความยินดีกับคู่สามีภรรยาที่ปรับความเข้าใจกันได้เสียที หลังจากที่ไม่เข้าใจกันมานานนับหลายเดือน ธาริกามองภาพของม่านทิวาที่ยิ้มอย่างมีความสุขกับรณพีร์อยู่คู่หนึ่งก็หาจังหวะปลีกตัวออกจากงานที่มากมายไปด้วยผู้คนทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งเพื่อนสาวทั้งสองของเธอที่กำลังคบหาดูใจกับสองหนุ่มหล่ออย่างพชรและจอมพล หญิงสาวรอจังหวะที่ไม่มีสายตาคู่คมคอยจับจ้องรีบถอยห่างออกมาจากตรงนั้นทันทีธาริกาเดินลัดเลาะตามแนวทางเดินของสวนคุณย่ามาลัยไปยังบ้านเช่าที่ตนกับม่านทิวาเช่าอยู่ด้วยกัน นับตั้งแต่ที่พาว่าที่คุณแม่หนีออกมาจากโรงพยาบาล หญิงสาวคอยลอบมองซ้ายมองขวาว่าจะมีใครแอบตามเธอมาหรือไม่ หลังจากที่ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาจึงรีบเดินไปยังประตูหน้าบ้านทันที เพื่อที่จะเอากระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอที่ลืมหยิบออกมาตั้งแต่แรก เมียงมองหากระเป๋าใบใหญ่ของตนแต่ก็ไม่พบ แต่พอลองนึกย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้นทีเป็นคนที่คว้าเอาของของเธอไปถือไว้หน้าตาเฉยตอนนี้กร