Masukหลายวันต่อมา
ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเนตรนภากำลังพาบัวตองเข้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง พอเข้าไปถึงเด็กสาวก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านด้วยความตื่นตาตื่นใจกับเสื้อผ้าหลากสีสันที่เรียงรายกันอยู่ตรงหน้า เนตรนภาเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะยิ้มออกมาให้กับท่าทางของเด็กสาว "เลือกได้ตามใจเลยนะลูก" "น่าจะแพงมากนะคะ ไม่เหมาะกับบัวหรอกค่ะ" "เหมาะสิจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจแม่หรอกลูก อยากจะได้ชุดไหนก็เลือกได้เลย เดี๋ยวแม่จะพาไปดูกระเป๋าและรองเท้าต่อ" "แต่ว่าหนู..." "ถ้าไม่ยอมเลือกเอง แม่จะให้พนักงานจัดการให้เองนะ" "ก็ได้ค่ะ" รีบเดินไปเลือกทันที บัวตองเลือกหยิบเสื้อกับกางเกงอย่างละตัวไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเนตรนภาด้วยความเกรงใจ ยิ่งเธอเห็นราคาที่แพงกว่าราคาเสื้อผ้าในตลาดนัดหลายเท่าก็ยิ่งไม่อยากแม้แต่จะจับต้องด้วยซ้ำ "บัวเลือกได้แล้วค่ะ คุณแม่" "อะไรกันหยิบมาแค่สองตัวเอง" "แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ" "แต่แม่ว่าไม่นะ " เนตรนภามองเด็กสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดูในความใสชื่อของเธอ จากนั้นก็เดินไปเลือกเสื้อผ้าให้เด็กสาวด้วยตนเอง บัวตองเห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ยืนมองเท่านั้น เนตรนภาเลือกชุดหลากหลายชุดจนล้นมือพนักงานในร้านจึงช่วยกันจัดพับใส่ถุงได้ประมาณสามสี่ใบจากนั้นเนตรนภาก็พาบัวตองไปต่ออีกสองสามร้านแล้วพาเธอกลับบ้าน บัวตองนั่งมองเสื้อผ้าข้าวของกระเป๋ารองเท้าที่เนตรนภาซื้อให้เธออยู่ในห้องนอนด้วยความตื้นตันดีใจ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ยี่ห้อดัง เธอไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสหรือใช้สิ่งของราคาแพงๆ พวกนี้ ร่างบางหยิบจับข้าวของตรงหน้าขึ้นมาสัมผัสเชยชมด้วยรอยยิ้มกว้างมีความสุข ณ บริษัทชาไทยจำกัด ภายในห้องทำงานประธานบริษัทวินกำลังก้มหน้าเซ็นเอกสารบนโต๊ะทำงานอยู่ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับนพพลชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาดีหัวหน้าฝ่ายการตลาดเดินตรงเข้ามาไปนั่งลงตรงหน้าวินด้วยความคุ้นเคยเป็นกันเอง "ว่าไงวะ ไอ้นพ" วินเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิท "คืนนี้ไปดื่มกันสักหน่อยไหมวะ"นพยักคิ้วให้เพื่อน "ทำไม แกอกหักเหรอถึงได้มาชวนฉันดื่ม" "เปล่า ฉันแค่อยากจะมีเพื่อนดื่มสักหน่อย" "ก็ได้ ฉันจะไปกับแก" "ว่าแต่เด็กที่แม่แกรับมาเลี้ยงเป็นยังไงบ้างวะ" "ก็ดี ฉันพึ่งจะไปจัดการเรื่องเรียนต่อให้เมื่อวันก่อนนี้เอง" พูดพลางนึกถึงใบหน้าหวานใสของบัวตอง "แม่แกคงจะเหงาสินะ ถึงอยากจะมีลูกสาวสักคน" "อืม ก็อย่างที่ฉันเคยบอกนั้นแหละ ในเมื่อมันเป็นความสุขของท่าน ฉันก็ไม่อยากจะขัดอะไร" "แล้วแกกับษาล่ะ เป็นไงบ้าง" "ไม่ค่อยได้เจอกันเลยวะ สงสัยหมู่นี้เขาจะงานยุ่ง" "แกคิดอย่างนั้นเหรอ" "อืม ทำไมวะ" วินชะงักไปชั่วครู่ "เปล่า ฉันไปทำงานก่อนนะ" นพพลยกยิ้มมุมปากแล้วเดินออกไป "อืม ไว้เจอกัน" ช่วงเย็นภายในผับแห่งหนึ่งวินกับนพกำลังนั่งดื่มกันไปเพลินๆ พร้อมกับคุยเรื่องงานในบริษัทไปด้วย จนมาถึงเรื่องของนพพลที่วินอดที่จะถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อนไม่ได้เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขายังไม่เคยเห็นนพพลควงผู้หญิงคนไหนหรือมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยสักครั้ง "ว่าแต่แกเถอะ เมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีวะ" "ก็อยากจะมีอยู่นะ แต่มันเป็นไปไม่ได้วะ" "ทำไม อย่าบอกนะว่าแกแอบรักคนมีเจ้าของ" "ก็ไม่เชิงหรอก " นพพลหลบสายตาวิน "ยังไงวะ แกมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้นะโว้ย" วินตบไหล่นพพล "เปล่าไม่มีอะไร" นพพลกระดกแก้วเหล้าลงคอรวดเดียวจนหมด "มีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้ตลอดเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" "อืม" นพพลพยักหน้ารับ เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืนทั้งสองคนจึงพากันเดินออกมาตรงลานจอดรถ ระหว่างที่กำลังไปที่รถโทรศัพท์มือถือของนพพลก็สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาดูพอเห็นว่าเป็นชื่อษานพพลก็รีบกดปิดทันที "ใครโทรมาหรือเปล่าวะ ทำไมแกไม่รับสาย" วินที่เดินตามหลังมาเอ่ยถามขึ้น "ใครไม่รู้โทรมาเบอร์ไม่คุ้นเลย ฉันก็เลยตัดสายทิ้ง" "งั้นเหรอ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ ฉันไปก่อนนะ" "เออ แกก็เหมือนกันกลับดีๆ " นพพลโบกมือให้วินด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกหาษาทันที หนึ่งเดือนต่อมา ภายในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งบัวตองในชุดนักศึกษาปีหนึ่งกำลังนั่งทานมื้อกลางวันร่วมโต๊ะกับเพื่อนร่วมคณะอีกสองคนในร้านอาหารของมหาลัย ตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาอยู่ในรั้วมหาลัยแห่งนี้ก็มีเพื่อนทั้งสองคนนี้แหละที่เข้ามาทักทายเธอในตอนที่เธอยังไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว ตั้งแต่นั้นมาทั้งสามคนจึงเป็นเพื่อนสนิทกัน "บัววันนี้พี่วินมารับไหม" ปายเพื่อนสาวเอ่ยถามขึ้น "ไม่รู้สิ หมู่นี้พี่เขาเหมือนจะยุ่งๆ กับงานอยู่" "งั้นเหรอ ได้กลับเองอีกตามเคยล่ะสิ" "อืม ฉันชินแล้วล่ะ" บัวตองยิ้มรับทุกครั้งที่วินไม่ว่างเธอก็จะขึ้นรถเมล์กลับเองจนชินไปแล้ว "ให้ฉันไปส่งไหมบัว" นัทเพื่อนชายเอ่ยยิ้มๆ "ไม่เป็นไรฉันกลับเองได้ ขอบใจมากนะนัท" "นั้นสิ ฉันว่าเธอให้นัทไปส่งเถอะ" ปายเอ่ยเสริมขึ้น "ถ้าพี่วินเขาไม่มารับ ค่อยว่ากันอีกทีนะ" "ก็ได้" นัทนั่งคอตก "ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว เรารีบไปกันเถอะ" ปายยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาตรงข้อมือ "น้องบัวครับ พี่ซื้อขนมมาฝากครับ"หนุ่มรุ่นพี่ร่วมคณะหิ้วถุงขนมมายื่นให้เธอ "คนเมื่อกี้เพิ่งจะไปเอง ตอนนี้มาอีกคนแล้วเหรอ" ปายกระซิบข้างหูบัวตอง "รับไปเถอะนะครับ ไม่งั้นเสียน้ำใจพี่แย่เลย" "ผมว่าไม่ได้หรอกครับ เราจะต้องรีบไปเรียนกันแล้ว" นัทเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ "อย่ามาเสือกน๊า ไอ้หน้าอ่อน" รุ่นพี่จ้องหน้านัทอย่างเอาเรื่อง "ก็ได้ค่ะ บัวจะรับไว้" บัวตองรีบเดินเข้าไปหยิบถุงในมือชายหนุ่มรุ่นพี่มาถือเอาไว้ทันที เพราะกลัวเรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่ "ขอบคุณครับ ไว้พี่จะซื้อมาฝากใหม่นะ หรือว่าน้องบัวอยากจะทานอะไรเป็นพิเศษก็บอกพี่ได้เลยนะครับ พี่จะได้ซื้อมาฝาก" "ขอบคุณนะคะ แต่บัวว่าไม่ต้องดีกว่าค่ะ บัวเกรงใจ" "ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก สำหรับบัวแล้วพี่เต็มใจเสมอ" "เอ่อ ถึงเวลาเรียนแล้ว บัวขอตัวก่อนนะจ้ะ" "ครับ อย่าลืมคิดถึงพี่ด้วยนะ" ชายหนุ่มรุ่นพี่โบกมือให้หญิงสาวรุ่นน้องพร้อมกับยิ้มกว้าง ทั้งสามคนพากันไปเข้าไปในห้องเรียน ระหว่างที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ นัทก็คอยแอบมองใบหน้าหวานของบัวตองอยู่ตลอดเวลา ด้วยความเผลอไผลชายหนุ่มแอบหวังลึกๆ ว่าหญิงสาวจะมีใจให้ตนเองบ้างและวันใดที่เขาสารภาพความในใจเธอจะยอมตกลงปลงใจเป็นแฟนกับเขา การกระทำของชายหนุ่มต่างก็ตกอยู่ในสายตาของปายอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เธอพอจะดูออกว่าชายหนุ่มวัยเดียวกันกำลังมีใจให้กับเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ แต่ดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มแค่ฝ่ายเดียวที่คิดเกินเลยเกินกว่าเพื่อน แต่ทำไมกันนะเธอถึงได้รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่ชายหนุ่มมองเพื่อนของเธอแบบนั้นเลย ช่วงเย็นทั้งสามคนพากันมานั่งเล่นตรงม้าหินอ่อนด้านหน้ามหาลัยก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ปายกับนัทนั่งเป็นเพื่อนบัวตองระหว่างที่รอวินมารับ ซึ่งชายหนุ่มโทรมาบอกบัวตองก่อนหน้านั้น บัวตองดีใจที่เธอได้มีโอกาสได้เรียนและมีเพื่อนที่ดีซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้และในที่สุดความฝันนั้นก็เป็นจริง เธอต้องขอบคุณโชคซะตาที่ทำให้เธอได้เจอกับเนตรนภาในวันนั้น เธอสัญญากับตัวเองตั้งแต่ที่ก้าวขาเข้ามาอยู่ในบ้านไกรณรงค์เอาไว้ว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ รอสักพักวินก็แล่นรถมาจอดตรงหน้ามหาลัยบัวตองจึงรีบเดินตรงไปที่รถทันที โดยไม่ลืมที่จะโบกมือลาเพื่อนๆ พอบัวตองขึ้นรถไปปายกับนัทก็ต่างแยกย้ายกันกลับคนละทาง บัวตองขึ้นไปนั่งบนรถก็เจอวินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุข แต่เธอไม่ลืมที่จะพนมมือไหว้ชายหนุ่มเหมือนเช่นเคย สักพักชายหนุ่มก็วางสายไปแล้วหันมาทางเธอ "วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับขับแล่นรถไปข้างหน้า "ก็ดีค่ะ" "มีอะไรขาดเหลือก็บอกฉันได้ตลอดนะ" "ขอบคุณค่ะ" "แล้วตอนนี้มีเพื่อนกี่คนแล้วล่ะ" "สองคนค่ะ" บัวตองยิ้มมุมปาก "ดีแล้วล่ะมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน" "ค่ะ" "แล้วมีใครมาจีบเธอบ้างไหม" วินถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เอ่อ บัวไม่รู้ค่ะว่าจีบหรือเปล่า แต่รุ่นพี่ชอบซื้อขนมมาฝากและชอบมาชวนคุยตั้งหลายคนเลยค่ะ" บัวตองตอบไปตามความจริงด้วยความใสชื่อ "หึ นั้นแหละเขาเรียกว่าจีบ เธอนี่มันชื่อจริงๆ เลยนะ ถึงว่าแม่ฉันถึงได้รักได้ชอบเธอมากขนาดนี้" วินหัวเราะขบขัน "ก็บัวไม่เคยมีใครมาจีบนี่ค่ะ" "ช่างเถอะ แต่ถ้าจะให้ดี เธอไม่ต้องรีบมีแฟนหรอกนะ เดี๋ยวจะเสียการเรียนเสียเปล่าๆ เธอก็รู้ว่าคุณแม่หวังในตัวเธอมาก" "ค่ะ บัวจะตั้งใจเรียนให้จบ" หญิงสาวรับคำด้วยความหนักแน่น "อืม อย่าทำให้แม่ฉันผิดหวังก็แล้วกัน" "ค่ะ" ใช้เวลาไม่นานรถก็แล่นเข้าไปตรงโรงรถจอดภายในบ้านไกรณรงค์ พอทั้งคู่เข้าไปข้างในบ้านต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองทันที โดยบัวตองเลือกที่จะเข้าไปช่วยแม่บ้านที่กำลังทำมื้อเย็นอยู่ในครัว เธอจึงถือโอกาสแสดงฝีมือด้วยการทำน้ำพริกปลาทูโดยมีผักสดและผักลวกเป็นของแกล้มข้างเคียง ซึ่งเธอก็ได้รับคำชมจากป้าณีกับป้าศรีไม่ขาดปากว่าอร่อยนักหนา บัวตองจึงรับคำชมด้วยรอยยิ้มอันสดใสและคำขอบคุณเป็นการตอบแทน หลังจากที่เธอออกมาจากห้องครัวก็ตรงขึ้นไปยังห้องของตนเองเพื่อจัดการทำธุระส่วนตัว จากนั้นก็ลงมาข้างล่างเพื่อทานมื้อเย็นด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเช่นทุกวัน ทันทีที่เนตรนภากับวินตักน้ำพริกปลาทูทานก็แอบแปลกใจเล็กน้อยเพราะเป็นรสชาติที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนเลย "ณี ศรี ทำไมวันนี้น้ำพริกปลาทูรสชาติไม่เหมือนทุกครั้งเลยล่ะจ๊ะ" เนตรนภาหันไปเอ่ยถามแม่บ้านทั้งสองคน "อ๋อ พอดีเราสองคนไม่ได้ทำค่ะวันนี้" ณีเอ่ยยิ้มๆ "แล้วใครทำเหรอครับ อร่อยถูกปากผมมากเลย" วินพูดพลางหยิบผักลวกจิ้มลงไปในถ้วยน้ำพริกแล้วเอาเข้าปาก "นั้นสิจ๊ะ" เนตรนภาสงสัย "เอ่อ คือบัวเป็นคนทำเองค่ะ" ส่งยิ้มให้เนตรรภากับวิน "หนูเองเหรอ อร่อยมากเลยลูก" เนตรนภาเอ่ยชื่นชมบัวตอง "ขอบคุณค่ะ" บัวตองยิ้มรับ "ไม่น่าเชื่อเลย ว่าเธอจะทำอาหารอร่อยแบบนี้" วินเอ่ยขึ้น "ปกติถ้าบัวอยู่ที่บ้าน บัวจะเป็นคนทำกับข้าวให้ตากับยายอยู่แล้วค่ะ ไว้บัวจะทำเมนูอื่นให้คุณแม่กับพี่ทานอีกเรื่อยๆ นะคะ" "อืม ก็ตามใจสิ" วินพยักหน้ารับหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ "จ้ะ แม่จะรอทานนะ" เนตรนภายิ้มให้บัวตองด้วยความเอ็นดู "ค่ะ" ทั้งสามคนต่างก็ทานมื้อเย็นร่วมกันไปด้วยความเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะวินที่ดูจะชอบน้ำพริกปลาทูฝีมือบัวตองเป็นพิเศษ ทั้งจิ้มทั้งตักใส่จานของตนเองไม่ยอมหยุดจนน้ำพริกในถ้วยพร่องลงเกือบจะหมดถ้วยด้วยฝีมือของชายหนุ่มเพียงคนเดียว เนตรนภาจึงหันไปมองหน้าบัวตองด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม เนตรนภาดีใจที่ลูกชายชอบในรสมือของเด็กสาวทั้งๆ ที่เป็นอาหารที่แสนจะธรรมดาพื้นๆ หลังทานมื้อเย็นเสร็จบัวตองก็กลับขึ้นห้องไปทำรายงานต่อด้วยความตื้นตันในใจที่วันนี้เธอทำให้วินชื่นชมในตัวเธอได้ถึงไม่คำอะไรออกมาจากปากของชายหนุ่ม แต่ดูจากที่ชายหนุ่มทานน้ำพริกฝีมือเธอแล้วมันก็แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มชื่นชอบเป็นอย่างมาก จากที่เคยเอาแต่ตีหน้าเคร่งขรึมใส่เธออยู่ตลอดที่ผ่านมา ส่วนวินก็ตรงเข้าไปยังห้องทำงานเพื่อทำงานและทำสิ่งที่ต้องทำทุกวันก็คือโทรหาหญิงสาวคนที่เขารักมากที่สุดก็คือษา ที่ช่วงนี้เขาไม่ได้เจอเธอเพราะเธอต้องทำงานที่บริษัทคุณพ่อของเธอ อีกทั้งเธอยังต้องบินไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆ แต่ถึงเธอจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขาแต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะระแวงสงสัยในตัวเธอเลยสักครั้ง เพราะเธอกับเขาต่างก็มีพันธะต่อกันและสัญญาระหว่างสองครอบครัววินขับรถคันหรูแล่นมาจอดให้บัวตองที่นั่งเคียงข้างมาด้วยลงจากรถเพื่อเข้าเรียนตรงหน้ามหาลัยชื่อดัง บัวตองพยายามกดดึงปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยที่คาดตัวเธอเอาไว้แต่เข็มขัดกลับไม่เป็นใจไม่ยอมปลดล็อกออกจากกัน วินเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะมองเธออย่างขบขันในใจไม่ได้ "อย่าบอกนะ ว่าปลดล็อกไม่ได้ ฉันไม่มีเวลามาเล่นตลกกับเธอหรอกนะ" วินเอ่ยเสียงเข้ม "ปกติบัวก็ปลดล็อกได้ปกตินะคะ แต่วันนี้ทำไมมันถึงดึงออกยากก็ไม่รู้ค่ะ" พูดพลางใช้มือทั้งกดทั้งดึงเข็มขัดนิรภัยให้ออกจากตัวด้วยใบหน้ามุ่ย "มาฉันช่วย" วินส่ายหน้าให้กับเด็กสาวพร้อมกับปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวเองแล้วเอี้ยวโน้มตัวเข้าไปหาบัวตองใกล้ๆ ก้มลงใช้มือหนาเอื้อมไปอีกฝั่งหนึ่ง "น่าแปลกจริง ทำไมมันถึงล็อกแน่นอย่างนี้นะ" เสียงทุ้มบ่นอยู่ใกล้ๆ เธอ "ได้ไหมคะ" เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับก้มลงมองมือหนาพยายามกดปลดล็อกเข็มขัดให้เธอ "ไม่ได้" วินพูดพลางเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของบัวตองตรงๆ ประจวบเหมาะกับเธอมองเขาอยู่พอดีทำให้สายตาคนทั้งคู่สบมองกันเข้าจังๆ ด้วยใบหน้าที่ใกล้กันแค่ลมหายใจทำให้สันจมูกโด่งได้กลิ่นหอมๆ ลอยเข้ามาเตะจมูกโด่งของเขาเต็มๆ ชายหนุ่มจึงถือโอกาส
หลายวันต่อมาณ คอนโดหรูใจกลางเมืองบนเตียงกว้างนุ่มสองร่างเปลือยเปล่ากำลังนอนกกกอดกันอย่างมีความสุข หลังจากบทรักอันเร้าร้อนจบลงหมาดๆ วินโอบกอดร่างบางของษาหญิงคนรักเอาไว้แนบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง ชายหนุ่มดีใจที่ได้ตักตวงความสุขจากกายสาวหลังจากที่ห่างหายจากเธอมานาน ซึ่งเธอก็มีความสุขไม่ต่างจากชายหนุ่มเหมือนกัน "ผมรักคุณนะษา ที่รักของผม" จูบหน้าผากมนเบาๆ "ค่ะ ษาก็รักคุณ" "เราไม่ได้มีความสุขแบบนี้ด้วยกัน นานเป็นอาทิตย์เลย" "คุณก็รู้ว่าษาไม่มีเวลาเลย เข้าใจกันหน่อยนะคะ " "ครับ ผมเข้าใจ " "ไว้เราค่อยนัดกันมามีความสุขด้วยกันที่นี้อีกนะคะ" จูบหน้าอกกำยำเบาๆ "เดี๋ยวเย็นนี้คุณไปทานข้าวที่บ้านผมนะ""ค่ะ ษาจะไป" "แต่ตอนนี้ผมขอรักคุณอีกนะ" มือหนาเอื้อมมือไปหยิบคอนดอมตรงโต๊ะหัวเตียง "ค่ะ" ษายิ้มรับณ มหาลัยชื่อดังระหว่างที่บัวตองกับปายกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงโต๊ะใต้ต้นไม้ นัทก็เดินหิ้วถุงขนมเค้กกับแก้วน้ำหวานเข้าไปนั่งลงข้างๆ บัวตองอย่างสนิทสนม พร้อมกับวางขนมและน้ำลงตรงหน้าของเธอ บัวตองจึงหันมาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยความใสชื่อ "เราซื้อมาฝาก" นัทส่งยิ้มให้บัวตอง "ขอบใจนะ"บัวยิ้มรับ "แล้วขอ
หลายวันต่อมา ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเนตรนภากำลังพาบัวตองเข้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง พอเข้าไปถึงเด็กสาวก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านด้วยความตื่นตาตื่นใจกับเสื้อผ้าหลากสีสันที่เรียงรายกันอยู่ตรงหน้า เนตรนภาเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะยิ้มออกมาให้กับท่าทางของเด็กสาว "เลือกได้ตามใจเลยนะลูก" "น่าจะแพงมากนะคะ ไม่เหมาะกับบัวหรอกค่ะ" "เหมาะสิจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจแม่หรอกลูก อยากจะได้ชุดไหนก็เลือกได้เลย เดี๋ยวแม่จะพาไปดูกระเป๋าและรองเท้าต่อ" "แต่ว่าหนู..." "ถ้าไม่ยอมเลือกเอง แม่จะให้พนักงานจัดการให้เองนะ" "ก็ได้ค่ะ" รีบเดินไปเลือกทันที บัวตองเลือกหยิบเสื้อกับกางเกงอย่างละตัวไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเนตรนภาด้วยความเกรงใจ ยิ่งเธอเห็นราคาที่แพงกว่าราคาเสื้อผ้าในตลาดนัดหลายเท่าก็ยิ่งไม่อยากแม้แต่จะจับต้องด้วยซ้ำ "บัวเลือกได้แล้วค่ะ คุณแม่" "อะไรกันหยิบมาแค่สองตัวเอง" "แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ" "แต่แม่ว่าไม่นะ " เนตรนภามองเด็กสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดูในความใสชื่อของเธอ จากนั้นก็เดินไปเลือกเสื้อผ้าให้เด็กสาวด้วยตนเอง บัวตองเห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ยืนมองเท่านั้น เนตรนภาเลือกชุดหลากหลายชุดจนล้นมือพนักง
วันต่อมาณ บ้านไกรณรงค์เนตรนภากำลังนั่งพูดคุยกับบัวตองอยู่ตรงห้องรับแขกบนโซฟาหลังจากที่เธอพึ่งจะมาถึงที่บ้าน โดยมีวินนั่งอยู่ด้วยห่างๆ เขาไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่พาเด็กสาวเข้ามาในบ้าน แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมารดาเขาก็ยินดีจะทำให้เพราะทั้งบ้านเหลือกันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น ส่วนบิดานั้นเสียไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว "มาอยู่กับฉันที่นี่นะ" "ค่ะ หนูต้องขอบคุณมากนะคะ ที่เมตตาหนู แต่ว่า" บัวตองอึกอักไม่กล้าถาม"มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ" "คือหนูอยากจะรู้เหตุผลที่คุณ เมตตาเอ็นดูหนูคะ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คุณไม่กลัวหนูเป็นคนไม่ดีเหรอคะ" "งั้นฉันจะถามตรงๆ เลยก็แล้วกันนะ หนูเป็นคนดีหรือเปล่าล่ะจ๊ะ" "ค่ะ" "นั้นไงหนูเป็นคนดีฉันไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย อีกอย่างที่ฉันรับอุปการะหนูก็เพราะฉันอยากจะมีลูกสาว มาเป็นลูกสาวของฉันนะ" "ค่ะ หนูขอบพระคุณมากเลยนะคะ" บัวตองพนมมือไหว้ลงบนตักเนตรนภาอย่างนอบน้อม "จ้ะ ตั้งใจเรียนล่ะ หลังเรียนจบจะได้มีงานดีๆ ทำเลี้ยงตากับยาย" "ค่ะ" บัวตองยิ้มรับ "ส่วนเรื่องที่พัก ก็พักในบ้านนี้เลยก็แล้วกันนะ" "ผมว่าอย่าดีกว่าครับ" วินแย้งมารดาขึ้นทันควัน "ไม
หลายวันต่อมาวินขับรถไปจอดตรงหน้าบ้านไม้ที่บัวตองอาศัยอยู่เพื่อมารับเธอไปทำงาน พอบัวตองได้ยินเสียงรถก็รีบหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากบ้านตรงไปที่รถทันที ก่อนหน้าที่วินจะมารับเธอเนตรนภาโทรมาบอกเธอก่อนแล้ว ว่าจะให้วินมารับไปทำงานที่โฮมสเตย์บนดอย บัวตองดีใจมากที่เธอได้งานทำสักที "สวัสดีค่ะ" บัวตองยกมือขึ้นไหว้วินทันทีที่ขึ้นไปนั่งบนรถ"อืม" วินพยักหน้ารับ"หนูขอบคุณมากนะคะ ที่หางานให้ทำ" บัวตองพูดในสิ่งต้องการจะบอกออกมาจากใจ "ถ้าแม่ฉันไม่สงสารเธอ ฉันไม่เสียเวลามารับหรือหางานให้เธอทำหรอก" พูดพลางหันหน้าไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้าเด็กสาว "หนูรู้ค่ะ" บัวตองหน้าเจื่อนลงพร้อมกับก้มหน้าลงมองมือตัวเอง"รู้ตัวก็ดี ตั้งใจทำงานก็แล้วกัน" "ค่ะ" ใช้เวลาไม่นานนักรถก็แล่นเข้าไปจอดในโฮมสเตย์บนดอยสูงที่มีลมพัดมาเป็นระลอกทำให้รู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดเวลา บัวตองจึงรีบลงจากรถด้วยความตื่นเต้น เพราะที่นี่ตกแต่งไปด้วยต้นไม้ดอกไม่นานาชนิดด้วยความสวยงาม วินเห็นบัวตองแสดงอาการชื่นชอบออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก็เผลอยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้ "ตามฉันมา" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น"ค่ะ" เดินตามหลังวินไปติดๆวินพาบัวตองเดินตรงเข้าไปหาพนัก
เอี๊ยด!!! เสียงรถตู้บ้านไกรณรงค์เบรกกะทันหันเพราะมีคนเดินข้ามถนนตัดหน้ารถ ร่างบอบบางของสาวน้อยอายุยี่สิบปีล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความตกใจ ด้วยความรีบร้อนจะข้ามถนนทำให้เธอไม่ทันมองรถที่ขับมา จึงทำให้เธอเกือบจะถูกรถชนเข้าเต็มๆ โชคดีที่คนขับรถเบรกไว้ทัน สองแม่ลูกที่นั่งมาในรถตู้ต่างก็พากันตกอกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงรีบลงมาจากรถเข้าไปดูคนเจ็บ พอเนตรนภาเห็นเด็กสาวน้อยนั่งกองอยู่ที่พื้นก็รีบเดินเข้าดูบาดแผลตามร่างกายทันที"เป็นยังไงบ้างหนู" เนตรนภาถามด้วยความเป็นห่วง"หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูขอโทษนะคะ ที่ข้ามถนนไม่ดูรถเลย" บัวตองพนมมือไหว้ขอโทษพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความลำบาก "ไม่เป็นอะไรได้ยังไง ดูสิทำไมยืนแบบนั้น เจ็บขาอยู่ใช่ไหม แล้วแผลถลอกตามแขนอีก" เนตรนภาส่ายหน้า "นิดหน่อยค่ะ แต่หนูไม่ได้เป็นอะไร" "งั้นให้ฉันรับผิดชอบด้วยการไปส่งหนูที่บ้านก็แล้วกัน" "อย่าเสียเวลาเลยค่ะ หนูกลับเองได้""แม่ครับ ถ้ายัยเด็กนี่ไม่อยากให้เราช่วย เราก็กลับกันเถอะ อีกอย่างไม่เห็นจะเป็นอะไรมากเลย" วินวัยสามสิบปีเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจเด็กสาว"ได้ยังไงกันลูก รถเราเกือบจะชนหนูเขานะ""เราไม่ได้ตั้งใจที่จะชนสั







