ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
คนหลังประตูเมื่อได้ยินว่าเจ้าของห้องเอ่ยอนุญาตแล้วจึงเปิดประตูเข้ามา เร็นเดินถือเอกสารไปวางบนโต๊ะทำงานให้เจ้านายที่กำลังนั่งนัวเนียอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ย ภาพนั้นไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกตกใจเพราะเห็นจนชินแล้ว
“มีเอกสารมาให้เซ็นครับ”
“เธอออกไปก่อน” เขาหันไปบอกหญิงสาวที่นั่งบนตัก
“คราวหน้าคุณมาร์คินจะเรียกหาหลินอีกไหมคะ?”
“อืม”
มาร์คินตอบรับอย่างขอไปที หญิงสาวบนตักยิ้มกว้างก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มมาเฟียหนุ่ม ก่อนจะลุกออกจากตักแล้วจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องทำงาน
“คืนนี้นายจะไปดูการผลิตสินค้าด้วยตัวเองไหมครับ?”
“มึงไปแทนกู ถ้าเกิดปัญหาอะไรค่อยโทรมาหากูทีหลัง”
“ได้ครับนาย” เร็นตอบรับ “นายจะให้ผมจัดการคนที่แอบถ่ายคลิปเลยไหมครับ?”
“เอาไว้ก่อน มันมีบางอย่างที่สนุกกว่านั้น”
“นายคงหมายถึงพี่สาวของมันใช่ไหมครับ?” เร็นเลิกคิ้วถามเจ้านาย
“หึ ใช่ จัดการมันไม่สนุกเท่า…พี่สาวของมัน”
ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มหลังจากพูดจบ เชื่อว่าคืนนี้นาร์มินต้องมาหาเขาอย่างแน่นอน ขนาดนัดให้มาเจอเมื่อคืนยังยอมมา สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาก็คือ เธอแสดงออกชัดเจนว่ารักและเป็นห่วงน้องชายมากแค่ไหน นี่เลยทำให้เขามั่นใจว่าเธอต้องมา
“เฝ้ามันไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปไหนได้ ถ้าไม่มีคำสั่งจากกูอย่าเพิ่งทำอะไรมัน”
“ครับนาย”
“ออกไปได้แล้ว”
เร็นโค้งศีรษะให้เจ้านายเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไป มาร์คินหยิบบุหรี่มาคาบไว้ในปาก จากนั้นหยิบไฟแช็คขึ้นมาลนตรงปลายกระบอกจนควันสีเทาคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณที่นั่งอยู่
ครืด ครืด
สายตาเหลือบมองเบอร์บนหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฎขึ้นมา พอรู้ว่าเป็นใครจึงหยิบมาปัดหน้าจอเพื่อรับสายคนเป็นแม่
“ครับแม่”
(บ่ายนี้คินมีนัดทานข้าวกับลูกสาวของคุณสาธิต ไม่ลืมใช่ไหม?)
“ไม่ลืมครับ”
(แม่รู้นะว่าคินไม่อยากไปทานข้าวกับลูกสาวคุณสาธิต แม่เองไม่อยากบังคับให้คินไปเท่าไรเหมือนกัน แต่ทางนั้นเซ้าซี้ไม่เลิก แม่เลยรับปากบอกว่าจะคุยกับคินให้)
“ไม่เป็นไรครับ แค่ไปทานข้าวกลางวันด้วยกันผมไม่อะไรอยู่แล้ว” เขาตอบกลับคนเป็นแม่ เขารู้จักกับลูกสาวคุณสาธิตเป็นการส่วนตัวมาก่อนอยู่แล้ว และก็รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับตัวเอง
(แล้วเย็นนี้ล่ะ ว่างมาทานข้าวเย็นที่บ้านรึเปล่า?)
“ผมติดธุระ คงไปทานข้าวเย็นด้วยไม่ได้ ไว้วันหลังนะครับ”
(น้องบ่นคิดถึงพี่ชายมาหลายวันแล้วรู้ไหม)
“หึ ไว้ผมจะหาเวลาไปหา ฝากบอกณิดาด้วยนะครับ”
(ได้เลย แม่ไม่รบกวนเวลางานของคินแล้ว แค่นี้นะ)
“ครับ” เขาวางสายลงจากแม่แล้วหันมาสูบบุหรี่ต่อ สายตามองเวลาบนนาฬิกาาเรือนหรูบนข้อมือ เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลานัดทานอาหารกลางวันกับลูกสาวคุณสาธิต นักธุรกิจรายใหญ่ที่รู้จักกับคุณพ่อของเขา
@คิงส์คลับ
นาร์มินก้าวเข้ามาภายในไนต์คลับหรูอีกครั้งหลังจากนั่งคิดนอนคิดในสิ่งที่มาร์คินพูดกับตัวเองเอาไว้เมื่อคืน เมื่อคืนนี้เธอนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดเรื่องน้องชาย ที่ตัดสินใจกลับมาที่นี่อีกครั้งก็เพื่อช่วยนาร์วิน ถ้าหากเธอไม่พาตัวเองมาหาผู้ชายคนนั้น เขาคงไม่ยอมปล่อยน้องชายของเธอไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
ชายฉกรรจ์ที่ยืนเฝ้าเปิดประตูห้องพักวีไอพีออกให้หญิงสาว นาร์มินเดินเข้าไปข้างในด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย พยายามข่มความกลัวเอาไว้ เริ่มมองหาเจ้าของห้องนี้จนกระทั่งสายตามาหยุดอยู่ที่มาร์คิน
มาเฟียหนุ่มเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพสวมชุดคลุมสีดำแหวกให้เห็นแผงอกกำยำ รอยยิ้มบนมุมปากปรากฎขึ้นมาเมื่อเห็นนาร์มินยืนอยู่กลางห้องพักวีไอพี แววตาอีกฝ่ายยังคงแสดงออกชัดเจนว่ากลัวเขาไม่ต่างจากเมื่อคืน
“ถ้าฉันยอมคุณ คุณจะปล่อยน้องชายฉันไปจริงๆ ใช่ไหม” เธอเอ่ยถามให้แน่ใจ
“แน่นอน”
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้โกหก อีกอย่าง ฉันยังไม่เห็นน้องชายของฉันเลย”
“น้องชายเธอปลอดภัยดี”
“เอาหลักฐานมายืนยันสิ”
“ความปลอดภัยน้องชายเธอ มันขึ้นอยู่ที่เธอ…ไม่ใช่ฉัน”
“ฉันจะเชื่อว่าน้องชายฉันปลอดภัยจริงๆ ก็ต่อเมื่อได้เห็นกับตา”
มาร์คินเริ่มหงุดหงิดกับการกระทำของนาร์มิน เขาตรงไปหาหญิงสาวแล้วคว้าแขนให้เดินตามเข้าไปในห้องนอน โดยนาร์มินก็ยังต่อต้านเขาไม่เปลี่ยนแปลง
“ปล่อยฉันนะคุณมาร์คิน!” ยิ่งพยายามแกะมือของเขาให้หลุดจากแขนตัวเองมากเท่าไร อีกฝ่ายก็ยิ่งบีบรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น
เขายอมปล่อยนาร์มินเป็นอิสระ หยิบโทรศัพท์ที่วางเอาไว้มาเปิดบางอย่าง ก่อนจะยื่นให้นาร์มินดูเพื่อยืนยันว่าน้องชายเธอปลอดภัยดี
“ภาพจากกล้องวงจรปิดจากห้องที่ใช้ขังน้องชายเธอเอาไว้”
“ทำไมหน้าน้องชายฉันถึงมีแผล! ไหนคุณบอกจะไม่ทำอะไรเขาไง”
“ก็แค่สั่งสอนนิดๆ หน่อยๆ ให้กับคนอวดเก่งเท่านั้นเอง”
“คุณมันเลว” เธอด่าเขาผ่านเสียงดังลอดไรฟัน
หมับ!
มาร์คินจับมือนาร์มินที่ง้างออกเตรียมตบหน้าตัวเองเอาไว้ได้ทัน นัยน์ตาดำขลับนิ่งขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เปลี่ยนไปของมาเฟียหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่มาร์คินถูกผู้หญิงปฏิบัติด้วยเช่นนี้ หากช้าอีกนิดเดียว ป่านนี้มือเล็กๆ ของนาร์มินคงปะทะใส่หน้าตัวเองแล้ว
“จะทำอะไรก็ควรคิดให้เยอะๆ กว่านี้หน่อยนะ”
“ฉันเจ็บนะ!” เธอพยายามแกะมือมาร์คินที่บีบรัดข้อมือของเธอเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บปวด
“ฉันดูเหมือนผู้ชายใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ หืม?”
“ฉันเจ็บนะคุณมาร์คิน!” ยิ่งรู้จักยิ่งกลัวผู้ชายคนนี้ ภายนอกที่ดูดีและเพอร์เฟกต์ ใครจะรู้ล่ะว่าจริงๆ แล้วข้างในคือปีศาจดีๆ นี่เอง
“ครั้งนี้ฉันแค่เตือน ถ้ามีคราวหน้า เธอได้เจอของจริงแน่…นาร์มิน” ริมฝีปากหยักได้รูปขยับพูดชื่อหญิงสาวข้างใบหูขาวสะอาดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะค่อยๆ คลายมือที่บีบรัดข้อมือเล็กอยู่ออก
แรงบีบรัดรุนแรงทำให้ข้อมือนาร์มินเกิดเป็นรอยแดง มาร์คินเดินไปนั่งลงปลายเตียงนอน สายตาคมเข้มมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงเดิม
“มานั่งลงตรงหน้าฉัน”
“….” เธอยืนชั่งใจสองนาน ก่อนจะเดินเข้ามานั่งลงตรงหน้ามาร์คินตามคำสั่ง หัวใจเริ่มเต้นแรงจนไม่สามารถจับจังหวะได้ พยายามข่มความรู้สึกหวาดกลัวเอาไว้
“ถอดเสื้อของเธอออก”
“ตะ…ต้องถอดด้วยเหรอคะ”
“ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งเหรอ?”
“….” เธอก้มหน้ามองพื้นพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ตอนแรกทำใจไว้แล้วว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ แต่พอได้อยู่ในสถานการณ์จริง มันกลับทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกและเกิดความประหม่า
“ถ้าถอดเองมันยากมาก ให้ฉันฉีกมันขาดเลยดีไหม?”
หลายอาทิตย์ต่อมา นาร์วินเดินจับมือแฟนสาวเข้ามายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยมีพนักงานเดินนำทางไปยังโซนสำหรับวีไอพีที่มีครอบครัวณิดาคอยอยู่ ลูกค้าผู้หญิงภายในร้านไม่วายจะแอบชายตามองนาร์วินจนณิดาเริ่มมีอาการหึงหวงเธอเลือกที่จะเก็บอาการ แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยอารมณ์หึงหวง เธอเปลี่ยนจากจับมือมาเป็นคล้องแขนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ“คราวหน้าอย่าแต่งตัวดูดีแบบนี้มาอีกนะคะ รู้ไหมว่าผู้หญิงมอง!” เธอกัดฟันพูดกับนาร์วินด้วยความไม่พอใจ เมื่อได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ จึงชักสายตาใส่ “ขำอะไรคะ”“หึงเหรอ?”“ลองมีผู้ชายมามองดาดูบ้าง พี่นาร์วินจะหึงไหมล่ะคะ”“หึง แต่หึงแบบเปิดเผย ไม่เก็บอาการเหมือนคนแถวนี้” เขาพูดพลางอมยิ้มไปด้วย วันนี้มาทานอาหารค่ำกับครอบครัวณิดา แม้เคยเจอครอบครัวเธอมาแล้วหลายครั้ง หากแต่นั่นเป็นการเจอในฐานะ ‘น้องชายของลูกสะใภ้’ ทว่าวันนี้เขามาในฐานะ ‘แฟนณิดา’ มันเลยทำให้รู้สึกคนละอย่างกันทั้งสองคนมาถึงห้องอาหารสำหรับวีไอพี โดยมีพ่อ แม่ พี่ชายณิดา และพี่สาวของเขานั่งคอยอยู่“เราสองคนไม่มาช้าเกินไปใช่ไหมคะ” ณิดาเอ่ยถามเพราะเกรงว่าตัวเองและนาร์วินจะทำให้ทุกคนรอ“พวกเราเพิ่งมาถึงก่อนแค่ห้
ณิดาเดินออกมาจากห้องนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวสวมกางเกงขาสั้นสีชมพูอ่อนและเสื้อกล้ามสีขาว สายตามองหาแฟนหนุ่ม ตอนตื่นขึ้นมาไม่เห็นเขานอนอยู่ข้างกายเลยคิดว่าคงอยู่ในห้องทำงานแกร๊กเธอเปิดประตูห้องทำงานนาร์วินออก ซึ่งเขากำลังนั่งทำงานอยู่จริงๆ ด้วย เธอเดินทอดน่องอ้อมไปข้างหลังแล้วใช้สองแขนโอบกอดเขา ไม่วายจะหอมแก้มหนึ่งฟอดฟอดด“ทำไมตื่นแล้วไม่ปลุกดาล่ะคะ”ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับไปจากแฟนหนุ่ม นาร์วินยังคงเอาแต่นั่งมองงานตัวเองโดยไม่สนใจแฟนสาว“ยังโกรธอยู่เหรอคะ?” เธอถามเมื่อเห็นเขาทำเมินเฉยใส่ ปกตินาร์วินไม่เคยโกรธเธอเลยสักครั้ง เมื่อคืนเธอคงดื้อมากจริงๆ ถึงทำเขาโกรธได้ขนาดนี้“ลองมาเป็นพี่ดูไหมล่ะ” เขาตอบณิดากลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เมื่อคืนณิดามีความผิดหลายกระทง นอกจากจะแอบหนีเที่ยวไม่บอกแล้วยังดื่มจนเมา มีผู้ชายเข้าหา ไหนจะปิดประตูห้องนอนเพื่อไม่ให้เขาเข้าไปลงโทษได้“ดาขอโทษ~ ให้อภัยดาได้ไหมคะ” เธอกระชับกอดเขาให้แน่นขึ้นพร้อมเอ่ยคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “ดาแค่เหงาและอยากออกไปปลดปล่อยบ้าง พี่นาร์วินไม่อยู่ตั้งสามวัน ใครจะอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุขล่ะคะ”“นั่นไม่ใช่เหตุผล”“นี่แหละค่ะ
‘วันนี้ดาทำตัวไม่น่ารัก ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ เพราะฉะนั้นถ้าคืนนี้พี่ลงโทษดาหนักไปหน่อย ก็คงเข้าใจพี่นะ’ปัง!ทันทีที่มาถึงคอนโดนาร์วิน หญิงสาวก็รีบวิ่งแจ้นไปห้องนอนแล้วทำการล็อกประตูเพื่อไม่ให้แฟนหนุ่มเข้ามาลงโทษตัวเองได้“เปิดประตูณิดา” เขายืนอยู่หน้าประตูแล้วบอกณิดาเสียงเข้ม วันนี้แฟนของเขาทำตัวไม่น่ารักจริงๆ ทั้งแอบหนีเที่ยว ดื่มจนเมา มิหนำซ้ำยังปิดประตูเพื่อไม่ให้เขาทำโทษเธอได้แต่ณิดาคงลืมไปว่าเขามีกุญแจสำรอง…แค่อยากลองเชิงณิดาดู ว่าจะยอมเปิดประตูให้เขาหรือเปล่า ถ้าหากเธอไม่ยอมเปิดประตูให้เขาดีๆ คืนนี้คงได้คุยกันยาวจนถึงเช้า“ไม่เปิด คืนนี้พี่นาร์วินนอนข้างนอกไปเลย”“คิดดีแล้วใช่ไหมที่ดื้อกับพี่?”“ดาจะนอนแล้ว ฝันดีนะคะ”“ชอบท้าทายพี่นักใช่ไหม? ก็ได้”ณิดาไม่สนใจประโยคนั้นของนาร์วิน ตวัดเท้าเล็กทั้งสองตรงไปยังเตียงนอน ไม่ทันจะเดินถึงเตียง ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามา ทำให้คนตัวเล็กหมุนตัวกลับไปมองแกร๊ก“พะ…พี่นาร์วิน” เธอมองนาร์วินซึ่งกำลังเดินตรงมาหาด้วยท่าทางนิ่งๆ แววตาคมเข้มไร้อารมณ์ไม่สามารถทำให้เธอเดาความคิดในหัวเขาตอนนี้ได้ นาร์วินคงไม่พอใจมากที่เธอดื้อใส่“ไหนเมื่อกี
“แหมม ผัวไม่อยู่หนูร่าเริงทันทีเลยนะ”ยิหวามองเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังลุกขึ้นยืนโยกไปมาตามจังหวะเสียงเพลงโดยมีเครื่องดื่มในมือ ใบหน้าณิดาแดงก่ำเพราะพิษแอลกอฮอล์ แต่คงยังไม่เมาเท่าไร วันนี้ณิดาโทรชวนเพื่อนทุกคนออกมาดื่มเพราะนาร์วินบินไปมาเก๊าเมื่อวาน เมื่อคืนณิดาโทรมาแล้วร้องไห้ ยอมรับว่าเพิ่งเคยเห็นณิดาในโหมดนี้ ปกติจะเป็นตัวเองที่โทรไประบายและร้องไห้ ผิดกับตอนนี้ ทุกอย่างกลับตาลปัตรทำให้ณิดากลายมาเป็นเหมือนตัวเองในวันนี้“พวกแกจะนั่งมองฉันทำไม ลุกมาเต้นด้วยกันเร็ว” ณิดาเข้าไปดึงแขนเพื่อนเพื่อให้ลุกขึ้นมาเต้นด้วยกัน“ทำไมวันนี้แกดีดจังณิดา ปกติจะนั่งเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ตรงที่แกยืนเต้นควรเป็นของพวกฉันไหม” นัตตี้ หนึ่งในเพื่อนในของกลุ่มของณิดาเอ่ยพูด“ฉันเต้นไม่ได้เหรอ?” เธอถามนัตตี้ พูดจบก็ยกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาดื่ม เริ่มเลื่อยร่างกายไปตามเพลงจังหวะEDMภายในไนต์คลับชื่อดัง พอได้ปลดปล่อยก็รู้สึกดีเหมือนกัน คืนแรกที่นาร์วินไม่อยู่ ยอมรับว่าเหงาและเศร้ามากปกติทุกคืนจะมีเขานอนอยู่ข้างกายตื่นเช้ามาก็เจอ พอเขาบินไปมาเก๊าทุกอย่างก็ดูเหมือนมีบางอย่างขาดหาย สามวันมันอาจจะเร็ว แต่สำหรับเธอ
หลายอาทิตย์ต่อมา หมับฟอดดณิดาเดินเข้าไปสวมกอดแฟนหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานจากข้างหลังแล้วหอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่ ทำให้นาร์วินละสายตาจากงานแล้วเอียงใบหน้าไปหาคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม“ดาซื้อชาเย็นมาฝาก” เธอวางชาเย็นที่ซื้อมาให้นาร์วินลงโต๊ะทำงานของเขา “กินข้าวเที่ยงรึยังคะ?”“ยังไม่มีเวลาว่างทำอะไรเลย”“ทำไมทำงานหนักขนาดนี้คะ พักบ้างก็ได้” เธอพูดยิหวาเคยบอกว่าเตทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ จำได้ว่าตอนนั้นบอกให้ยิหวาเข้าใจเต แต่พอเจอกับตัวถึงเข้าใจความรู้สึกของยิหวา วันก่อนนาร์วินและเธอนัดไปทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่เขาดันมีนัดสำคัญกับนักธุรกิจจนต้องโทรมาบอกเธอว่าคงไม่ได้ไปทานข้าวเย็นด้วย ทั้งที่เธอแต่งตัวรอเขาแล้ว กลับต้องจำใจบอกว่า ไม่เป็นไร ทั้งที่ในใจแอบน้อยใจเขา เธอไม่อยากงี่เง่ากับนาร์วินจึงพยายามเข้าใจเขาให้มากๆกลัวใจตัวเองเหมือนกัน กลัวว่าสักวันจะเผลองี่เง่่กับเขา บางที…นี่อาจเป็นบททดสอบความรักระหว่างนาร์วินและเธอก็ได้“พี่ก็อยากพักนะ แต่ช่วงที่พี่เข้าโรงพยาบาลทำให้ต้องพักงานเอาไว้ พอหายดีแล้วก็ต้องกลับมาลุยงานที่พักเอาไว้ มีทั้งงานใหม่และงานเก่าที่เข้ามาพร้อมกัน”“มีอะไรให้ดาช่วยบอกได้นะคะ”
“ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกันนะวิน” เสียงคนเป็นแม่เอ่ยกับลูกชายพลางลูบศีรษะนาร์วินด้วยความรักปนเป็นห่วงในเวลาเดียวกันวันแรกที่รู้ข่าวว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงเวลานั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว จำได้ว่าสวดมนตร์และขอพรให้นาร์วินรอดพ้นจากอันตรายทุกคืน พอได้ยินข่าวว่าลูกชายฟื้นแล้วก็รู้สึกโล่งใจ“แม่เป็นห่วงวินมากเลยรู้ไหม กินไม่ได้นอนไม่หลับมาตั้งแต่วันที่วินเกิดอุบัติเหตุ” คนเป็นพ่อพูดนาร์วินหันหน้าไปมองแม่ ก่อนจะยิ้มแล้วสวมกอด แม้ทั้งสองคนไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง แต่พวกท่านทั้งสองก็รักและให้ความอบอุ่นกับตนไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆ คนหนึ่ง แม้ครอบครัวที่แท้จริงจะจากไป แต่ยังโชคดีที่มีครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้รับมาดูแลและเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนโตถึงป่านนี้“รักแม่กับพ่อมากนะครับ”“วันนี้พบเด็กขี้อ้อนหนึ่งอัตรา” คนเป็นแม่เอ่ยแซว ก่อนจะหันไปยิ้มกับสามีและลูกสาวคนโต“รักแค่พ่อกับแม่ แต่ไม่รักพี่สาวตัวเองเหรอ?”นาร์วินหรี่ตามองพี่สาวซึ่งยืนกอดอกมองอยู่ตรงปลายเตียง“พี่คินเขาไม่รักเหรอถึงมาขอความรักจากน้องชายตัวเอง”“เอ๊ะ! ไอ้น้องบ้านี่! เดี๋ยวก็ตีให้แขนหักอีกข้างเลย” นาร์มินตั้งท่าเข้