ตอนที่ 5
ระหว่างรอสาวน้อยตาสีนิลตื่นจากการเป็นลมหมดสติ ก่อนหน้านั้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากเจไดอุ้มลูกหว้าเข้ามาทางประตูลับของผับเพื่อขึ้นไปยังที่พักของเพื่อนที่อยู่ด้านบน ซึ่งเป็นทั้งที่พักของเจ้าของผับแห่งนี้และเป็นห้องที่เจไดและเพื่อนๆใช้คุยเรื่องงานและสังสรรค์กันเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น… ปึ่ก!! พลั่กกก!! เจไดใช้เท้าถีบประตูเข้าไปคีตภัทรและอาชาที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่แทบสำลักออกมาด้วยความตกใจ แค่ก แค่ก!! “เฮ้ยไอ้เจ นี่มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ??!!” อาชาพูดขึ้นด้วยความตกใจ “นั่นสิ แล้วนี่มึงทำไรอะไรเด็กคนนี้เขาถึงได้อยู่ในสภาพแบบนี้วะ กูยิ่งไม่ค่อยถูกกะคนมีสีนะโว้ยมึงอย่าหาเรื่องให้ตำรวจมาที่นี่ ไม่งั้นกูทุบมึงแน่ไอ้เพื่อนบ้า!!” คราวนี้คีตภัทรเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “กูไม่ได้ทำอะไร” เจไดตอบสั้นๆแบบหัวเสียพร้อมกับพาร่างของเด็กสาวที่นอนหมดสติวางลงบนโซฟาเบาๆ “นี่มึงจะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนี้ทั้งที่เขานอนหมดสติไม่รู้สึกตัวอยู่แบบนี้น่ะเหรอวะ?” อาชาพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “ก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไรไงวะ กูก็แค่จูบยัยเด็กบ้านี่แล้วแม่งก็สลบไปเลย กูยังไม่ได้เอาแม่งสักหน่อย!!” เจไดตอบแบบหัวเสียที่เพื่อนถามเซ้าซี้น่ารำคาญ “ห๊ะ!! แค่จูบนี่เหรอวะเป็นลมหมดสติ??!!” คราวนี้คีตภัทรกับอาชาพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนชายหนุ่มหล่อทั้งสองจะหันไปมองหน้ากันอยู่สักพักแล้วหัวเราะร่วนออกมา “ฮ่าๆๆๆๆ” “พวกมึงประสาทรึไงวะ จะหัวเราะกันอีกนานไหมกูรำคาญ!!!” เจไดพูดขึ้นมาอย่างหัวเสียเมื่อคีตภัทรและอาชาเอาแต่หัวเราะอยู่ได้ “เอ้า ไม่หัวเราะแล้วก็ได้โว้ย ว่าแต่…มึงจะเอายังไงกับเด็กคนนี้ต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือน้องเขาก็ดังไม่หยุดเลย มึงจะกดรับไหมหรือจะเอายังไง เพื่อนเขาคงเป็นห่วงและสงสัยกันแย่แล้วมั้งที่จู่ๆเพื่อนเขาก็ดันมาหายตัวไปทั้งคนแบบนี้” อาชาพูดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้ารอคำตอบจากเพื่อน “กูว่ามึงจะเอาไงก็เอา แต่ตอนนี้ถ้าไม่รับโทรศัพท์ มึงก็ต้องส่งข้อความบอกเพื่อนเขาว่าเด็กคนนี้อยู่ไหน พวกเขาจะได้ไม่สงสัย” พอพูดจบคีตภัทรจึงเดินเข้าไปล้วงเอาโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดออกมา ก่อนจะรีบกดเข้าไปที่แอพพลิเคชันไลน์และดูสายที่โทรเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ซึ่งเป็นชื่อของกฐิน “มึงจะทำอะไรวะ!” เจไดเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม ดวงตาคมจ้องหน้าคีตภัทรนิ่ง “กูก็จะส่งข้อความหาเพื่อนของเด็กคนนี้ยังไงล่ะ จะได้เลิกโทรมาสักสีกูหนวกหู!!” คีตภัทรตอบคำถามพร้อมกดโทรศัพท์พิมพ์ส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทของลูกหว้าเพื่อที่เพื่อนของเธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงและสงสัยอะไรมากกว่านี้ “ทีนี้มึงจะเอาไงต่อ รอน้องเขาตื่นแล้วพาเขากลับไปส่งบ้านงี้เหรอ หรือว่ามึงจะ…..?” คีตภัทรพูดเว้นประโยคพลางจ้องมองหน้าเพื่อนสนิท “กูก็จะส่งขึ้นสวรรค์น่ะสิ หึ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบสั้นๆ ก่อนจะลากสายตาคมกริบหันไปมองเจ้าของร่างเล็กที่นอนหลับไม่ได้สติ แม้แต่ในยามที่เด็กคนนี้หลับเธอก็ยังดูน่ามองน่าทะนุถนอมชวนหลงใหล เมื่อพลันนึกไปถึงเหตุการณ์วาบหวามก่อนหน้านั้น ริมฝีปากบางนุ่มที่เขาได้สัมผัสมันก็ยิ่งชวนให้เค้าอยากสัมผัสและลิ้มลองมันอีกสักครั้งว่าจะหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าหรือไม่ “นี่มึงถึงขั้นข่มขืนเด็กทางสายตาแล้วเหรอวะไอ้เจ กูถามจริงๆเถอะอะไรเข้าสิงมึงถึงได้เป็นเอามากขนาดนี้?” อาชาเอ่ยขึ้นอย่างเหน็บแนม เขาแค่อยากจะรู้เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ปกติแค่กระดิกนิ้วสาวๆก็วิ่งกรูกันเข้ามาให้ได้เชยชมแล้ว หรือจะซื้อกินเท่าไหร่ก็ได้แค่เงินถึง แม้แต่ดาราตัวท๊อปก็พร้อมอ้าขาให้กับเพื่อนของเขา แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้กลับทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะสนใจผู้หญิงคนไหนอย่างเจไดคลั่งได้ เพื่อนคนที่ไม่เคยจู่โจมฉกฉวยโอกาสจากผู้หญิงคนไหน ไม่เคยใช้กำลังบังคับขืนใจผู้หญิงคนไหนเพราะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหาซะมากกว่า แต่กับเด็กผู้หญิงคนนี้เขาเห็นความหึงหวงที่แสดงออกมาผ่านทางแววตาเพื่อนของเขาในขณะที่เด็กผู้หญิงคนนี้พูดคุยหยอกล้อกันกับผู้ชายหน้าตี๋คนนั้นตอนที่อยู่ในผับ “กูก็แม่งไม่รู้เหมือนกันว่ากูเป็นอะไร” เจไดตอบสั้นๆ และเขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ออกไปแบบไหนดีเพราะเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ถ้าจะบอกว่ารักก็คงจะเร็วไปเพราะเพิ่งเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเอง “อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็เปรียบเสมือนเป็นลูกศิษย์ในมหาลัยกูคนหนึ่ง กูว่า…ถ้ามึงคิดแค่จะเอาเพื่อความมันแล้วเขี่ยทิ้งมันจะเสียอนาคตเด็กนะโว้ย” อาชาพูดเตือนสติเพื่อนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะรู้สึกสงสารเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรที่ต้องมาเจอกับไอ้เสือร้ายอย่างเพื่อนของเขา อีกอย่างเด็กคนนี้คงไม่ประสีประสาอะไรสักเท่าไหร่นักหรอก ไม่เช่นนั้นการที่โดนเพื่อนเขาจู่โจมจูบแค่นี้คงไม่ถึงกับหมดสติไปนานขนาดนี้ “ก็แค่เด็กใจแตกคนหนึ่งที่ทำตัวไร้เดียงสา เอาเข้าจริงๆผ่านผู้ชายมากี่คนแล้วก็ไม่รู้” เจไดพูดขึ้นอย่างเหยียดๆ “เออน่า ยังไงเด็กก็คือเด็กไหมวะ นี่ก็เพิ่งจะจบม.6เอง อายุก็แค่18-19ปี แต่มึง35แล้วนะโว้ย อายุห่างจากเด็กคนนี้ 16-17ปี มึงจะมาทำตัวเอาแต่ใจเอาแต่อารมณ์แบบนี้ไม่ได้นะโว้ยไอ้เสือ” “ถ้าวันไหนที่มึงเกิดชอบเด็กคนนี้จริงๆค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้มึงยังไม่ได้ชอบ มึงก็ควรปล่อยเขาไป อย่าไปทำลายอนาคตเด็กมันเลย” คีตภัทรพูดแสดงความคิดเห็นบ้าง ซึ่งคีตภัทรและอาชาเองต่างมีความคิดเห็นที่ตรงกัน “เอางี้ละกัน รอแค่ให้เขาฟื้นแล้วกูจะให้ลูกน้องกูไปส่งเขาเอง ลูกน้องกูไว้ใจได้กันทุกคน” คีตภัทรได้เสนอความคิดเห็นขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ต้อง!! กูจะพาเธอไปส่งเอง” เจไดเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “เออ มึงจะเอาไงก็เอา รู้จักที่พักเขาแล้วนี่ ไปส่งเขาให้ถึงหอพักก็แล้วกัน!” อาชาพูดขึ้นเพราะรู้ดีว่าคนอย่างเจไดถ้าจะสืบประวัติใครหรือต้องการรู้ที่อยู่ของใครสามารถทำได้อยู่แล้ว พอคุยตกลงกันเสร็จเจไดก็ช้อนร่างลูกหว้าขึ้นมาในท่าเจ้าสาว ก่อนจะอุ้มร่างเธอลงไปที่ลานจอดรถ พอไปถึงก็มีพยัคฆ์ลูกน้องคนสนิทยืนรอเปิดประตูอยู่ก่อนแล้ว “นายน้อยจะให้ผมพาเธอไปที่ไหนครับ” พยัคฆ์เอ่ยถามผู้เป็นเจ้านายขึ้น “ไปคอนโด!” เขาตอบสั้นๆเพียงแค่นั้น ก่อนพยัคฆ์จะขับรถมุ่งตรงไปยังคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองของผู้เป็นเจ้านายทันที ทางด้านคีตภัทรหลังจากเจไดได้อุ้มสาวน้อยร้อยเอ็ดคนนั้นออกไปจากผับแล้ว เขาก็ได้กดโทรศัพท์สั่งให้ลูกน้องของตัวเองตามเจไดไป แล้วให้โทรมารายงานว่าไอ้เสือร้ายเพื่อนรักของเขาพาแม่สาวน้อยคนนั้นไปที่ไหน ครืด ครืด ครืด ~~~ คีย์ : (ว่าไง) ลูกน้อง : (คุณเจไดพาผู้หญิงคนนั้นไปที่คอนโดครับนาย) ลูกน้องคนสนิทของคีตภัทรรายงาน คีย์ : (อืม) คีตภัทรตอบสั้นๆและกดวางสายไปทันที “กูว่าแล้วว่ะว่ามันต้องพาแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดนั่นไปที่คอนโดมัน” คีตภัทรเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองหน้าอาชา “หวังว่ามันจะไม่ทำอะไรเด็กคนนั้นก็แล้วกัน เพราะถ้ามันทำอะไรบ้าๆขึ้นมาจริงๆหรอกนะ กูกลัวว่าเด็กนั่นคงจะรับมือกับคนป่าเถื่อนแบบมันไม่ไหวแน่ๆ” อาชาได้แต่พูดพึมพำกับคีตภัทรเบาๆ “กูก็ว่างั้น” สองคนได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอาให้กับไอ้เพื่อนจอมเอาแต่ใจของพวกเขาตอนที่50 สามเดือนต่อมา… งานแต่งงานได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของตระกูล งานแต่งครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่สามารถรองรับแขกที่มาร่วมงานได้จำนวนมาก งานแต่งในครั้งนี้ต่างมีแขกมาร่วมงานทั้งแวดวงธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทาที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งเพื่อนสนิทที่จะพลาดงานสำคัญแบบนี้ไม่ได้ก็คืออาชา คีตภัทร กฐินและเพื่อนร่วมงานร้านคาเฟ่ นอกจากนั้นยังมีบิ๊กเอ็มผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อหน้าตี๋ที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ก็ตาม กว่างานในช่วงเย็นจะเสร็จก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว เนื่องจากคอยต้อนรับแขกเหรื่อในงานตั้งแต่เช้า และกว่าจะเสร็จพิธีแต่ละขั้นตอนจนถึงช่วงส่งตัวเข้าหอก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแทบจะหมดเรี่ยวแรง หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพแล้ว เจไดจ้องมองภรรยาสาวที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกใบโตด้วยสายตาอ่อนโยน เขามีความสุขและมันยิ่งกว่าคำว่าความสุขด้วยซ้ำที่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าสำคัญสำหรับเขามากเพียงใด แต่เขารู้เพี
ตอนที่ 49 ~1 เดือนผ่านไป~ ตอนนี้ลูกหว้ามีอายุครรภ์เข้าเดือนที่แปดแล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างนับวันรอที่จะได้เจอหน้าทายาทคนแรกของตระกูลกันอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดวันนี้เราก็ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในขณะที่เจไดกับลูกหว้าถือทะเบียนสมรสเดินออกมาจากสำนักงานเขตใกล้ๆบ้านด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มสดใสอย่างมีความสุข โดยมีแม่ของลูกหว้ามาเซ็นยินยอมให้เพราะเธอยังอายุไม่ครบ20ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอาชาและคีตภัทรเพื่อนสนิทมาเป็นพยานให้เช่นกัน “นาง นริศรา ศิริพงษ์ไพบูลย์ หนูเหมือนคนแก่จังเลยค่ะ” ลูกหว้าอ่านชื่อและนามสกุลของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนสมรสขึ้นมาอย่างไม่คุ้นชินกับคำนำหน้าชื่อสักเท่าไหร่ “สักวันก็ต้องแก่เหมือนแม่อยู่แล้วลูก” แม่ของลูกหว้าพูดขึ้นพลางเอามือลูบศีรษะลูกสาวเบาๆด้วยความรักและเอ็นดู “ไม่เห็นแก่ตรงไหนเลยครับ มีลูกมีผัวแล้วก็ต้องใช้คำนำหน้าว่านางแหละถูกต้องแล้ว จะให้ใช้นางสาวเหมือนเดิมได้ยังไงครับ ที่สำคัญจะแก่หรือไม่แก่พี่ก็รักเธอคนเดียวเหมือนเดิม และมีจะแต่รักเพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยคำหวานออกมาด้วยค
ตอนที่48 หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้วทั้งสองจึงขึ้นไปนอนบนห้อง ลูกหว้ายอมให้พ่อของลูกย้ายขึ้นมานอนบนห้องของเธอได้ เพราะถึงยังไงเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการกอด “เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนเลยนะคะ หนูว่าจะพับเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบค่ะ” “มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเราค่อยไปอาบน้ำด้วยกัน” เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ แน่นอนว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ใช่แค่จะอาบน้ำกับเธออย่างเดียวแน่ๆ อีกทั้งสรรพนามที่เขาเปลี่ยนมาพูดแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมนั่นอีก มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอและเขาไม่ได้ดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “หนูรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรไม่ดีกับหนู” เธอพูดขึ้นอย่างรู้ทันในความเจ้าเล่ห์ของเขา เพราะคนอย่างเขาหื่นแค่ไหนเธอเคยเจอมาหมดแล้ว “สำหรับเธอพี่คิดแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนประกอบกับสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่ส่งมาหาเธออย่างยั่วยวน ก่อนจะหันมาช่วยคนตัวเล็กพับเสื้อผ้าจนเสร็จ ซ่าส์…. เสียงสายน้ำจากฝักบัวรินรดลงมาไม่ขาดสายชโลมสองร่างเปลือยเปล่าที่โอบกอดเคล้าเคลียกันอย่างชุ่ม
ตอนที่47 “เธอจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้นะลูกหว้า แต่ฉันขออย่างเดียว…อย่าไล่ให้ฉันไปไหนเลยนะ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเธอ ได้ดูแลเธอกับลูกของเรา เธออย่าผลักไสฉันให้ออกไปจากชีวิตเธอเลย เพราะฉันเองคงไปไหนไม่ได้ถ้าที่ที่ฉันจะไปมันไม่มีเธอไปกับฉันด้วย..” “……” “เธอจะให้ฉันก้มลงกราบเธอก็ได้ถ้ามันจะทำให้เธอให้อภัยและให้โอกาสคนเลวๆอย่างฉันได้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกสักครั้ง...” พูดจบสองขาแกร่งก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ก่อนจะพนมมือหนาทั้งสองข้างขึ้นมาและโน้มตัวลงตั้งท่าจะก้มลงกราบเธอ สองมือเรียวสวยรีบคว้ามือหนาของเขาเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะก้มลงกราบเธอซะก่อน ลูกหว้าเองเมื่อเห็นคนตัวโตกระทำเช่นนั้นเธอก็รู้สึกตกใจมาก จนต้องรีบห้ามไว้ก่อนที่คนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้กับเธอจริงๆ “คุณจะทำอะไรคะ คุณจะลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวคุณเองมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่น น้ำตาหยดใสๆที่พยายามสะกัดกลั้นเอาไว้หลายครั้งต่างไหลลงมาอาบแก้ม ผู้ชายที่ตัวเธอเองนั้นคิดและบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเกลียดเขาที่สุดกำลังจะยอมลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเธอ ซึ
ตอนที่46 สองอาทิตย์ผ่านไป… อึก โอ้กก อ้ากก!! แค่ก แค่ก!! “เมื่อไหร่จะหายสักทีวะไอ้อาการแฮงค์เหล้าเนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มสักหน่อยตอนเช้าก็ยังต้องตื่นมาอ้วกอีก” เขาสบถออกมาเบาๆคนเดียว นอกจากเขาจะต้องตื่นมาอาเจียนในกลางดึกเพราะอาการพะอืดพะอมและเวียนหัว ตอนนี้อาการของเขากลับเริ่มหนักขึ้นจนต้องตื่นมาอาเจียนในทุกๆเช้าอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเขาดื่มหนักเกินไปก็เลยเกิดผลข้างเคียงตามมาทีหลัง “คุณเจจะรับกาแฟไหมคะ” สมปองถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ดูซีดเซียวเหมือนคนนอนไม่อิ่ม “ไม่ล่ะ ฉันไม่ถูกกับกาแฟมาสักพักแล้ว ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก! ขอเป็นชามะนาวแล้วกัน” “ได้ค่ะ” สมปองได้แต่ตอบรับอย่างงุนงงเพราะปกติเมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็เห็นเจ้านายหนุ่มทานกาแฟในทุกเช้า มาคราวนี้บอกจะอ้วกทำอย่างกะคนกำลังแพ้ท้องแทนเมียซะอย่างนั้น สมปองได้แต่พูดคนเดียวในใจ หลังจากที่เขาได้จิบชามะนาวแล้วจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ก่อนคนตัวสูงจะลุกขึ้นเดินไปทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ดอกไม้แทนลูกหว้า เพราะถ้าปล่อยให้เธอมาทำเอง
ตอนที่45 หนูหว้าดูแลตัวเองและตาหนูของย่าด้วยนะลูก เดี๋ยวเดือนหน้าแม่กับคุณพ่อจะมาเยี่ยมใหม่” “ค่ะคุณแม่ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์โอบกอดว่าที่ลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายหัวดื้อ “ดูแลหนูหว้ากับหลานแม่ให้ดีๆละตาเจ” “ครับคุณแม่” “ส่วนเรื่องงานบ้านพวกแกห้ามช่วยลูกชายฉันนะสมปอง ประหยัด!” “ค่ะ/ครับ คุณผู้หญิง” “เฮ้อ! ทีเรื่องนี้ล่ะไม่ลืม” เจไดได้แต่บ่นเบาๆให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนท่านมานพ คุณหญิงสุดารัตน์และจินตะลูกชายคนเล็กจะเดินทางกลับกรุงเทพ ตอนนี้จะเหลือก็แค่เจได ลูกหว้า และสมปองกับตาประหยัดที่คอยดูแลลูกหว้าอยู่ที่บ้านหลังนี้ “ฉันก็คงจะช่วยแกได้เท่านี้ล่ะนะตาเจ ที่เหลือแกก็ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” คุณหญิงได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว ถึงแม้เจไดจะทำผิดอย่างเกินที่จะให้อภัยได้ แต่คุณหญิงเองยังอยากจะให้หลานเกิดมามีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก หวังว่าลูกชายหัวดื้อของเธอจะไม่ทำให้คำว่าครอบครัวพังเป็นครั้งที่สองอีก “เย็นนี้คุณหว้าอยากจะทานอะไรคะเดี๋ยวสมปองจะทำให้ทานค่ะ” “อืม อยากกินอาหาร