ตอนที่4 โมโหหึง
“ตอนนี้หว้ารู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อยค่ะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะพี่บิ๊ก” ลูกหว้าเอ่ยขึ้นเพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะดื่มเยอะเกินไปแล้ว เพราะอาการหนักหัวปวดหัวเริ่มประเดประดังเข้ามาเธอเลยอยากจะไปล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหว้าให้กฐินไปเป็นเพื่อนก็ได้” พูดจบดวงตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆเพื่อมองหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ และตอนนี้กฐินเองกำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับพนักงานในร้านคาเฟ่คนอื่น ขาเรียวสวยรีบก้าวเดินฉับๆไปสะกิดแขนเพื่อนทันทีเพราะพยายามเรียกชื่อของกฐินหลายครั้งแล้วแต่กลับไม่ได้ยินเนื่องจากเสียงดนตรีในผับอาจจะดัง และเพื่อนของเธอเองก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาเต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย “กฐินคือฉันอยากเข้าห้องน้ำน่ะ แกไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” “ได้สิแกฉันก็กำลังปวดฉี่อยู่พอดีเลย รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนด้วยอ่ะแก สงสัยจะทั้งดื่มทั้งกินเยอะไปหน่อย แห่ะแห่ะ” “อืม แกอ่ะดื่มเยอะมากไปแล้ว รู้ตัวหรือเปล่าว่าเมาแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ได้หรอก” ลูกหว้าบ่นอุบอิบขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก “เออน่า ป่ะรีบไปกันฉี่จะราดแล้วเนี่ย” ทั้งสองสาวเพื่อนสนิทเดินปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำและแยกกันเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสรรพแล้วลูกหว้าจึงเดินไปล้างหน้าล้างตาและยืนส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง พอได้น้ำเย็นๆล้างหน้าก็ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างถึงแม้อาการหนักๆหัวจะยังมีอยู่ ทางด้านกฐินเองจู่ๆเธอก็มารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเอาอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้เลยยังออกมาด้านนอกไม่ได้ ลูกหว้าจึงออกมายืนรอเพื่อนสนิทอยู่ด้านหน้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้นจู่ๆก็มีคนมากระชากแขนเธออย่างแรงจนเธอรู้สึกได้ว่าร่างของเธอปลิวว่อนเข้าไปปะทะร่างแกร่งของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง ปึ่กกก!!! “โอ๊ยยย!” เธอร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตกใจเพราะรู้สึกเจ็บ แต่พอหันหน้ามาก็เจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่กลับเป็นผู้ชายใจดีคนนั้น คนที่เสียสละเวลาพาเธอและเพื่อนสนิทเดินไปหาอาคารที่ยื่นเอกสารสมัครเรียนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว “อ้าว ขะ คุณคนนั้นนี่เอง คุณมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันเหรอคะ?” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ ประกอบกับท่าทางที่ดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เจอผู้ชายใจดีคนนั้นที่นี่ ดวงตาสีนิลส่องประกายแพรวพราวใสซื่อ จ้องหน้าเขานิ่งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจแต่ก็แฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจเช่นเดียวกัน ดวงตาคู่นี้แหละที่ทำให้เขาแทบคลั่งเวลาที่เธอมองสบตากับเขา มันเป็นสายตาที่ดูไร้เดียงสาและไม่มีพิษภัยกับใคร แต่…เธอช่างสร้างภาพให้คนอื่นคิดว่าเธอดูไร้เดียงสา ทั้งที่ความเป็นจริงพฤติกรรมของเธอในค่ำคืนนี้มันขัดกัน เพราะสำหรับเขาแล้วเธอมันก็แค่ผู้หญิงเจนโลกทั่วไปคนหนึ่ง “หึ เธอเลิกแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาเหมือนเด็กประถมสักทีเถอะ อยู่ต่อหน้าฉันทำไมไม่ทำตัวง่ายๆเหมือนอยู่กับไอ้หน้าตี๋นั่นบ้างล่ะ แทบอยากจะเอากับมันคาโต๊ะแล้วไม่ใช่รึไง??” น้ำเสียงขุ่นเคืองที่แฝงไปด้วยคำเหน็บแนมพูดออกไปด้วยความโมโห ประกอบกับที่เขาดื่มเหล้าเพียวๆไปหลายแก้วจึงทำให้เขาเริ่มที่จะควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และเขาต้องอดกลั้นดูเธอกับไอ้หน้าตี๋นั่นพรอดรักกระหนุงกะหนิงกันอยู่นานสองนานจนแทบจะคลั่ง แต่พอเธอมาอยู่ต่อหน้าเขาแบบนี้เธอกลับทำตัวเป็นเด็กไร้เดียงสา “คุณพูดอะไรของคุณคะ หนูไม่เข้าใจ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง และเธอก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยจริงๆว่ากำลังจะสื่อถึงอะไร “หึ! ไม่ต้องมาทำตัวใสซื่อไร้เดียงสาหรอกนะ ทั้งที่เธอมันก็เหมือนผู้หญิงอย่างว่าทั่วๆไปที่ฉันเคยซื้อกิน” “ฉันว่าคุณคงจะเมามากแล้วนะคะถึงพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้ และหนูก็จะไม่พูดกับคนเมาแบบคุณค่ะ กรุณาปล่อยแขนหนูด้วยค่ะ!!” ลูกหว้าพยายามแกะมือหนาของเขาออกจากการเกาะกุม เพราะตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงแรงบีบต้นแขนของเธอหนักขึ้นจนปวดร้าวราวกับกระดูกจะหักออกเป็นท่อนๆ แต่ยิ่งเธอพยายามแกะมือเขาออกมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งออกแรงบีบมากยิ่งขึ้นเท่านั้น “……” ดวงตาคมจ้องหน้าเธอไม่กะพริบ เขายังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว “หนูบอกให้ปล่อยไงคะ คุณเมามากแล้วนะคะ ถ้าเมาแล้วก็ควรจะกลับไปนอน ไม่ใช่มาหาเรื่องคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรไปทั่วแบบนี้!” ลูกหว้าตะคอกใส่หน้าเขาและพยายามแกะมือหนาที่แข็งราวกับคีบเหล็กนั้นออก แต่มันก็แน่นยิ่งกว่ากาวตราช้างซะอีกและเธอก็ไม่สามารถที่แกะมือของเขาออกจากการเกาะกุมได้ “ฉะ ฉันบอกให้ปล่อยฉันไงคะ ปล่อย” น้ำเสียงพร่าสั่นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง มืออีกข้างของเธอก็ทั้งหยิกทั้งข่วนและพยายามต่อต้าน แต่เหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่นิด มือใหญ่ทั้งสองข้างออกแรงบีบแขนเธอแรงขึ้น จนใบหน้าสวยต้องเบ้หน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด แต่แล้วคนที่หน้ามืดตามัวก็ไม่รอช้า เขาปล่อยมือที่บีบต้นแขนของเธอออก เปลี่ยนมาจับใบหน้าของเธอไว้และประกบจูบลงไปบนริมฝีปากเธออย่างบ้าคลั่งโดยที่เธอเองยังไม่ทันได้ตั้งตัว เจไดประกบปากบดจูบเธออย่างเร่าร้อนรุนแรงโดยที่ไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธ จนตอนนี้เธอรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด เพราะความโมโหหึงที่ผู้หญิงที่เขาหมายตาเอาไว้กลับมาพรอดรักกับผู้ชายคนอื่นให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้ “อื้อ อ่อย อั่น เอี่ยวอี้อ้ะอั๋นเอ็บ” (ปล่อยฉันเดียวนี้นะฉันเจ็บ) ลูกหว้ารวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีอยู่น้อยนิดพยามผลักร่างหนาออกไปจนเขาเองเซถลาไปนิด “หึ ผู้หญิงอย่างเธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ ฉันว่า…เธอน่าจะชอบแบบนี้ซะอีกนะ” เสียงเข้มพูดสวนขึ้นมาอย่างนึกโมโห ตอนนี้ความโกรธทำให้เขาหูอื้อตามัวไปหมด เขาไม่ยอมฟังและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะผู้ชายอย่างเขาหากถูกใจหรืออยากได้อะไรเขาก็ต้องได้ และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ “ถ้าคุณไม่หยุดทำอะไรทุเรศๆและน่ารังเกียจแบบนี้ หนูจะเรียกให้คนช่วย!!” เธอเอ่ยขึ้นเสียงสั่น “เอาสิ!! ถ้าอยากให้คนอื่นเข้ามาดูฉากรักของเราสองคนก็แหกปากร้องดังๆ!! ร้องเลยสิ!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธออย่างไม่เกรงกลัวคำที่เธอขู่เลยสักนิด ก่อนจะเอื้อมมือหนาไปบีบคางของเธอให้หันหน้ากลับมาหาเขาอีกครั้ง ก่อนจะประกบจูบเธออย่างเร่าร้อนรุนแรงอีกครั้งจนได้กลิ่นคาวเลือดสดๆทั้งของเธอและเขา เพราะผลของการหึงหวงผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองเขาจึงขาดสติจนทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่แตกยับ และคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด “อื้อ อ่อยอ้ะ…อื้อ” ลูกหว้าพยามบอกให้เขาปล่อยเพราะตอนนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก เธอทำได้เพียงส่งเสียงอึกอักให้เขาหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนแบบนี้กับเธอสักทีแต่ก็ไม่ได้ผล และเขาก็ยอมไม่ปล่อยริมฝีปากให้เธอเป็นอิสระเสียที เขายังบังคับจูบเธออย่างดูดดื่มอยู่แบบนั้น มิหนำซ้ำยังพยายามแทรกเรียวลิ้นอันร้ายกาจเข้าไปตักตวงความหวานในปากของเธอไม่หยุด จนในที่สุดเธอต่อต้านคนตัวโตกว่าไม่ไหวจึงเป็นลมและหมดสติไป “หึ แค่นี้ก็หมดฤทธิ์ซะแล้วเหรอ” เจไดสบถออกมาเบาๆและยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะอุ้มร่างคนตัวเล็กในท่าเจ้าสาวเดินเข้าไปทางประตูลับของผับแห่งนี้ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าออกประตูนี้ได้ นอกจากคนที่สนิทกับเจ้าของผับแห่งนี้เท่านั้น หลังจากกฐินทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ปาไปหลายนาที เพราะจู่ๆเธอก็รู้สึกท้องเสียขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ “เฮ้อ นึกว่าจะตายคาห้องน้ำซะแล้วกู สงสัยกับแกล้มจะออกฤทธิ์เล่นงานซะน่วมเลย ป่านนี้ยัยหว้าคงบ่นแล้วแน่ๆ” กฐินบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะพาร่างกายที่ดูไร้เรี่ยวแรงเพราะคงจะขาดน้ำเนื่องจากถ่ายหนักเมื่อครู่ออกมาด้านนอก กฐินกวาดสายตามองหาเพื่อนสนิท เธอหันซ้ายหันขวาเรียกทั้งในห้องน้ำและนอกห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆของเพื่อนสนิทเลย “หรือว่ายัยหว้าจะรอเราไม่ไหวเลยกลับไปที่โต๊ะก่อนนะ” พอกฐินคิดได้เช่นนั้นเธอจึงเดินกลับมาที่โต๊ะข้างในผับ และกวาดสายตามองหาเพื่อนโดยรอบก็ไม่เจอแม้แต่เงาของลูกหว้า กฐินจึงเอ่ยถามผู้จัดการร้านคาเฟ่ “เอ่อ ผู้จัดการคะ ยัยหว้ายังไม่กลับมาอีกเหรอคะ กฐินเรียกหาทั้งในห้องน้ำและนอกห้องน้ำก็ไม่เห็นเลยค่ะ กฐินคิดว่ายัยหว้ากลับมาที่โต๊ะแล้วซะอีก” กฐินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมราวกับผูกโบว์เพราะเป็นห่วงเพื่อนสนิท “ยังไม่กลับมานะครับ พี่ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเห็นกฐินเดินออกมาคนเดียว” ผู้จัดการหนุ่มตอบประกอบกับสีหน้าท่าทางที่เริ่มจะเป็นกังวลเหมือนกัน “กฐินลองโทรหาแล้วยัยหว้าก็ไม่รับสายเลยค่ะ ปกติยัยลูกหว้าไม่ใช่คนที่จะไปไหนก็ไปเลยโดยไม่บอกเพื่อนนะคะ กฐินว่ามันแปลกๆยังไงไม่รู้ เป็นห่วงลูกหว้าจังค่ะ เราจะทำยังไงกันดีคะ” กฐินพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ “ใจเย็นๆก่อนนะครับอย่าเพิ่งกังวลไป เดี๋ยวพี่จะลองติดต่อเพื่อนพี่ที่เป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของที่นี่ ให้เค้าช่วยเช็คกล้องวงจรปิดให้อีกที” ผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อพูดขึ้น และกำลังจะกดโทรศัพท์ติดต่อหาเพื่อนที่เพิ่งจะพูดถึง ~~ ติ๊ง ติ๊ง ~~~ เสียงข้อความไลน์ในโทรศัพท์มือถือของกฐินดังขึ้นมาขัดจังหวะ Line… Luk Wa : (กฐินตอนนี้หว้าออกมาข้างนอกแล้วนะ พอดีรู้สึกปวดหัวมากๆเลยออกมาซื้อยากินเพราะเราไม่ไหวจริงๆเลยต้องออกมาก่อน ไว้เจอกันที่ห้องนะแบตจะหมดแล้ว บาย) “ลูกหว้าส่งข้อความมาแล้วค่ะผู้จัดการ บอกว่าปวดหัวมากจนทนไม่ไหวเลยออกมาหาซื้อยากินก่อน แล้วก็จะกลับห้องเลยค่ะ” บิ๊กเอ็มทำท่าครุ่นคิดเพราะตอนออกมาทำไมมองไม่เห็นลูกหว้าเลย แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะคิดว่าลูกหว้าคงไม่ไหวจริงๆเลยต้องกลับก่อน “ถ้างั้นพวกเราก็กลับกันเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง ป่ะเด็กๆ คืนนี้พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาทำงานกันไม่ไหว” ผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อตะโตนเรียกลูกน้องคนอื่นๆ ก่อนทั้งหมดจะทยอยกันกลับ ผู้จัดการหนุ่มไปส่งกฐินถึงหอพักแล้วก็ขอตัวกลับเลยเช่นกัน พอกฐินกลับเข้ามาถึงในห้องพักแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าและนึกเอะใจว่าทำไมป่านนี้ลูกหว้าถึงยังไม่กลับมาอีก เธอจึงล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างและกดโทรออกหาเพื่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับโทรไม่ติด “สงสัยแบตคงหมด เดี๋ยวอีกสักพักก็คงกลับมามั้ง ไปอาบน้ำนอนดีกว่า” กฐินพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบไปจัดการอาบน้ำอาบท่าและทำธุระส่วนตัว พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยเพลียเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และอาการท้องเสียก่อนหน้านั้น……ตอนที่50 สามเดือนต่อมา… งานแต่งงานได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของตระกูล งานแต่งครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่สามารถรองรับแขกที่มาร่วมงานได้จำนวนมาก งานแต่งในครั้งนี้ต่างมีแขกมาร่วมงานทั้งแวดวงธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทาที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งเพื่อนสนิทที่จะพลาดงานสำคัญแบบนี้ไม่ได้ก็คืออาชา คีตภัทร กฐินและเพื่อนร่วมงานร้านคาเฟ่ นอกจากนั้นยังมีบิ๊กเอ็มผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อหน้าตี๋ที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ก็ตาม กว่างานในช่วงเย็นจะเสร็จก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว เนื่องจากคอยต้อนรับแขกเหรื่อในงานตั้งแต่เช้า และกว่าจะเสร็จพิธีแต่ละขั้นตอนจนถึงช่วงส่งตัวเข้าหอก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแทบจะหมดเรี่ยวแรง หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพแล้ว เจไดจ้องมองภรรยาสาวที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกใบโตด้วยสายตาอ่อนโยน เขามีความสุขและมันยิ่งกว่าคำว่าความสุขด้วยซ้ำที่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าสำคัญสำหรับเขามากเพียงใด แต่เขารู้เพี
ตอนที่ 49 ~1 เดือนผ่านไป~ ตอนนี้ลูกหว้ามีอายุครรภ์เข้าเดือนที่แปดแล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างนับวันรอที่จะได้เจอหน้าทายาทคนแรกของตระกูลกันอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดวันนี้เราก็ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในขณะที่เจไดกับลูกหว้าถือทะเบียนสมรสเดินออกมาจากสำนักงานเขตใกล้ๆบ้านด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มสดใสอย่างมีความสุข โดยมีแม่ของลูกหว้ามาเซ็นยินยอมให้เพราะเธอยังอายุไม่ครบ20ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอาชาและคีตภัทรเพื่อนสนิทมาเป็นพยานให้เช่นกัน “นาง นริศรา ศิริพงษ์ไพบูลย์ หนูเหมือนคนแก่จังเลยค่ะ” ลูกหว้าอ่านชื่อและนามสกุลของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนสมรสขึ้นมาอย่างไม่คุ้นชินกับคำนำหน้าชื่อสักเท่าไหร่ “สักวันก็ต้องแก่เหมือนแม่อยู่แล้วลูก” แม่ของลูกหว้าพูดขึ้นพลางเอามือลูบศีรษะลูกสาวเบาๆด้วยความรักและเอ็นดู “ไม่เห็นแก่ตรงไหนเลยครับ มีลูกมีผัวแล้วก็ต้องใช้คำนำหน้าว่านางแหละถูกต้องแล้ว จะให้ใช้นางสาวเหมือนเดิมได้ยังไงครับ ที่สำคัญจะแก่หรือไม่แก่พี่ก็รักเธอคนเดียวเหมือนเดิม และมีจะแต่รักเพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยคำหวานออกมาด้วยค
ตอนที่48 หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้วทั้งสองจึงขึ้นไปนอนบนห้อง ลูกหว้ายอมให้พ่อของลูกย้ายขึ้นมานอนบนห้องของเธอได้ เพราะถึงยังไงเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการกอด “เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนเลยนะคะ หนูว่าจะพับเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบค่ะ” “มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเราค่อยไปอาบน้ำด้วยกัน” เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ แน่นอนว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ใช่แค่จะอาบน้ำกับเธออย่างเดียวแน่ๆ อีกทั้งสรรพนามที่เขาเปลี่ยนมาพูดแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมนั่นอีก มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอและเขาไม่ได้ดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “หนูรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรไม่ดีกับหนู” เธอพูดขึ้นอย่างรู้ทันในความเจ้าเล่ห์ของเขา เพราะคนอย่างเขาหื่นแค่ไหนเธอเคยเจอมาหมดแล้ว “สำหรับเธอพี่คิดแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนประกอบกับสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่ส่งมาหาเธออย่างยั่วยวน ก่อนจะหันมาช่วยคนตัวเล็กพับเสื้อผ้าจนเสร็จ ซ่าส์…. เสียงสายน้ำจากฝักบัวรินรดลงมาไม่ขาดสายชโลมสองร่างเปลือยเปล่าที่โอบกอดเคล้าเคลียกันอย่างชุ่ม
ตอนที่47 “เธอจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้นะลูกหว้า แต่ฉันขออย่างเดียว…อย่าไล่ให้ฉันไปไหนเลยนะ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเธอ ได้ดูแลเธอกับลูกของเรา เธออย่าผลักไสฉันให้ออกไปจากชีวิตเธอเลย เพราะฉันเองคงไปไหนไม่ได้ถ้าที่ที่ฉันจะไปมันไม่มีเธอไปกับฉันด้วย..” “……” “เธอจะให้ฉันก้มลงกราบเธอก็ได้ถ้ามันจะทำให้เธอให้อภัยและให้โอกาสคนเลวๆอย่างฉันได้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกสักครั้ง...” พูดจบสองขาแกร่งก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ก่อนจะพนมมือหนาทั้งสองข้างขึ้นมาและโน้มตัวลงตั้งท่าจะก้มลงกราบเธอ สองมือเรียวสวยรีบคว้ามือหนาของเขาเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะก้มลงกราบเธอซะก่อน ลูกหว้าเองเมื่อเห็นคนตัวโตกระทำเช่นนั้นเธอก็รู้สึกตกใจมาก จนต้องรีบห้ามไว้ก่อนที่คนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้กับเธอจริงๆ “คุณจะทำอะไรคะ คุณจะลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวคุณเองมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่น น้ำตาหยดใสๆที่พยายามสะกัดกลั้นเอาไว้หลายครั้งต่างไหลลงมาอาบแก้ม ผู้ชายที่ตัวเธอเองนั้นคิดและบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเกลียดเขาที่สุดกำลังจะยอมลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเธอ ซึ
ตอนที่46 สองอาทิตย์ผ่านไป… อึก โอ้กก อ้ากก!! แค่ก แค่ก!! “เมื่อไหร่จะหายสักทีวะไอ้อาการแฮงค์เหล้าเนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มสักหน่อยตอนเช้าก็ยังต้องตื่นมาอ้วกอีก” เขาสบถออกมาเบาๆคนเดียว นอกจากเขาจะต้องตื่นมาอาเจียนในกลางดึกเพราะอาการพะอืดพะอมและเวียนหัว ตอนนี้อาการของเขากลับเริ่มหนักขึ้นจนต้องตื่นมาอาเจียนในทุกๆเช้าอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเขาดื่มหนักเกินไปก็เลยเกิดผลข้างเคียงตามมาทีหลัง “คุณเจจะรับกาแฟไหมคะ” สมปองถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ดูซีดเซียวเหมือนคนนอนไม่อิ่ม “ไม่ล่ะ ฉันไม่ถูกกับกาแฟมาสักพักแล้ว ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก! ขอเป็นชามะนาวแล้วกัน” “ได้ค่ะ” สมปองได้แต่ตอบรับอย่างงุนงงเพราะปกติเมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็เห็นเจ้านายหนุ่มทานกาแฟในทุกเช้า มาคราวนี้บอกจะอ้วกทำอย่างกะคนกำลังแพ้ท้องแทนเมียซะอย่างนั้น สมปองได้แต่พูดคนเดียวในใจ หลังจากที่เขาได้จิบชามะนาวแล้วจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ก่อนคนตัวสูงจะลุกขึ้นเดินไปทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ดอกไม้แทนลูกหว้า เพราะถ้าปล่อยให้เธอมาทำเอง
ตอนที่45 หนูหว้าดูแลตัวเองและตาหนูของย่าด้วยนะลูก เดี๋ยวเดือนหน้าแม่กับคุณพ่อจะมาเยี่ยมใหม่” “ค่ะคุณแม่ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์โอบกอดว่าที่ลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายหัวดื้อ “ดูแลหนูหว้ากับหลานแม่ให้ดีๆละตาเจ” “ครับคุณแม่” “ส่วนเรื่องงานบ้านพวกแกห้ามช่วยลูกชายฉันนะสมปอง ประหยัด!” “ค่ะ/ครับ คุณผู้หญิง” “เฮ้อ! ทีเรื่องนี้ล่ะไม่ลืม” เจไดได้แต่บ่นเบาๆให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนท่านมานพ คุณหญิงสุดารัตน์และจินตะลูกชายคนเล็กจะเดินทางกลับกรุงเทพ ตอนนี้จะเหลือก็แค่เจได ลูกหว้า และสมปองกับตาประหยัดที่คอยดูแลลูกหว้าอยู่ที่บ้านหลังนี้ “ฉันก็คงจะช่วยแกได้เท่านี้ล่ะนะตาเจ ที่เหลือแกก็ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” คุณหญิงได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว ถึงแม้เจไดจะทำผิดอย่างเกินที่จะให้อภัยได้ แต่คุณหญิงเองยังอยากจะให้หลานเกิดมามีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก หวังว่าลูกชายหัวดื้อของเธอจะไม่ทำให้คำว่าครอบครัวพังเป็นครั้งที่สองอีก “เย็นนี้คุณหว้าอยากจะทานอะไรคะเดี๋ยวสมปองจะทำให้ทานค่ะ” “อืม อยากกินอาหาร