ตอนที่ 2
น่าเหลือเชื่อไหมล่ะ ในที่สุดก็มีเจ้าชายขี่ม้านิลมาช่วยเธอจนได้ กลางทะเลแบบนี้คงไม่มีม้าขาวที่ไหนหรอก เขาคือเจ้าของวันเกิดหรือที่ใครต่อใครเรียกสั้น ๆ ว่าคุณนัยน์ อายุมากกว่าลลินาถึงเจ็ดปี ตอนนั้นนัยน์อายุยี่สิบเก้าปี เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีสาว ๆ หมายปองมากมาย หุ่นทรงสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สีผิวไม่ได้ขาวจัดจนรู้สึกว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำอางเกินไป ที่เด่นสุดคือคิ้วดำคมขลับให้ดวงตาคู่นั้นมีเสน่ห์ แม้กระทั่งน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยยังเสนาะหูน่าฟัง ดีแบบดีมาก! ดีไปหมดทุกส่วน แต่น่าเสียดายที่สถานะหัวใจไม่ว่างแล้ว เพราะแว่ว ๆ มาว่ากำลังคบหาอยู่กับพิมพ์ชนก
นัยน์สบตาลลินาครู่สั้น ๆ แล้วยื่นเสื้อแจ็กเกตของเขาให้ เธอก็รีบรับมาคลุมตัวไว้โดยเร็ว ทั้งโมโหและสมเพชตัวเองเป็นที่สุด เพราะต้อยต่ำกว่าก็เลยถูกรังแกง่าย ๆ หากเธออยู่ระดับเดียวกันกับคนพวกนี้สาบานว่าจะไม่ยอมโดยเด็ดขาด เรื่องจะจบลงภายในไม่กี่วินาที ไม่ใช่ตบกลับสักฉาดหรอกนะ แต่จะใช้เงินแก้ปัญหาให้จบแบบสวย ๆ ต่างหากล่ะ
รองเท้าลิมิติดอิดิชันแค่แสนเดียวเองเหรอ เอาไปซะสิ! สะดวกโอนนะไม่พกเงินสด
แต่ความเป็นจริงนั้น...
"ทำไมพี่นัยน์ต้องอารมณ์เสียคะ พิมพ์ก็แค่แกล้งน้องมันเล่น ๆ เห็นว่าเคยเรียนที่เดียวกัน"
"แกล้งเล่นจนน้ำตาร่วงเนี่ยนะ"
พิมพ์ชนกหน้าตึง เดินเข้ามาหาเขาแล้วเกาะแขนเขาไว้แน่น
"ก็น้องทำไวน์หกใส่ร้องเท้าพิมพ์ พิมพ์ไม่เอาเรื่องก็ดีเท่าไหร่แล้ว ถ้าให้ชดใช้ก็เกือบแสนจะเอาไหมล่ะแบบนั้น นี่ถือว่าพิมพ์ใจดีมากแล้วนะ"
ชายหนุ่มก้มลงมองรองเท้าส้นสูงสีครีมที่เปียกชุ่มด้วยไวน์แดง มันเป็นรองเท้าหรูแบรนด์ดังอย่างที่พิมพ์ชนกบอก แต่ก็ไม่สมควรกลั่นแกล้งลลินาให้อับอายต่อหน้าคนตั้งมากมายเลย
"ไม่แกล้งแล้วก็ได้ แต่ค่ารองเท้ายังต้องชดใช้อยู่ ตกลงจะเอาไง"
"ก็แค่รองเท้าคู่เดียว เอาไปให้ร้านรองเท้าทำความสะอาดให้ก็จบแล้วมั้ย"
นัยน์แย้ง ฝ่ายพิมพ์ชนกก็รีบพูดขึ้น
"จบได้ไง นี่มันลิมิติดอิดิชันนะคะ ถ้าเป็นรุ่นธรรมดาพิมพ์ไม่ฉุนขาดขนาดนี้หรอก"
"งั้นผมจ่ายแทนเอง แสนเดียวใช่มั้ย"
นัยน์ตัดปัญหาเพราะรำคาญเต็มที พิมพ์ชนกไม่ได้ดีใจที่จะได้ค่ารองเท้าคืนแต่ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก เรื่องอะไรเขาจะต้องมาจ่ายเงินค่ารองเท้าแทนยัยจรจัดนี่ด้วย พิมพ์ชนกกำลังจะถามแบบนั้น แต่ชายหนุ่มเดินหนีไปไกลแล้ว ส่วนตัวต้นเรื่องวิ่งตามหลังนัยน์ไปติด ๆ
อีกฝั่งของเรือ บริเวณนี้มีที่สำหรับนั่งดื่ม ลลินาวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้านัยน์ อยากขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้
"ขอบคุณที่ช่วยค่ะ เดี๋ยวเสื้อตัวนี้หนูจะเอาไปซักมาคืนให้"
นัยน์เปลี่ยนจากท่านั่งเดิมเป็นนั่งไขว่ห้าง ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"ใครบอกว่าจะช่วยฟรี"
ลลินาเบิกตาโต คนรวยที่ไหนก็คงจะหมือนกันหมด เขาไม่ได้ช่วยเธอฟรีก็พอเข้าใจได้ เพราะราคารองเท้าที่เธอทำเสียหายมันแพงเกินกว่าจะช่วยเหลือกันแบบฟรี ๆ และเธอเองก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะหาเงินมาคืนเขา
"ถ้าอย่างนั้นหนูจะรีบหาเงินมาคืนคุณนะคะ"
นัยน์หัวเราะออกมาราวกับว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องตลก ดูก็รู้ว่ายังเป็นนักศึกษาอยู่ สิ่งที่คนในเรือพูดจาดูถูกเธอเขาได้ยินหมดแล้ว ลลินาจะหาเงินที่ไหนมาคืนเขา หากเขาอยากได้คืนไม่แน่ว่าอาจจะต้องรออีกปีหรือสองปี ก็รอจนกว่าเธอจะเรียนจบมีงานทำนู่นแหละ
"ไม่ได้อยากได้คืน แต่อยากให้ทำอะไรให้สักอย่าง"
นัยน์ลุกขึ้นยืน ความสูงของเธออยู่เพียงระดับอกของเขา ลลินามองตอบคนตรงหน้าไม่ละสายตา อีกฝ่ายก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากของชายหนุ่มทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรง เธอเดาใจเขาไม่ถูก หรือว่าเขาอาจจะอยากแกล้งเธอเล่นเหมือนคนพวกนั้น เมื่อขึ้นเรือแล้วไม่อาจกระโดดลงทะเลว่ายน้ำหนีไปได้ ถ้าบนเรือลำนี้เจอสิ่งเหนือคาดหมายต่าง ๆ นานา ลลินาก็ต้องทำใจยอมรับ
"ไม่ได้พูดเล่นนะ ผมอยากให้ทำบางอย่างให้จริง ๆ"
"คุณอยากให้หนูทำอะไรให้คะ หนูจะมีความสามารถขนาดนั้นเหรอ"
"อยากเลิก"
ยังไม่ได้คบเลย...
"อยากเลิกกับคนนั้น"
ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ทุกคนสินะ เขาหมายถึงอยากเลิกกับพิมพ์ชนก ถึงแม้ว่าพิมพ์ชนกจะนิสัยเสีย แต่ลลินาก็ยังมองว่าไม่ยุติธรรมกับเธออยู่ดี ในเมื่อวันแรกที่คบกันเขายอมรับข้อเสียของพิมพ์ชนกได้ทุกอย่าง วันนี้ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น อาจจะมีวิธีอื่นที่สามารถทำให้ความรักของคนสองคนไปต่อได้ ลลินายังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรช่วยเขาหรือไม่ต้องช่วยดี แต่ด้วยนิสัยของลลินาก็คงจะเทไปอย่างหลัง ต่อให้พิมพ์ชนกจะย่ำแย่เพียงใดแต่ลลินาก็ไม่สมควรทำลายความรักของคนอื่น
"ไม่ไหวหรอกค่ะ หนูจะรีบหาเงินมาคืน...เอ่อ ให้เรียกคุณว่าอะไรคะ"
"ควรเรียกว่าอะไรล่ะ"
ชายหนุ่มตีหน้าซื่อ เผยรอยยิ้มจาง ๆ เขาดูขี้เล่นและผ่อนคลายไม่เหมือนคนอื่น ๆ ในเรือ
"เรียกคุณนัยน์เหมาะสมแล้วค่ะ หนูไม่กล้าเรียกอย่างอื่นหรอก"
เขาเอียงคอยักไหล่เป็นการอนุญาต
"ถ้าคุณอยากเลิกกับคนนั้นก็ควรบอกเธอตรง ๆ จะดีกว่า ให้หนูทำอย่างอื่นทดแทนเถอะค่ะ กลัวจะโดนคุณพิมพ์กินหัวเอา"
ลลินาพูดจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เปิดแอปพลิเคชันแชตสีเขียวแสดงคิวอาร์โคดแล้วยื่นให้เขา
"ช่องทางติดต่อค่ะ คุณแอดไลน์หนูไว้ หนูสัญญาว่าไม่ชิ่งหนีแน่นอน หรือถ้าอยากเรียกใช้งานก็ทักมาได้ตลอด หนูถนัดงานใช้แรงงานหักค่าแรงออกจากเงินส่วนนั้นก็ได้"
นัยน์ทำตามที่เธอบอก หยิบมือถือของตัวเองมาแอดไลน์ของลลินาไว้ มือถือราคาถูกของลลินาเทียบกับมือถือราคาแพงของเขาไม่ได้เลย มองจากตรงนี้ก็รู้ว่าต่างกัน แค่เขาไม่รังเกียจที่ต้องถือมันไว้ในมือก็ทำให้เธอประทับใจแล้ว
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน
ลลินาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และนั่งคิดถึงเรื่องในอดีตอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูรีบเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ธารน้ำที่อาบชโลมร่างทำให้รู้สึกตื่นเต็มตา บรรยากาศข้างนอกอึมครึมราวกับมีพายุเข้า ห้องที่พักอยู่เป็นห้องเก็บเสียงจึงไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง พอจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพก็ลงมาข้างล่าง เห็นสายฝนโปรยปรายจนบรรยากาศรอบ ๆ ขมุกขมัว
นี่ไม่ใช่วันดีแน่ ๆ รถน่าจะติดจนอาจไปเข้างานไม่ทัน เพราะคนส่วนมากขับรถยนต์ออกจากบ้านแทนมอเตอร์ไซค์เล็ก ลลินาติดเหง็กอยู่บนท้องถนนราวครึ่งชั่วโมงกว่าจะแทรกออกมาได้ มองนาฬิกาก็เป็นเวลาแปดโมงสิบห้านาทีแล้ว
ในวันที่สี่ของการทำงานที่บริษัทแห่งใหม่ ลลินามาสายไปสิบห้านาที เธอไม่อยากถูกมองว่าไร้ความรับผิดชอบแต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดที่เลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่โทษสภาพอากาศแต่โทษตัวเองที่เตรียมตัวมาไม่ดีมากกว่า หากตื่นเช้ากว่านี้อาจจะพอมีเวลาเหลือเฟือ และอาจจะมาทันเข้างานก่อนแปดโมงเช้า จะได้ไม่ต้องถูกมองว่าเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา
ขณะที่กำลังจะนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนเอง เสียงหวานใสก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของสาวสวยวัยยี่สิบห้าที่มีชื่อว่ามัดหมี่ หุ่นทรงรูปร่างไล่เลี่ยกับลลินา เป็นผู้หญิงที่มีรอยยิ้มสดใส ในมือถือแก้วเซรามิกสองใบ บนปากแก้วไอร้อนกำลังพวยพุ่งส่งกลิ่นหอมสบายจมูก
"น้ำขิงอุ่น ๆ ค่ะคุณนีล วันนี้อากาศเย็น มัดชอบดื่มน้ำขิงอุ่นเลยชงมาเผื่อคุณนีลแก้วนึง ส่วนป้าแหม่มไม่ชอบดื่มน้ำขิงมัดก็เลยไม่ได้ชงเผื่อ"
มัดหมี่วางแก้วน้ำขิงลงบนโต๊ะลลินาแล้วหันไปทางสายป่าน หรือที่ใครเรียกกันว่าป้าแหม่ม เธอคือพนักงานอาวุโสสุดของที่นี่ ทำงานกับมีดีจริงกรุ๊ปเกือบสามสิบปีแล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกอายุปัจจุบันก็พอจะรู้ว่าเฉียดเลขห้า ทว่าใบหน้าของสายป่านอ่อนกว่าอายุมาก ดูคล้ายกับคนสี่สิบต้น ๆ สายป่านชอบใส่แว่นหนาเตอะ สวมเสื้อชีฟองลายดอกไม้ นุ่งกระโปรงทรงเอยาวครึ่งแข้ง น้ำเสียงอ่อนนุ่มฟังดูเป็นคนใจดี
"ขอบใจค่ะคุณมัด"
ลลินายกแก้วน้ำขิงขึ้นมาแล้วโอบมือแนบแก้วเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ก่อนจะหันไปทางสายป่าน
"ป้าแหม่มคะ นีลขอโทษที่มาสายนะคะ"
สายป่านหันมายิ้มบาง ๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร มัดหมี่ก็พูดขึ้นก่อน
"มัดก็เพิ่งมาถึงก่อนคุณนีลแค่นาทีเดียวเอง ในห้องนี้มีแค่พวกเราสามคนถ้าป้าแหม่มไม่พูด มัดไม่พูด คุณนีลไม่พูด พี่นัยน์ก็ไม่รู้หรอกค่ะ"
พี่นัยน์? ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อนัยน์อย่างสนิทสนม ลลินากระตุกยิ้มน้อย ๆ เธอไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ระหว่างมัดหมี่กับเขา เพราะไม่มีสิทธิ์ไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของใคร อีกอย่างฝ่ายนั้นก็ย้ำชัดว่าไม่ให้เธอพูดถึงเรื่องในอดีตให้ใครได้รู้ เขาตั้งท่ารังเกียจเธอยิ่งกว่าอะไร ส่วนตัวเธอก็ไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องนั้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็เพียงพอแล้ว เธอทำงานให้เขา เขาจ่ายเงินให้เธอ ความสัมพันธ์ต่อจากนี้เป็นเพียงเจ้านายกับลูกน้องไม่มีทางแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
"โห วันนี้ฝนตกแต่เช้าเลย สายไปกี่นาทีวะเนี่ย"
เป็นเสียงทุ้มของผู้ที่เพิ่งจะเดินผ่านประตู ปรินทร์มาทำงานในสภาพที่เปียกโชกไปทั้งตัว เขาขับบิ๊กไบค์คู่ใจและไม่ได้สวมเสื้อกันฝนก็เลยเปียก ทีแรกกะว่าจะจอดรอให้ฝนหยุดตกค่อยออกจากคอนโด แต่รอแล้วรอเล่าฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที จึงจำใจมาทั้งอย่างนี้ พอมัดหมี่เห็นว่าปรินทร์มาช้ากว่าใครเพื่อนเธอก็ได้พูดแซว
"มาสายไปยี่สิบนาทีเลยนะพี่ปิน เสื้อกันฝนก็ไม่ยอมใส่ปอดแข็งแรงมากรึไงคะ"
"รู้หรอกน่าว่าเพิ่งมาถึงเหมือนกัน"
ปรินทร์เดินเลยมัดหมี่ไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของลลินา ยิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะของตนเอง หลังจากนั้นไม่นานโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะของลลินาก็ดังขึ้น ต้นสายโทร.มาจากห้องของนัยน์
"มาห้องผมหน่อย"
น้ำเสียงของเขาฟังดูรีบร้อน ลลินาลุกจากเก้าอี้ตรงไปที่ห้องเขาทันที พอไปถึงก็เห็นนัยน์นั่งคิ้วขมวดอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่ง
"คุณนัยน์คะ"
"มีลูกค้ากำลังจะหมดสัญญา ข่าวแว่วมาว่าจะไม่ต่อสัญญากับเราอีก เขาไม่อยากใช้บริการขนส่งท่าเรือของเราแล้ว ขอดูฝีมือคุณหน่อยสิ"
ลลินารู้ในทันทีว่านัยน์ต้องการให้หาวิธีเปลี่ยนใจลูกค้ารายนั้นให้กลับมาใช้บริการของท่าเรือดังเดิม เธออยากถามกลับเหลือเกินว่าเพราะอะไรลูกค้าถึงเปลี่ยนใจ แต่ก็ทำได้แค่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ เอาไว้ถามหลังจากพบลูกค้ารายนั้นแล้วดีกว่า
"ลูกค้าไม่คุยผ่านโทรศัพท์ เราต้องออกไปเจอลูกค้าข้างนอก ไปหาลูกค้าที่บ้านเลย"
"ตอนนี้เหรอคะ"
ข้างนอกฝนกำลังตกหนัก ลลินามองเลยผ่านไหล่เขาไปด้านหลัง เห็นสายฝนโปรยปรายผ่านกระจกใสไม่มีทีว่าจะซาลงง่าย ๆ แต่ก็ดีหน่อยที่ผ่านช่วงเวลาเร่งรีบไปแล้ว ท้องถนนน่าจะโล่งกว่าตอนที่เธอออกจากคอนโดเมื่อเช้านี้
"ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย รถก็มีหลังคาไม่ได้ขี่ควายไปสักหน่อย"
หากเป็นเมื่อก่อนคำพูดแบบนี้คงไม่หลุดจากปากเขา กวนประสาทกันเห็น ๆ
ลลินาหน้าแข็งค้าง ในเมื่อเป็นคำสั่งของเจ้านายลูกน้องอย่างเธอจะทำอะไรได้ กลิ่นเงินของเขามันหอมหวาน หอมเป็นสามเท่าของบริษัทอื่น ขอเพียงอดทนอยู่ที่นี่ให้ได้สักสามปีรับรองเก็บเงินก้อนได้แน่นอน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปลลินาคิดว่าจะเก็บเงินจริงจังสักที อะไรที่อยากมีก็มีแล้ว อะไรที่เป็นปมในอดีตก็ถมจนเต็มแล้ว เหลือก็แต่เรื่องของเขา...
ก่อนออกจากบริษัทนัยน์สั่งงานสายป่านไว้สองสามอย่าง แล้วเดินดุ่มนำหน้าลลินาอย่างไม่เหลียวหลังเพื่อไปที่ลานจอดรถ เขาเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย เธอก็เปิดประตูไปนั่งข้าง ๆ สีหน้าของนัยน์ตึงเครียดเป็นอย่างมาก แม้อุณหภูมิข้างนอกจะเย็นฉ่ำแต่ดูเหมือนว่าภายในจะร้อนยิ่งกว่าไฟ
ที่ว่าร้อนนั้นหมายถึงอารมณ์ไม่ใช่อย่างอื่น คนใจเย็นและอบอุ่นเมื่อสามปีก่อนไม่รู้หายไปไหน หรืออาจจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอลาจาก ลลินานั่งข้างเขาเงียบ ๆ กลัวว่าหากพูดอะไรอาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจได้ กระทั่งเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง จุดหมายปลายทางที่ต้องพบลูกค้าก็ยังไปไม่ถึง ลลินาจึงเอ่ยปากถามออกไปหนึ่งประโยค
"เราจะไปพบลูกค้าที่ไหนคะคุณนัยน์"
"บ้านลูกค้าที่จันทบุรี"
แล้วก็กลับเข้าสู่ห้วงความเงียบงันอีกรอบ บรรยากาศข้างนอกมีฝนตกปรอย ๆ พลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกง่วงขึ้นมา พยายามฝืนเพื่อถ่างเปลือกตาที่หนักอึ้งให้ค้างอยู่ บ่อยครั้งที่เอามือป้องปากหาว ส่วนเขาก็มีบ้างที่เหล่มองเธอด้วยหางตาแล้วเบะปาก
"มาพนันกันไหม"
นัยน์พูดโดยที่ตามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า เพราะถนนเปียกชื้นจึงต้องขับรถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ รถบนท้องถนนก็มีบ้างแต่ไม่ได้มากเท่าเมื่อเช้า
"พนันอะไรคะ"
"ถ้าลูกค้าไม่เปลี่ยนใจกลับมาใช้บริการท่าเรือ คุณลาออก"
ที่แท้เอาลลินามาเชือด...
ริมฝีปากจิ้มลิ้มยกขึ้นเล็กน้อย เธอเองก็มองไปยังถนนทอดยาวโดยไม่หันมามองเขาเช่นกัน หยาดฝนเม็ดเล็ก ๆ เกาะกระจกไหลลงเป็นเส้น ๆ ลลินาไม่ได้ตอบรับคำท้าโดยทันที แต่ประวิงเวลายั่วโมโหเขาไปสักพักจนนัยน์ต้องเอ่ยท้าทายอีก
"กลัวเหรอ"
"ไม่กลัวค่ะ แต่ไม่เห็นจะต้องลาออกเลย ถึงแม้ว่าจะดีลลูกค้าไม่ได้ก็ไม่ใช่ความผิดของหนู"
หลุดปากพูดหนูเพราะความเคยชินจนได้ นัยน์ได้ยินเธอพูดกับเขาอย่างเป็นกันเองเหมือนครั้งในอดีตก็กะพริบตาหลายครั้ง เขาเสียอาการ พยายามขับไล่ความทรงจำครั้งเก่าออกจากสมอง ไม่อยากให้ตัวเองดิ่งลึกลงไปสู่ห้วงอารมณ์นั้นอีก
ลลินาใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากเมื่อสำนึกได้ อันที่จริงอยากตบปากตัวเองเสียด้วยซ้ำ เธอไม่ควรหลุดพูดแทนตัวเองเหมือนว่ายังเป็นยัยเด็กเมื่อวานซืนคนเดิม ทั้งเขาและเธอต่างเดินมาไกลหลายขุม ไกลเกินกว่าจะกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีก
"ฉันอยากรู้ว่าลูกค้าเคยใช้บริการท่าเรืออยู่ดี ๆ ทำไมถึงเปลี่ยนใจ แล้วปัญหาที่ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไปใช้บริการที่อื่นคืออะไร ปัญหาที่ลูกค้าเจอก่อนหน้านี้ฉันก็ต้องผิดชอบด้วยมั้ยคะ"
"แต่ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้คุณก็ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ต่อไม่ใช่เหรอ ผมจ้างคุณมาช่วยแก้ปัญหา แนวคิดที่ว่าไม่ต้องร่วมรับผิดชอบน่ะ...เด็กไป คำพูดแบบนี้ถ้าเป็นที่อื่นเขาไล่คุณออกไปแล้ว"
"แล้วจะบอกว่าเพราะยังมีเยื่อใยเหรอคะ ถึงไม่ไล่ออก"
"บรรยากาศดีน่านอนจนฝันกลางวันสินะ ตื่นครับ"
หรือพูดอีกอย่างก็คือฝันไปเถอะ เขายังมองเธอเป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อนจริง ๆ แต่ตอนนี้ลลินายี่สิบห้าแล้ว ทว่าหน้าตากลับไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไร นัยน์ในตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมกว่าเดิมมาก เขาไม่ใช่หนุ่มขี้เล่นคนเดิม แต่เป็นคุณนัยน์ที่มีแต่คนชื่นชม หากให้พูดถึงหนุ่มฮอตที่สุดในตอนนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นนัยน์ ชัชวาลเกียรติ์ และตอนนี้ก็คงจะเป็นเช่นนั้นอยู่
หากไม่ติดตรงที่ว่าเขาเพิ่งจะกลับจากเมืองนอกได้แค่สามเดือน และยังไม่ได้มีบทบาทในหน้าที่การงานมากนัก เพิ่งจะลุยงานได้เพียงสามเดือนเท่านั้น จึงยังไม่เป็นที่ประจักษ์ในฝีมือการทำงาน บอร์ดบริหารสูงวัยหลายคนยังกังขา พูดง่าย ๆ คือเพิ่งรับช่วงต่อจากคุณปู่ เขาคือหลานชายเพียงคนเดียวในบรรดาหลานสาวของตระกูลชัชวาลเกียรติ์ คุณปู่จึงตั้งความหวังกับนัยน์ไว้สูงมาก ส่วนพ่อของเขาเสียไปเมื่อห้าเดือนก่อน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ถูกเรียกตัวกลับมา ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกตลอดชีวิตแล้วแท้ ๆ
ลลินาเผลอกลับไปคิดเรื่องเก่า ๆ อีกจนได้ จู่ ๆ ก็อยากถามถึงคุณปู่ใจดีคนนั้น คนที่ส่งเสียค่าเล่าเรียนและจ่ายค่าเทอมให้จนเธอเรียนจบ ผู้ที่มอบทุนพิเศษให้เธอได้เข้าเรียนที่มหาลัยดี ๆ คือคุณปู่แท้ ๆ ของนัยน์ชื่อว่าชยุต ปัจจุบันนี้เป็นผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมองตีบติดเตียง ต้องมีพยาบาลพิเศษดูแลไม่ห่าง อาการก็เหมือนคนแก่วัยชราทั่วไป ได้หลานสาวคนโตซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของนัยน์ดูแลอย่างดี
ส่วนนัยน์ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศเขาก็ไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่ แต่แยกตัวมาพักคอนโดเหมือนอย่างเคย ระยะเวลาเดินทางจากคอนโดมาที่ทำงานขับรถเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น
"ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ"
"ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องงานไม่สะดวกตอบ"
"คุณปู่ชยุต...เอ่อ สบายดีไหมคะ"
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงานแต่ลลินาก็ยังดึงดันถาม เธอได้เจอกับชยุตครั้งล่าสุดก็เมื่อสามปีที่แล้ว มีหลายเหตุการณ์ซับซ้อนทำให้ลลินาไม่กล้าไปเจอชยุตอีก แม้จะอยากกราบขอบคุณในหลาย ๆ เรื่องก็ตาม
แววตาที่เคยว่างเปล่ากลับมามีประกาย เหมือนเขาจะชะงักไปชั่วครู่ แต่พอได้สติคืนมาก็ยังเลือกไม่ตอบคำถามของเธออยู่ดี เขาไม่อยากตอบ ไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีต ไม่อยากให้ลลินาพูดถึงเรื่องนั้นด้วย อย่ามาทำเป็นรู้จักครอบครัวของเขาดี
ตอนที่ 2น่าเหลือเชื่อไหมล่ะ ในที่สุดก็มีเจ้าชายขี่ม้านิลมาช่วยเธอจนได้ กลางทะเลแบบนี้คงไม่มีม้าขาวที่ไหนหรอก เขาคือเจ้าของวันเกิดหรือที่ใครต่อใครเรียกสั้น ๆ ว่าคุณนัยน์ อายุมากกว่าลลินาถึงเจ็ดปี ตอนนั้นนัยน์อายุยี่สิบเก้าปี เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีสาว ๆ หมายปองมากมาย หุ่นทรงสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สีผิวไม่ได้ขาวจัดจนรู้สึกว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำอางเกินไป ที่เด่นสุดคือคิ้วดำคมขลับให้ดวงตาคู่นั้นมีเสน่ห์ แม้กระทั่งน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยยังเสนาะหูน่าฟัง ดีแบบดีมาก! ดีไปหมดทุกส่วน แต่น่าเสียดายที่สถานะหัวใจไม่ว่างแล้ว เพราะแว่ว ๆ มาว่ากำลังคบหาอยู่กับพิมพ์ชนกนัยน์สบตาลลินาครู่สั้น ๆ แล้วยื่นเสื้อแจ็กเกตของเขาให้ เธอก็รีบรับมาคลุมตัวไว้โดยเร็ว ทั้งโมโหและสมเพชตัวเองเป็นที่สุด เพราะต้อยต่ำกว่าก็เลยถูกรังแกง่าย ๆ หากเธออยู่ระดับเดียวกันกับคนพวกนี้สาบานว่าจะไม่ยอมโดยเด็ดขาด เรื่องจะจบลงภายในไม่กี่วินาที ไม่ใช่ตบกลับสักฉาดหรอกนะ แต่จะใช้เงินแก้ปัญหาให้จบแบบสวย ๆ ต่างหากล่ะรองเท้าลิมิติดอิดิชันแค่แสนเดียวเองเหรอ เอาไปซะสิ! สะดวกโอนนะไม่พกเงินสดแต่ความเป็นจริงนั้น..."ทำไมพี่นัยน์ต้องอารมณ์เสี
ตอนที่ 1"บ้าฉิบ!"แฟ้มเอกสารสีดำปลิวว่อนเฉียดหน้าลลินาไปนิดเดียว เธอคิดไม่ถึงว่าจะมีอาวุธลับซ่อนอยู่ในห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม นัยน์เองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคนเปิดประตูเข้ามาในจังหวะประจวบเหมาะ เขาไม่ได้ตั้งใจจะเขวี้ยงแฟ้มเอกสารใส่เธอ เพียงแค่อยากโยนมันไปให้พ้นตาด้วยอารมณ์โกรธเมื่อเช้านี้หลังจากเข้ามาในห้องทำงาน เห็นแฟ้มประวัติพนักงานใหม่วางอยู่บนโต๊ะ นัยน์จึงหยิบมาเปิดออกดู ทว่าทันทีที่เห็นรูปถ่ายในใบสมัครที่เขาเซ็นอนุมัติออนไลน์อย่างเร่งรีบเมื่อสามวันก่อนทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น...แฟ้มประวัติปลิวว่อนแบบไม่ต้องพึ่งภาพสโลว์โมชันพับผ่าเถอะ! เธอคือคนเดียวกันกับลลินา ผู้หญิงที่เคยอยู่ในความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับเขาเมื่อสามปีก่อน การจากลาครั้งนั้นไม่ได้จบสวย ใครบ้างจะไม่เจ็บใจที่จู่ ๆ ถูกทิ้ง ความผิดหวังและความเสียใจครั้งนั้น รอดมาได้จนถึงวันนี้ไม่ตายก็บุญหัวมากแล้ว"คุณนัยน์"เธอเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างคนคุ้นเคยดี หญิงสาวหลุบตามองแฟ้มเอกสารที่กองอยู่พื้น ก้มลงเก็บมันขึ้นมาเปิดดู พบว่าในนั้นเป็นแฟ้มประวัติส่วนตัวของเธอ ความทรงจำวันเก่า ๆ ทวนย้อนกลับเป็นฉาก ๆ รู้สึกเจ็บในอกอย่าง