ตอนที่ 1
3/3
สามปีก่อน
ลลินา สาวน้อยวัยยี่สิบสอง เด็กยากจนเรียนดีสอบชิงทุนพิเศษเข้ามหาลัยเอกชนได้สำเร็จ ไม่รู้ว่าโชคช่วยหรือบุญหล่นทับ ทำให้เธอได้เป็นกาดำตัวเดียวในฝูงหงส์ และก็หนีไม่พ้นการถูกบูลลี่เรื่องฐานะอยู่ตลอด เธอไม่ได้เป็นที่รักของเพื่อน ๆ มิหนำซ้ำยังถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อย ๆ
วิถีชีวิตของเธอกับลูกคนรวยต่างกันโดยสิ้นเชิง คนเหล่านั้นมีพร้อมทุกอย่าง เงินทอง ฐานะทางสังคม เรียนจบไปก็มีงานดี ๆ รองรับ ไม่ต้องออกแรงดิ้นไขว่คว้าให้เหนื่อย ตัดภาพมาที่ลลินาซึ่งไม่มีอะไรพอจะเอาไปอวดคนอื่นได้เลย นอกจากบ้านจน พ่อเลี้ยงผีพนัน แม่ติดเหล้า ครอบครัวเปรียบเสมือนศูนย์รวมของความบรรลัย
ครั้งหนึ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ ลลินารับงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟในงานเลี้ยงวันเกิดลูกคนรวย งานถูกจัดขึ้นบนเรือยอร์ชสุดหรู มันวิเศษอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ปกติในวันหยุดลลินารับงานพาร์ตไทม์แบบนี้เป็นประจำ พอมีคนรู้จักติดต่องานมาให้ก็รีบตกปากรับคำโดยทันที เป็นงานบริการที่เงินดีกว่าทุกรอบที่เคยรับ ทำหน้าที่เดินเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหาร และนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับนัยน์
ขณะที่ลลินากำลังตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ทว่าเผลอซุ่มซ่ามทำเครื่องดื่มหกใส่รองเท้าหรูของหนึ่งในแขกที่มาร่วมงาน เจ้าของรองเท้าเป็นถึงอดีตดาวเด่นมหาลัยที่เรียนอยู่ ไม่มีใครไม่รู้จักคนดังอย่างพิมพ์ชนก
พิมพ์ชนกโมโหและไม่พอใจมาก บอกว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พูดจาดูถูกทางบ้านของลลินาสารพัด เธอเรียกร้องให้จ่ายค่าเสียหายร่วมแสน ตอนนั้นลลินาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าชาตินี้จะไปหาเงินแสนจากที่ไหน ลำพังแค่ค่าแรงวันนี้ก็เพียงแค่หลักร้อย
"รองเท้าคู่ละเกือบแสน เธอทำไวน์หกใส่แบบนี้มีปัญญาชดใช้คืนให้มั้ย"
พิมพ์ชนกหน้าบูดบึ้ง ตรงเข้ากระชากแขนลลินาแล้วตะคอกเสียงดังลั่น พลอยทำให้แขกทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว เมื่อเห็นว่าตนเองเป็นจุดสนใจ พิมพ์ชนกก็ยิ่งอยากแสดงความโดดเด่น
"ขอโทษค่ะ เดี๋ยวหนูเช็ดให้นะคะ แต่ถ้าพี่พิมพ์ไม่พอใจเสร็จงานแล้วหนูเอาไปซักให้ค่ะ"
"พี่พิมพ์? "
เพราะเห็นว่าพิมพ์ชนกเป็นอดีตรุ่นพี่ร่วมสถาบัน ลลินาจึงเรียกคำนำหน้าชื่อเล่นของเธอว่าพี่ อีกอย่างภาพลักษณ์ที่พิมพ์ชนกแสดงออกทางโซเชียลก็เป็นคนเฟรนด์ลี่แสนดี ลลินาแอบชื่นชมพิมพ์ชนกอยู่ในใจมาตลอด ลึก ๆ แล้วก็รู้สึกอิจฉาที่พิมพ์ชนกเป็นผู้หญิงสวยและเพียบพร้อม แต่อีกฝ่ายกลับมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และมองตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นบน ก่อนจะแสยะยิ้มราวกับว่าลลินาเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
"ยูเป็นญาติกับยัยขยะนี่เหรอ"
หนึ่งในบรรดาผู้ที่กำลังยืนมุงดูพูดขึ้น ตามมาด้วยเสียงหัวเราะขำขันของคนทั้งหมดใน ลำเรือ พิมพ์ชนกโกรธจนหน้าแดงก่ำ รีบสวนกลับเจ้าของเสียงนั้นทันควัน
"ยัยกระจอกนี่นะจะเป็นญาติกับไอ ไอไม่นับญาติด้วยหรอก"
"อ้าว ก็เห็นมันเรียกยูว่าพี่"
พอฝั่งนั้นตอกกลับ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีก ครั้งนี้ดังกว่าครั้งแรกมาก พิมพ์หันกลับมามองลลินาเหมือนจะกินหัว
"สะเหล่อ อย่างน้อยก็ควรรู้ที่ต่ำที่สูงซะบ้าง ฉันเป็นใครเธอเป็นใคร ต้องให้บอกมั้ย"
"ขอโทษค่ะ คุณพิมพ์"
"ไหน ๆ ก็อยากตีสนิทฉันขนาดนี้ สวะอย่างเธออยากมีซีนฉันก็จะช่วยดัน เอาล่ะ...เช็ดรองเท้าให้ฉันซะ"
พิมพ์ชนกยื่นเท้าออกมาข้างหน้า ลลินาพยักหน้ารับอย่างโล่งอก แม้อาจจะดูเสียศักดิ์ศรีไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าเสียเงินแสน หญิงสาวนำผ้าสำหรับเช็ดโต๊ะที่ยังสะอาดอยู่ออกมา นั่งคุกเข่าลงทำท่าจะเช็ดให้ ทว่าพิมพ์ชนกกลับชักเท้ากลับพร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะ
ลลินาชะงัก เงยหน้าขึ้นมองสาวสวยเจ้าของรองเท้าแพง
"ใครบอกว่าฉันจะให้เอาผ้าสกปรก ๆ แบบนั้นมาเช็ดรองเท้าฉัน"
"ละ...แล้วต้องเอาอะไรเช็ดคะ ถ้างั้น รอสักครู่นะคะเดี๋ยวหนูไปหยิบทิชชูมา"
"เสื้อเธอ ถอดเสื้อเธอออกมาเช็ดรองเท้าคู่นี้ ที่จริงมันก็ไม่ได้ดูสะอาดหรอกนะ แต่ทั้งตัวเธอไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าเสื้อสีขาวตัวนี้แล้ว"
ทุกคนต่างโห่ร้องพร้อมกับหัวเราะคิกคัก คิดไม่ถึงว่าพิมพ์ชนกจะเล่นแรงถึงขั้นบอกให้ลลินาถอดเสื้อมาเช็ดรองเท้าให้ มีสองสามคนเตรียมหยิบมือถือขึ้นมาไลฟ์สด แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของพิมพ์ชนกอยู่ดี แค่มองปราดเดียวก็ต้องรีบเก็บมือถือลง ไม่มีใครอยากมีปัญหากับลูกสาวผู้มีอิทธิพล ส่วนคนอย่างพิมพ์ชนกก็ไม่ยินยอมให้ภาพลักษณ์ของตัวเองเสียหายเช่นกัน
"เอาสิ ถอดเสื้อเธอมาเช็ดเร็วเข้า"
ลลินาในวัยที่ยังอ่อนต่อโลกบิดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้วยมือสั่นเทา เสียงร้องเชียร์ให้รีบถอดของคนในเรือดังกระหึ่ม บ้างโยนธนบัตรที่เป็นเหมือนเศษเงินของพวกเขามาเป็นค่าจ้างให้เธอถอด พอคนแรกโยนมาคนที่สองสามสี่ก็โยนตามหลัง ลลินาเหม่อมองธนบัตรที่ปลิวว่อนในอากาศด้วยสายตาพร่ามัว
ทำไมถึงได้รังเกียจเงินพวกนี้ล่ะ ทั้ง ๆ ที่เธอแสวงหาแทบเป็นแทบตาย
มันจุกในอกจนขอบตาร้อนผ่าว หญิงสาวชะงักจากกระดุมเสื้อแล้วกำมือไว้แน่น เมื่อไม่ยอมแกะกระดุมเม็ดต่อไป เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นใหม่
"โห ถอดสิ ไม่ถอดแล้วเหรอ"
"ไม่ถอดก็ต้องชดใช้ค่ารองเท้านะ"
"ใช่ ๆ มีปัญญาเหรอ"
"อย่างมันเหรอจะไปมีปัญญา รู้ไหมบ้านมันจนจะตายไป ไม่รู้เหรอว่ามันเป็นนักเรียนทุน อยากเข้าเรียนที่เดียวกับพวกเราแต่บ้านโคตรกระจอก"
สายตาที่แสดงออกถึงการรังเกียจและเสียงดูถูกเหยียดหยามของผู้คน ทำเหมือนลลินาเป็นตัวอะไรสักอย่าง เธอกวาดตามองผู้คนเหล่านั้นที่ส่งเสียงร้องเชียร์สนุกสนาน พลันน้ำตาก็ปริ่มออกจากดวงตาคู่สวย
"ฮ่า ๆ เอาจริงดิ ร้องไห้ด้วยว่ะ ตลกชะมัด"
แทนที่คนพวกนั้นจะหยุด กลับยังคงแหกปากตะโกนบังคับให้เธอถอด พิมพ์ชนกเยาะยิ้มอย่างถูกอกถูกใจแล้วหยิบแชมเปญขึ้นมาเขย่าเปิด ฟองในขวดพุ่งอาบร่างลลินาเต็ม ๆ สภาพไม่ต่างจากลูกหมาถูกน้ำน้ำ คนรอบข้างหัวเราะลั่นเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่แล้วเสียงโหวกเหวกก็ต้องหยุดลงเมื่อมีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น
"ทำอะไรกัน"
ตอนที่ 42/3"หัวไวดีนี่"เขาพูดขึ้นหลังจากขอตัวลาอาทิตย์แล้ว ลลินาเอียงคอมาทางเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรก็ถูกเขาแขวะเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่ถือสา"ไม่ใช่การประจบนะคะ ฉันแค่พูดและแสดงออกในสิ่งที่เขาชอบ แค่ทำให้เห็นว่าเราใส่ใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาก็เท่านั้น"หลังจากวันนี้คงต้องกลับไปรอฟังผลที่บริษัทประมาณสามถึงสี่วัน อาทิตย์บอกไว้ว่าหากเขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญาจะเป็นฝ่ายโทร.บอก นัยน์ก็ไม่ได้แสดงออกว่าเร่งรัดเกินไป เพราะเห็นลลินาเข้าถูกทางจึงปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามสถานการณ์"เรากลับเลยใช่มั้ยคะ""ครับ"ตอนนี้เป็นเวลาเวลาห้าโมงเย็น กว่าจะขับรถกลับเข้าเมืองน่าจะกินเวลาประมาณสองชั่วโมงกว่า ๆ ทว่าพอขับออกมาจากบ้านสวนของอาทิตย์ได้ประมาณสองกิโลเมตรรถเก๋งคันหรูก็ติดหล่มจนเหยียบไปต่อไม่ได้ ขามาถนนยังไม่ได้เละขนาดนี้ แต่เพราะเ
ตอนที่ 4พอได้ยินเสียงรถยนต์เจ้าของกระท่อมก็เดินออกมาชะเง้อมอง แม้อาทิตย์กับนัยน์จะเคยติดต่อกันสองสามครั้งผ่านโทรศัพท์แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน อาทิตย์รู้เพียงว่านัยน์คือหลานชายคนเดียวของชยุต เพราะเคยได้ยินชยุตพูดถึงชื่อนี้อยู่บ่อย ๆ ส่วนนัยน์ก็ได้ยินชื่อเสียงของอาทิตย์มาบ้าง รู้ว่าเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสินค้า อายุอานามย่างเข้าห้าสิบห้าแล้ว อีกไม่กี่ปีก็คงจะวางแผนเกษียณตัวเองถาวรอาทิตย์ทำสัญญากับท่าเรือทุกห้าปี ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่สองเดือนก็จะหมดอายุสัญญาปัจจุบัน มีข่าวแว่วมาว่าจะไม่ต่อสัญญาอีก และนี่คือสาเหตุที่ทำให้นัยน์อยู่ไม่ติดจนต้องรีบบึ่งรถข้ามจังหวัดมาหาโดยด่วนเพราะอาทิตย์คือลูกค้ารายใหญ่"สวัสดีครับ/ค่ะ"ทั้งสองกล่าวทักทายก่อนจะแนะนำตัว พอได้ยินชื่อของนัยน์อาทิตย์ก็นึกออกทันที คิดไม่ถึงว่านัยน์จะบ้าบิ่นขับรถตามมาถึงบ้านสวนทุรกันดาร เส้นทางสัญจรยังไม่ค่อยสะดวก แต่ก็ยังดั้นด้นมาถึงนี่จนได้ หากจะบอกว่าช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาเลี่ยงที่จะรับสายจากมีดีจ
ตอนที่ 33/3ส่วนพิมพ์ชนก นัยน์ก็รู้แก่ใจดีว่าเธอไม่ได้พิศวาสเขาขนาดนั้น เธอแค่อยากได้ชื่อว่าคบหากับหนุ่มที่มีแต่สาว ๆ หมายปอง เขาเป็นเพียงแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่ขับให้ทั้งตัวเธอดูดีขึ้นมา เน็ตไอดอลอะไรเขาไม่อยากคบ ไม่อยากแต่ง เธอไม่ใช่คนที่เขาอยากใช้ชีวิตร่วมกันจนวันตายเขาไม่ใช่พวกชอบตะล่อมเด็ก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลลินาถูกใจเขามาก เมื่อได้ยินเธอพูดอะไรออกมาอย่างใสซื่อไม่มีการประดิษฐ์คำหรือพูดเฉพาะสิ่งที่เขาอยากได้ยิน มันเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เขามีคนเอาใจเยอะแล้วและไม่อยากให้ใครเข้ามาประจบเพิ่มอีก แบบนั้นมันดูน่าหงุดหงิดจะตายไป"บ้านลูกค้าอยู่อีกไกลมั้ยคะ"เสียงของลลินาดังขึ้น ดึงสติให้นัยน์ออกจากภวังค์ในอดีต หันมาทางเธอวูบเดียวพร้อมกับคำถามหลายอย่างในใจ อยากถามแต่ก็ต้องเงียบไว้เพราะยังโกรธไม่หายที่ถูกทิ้ง แต่ดูเธอสิยังนั่งทำหน้าตาใสซื่อไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย ทิ้งบาดแผลไว้ในใ
ตอนที่ 32/3ลลินานิ่งเงียบไปหลายอึดใจ เธอไม่ได้ไว้ใจเขาขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะเคยมาที่นี่หลายครั้งแต่ก็ยังระวังตัวอยู่ นัยน์ไม่เคยทำอะไรเกินเลยให้ต้องอึดอัดใจหรือรู้สึกว่าเป็นการคุกคาม แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาซุ่มเงียบเพราะอยากจะกินเธอหรือเปล่า ลลินาในวัยยี่สิบสองไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น เธอเห็นเขาเป็นคนใจดีที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ และไม่รู้ตัวเลยว่าเขาหวังผลอะไรจากเธอบ้าง หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเข้าอกเข้าใจ"หนูเป็นกำลังใจให้คุณนัยน์นะคะ หนูรับรู้ความเจ็บปวดของคุณนัยน์ถึงแม้ว่าหนูจะไม่เคยมีความรักก็ตาม เอ่อ...แต่หนูคงอยู่เป็นเพื่อนคุณนัยน์ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคืนนี้หนูไม่กลับไปนอนบ้านแม่ต้องฆ่าหนูแน่ ๆ หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ มีธุระสำคัญต้องไปทำต่อ"ไม่เคยมีความรักก็เท่ากับว่ายังไม่เคยมีแฟน นัยน์รู้สึกดีกับคำพูดนี้ ถึงจะถูกปฏิเสธก็ไม่เป็นไร อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คาดหวัง รู้อยู่แล้วว่าเธอยังไม่ได้ไว้ใจเขาเต็มร้อย เพิ่งรู้จักกันไม่นานใ
ตอนที่ 31/3หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ เขาไม่อยากตอบเธอก็ไม่บังคับ ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้วก็ไม่ควรไปอยากรู้ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอดีตอย่างที่มันควรจะเป็นลลินาเบือนหน้าไปอีกทาง มองสายฝนผ่านกระจกใสที่กำลังลงเม็ดหนา ฝนน่าจะตกอยู่อย่างนี้ทั้งวัน เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนคิดว่าซาลงไปบ้างแล้ว แต่จู่ ๆ ก็เทลงมาอีกครั้งจนได้ วันนี้บรรยากาศช่างเป็นใจ แต่ระยะห่างของคนสองคนเหมือนไกลทั้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน"ตกลงค่ะ ถ้าฉันเอางานนี้กลับมาให้มีดีจริงกรุ๊ปไม่สำเร็จฉันจะลาออก"เธอพูดด้วยโทนเสียงที่ราบเรียบ ถ้าเขาอยากยื่นบททดสอบให้ก็จะรับไว้ ลลินาไม่ได้มั่นใจว่าจะทำได้ขนาดนั้น แค่เริ่มรู้ตัวว่าตนเองอยู่ในที่ที่ไม่สมควรจะอยู่ ฝืนทนต่อไปต่างฝ่ายต่างอึดอัดใจกันทั้งคู่ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย นัยน์ก็กดเปิดเพลงทำลายความเงียบ ทว่ามีแต่เพลงเศร้า ๆ ทั้งนั้น ในเมื่อไม่มีอย่างอื่นให้เลือกฟังเขาจึงจำใจปล่อยให้มันบรรเลงต่อไป ไม่รู
ตอนที่ 23/3ก่อนออกจากบริษัทนัยน์สั่งงานสายป่านไว้สองสามอย่าง แล้วเดินดุ่มนำหน้าลลินาอย่างไม่เหลียวหลังเพื่อไปที่ลานจอดรถ เขาเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย เธอก็เปิดประตูไปนั่งข้าง ๆ สีหน้าของนัยน์ตึงเครียดเป็นอย่างมาก แม้อุณหภูมิข้างนอกจะเย็นฉ่ำแต่ดูเหมือนว่าภายในจะร้อนยิ่งกว่าไฟที่ว่าร้อนนั้นหมายถึงอารมณ์ไม่ใช่อย่างอื่น คนใจเย็นและอบอุ่นเมื่อสามปีก่อนไม่รู้หายไปไหน หรืออาจจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอลาจาก ลลินานั่งข้างเขาเงียบ ๆ กลัวว่าหากพูดอะไรอาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจได้ กระทั่งเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง จุดหมายปลายทางที่ต้องพบลูกค้าก็ยังไปไม่ถึง ลลินาจึงเอ่ยปากถามออกไปหนึ่งประโยค"เราจะไปพบลูกค้าที่ไหนคะคุณนัยน์""บ้านลูกค้าที่จันทบุรี"แล้วก็กลับเข้าสู่ห้วงความเงียบงันอีกรอบ บรรยากาศข้างนอกมีฝนตกปรอย ๆ พลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกง่วงขึ้นมา พยา