ณ.บ้านพักของเคนชิโร่ เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ เคนชิโร่ยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร ขณะที่มือของเขากำลังขยับไปมาบนสมาร์ทโฟนตรวจสอบข้อมูลบางอย่าง
มิเอโกะที่นั่งอยู่บนโซฟา หยิบแก้วกาแฟที่ยังอุ่นอยู่ขึ้นมาดื่ม รู้สึกถึงความเงียบที่แปลกประหลาดในห้องนี้ แม้จะมีเสียงของเครื่องชงกาแฟในห้องครัวอยู่เบาๆ แต่ความรู้สึกของเธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา
เคนชิโร่หันมองไปที่มิเอโกะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“วันนี้เราจะไปที่โกดังเก่าของแก๊งค์มาเฟียที่คุณบอก เราต้องหาคำตอบให้ได้” เขาพูดขณะยกมือลูบคางเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงแผนการอะไรบางอย่างที่อยู่ในหัว
มิเอโกะพยักหน้าเบาๆ แม้จะรู้สึกตึงเครียด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ เธอได้แต่หวังว่าเคนชิโร่จะสามารถนำพาเธอผ่านเรื่องราวทั้งหมดไปได้
เสียงโทรศัพท์มือถือของเคนชิโร่ดังขึ้น เขากดรับสายโดยไม่พูดอะไร และแค่ฟังเสียงที่ปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง
“ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?” เคนชิโร่ถาม
เสียงตอบกลับจากปลายสายฟังดูราบเรียบ แต่มั่นใจ “ครับ คุณเคนชิโร่ ทุกคนพร้อมแล้วครับ”
เคนชิโร่พยักหน้า ก่อนจะวางสาย เขาหันมามองมิเอโกะด้วยสายตาที่ดุดัน แม้จะดูอ่อนโยนในบางครั้ง แต่ในสถานการณ์นี้ มันกลับเต็มไปด้วยความมั่นคงและความพร้อมที่จะเผชิญกับอันตราย
“เราจะไปที่โกดังเก่า ตอนนี้” เคนชิโร่พูดด้วยเสียงหนักแน่น เขาหยิบเสื้อสูทตัวหนึ่งจากตู้เสื้อผ้าและสวมมัน
มิเอโกะลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปข้างๆ เคนชิโร่ หัวใจของเธอกระตุกเล็กน้อยเมื่อเธอรู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้อาจจะไม่เหมือนกับที่เธอเคยคิดมาก่อน
จากนั้นทั้งสองเดินออกจากห้องไปยังโรงรถที่มีรถหรูห้าคันจอดอยู่ ภายในไม่กี่นาที บอดี้การ์ดและคนขับรถทั้งหมดก็มาถึงจุดนัดพบและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง
เคนชิโร่เดินไปที่รถยนต์คันหน้าและเปิดประตูให้มิเอโกะขึ้นไป ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งในที่นั่งคนขับ บอดี้การ์ดทั้งห้าคนขึ้นไปยังรถอีกคันและขับตามมาอย่างใกล้ชิด
การเดินทางดำเนินไปอย่างเงียบงัน เสียงเครื่องยนต์ที่คำรามเบาๆ ทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกขณะ ทุกๆ กิโลเมตรที่รถเคลื่อนผ่านไป กลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับการเดินทางเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและความไม่แน่นอน
“คุณเคยมาโกดังเก่าที่นั่นหรือยังคะ?” มิเอโกะถามเสียงต่ำ ในขณะที่มองออกไปนอกรถ
เคนชิโร่หันมามองเธอครู่หนึ่งแล้วตอบ “เคย แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้” เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองที่ถนนข้างหน้า “ตอนนี้เราไม่แค่ตามหาคำตอบ เรายังต้องระวังตัวให้มากกว่าทุกครั้ง”
มิเอโกะมองเขาและพยักหน้า แม้จะยังไม่รู้ว่ามีอะไรที่ซ่อนอยู่ในโกดังแห่งนั้น แต่เธอเริ่มรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการตามหาคำตอบ แต่ยังเป็นการสำรวจความลับที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเคนชิโร่เอง
รถของทั้งสองแล่นผ่านถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้และบ้านพักที่ห่างไกล การเดินทางเริ่มเข้าสู่พื้นที่ชนบทจนกระทั่งมาถึงสถานที่ที่เคนชิโร่รู้จักดี—โกดังเก่าในชานเมืองที่ถูกทิ้งร้างไปหลายปี
เคนชิโร่ชะลอความเร็วรถและหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ตามมาอย่างใกล้ชิด เมื่อเขาเห็นพวกเขากลับมายิ้มให้กันเหมือนกับเป็นการยืนยันว่าไม่มีอุปสรรคอะไร
“เราถึงแล้ว” เคนชิโร่พูดก่อนจะหยุดรถที่ด้านหน้าโกดัง
มิเอโกะมองไปที่โกดังที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเงามืด ดูเหมือนว่าไม่มีใครในเมืองนี้จะมาที่นี่อีกเลย พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยเศษขยะและกิ่งไม้ที่ปลิวไปมา
“คุณ... คุณมั่นใจว่าไม่มีใครรู้เรามาที่นี่ใช่ไหมคะ?” มิเอโกะถามอย่างระมัดระวัง
เคนชิโร่หันไปมองเธอและตอบ “ผมมั่นใจ ถ้าเราทำตามแผนที่วางไว้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราคาด”
เขาเปิดประตูรถและออกมาจากรถก่อนที่จะไปยืนที่ด้านข้างของโกดัง เหมือนกับว่าเขากำลังรอคอยบางสิ่งที่จะเกิดขึ้น
บอดี้การ์ดทั้งห้าคนตามหลังมาโดยไม่มีเสียง กลายเป็นว่าความเงียบที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในรอบๆ ตัวพวกเขา ทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น
“ถึงเวลาแล้ว” เคนชิโร่พูดด้วยเสียงที่หนักแน่น ก่อนจะย่างก้าวไปข้างหน้า
มิเอโกะก้าวตามเขาไป หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น ในที่สุด พวกเขาก็อยู่ที่จุดที่สามารถไขความลับทั้งหมดได้แล้ว...
ณ.โกดังเก่าของแก็งค์มาเฟียริมชายทะเล
เสียงฝีเท้าของเคนชิโร่กึกก้องในความเงียบที่ปกคลุมโกดังเก่าตามไปพร้อมกับเสียงหายใจของมิเอโกะที่ไม่สามารถกลั้นได้ ความหนาวเหน็บในอากาศเย็นของช่วงเช้าเพิ่มความตึงเครียดให้กับบรรยากาศรอบตัว ทั้งสองเดินไปด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่บอดี้การ์ดยืนประจำการอยู่ในตำแหน่งต่างๆ รอบๆ โกดัง
มิเอโกะมองไปรอบๆ เห็นเพียงเงาของโกดังที่แหลมคมท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มตกกระทบจากทิศทางข้างหลัง เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เริ่มติดขัด เมื่อเท้าของเธอเหยียบไปบนพื้นกรวดขรุขระ
"คุณเคนชิโร่…" เสียงของมิเอโกะแผ่วเบา แต่มันดังอยู่ในหูของเคนชิโร่ เขาหันมามองเธอทันที แต่ก็ยังคงยืนมั่นคงเหมือนกับหินก้อนใหญ่ที่ไม่เคยเคลื่อนไหว
"อะไรครับ?" เขาถามเสียงเรียบ ในขณะที่มือของเขายังคงประคองกระบอกปืนที่แขวนอยู่ข้างเอวด้วยท่าทีระมัดระวัง
มิเอโกะสูดหายใจเข้า แล้วพูดต่ออย่างช้าๆ “คุณเคยรู้สึกไหมคะ… ว่าเราอยู่ที่นี่กันแค่สองคนในโลกนี้?” น้ำเสียงของเธอค่อยๆ เบาลง ขณะที่สายตาของเธอไม่ยอมหันไปจากเคนชิโร่
เคนชิโร่หันไปมองเธออีกครั้ง เขาสังเกตเห็นดวงตาของมิเอโกะที่เต็มไปด้วยความกลัวบางอย่างที่เธอพยายามซ่อนมันเอาไว้ แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงความกลัวนี้ได้
"คุณรู้ไหมครับว่า ผมไม่เคยรู้สึกเหมือนตอนนี้มาก่อน" เคนชิโร่ตอบเสียงเบา แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความหนักแน่น “ในโลกที่เต็มไปด้วยการคุกคามนี้ ผมมักจะรู้สึกเหมือนเราไม่เคยอยู่ในที่เดียวกันจริงๆ แต่มาตอนนี้… มันต่างออกไป”
มิเอโกะเงียบไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทั้งที่ความรู้สึกต่างๆ มันพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอ แต่ไม่สามารถทำให้มันออกมาเป็นคำพูดได้
“ผมไม่รู้หรอกว่าเราจะไปถึงไหน แต่ที่แน่ๆ คือ… ผมจะอยู่ข้างคุณครับ” เขาเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
มิเอโกะมองเขาอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่รอยยิ้มเล็กๆ จะปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ขอบคุณค่ะ… ขอบคุณจริงๆ”
เคนชิโร่หันไปมองที่ประตูโกดังที่เปิดอยู่เพียงแค่เล็กน้อย เขายกมือขึ้นให้สัญญาณให้ทุกคนระมัดระวังตัว บอดี้การ์ดทั้งห้าคนต่างก็ยืนเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว
“เข้าไปเงียบๆ” เคนชิโร่บอกเสียงต่ำ
มิเอโกะเริ่มรู้สึกถึงความไม่แน่นอนในท้องของตัวเอง แต่เธอก็ยังคงพยายามระงับความกลัวที่เริ่มกัดกินใจ
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปภายในโกดัง เงาของทุกคนตกอยู่บนพื้น ด้วยแสงที่สะท้อนจากหน้าต่างแตกที่อยู่บนฝ้าไม้เก่า
“ระวังตัวนะครับ” เคนชิโร่เตือนอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเข้าไปภายในอีกก้าว
มิเอโกะก้าวตามไปข้างๆ เขาอย่างเงียบๆ มือของเธอเลื่อนไปจับชายเสื้อของเขาอย่างไม่รู้ตัว ปากของเธอแห้งกรัง สายตาของเธอจับจ้องไปที่มุมมืดของโกดังที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่
“คุณเคนชิโร่… มีอะไรซ่อนอยู่ที่นี่ไหมคะ?” เสียงของมิเอโกะสั่นเล็กน้อย เธอไม่แน่ใจว่าคำถามนี้จะเหมาะสมหรือไม่ แต่มันก็หลุดออกมาแล้ว
เคนชิโร่หยุดก้าวและหันมามองเธอ เขายิ้มเล็กน้อยแม้จะไม่ได้แสดงสีหน้าให้เห็นมากนัก “ทุกอย่างมีเหตุผลของมันครับ บางสิ่งมันต้องรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะได้เปิดเผยออกมา”
มิเอโกะไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดนั้นทำให้ความตึงเครียดในอากาศเบาบางลงได้บ้าง
ขณะที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้า เสียงบางอย่างดังขึ้นในความเงียบ ไฟฉายจากบอดี้การ์ดส่องไปที่มุมหนึ่งของโกดังที่มืดสลัว ภาพของเงาตะคุ่มทำให้มิเอโกะสะดุ้ง
“คุณรู้จักมันไหม?” บอดี้การ์ดคนหนึ่งถามเสียงต่ำ ขณะที่เขากำลังชี้ไปยังบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด
เคนชิโร่หันไปมองตามทิศทางที่บอดี้การ์ดชี้ไป สายตาของเขาคล้ายจะจับจ้องไปที่บางสิ่งที่มิเอโกะไม่สามารถมองเห็นได้
“ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะรู้…” เคนชิโร่ตอบด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความลึกลับ
มิเอโกะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เคนชิโร่กำลังเก็บซ่อนอยู่ เธอเริ่มรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เธอกำลังจะได้รู้จักในวันนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
“ถ้าอย่างนั้น… เราต้องทำยังไงคะ?” มิเอโกะถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เราจะหาคำตอบ… เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้หลุดมือไป” เคนชิโร่พูดพร้อมกับหมุนตัวไปทางประตูอีกบานหนึ่ง
การเดินทางสู่ความจริงเริ่มเปิดเผยมากขึ้นทีละน้อย และมิเอโกะรู้ว่าทั้งหมดนี้จะต้องเจอกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ
ตัดไปยัง บ้านของธัน ณ กรุงเทพมหานคร เช่าวันรุ่งขึ้นแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องทานอาหาร ธันนั่งทานอาหารเช้ากับครอบครัว เสียงพูดคุยหยอกล้อดังขึ้นเป็นระยะๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข“วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะลูก” แม่ทักขึ้น สังเกตเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของธัน“ก็รู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นน่ะครับแม่” ธันตอบ พยายามทำเสียงให้ดูเป็นปกติ“ก็เห็นเมื่อคืนไปทานอาหารกับคุณพิมพ์นี่นา” พ่อแซวขึ้นมา ธันยิ้มไม่ตอบ“พี่ธันไปเที่ยวกับพี่พิมพ์อีกแล้วเหรอ” พลอยถามอย่างอยากรู้“ก็แค่ไปทานข้าวเฉยๆ น่ะพลอย” ธันตอบ พลางลูบน้องสาวเบาๆ“ฉันว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ” พลอยพูดด้วยน้ำเสียงที่ขี้เล่น ธันยิ้มให้พลอย ไม่ได้พูดอะไรต่อธันทานอาหารเช้าเสร็จ ก็รีบขอตัวไปทำงาน เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่กำลังรอเขาอยู่**ตัดไปยัง ห้องทำงานของคุณวิโรจน์ บริษัท โครงสร้างไทย จำกัด ช่วงเช้า**แสงแดดส่องเข้ามาในห้องทำงานของคุณวิโรจน์ คุณวิโรจน์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน รอคอยการมาของพิมพ์และธัน เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจ เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาในห้อง“ผมขอแสดงความยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนอีกครั้ง” คุณวิโรจน์พูดด้วยน้ำเ
สถานที่: สวนสาธารณะสวนเคียวอิชิวันที่แห่งความหวังได้มาถึงแล้ว สวนสาธารณะเคียวอิชิเต็มไปด้วยดอกไม้ที่เบ่งบานและต้นไม้เขียวขจี ไกลออกไปจากเมืองที่เงียบสงบ มันเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ และวันนี้มันจะกลายเป็นที่ที่ชีวิตของมิเอโกะจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เคนชิโรเดินจับมือมิเอโกะออกจากร้านคาเฟ่ ก็ชวนมิเอโกะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ร้านคาเฟ่กันต่อ มิเอโกะนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เคนชิโร่เดินเข้ามาหาเธอและยิ้มอย่างอบอุ่น เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นคง"มิเอโกะ" เคนชิโร่เรียกชื่อเธอเบาๆ ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ "ฉันคิดมานานแล้วเกี่ยวกับเส้นทางของเรา และมันเป็นสิ่งที่ฉันมั่นใจที่สุดในชีวิต"มิเอโกะหันไปมองเขาและยิ้ม "อะไรคะ เคนชิโร่?"เคนชิโร่สูดลมหายใจเข้าลึกและหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า เขาหยุดสักครู่ก่อนที่จะเปิดกล่องออกเผยแหวนเพชรที่สวยงาม "มิเอโกะ... ฉันไม่สามารถจินตนาการชีวิตของตัวเองหากไม่มีคุณ คุณทำให้ทุกอย่างมีความหมายมากขึ้น คุณพร้อมที่จะเดินทางไปกับฉันตลอดไปไหม?"มิเอโกะตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเต็มไปด้วยน้
สถานที่: คาเฟ่ริมแม่น้ำ ซากุระสเตชั่นแสงแดดยามบ่ายทาบทับแม่น้ำโคะระ และท้องฟ้าโปร่งใสทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างนอกดูสดใสและเงียบสงบ มิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะในคาเฟ่ริมแม่น้ำ ซากุระสเตชั่น พร้อมกับดื่มกาแฟดำที่เธอชื่นชอบ เธอกำลังคิดถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เธอทำเมื่อไม่นานมานี้ การเลือกที่จะไม่เพียงแต่เลือกเส้นทางเดียวในชีวิต แต่เลือกที่จะเดินไปข้างหน้าพร้อมกับทั้งสองทางในมือ—งานและความรักเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้าน คาเฟ่ที่มีทั้งการตกแต่งที่อบอุ่นและบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะกับการมานั่งพักผ่อนหลังจากวันที่วุ่นวาย เขายิ้มให้กับมิเอโกะที่นั่งอยู่ตรงมุมข้างหน้าต่าง เธอหันไปมองเขาและยิ้มตอบด้วยความอ่อนโยน"สวัสดีครับ...วันนี้ดูเหมือนคุณจะนั่งพักไปได้นานเลยนะครับ" เคนชิโร่เริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นมิเอโกะยิ้ม "ใช่ค่ะ บางครั้งการนั่งเงียบๆ และคิดถึงบางเรื่องมันทำให้รู้สึกสงบดีค่ะ" เธอวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วมองไปที่ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเคนชิโร่เห็นท่าทางของเธอและรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง "คุณคิดอะไรอยู่ครับ? ดูเหมือนว่าจะมีอะไรอยู่ในใจมากมาย"มิเอโกะพยักหน้าแล้วถอนหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดต่อ
สถานที่: ร้านกาแฟริมน้ำ, สวนสาธารณะคามากูระเช้าวันใหม่ในคามากูระเต็มไปด้วยแสงแดดที่อ่อนโยนและท้องฟ้าที่ใสสะอาด มิเอโกะยืนอยู่หน้าร้านกาแฟริมน้ำที่เธอเคยมาพบเคนชิโร่หลายครั้ง มันเป็นสถานที่ที่เธอรู้สึกผ่อนคลายและสามารถคิดได้ชัดเจนในช่วงเวลาที่วุ่นวายภายในจิตใจวันนี้มิเอโกะจะต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตการทำงานและความรักของเธอ เธอยืนอยู่ที่นี่เพื่อให้เวลาให้ตัวเองคิดก่อนที่จะพบกับเคนชิโร่ และพูดถึงการตัดสินใจที่เธอคิดมานานไม่ไกลจากนั้นเคนชิโร่เดินเข้ามาที่ร้านกาแฟและมองเห็นมิเอโกะยืนอยู่ริมระเบียงมองไปที่ท้องทะเล สภาพแสงแดดยามเช้าทำให้ทุกอย่างดูสวยงามและเงียบสงบ เหมือนกับโลกใบนี้ให้เวลาเธอได้หายใจ และคิดสิ่งที่ต้องการจะทำเคนชิโร่เดินไปใกล้และทักทายเธอ "มิเอโกะ, คุณมาเร็วมากเลยครับ"มิเอโกะหันไปยิ้มให้เขา และเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ ความเครียดที่สะสมไว้หลายวันเริ่มลดลงไป "ใช่ค่ะ ฉันอยากมาให้ตัวเองมีเวลาคิดอะไรหลายๆ อย่าง"ทั้งสองนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างของร้านกาแฟที่มองออกไปเห็นวิวทะเลที่เงียบสงบในตอนเช้า เคนชิโร่เปิดการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "คุณยังรู้สึกไม่แน่ใจใช่ไหมครับ
สถานที่: อาคารสำนักงานมิเอโกะ, ชายหาดคามากูระหลังจากที่มิเอโกะได้รับคำปลอบใจจากเคนชิโร่ในสวนสาธารณะยูโนะ สองวันที่ผ่านมาชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและคำถามที่ค้างคาใจ เธอได้กลับไปที่บริษัทและพยายามโฟกัสกับงานมากขึ้น แต่ทุกอย่างยังคงไม่ง่ายดาย เพราะเธอยังคงรู้สึกถึงการแบ่งแยกระหว่างการทำตามความฝันในอาชีพการงานและการเลือกชีวิตส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความรักและความสัมพันธ์วันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของมิเอโกะ เพราะเธอต้องทำการตัดสินใจเรื่องใหญ่ในงานที่เธอทำอยู่กับโครงการสำคัญที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของบริษัทได้ แต่การตัดสินใจในเรื่องนี้กลับไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเพราะมันเกี่ยวข้องกับคำถามที่ยากเกี่ยวกับความสำเร็จและความรักมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในอาคารสำนักงานของบริษัท ท่ามกลางกองเอกสารที่ซ้อนกันอยู่ เธอรู้สึกเหมือนมีโลกทั้งใบถล่มใส่ตัวเอง เมื่อเธอต้องรับผิดชอบในโครงการใหญ่ที่สามารถกำหนดทิศทางอนาคตของบริษัท แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกที่ตึงเครียดจากความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเคนชิโร่ยังคงตามหลอกหลอนเธอโทโมโกะก้าวเข้ามาในห้องทำงานของมิเอโกะด้วยท่าทางที่จริงจัง "มิเอโกะคะ ว
สถานที่: สวนสาธารณะยูโนะในโตเกียวเมื่อมิเอโกะกลับมาถึงบริษัทในตอนเย็น ความรู้สึกที่ยังค้างอยู่จากการสนทนากับเคนชิโร่ในร้านอาหารริมทะเลคามากูระยังคงตามหลอกหลอนเธอ การตัดสินใจในชีวิตที่เธอต้องทำกำลังกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นทุกที แต่สิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจกลับไปที่บริษัทก็เพราะไม่อยากให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทลุกลามไปมากกว่านี้ทุกครั้งที่เธอพยายามทิ้งปัญหานี้ไปสักพักหนึ่ง ความกดดันก็ยังคงกลับมารบกวนใจอยู่ดี เหมือนกับเงาที่ไม่สามารถหลบหนีไปได้ เธอรู้ว่าเธอจะต้องพบกับมันในอนาคตอันใกล้ และความไม่มั่นใจในเส้นทางชีวิตของเธอก็ยิ่งทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในระหว่างการประชุมที่บริษัท โทโมโกะเริ่มพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการใหญ่ของพวกเขา ความเครียดและความวิตกกังวลในตัวมิเอโกะเพิ่มขึ้นเมื่อได้ยินรายละเอียดของปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหานี้เป็นสิ่งที่มิเอโกะรู้ดีว่าเธอจะต้องแก้ไข แต่คำถามที่ยังค้างในใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองยังคงวนเวียนอยู่ตลอดเวลา"มิเอโกะค่ะ เราต้องการคุณในการตัดสินใจเรื่องนี้" โทโมโกะพูดด้วยน้ำเสียงเครียด "ถ้าเราไม่รีบแก้ไข ปัญหานี้จะยิ่งซับซ้อนและอาจส่งผลกระ