LOGINหลายวันแล้วหลังจากที่ฉันได้รู้จักพี่บอมส์บนดาดฟ้า ฉันก็ไม่มีเวลาจะมาเหม่อคิดเรื่อง One night stand อะไรนั่นอีกแล้ว เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่คนงานลากลับบ้านกันหลายคน ฉันเลยวุ่นๆ อยู่กับการช่วยงานร้านข้าวมันไก่จนเหนื่อยเกินกว่าจะมีแรงตะกายขึ้นไปนอนที่ห้องบนดาดฟ้า จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้ขึ้นดาดฟ้าเลยตั้งแต่วันนั้นนั่นแหละ แต่วันนี้ดูเหมือนสถานการณ์ในบ้านจะเข้าสู่โหมดปกติ ฉันเลยเดินตรงขึ้นห้องนอนได้เลย ไม่ต้องไปนั่งล้างหม้อน้ำซุปหรือจานชามอะไรที่ในครัวอย่างสองสามวันที่ผ่านมา
ฉันรื้อการบ้านที่หมกทิ้งไว้เป็นกองๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเทอมออกมาเรียบเรียงว่าควรจะทำวิชาไหนก่อนโดยลำดับตามวันที่คุณครูนัดส่งงาน และเริ่มทำรายงานวิชาประวัติศาสตร์ที่ต้องส่งวันมะรืนก่อนรายงานวิชาภาษาอังกฤษที่ต้องส่งถัดไปอีกสองวัน เมื่อเห็นว่ารายงานคืบหน้าไปเกินครึ่งฉันก็ตัดสินใจลุกจากโต๊ะหนังสือแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำทันที
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินเพลียๆ ขึ้นไปนั่งเล่นที่เก้าอี้นวมตัวเดิมบนดาดฟ้า คืนนี้ดาวสวยกว่าทุกวันจริงๆ หรือ ฉันเบลอจนตาพร่ามองเห็นอะไรๆ ก็ดูฟุ้งๆ ไปหมดล่ะเนี่ย
...ได้สูดหายใจลึกๆ แล้วมองท้องฟ้ากว้างๆ แบบนี้มันสุดยอดไปเลยแฮะ...
“ทำไมถึงโทรมาได้ล่ะ เอาเบอร์ฉันมาจากไหน ...นึกว่าเราคุยกันเคลียร์ตั้งแต่แรกแล้วนะ”
...นั่น เสียงพี่บอมส์นี่...
เฮ้อ... ฉันได้สูดหายใจผ่อนคลายอย่างสงบแค่นาทีเดียวเท่านั้น เสียงของเพื่อนบ้านคนเดิมก็ทลายทุกอย่างลงจนหมดสิ้นเหมือนทุกๆ ทีนั่นแหละนะ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นกับพี่บอมส์กันนะ
สัญชาตญาณบางอย่างพาให้ฉันหันมองไปทางดาดฟ้าของตึกข้างๆ ทันที และ ตั้งใจฟังทุกคำที่พี่บอมส์น่าจะกำลังพูดกรอกใส่โทรศัพท์มือถือ เพราะฉันไม่ได้ยินเสียงคู่สนทนาของพี่บอมส์เลย
“คุณน่าจะเข้าใจคำว่า One night stand ดีนี่ จะไม่มีครั้งที่สองระหว่างเรา... บ้าจริง คืนนั้นฉันน่าจะไปส่งคุณแทนที่จะพาคุณขึ้นเตียง... อย่าเซ้าซี้เลยค่ะขอร้อง... คุณคะ มันไม่มีอะไรพิเศษ... เราก็แค่สนุกกันคืนเดียวไง จบนะ ”
...ใจร้ายชะมัดเลยพี่บอมส์...
ฉันเห็นพี่บอมส์กดวางสายแล้วโยนสมาร์ทโฟนลงบนโซฟาก่อนทิ้งตัวลงนอนโดยไม่แคร์เลยว่าจะทับสมาร์ทโฟนเข้า สายตาของพี่บอมส์เหม่อมองขึ้นท้องฟ้า ริมฝีปากสวยนั้นบ้างก็เม้มบ้างก็พ่นลมหายใจ เหมือนกำลังพยายามผ่อนความเครียด จังหวะหายใจนั้น ทำให้หน้าอกขยับเบาๆ แต่แรงพอจะชวนให้ชายเสื้อยืดสีเทาเข้มเลิกสูงขึ้นเรื่อยๆ เผยให้เห็นผิวขาวเนียน
“ ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ หมวยเล็ก ”
...เอ่อ นี่ฉันลุกจากเก้าอี้นวมมายืนเกาะรั้วปูนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
ความที่ทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้จะทักทายพี่บอมส์ยังไงดี หลังจากเผลอหื่นจนเกือบจะข่มขื่นพี่บอมส์ทางสายตาไปแบบนั้น ฉันเลยถอยกลับไปนั่งเก้าอี้นวมขณะที่พี่บอมส์ลุกจากโซฟาแล้วเดินมาที่รั้วปูน สายตาของพี่บอมส์ที่มองมาทำให้ฉันต้องหลบสายตาไปมองตึกฝั่งตรงข้ามให้ทันท่วงที เพราะฉันไม่อยากจะเขินให้เธอเห็นมากกว่านี้อีกแล้ว
“อะไรกัน ตะกี๊มองเหมือนจะกินพี่ แต่ตอนนี้เมินกันซะงั้น” พี่บอมส์ละสายตาจากฉันแล้วหันหลังยืนพิงรั้วปูน เธอทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าซึ่งเป็นดาดฟ้าตึกถัดไปที่เรียงรายกันหลายตึก
“มองพี่อีกแล้วนะ”
...นั่นสิ ฉันเป็นโรคจิตไปแล้วรึไง ชอบแอบมองตอนคนอื่นไม่รู้ตัวอะไรอย่างนั้น...
“มองพี่ตรงๆ ก็ได้ พี่ไม่กัดหรอก” พี่บอมส์บอกแล้วหันกลับมามองฉันอีกครั้ง แต่ฉันก็รีบหลบตาทันที แม้ปากฉันจะยังฉีกยิ้มไปกับวลีที่ว่า ...พี่ไม่กัดหรอก.. อยู่ก็ตาม
แต่แหม จะให้มองหน้าพี่บอมส์ตรงๆ น่ะเหรอ ฉันว่าไม่ดีหรอกมั้ง นอกจากจะทำให้เขินเพราะเกิดนึกถึงครั้งแรกที่สบตากันขึ้นมาแล้ว ฉันเองก็อาจจะหลงเสน่ห์คนๆ นี้เข้าจริงๆ ก็ได้ ถ้าฉันหลงเสน่ห์เธอมากไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ละก็ ยุ่งแน่...
“ตกลงหมวยเล็กจะให้พี่พูดคนเดียวทั้งคืนเลยใช่มั้ยเนี่ย”
...เออนะ ฉันยังไม่ปริปากพูดกับพี่บอมส์เลยสักคำนี่นา...
“ก็... ไม่รู้จะพูดอะไรนี่คะ พี่พูดมาแต่ละอย่างไม่รู้จะพูดต่อยังไง”
“พูดมาเหอะน่า พูดอะไรก็ได้ ที่ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น พี่บอกแล้วไง พี่ไม่กัด”
ให้ตายสิ คำพูดแบบนี้ ใช่ว่าฉันจะไม่เคยได้ยินใครพูดกับฉันมาก่อน แต่พอคนที่พูดเป็นพี่บอมส์ ฉันก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มและก้มหน้าหลบสายตาพี่บอมส์ จนเธอเดินไปยืนที่ขอบปูนฝั่งหน้าตึกนั่นแหละ ระดับความเขินที่ลอยฟุ้งในอากาศรอบตัวฉันถึงเริ่มเบาบางลง
“หมวยเล็ก” เสียงพี่บอมส์ที่เรียกชื่อฉันแม้จะยืนหันหลังให้ฉันอยู่นั้น แผ่วเบา แต่ก็ทำให้ฉันใจเต้นเมื่อรอฟังคำพูดประโยคต่อไป
“คิดยังไงกับคำว่า One night stand ”
...ให้ตายเหอะพี่บอมส์ ฉันอุตส่าห์ลืมคำๆ นี้ไปแล้วแท้ๆ เชียวนะ ขอบคุณค่ะที่พูดขึ้นมาอีก!!!
“ ก็ จะว่าไงดีล่ะ หนูไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดียังไงนะพี่ แต่หนูไม่เคยมี แล้วก็ไม่เคยคิดเรื่องทำนองนี้เลย” ฉันพูดพลางลุกจากเก้าอี้นวมขึ้นมาเดินเพื่อยืดเส้นยืดสายไปด้วย
“อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย” อยู่ๆ พี่บอมส์ก็หันมาถามทันทีเลยค่ะ
“เกี่ยวอะไรกับอายุละคะ” คือฉันไม่อยากตอบอายุตัวเองออกไปทันทีเพราะไม่อยากโดนหาว่าเป็นเด็ก ถึงฉันจะเด็กจริงๆ ก็เหอะ แต่พอฉันถามออกไปอย่างนั้น พี่บอมส์ก็ยิ้มแล้วเดินกลับมาที่รั้วปูน ตรงที่ฉันยืนอยู่
“อยากรู้...” พี่บอมส์บอกพลางใช้สายตาแบบที่ฉันไม่อยากให้ใช้กับฉันบ่อยๆ มองมาที่ฉันอีกครั้ง ฉันก้มหน้าลงช้าๆ เพื่อหลบสายตาแบบเนียนๆ แต่หลังมือซ้ายของคนตรงหน้าก็เอื้อมมาแตะเบาๆ ที่แก้มซ้ายฉัน พอฉันหันมองมือนั้น ร่างสูงเจ้าของมือนั้นก็โน้มตัวข้ามรั้วปูนมาใกล้ฉัน ใกล้จนริมฝีปากสวยนั้นอ้อยอิ่งอยู่ไม่ไกลจากริมฝีปากฉัน มือสองข้างของฉันจับรั้วปูนแน่นขึ้นเพื่อทรงตัวจากอาการอึ้งช็อคเกินกว่าจะก้าวถอยหนีไปไหน
ไม่กี่วินาทีต่อมา แม้สายตาของฉันกับพี่บอมส์จะไม่ละไปจากกันและกัน แต่โชคยังดีที่ฉันแค่เกือบจะเสียจูบแรกให้คนใจร้ายคนนี้เท่านั้น เพราะริมฝีปากสวยที่ฉันแสนจะหลงใหลนั้น ปล่อยให้ริมฝีปากฉันลอยนวลไปได้และจรดจูบลงบนแก้มขวาของฉันอย่างนุ่มนวลแทน
ในคืนที่กรุงเทพคึกคักเป็นบางจุด เพราะใครต่อใครก็ต่างทยอยไปหาที่เคาท์ดาวน์กันหมดนั่นแหละ อาจเป็นเวทีคอนเสิร์ตตามห้างดังๆ สักแห่ง หรือ สถานที่เที่ยวฮิตๆ ต่างจังหวัด บางคนก็กลับบ้านไปรับลมหนาวนอกกรุง แถวละแวกบ้านฉันจึงเงียบสงบกว่ามากในคืนสิ้นปีแบบนี้อาม่าไม่อยู่ตั้งแต่สองวันก่อน โดยบอกไวเพียงแค่จะไปกินผัดไท ฉันเดาว่าคงเป็นร้านแถวบ้านเก่าพี่บอมส์แน่ๆ เลย ส่วนเจ้ก็ไปค้างกับคุณบรรณารักษ์ คนงานร้านข้าวมันไก่ลากลับบ้านกันหมด คืนนี้ฉันจึงนัดเคาท์ดาวน์กับพี่บอมส์ที่บนดาดฟ้าซะเลย แต่ฉันชวนวาวมาด้วยนะคะ และคงเพราะวาวก็มาด้วยนี่แหละมั้งคะที่เป็นเหตุให้พี่บีมบอกว่าจะมาเคาท์ดาวน์กับเราด้วยกว่าวาวจะมาถึงบ้านฉันก็ดึกพอควรแล้ว แถมคุณเพื่อนดันขออาบน้ำก่อนจะขึ้นดาดฟ้าอีกนะ ฉันเลยเดินขึ้นดาดฟ้าไปก่อนเลยค่ะ เพราะรอวาวอาบน้ำไม่ไหวจริงๆ เมื่อรู้ว่าพี่บอมส์รออยู่บนดาดฟ้าสักพักแล้ว ฉันหยิบผ้าห่มและถุงขนมที่ซื้อมาติดมือขึ้นไปด้วย และพอขึ้นไปถึง ฉันก็เจอพี่บีมที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดพวกเครื่องดื่มและอาหารให้พร้อมอยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆ ใกล้ที่นอนปิกนิคขนาดใหญ่อย่างเงียบๆ เมื่อพี่บีมหันมาเห็นฉันเพราะได้ยินเสียงประ
หลังจากมื้อเย็นผ่านไป ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน แล้วความอึ้งก็บังเกิดกับฉันอีกระลอก คือ พี่บอมส์เอ่ยปากขออนุญาตอาม่านอนค้างกับฉัน และอาม่าก็อนุญาตอย่างง่ายๆ จนฉันงง ฉะนั้นเมื่อได้อยู่กับพี่บอมส์ตามลำพังในห้องนอนของฉันที่ชั้นสาม คำถามมากมายในหัวฉันจึงถูกเอ่ยออกมาเพื่อหาคำตอบจากเธอ เนื่องจากเมื่อเย็นฉันมัวแต่อึ้งจนไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรใครเลย “พี่รู้จักอาม่ามานานแล้ว บ้านเก่าพี่อยู่ใกล้บ้านแฟนอาม่าน่ะ” พี่บอมส์ตอบมาอย่างนั้น เมื่อฉันถามว่า ทำไมเธอถึงได้ดูสนิทสนมกับอาม่านัก มันเป็นคำตอบที่สร้างความประหลาดใจต่อฉันมาก เพราะฉันเข้าใจว่า อาม่าของฉันเป็นโสดมาตลอด เพราะอาม่าไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของฉัน แต่รับภาระเลี้ยงฉันกับเจ้มาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่พ่อกับแม่ของฉันเสียไปนั่นแหละ เนื่องด้วยอาม่าแท้ๆ ของฉันมีหลานชายอีกหลายคนที่ต้องดูแล และไม่มีใครในตระกูลว่างพอที่จะสืบทอดกิจการข้าวมันไก่เลย อาม่าของฉันซึ่งเป็นสาวโสดไร้ภาระลูกผัวจึงเข้ารับสืบทอดกิจการนี้เพียงคนเดียว ตั้งแต่ยังอายุไม่เข้าใกล้เลขสี่เลยด้วยซ้ำ “แฟนอาม่า...” ฉันทวนคำพูดพี่บอมส์อย่างครุ่นคิด “ใช่... สมัยนั้นพี่ยังเรียนประถมอยู่เลย ตอนที่อาม่ากับป
ขอโทษนะคะ ที่หายไปนาน แต่หลังจากวันนั้นบนดาดฟ้า ชีวิตของฉันก็ยิ่งวุ่นมากขึ้น เพราะการเป็นแฟนพี่บอมส์มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะสามารถปลีกตัวจากเธอเพื่อหาเวลามาเล่าบรรยายให้คุณๆ ได้ฟังกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะบทลงโทษสองชั่วโมงที่พี่บอมส์คาดโทษฉันไว้เสียแน่นในคืนนั้นตามจริงแล้ว คืนนั้น ฉันถูกกักตัวไว้เกินสองชั่วโมงนะคะ แต่เราไม่ได้ทำอะไรต่ออะไรกันต่อเนื่องตลอดสองชั่วโมงหรอกค่ะ เพราะพี่บอมส์กับฉันมีเรื่องต้องคุยกันอีกเรื่อยๆ พี่บอมส์เลยใช้วิธีลงโทษแล้วพักคุยแล้วลงโทษอีก จนรวมเวลาลงโทษครบสองชั่วโมง ฉันแทบจะหลับสลบอยู่บนดาดฟ้านั่นแหละค่ะ ถ้าหากไม่นึกถึงวาวขึ้นมาได้และรีบขอตัวลงจากดาดฟ้ามาหาเพื่อนเอาตอนที่ฟ้าเริ่มจะสว่าง และช่างน่าอัศจรรย์เมื่อฉันพบว่าในเช้าวันนั้น วาวมีสภาพจิตใจดีขึ้นอย่างเห็นชัด ไม่มีน้ำตาให้ฉันต้องช่วยซับเลยสักหยด ฉันก็ดีใจนะคะที่เพื่อนดีขึ้น แม้จะสงสัยว่าดีขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีเวลามาซักไซ้เพื่อนมากนัก เพราะพักหลังๆ มานี่ฉันมีผู้ปกครองคนพิเศษคอยตามรับตามส่งที่โรงเรียนแทบทุกวันน่ะสิคะ ทุกเย็นวันธรรมดาที่ฉันเคยเดินกลับบ้านกับวาว นอกจากวาวจะชอบหายตัวไปบ่อยๆ ตอนนี้
“ไม่ได้ One night stand เหรอคะ” ฉันพูดทวนในสิ่งที่ได้ยินจากปากพี่บอมส์อีกรอบเลยค่ะ กลัวว่าฉันจะฟังผิดไป“อื้ม นี่อย่าบอกนะ ว่าเธอเข้าใจว่าเรา One night stand กันน่ะ” พี่บอมส์ย้อนถาม ท่าทางเธอทึ่งมากๆ กับความเข้าใจของฉันที่เธอเพิ่งจะได้รับรู้“โธ่ หมวยเล็ก อันดับแรกนะ One night stand สำหรับพี่คือต้องไม่ซ้ำคนเพื่อไม่ให้เกิดความผูกพัน ต้องไม่ติดต่อกันอีกเลยไม่มีการโทรหรือแชทกันเด็ดขาด และที่สำคัญ พี่จะบอกกับทุกคนก่อนทำทุกครั้งให้เข้าใจว่า จะแค่ One night stand กันเท่านั้น เอาล่ะ ทีนี้ลองคิดดีๆ ทบทวนใหม่นะคะ เรามีอะไรกันกี่ครั้งแล้ว”...สาม...“พี่ขอเบอร์หมวยเล็กรึเปล่า” ...ขอ...“แล้วพี่พูดสักคำมั้ย ว่าเราจะแค่ One night stand กันอ่ะ”...อืม ไม่ได้พูดเลยค่ะ...“แล้ว ที่พี่ว่า ถ้าเจอกันเราคงทักทายกันเหมือนเดิมไม่ได้ล่ะคะ” ฉันวกกลับไปถามเรื่องเก่าทันที ก็แหม ถึงฉันจะยอมจำนนในความเข้าใจผิดของตัวเอง แต่ฉันก็ยังไม่หมดข้อข้องใจนี่คะ“อ่อ ก็ตอนนั้นเรามีอะไรกันแล้วไง มีพยานรักแล้วด้วย จะให้คุยกัน ทักกัน เหมือนคนรู้จักเหมือนเพื่อนบ้านทั่วไปได้ไงล่ะ จริงๆ พี่เริ่มหาจังหวะจะขอหมวยเล็กเป็นแฟนตั้งแต
“แค่ก แค่กๆ ”เสียงที่แผ่วเบานั้น ดังชัดในความเงียบสงัด มันแทรกผ่านเสียงลมมากระทบโสตประสาทฉัน และดึงให้ฉันหยุดเดินได้สำเร็จ ฉันมองจ้องไปที่เก้าอี้นวมซึ่งยังคงวางชิดรั้วปูนอยู่ ซอฟต์ครีมโดดขึ้นมายืนบนรั้วและโดดลงมานั่งที่เก้าอี้นวมของฉัน ฉันเอื้อมมือไปเกาคางมันเบาๆ แต่ฉันรู้ค่ะ ว่าเมื่อครู่นี้มันไม่ใช่เสียงแมวแต่น่าจะเป็นเสียงคนมากกว่า จากที่ตอนแรกฉันจะถอยกลับเข้าหลังประตูเหล็ก เท้าฉันก็ก้าวพาตัวเองไปยืนเกาะรั้วปูน ชะโงกมองหาต้นเสียงจนพบพี่บอมส์นอนขดอยู่บนพื้นข้างเก้าอี้นวม เป็นสภาพที่น่าตกใจนะ พอฉันเห็นแบบนั้นก็แทบจะปีนข้ามรั้วไปหาเธอทันที แต่ซอฟต์ครีมเร็วกว่าฉัน มันทำให้พี่บอมส์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยการกระโดดข้ามรั้วปูนลงไปที่พื้นดาดฟ้าพี่บอมส์โดยเทคตัวถีบเท้าตรงกลางหลังพี่บอมส์ซะเต็มกำลังแมวเลยค่ะ “ปลุกดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องโยนแมวใส่กันเลยนี่” ประโยคทักทายจากพี่บอมส์ทำเอาฉันเลิกคิ้วก่อนหันมองไอ้แมวตัวแสบที่ตอนนี้กลับมานั่งบนรั้วปูนข้างๆ มือฉันที่จับค้ำกับรั้วปูนอยู่ ฉันโดนแมวหาคดีให้อีกกระทงซะงั้นแหละค่ะ“ไม่ได้โยน มันโดดไปเอง มันคงเห็นว่าเจ้านายมันเริ่มจะขี้เซากว่ามันแล้วมั้ง” ฉั
“คืนนี้สามทุ่ม เจอกันบนดาดฟ้า พี่จะนอนทั้งวัน หวังว่าจะหายไข้ มีแรง มีสติ มากพอจะคุยกันรู้เรื่องกว่านี้” พี่บอมส์ว่าอย่างนั้น ก่อนปล่อยฉันให้เป็นอิสระและมาโรงเรียนสักที แต่ก็เพราะอย่างนั้น ทั้งวันที่โรงเรียน ในหัวฉันถึงมีแต่เสียงพี่บอมส์ซึ่งบอกนัดหมายดังก้องอยู่ตลอดทุกชั่วโมงเรียนชั่วโมงพัก คืนนี้... จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันไม่อยากคาดเดา เพราะหากเริ่มคิด ฉันคงแอบหวัง ว่าทุกอย่างจะเป็นไปทางที่ดี และอย่างที่เรารู้กันดี ความคาดหวังน่ะน่ากลัว ผิดหวังกันทีก็เสียหลักกันนานเป็นปีได้เลยมั้ง ฉันว่า ถ้าต้องเกลียดความรัก ฉันคงเกลียดมันเพราะข้อนี้แหละ บ่ายวันนี้ฉันไม่เจอวาวเลย นี่นานวันเข้า ฉันยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนฉันถูกลักพาตัวแทบทุกวันเลยค่ะ วาวมักจะหายตัวไปแบบไม่บอกกล่าว และโผล่กลับมาเองจนฉันเริ่มชินไปแล้วค่ะ ฉันเลยไม่ค่อยห่วงกังวลอะไรนัก เพราะฉันรู้ดีว่า โจรลักพาตัวคือใคร ถ้าฉันจะห่วงวาวล่ะก็ ฉันห่วงเรื่องผลการเรียนของคุณเพื่อนมากกว่าค่ะ ตั้งแต่เจอพี่บีม วาวก็มีเหตุต้องขาดเรียนบ่อยเกินไปแล้ว ฉันคิดว่าฉันต้องเตือนคุณเพื่อนสักหน่อย ถ้าฉันหาตัววาวเจออ่ะนะคะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ครู







