Share

ใจร้าย

last update Last Updated: 2025-10-21 16:17:49

หลายวันแล้วหลังจากที่ฉันได้รู้จักพี่บอมส์บนดาดฟ้า ฉันก็ไม่มีเวลาจะมาเหม่อคิดเรื่อง One night stand อะไรนั่นอีกแล้ว เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่คนงานลากลับบ้านกันหลายคน ฉันเลยวุ่นๆ อยู่กับการช่วยงานร้านข้าวมันไก่จนเหนื่อยเกินกว่าจะมีแรงตะกายขึ้นไปนอนที่ห้องบนดาดฟ้า จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้ขึ้นดาดฟ้าเลยตั้งแต่วันนั้นนั่นแหละ แต่วันนี้ดูเหมือนสถานการณ์ในบ้านจะเข้าสู่โหมดปกติ ฉันเลยเดินตรงขึ้นห้องนอนได้เลย ไม่ต้องไปนั่งล้างหม้อน้ำซุปหรือจานชามอะไรที่ในครัวอย่างสองสามวันที่ผ่านมา

ฉันรื้อการบ้านที่หมกทิ้งไว้เป็นกองๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเทอมออกมาเรียบเรียงว่าควรจะทำวิชาไหนก่อนโดยลำดับตามวันที่คุณครูนัดส่งงาน และเริ่มทำรายงานวิชาประวัติศาสตร์ที่ต้องส่งวันมะรืนก่อนรายงานวิชาภาษาอังกฤษที่ต้องส่งถัดไปอีกสองวัน เมื่อเห็นว่ารายงานคืบหน้าไปเกินครึ่งฉันก็ตัดสินใจลุกจากโต๊ะหนังสือแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำทันที 

หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินเพลียๆ ขึ้นไปนั่งเล่นที่เก้าอี้นวมตัวเดิมบนดาดฟ้า คืนนี้ดาวสวยกว่าทุกวันจริงๆ หรือ ฉันเบลอจนตาพร่ามองเห็นอะไรๆ ก็ดูฟุ้งๆ ไปหมดล่ะเนี่ย 

...ได้สูดหายใจลึกๆ แล้วมองท้องฟ้ากว้างๆ แบบนี้มันสุดยอดไปเลยแฮะ...

“ทำไมถึงโทรมาได้ล่ะ เอาเบอร์ฉันมาจากไหน ...นึกว่าเราคุยกันเคลียร์ตั้งแต่แรกแล้วนะ”

...นั่น เสียงพี่บอมส์นี่...

เฮ้อ... ฉันได้สูดหายใจผ่อนคลายอย่างสงบแค่นาทีเดียวเท่านั้น เสียงของเพื่อนบ้านคนเดิมก็ทลายทุกอย่างลงจนหมดสิ้นเหมือนทุกๆ ทีนั่นแหละนะ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นกับพี่บอมส์กันนะ

สัญชาตญาณบางอย่างพาให้ฉันหันมองไปทางดาดฟ้าของตึกข้างๆ ทันที และ ตั้งใจฟังทุกคำที่พี่บอมส์น่าจะกำลังพูดกรอกใส่โทรศัพท์มือถือ เพราะฉันไม่ได้ยินเสียงคู่สนทนาของพี่บอมส์เลย

“คุณน่าจะเข้าใจคำว่า One night stand ดีนี่ จะไม่มีครั้งที่สองระหว่างเรา... บ้าจริง คืนนั้นฉันน่าจะไปส่งคุณแทนที่จะพาคุณขึ้นเตียง... อย่าเซ้าซี้เลยค่ะขอร้อง... คุณคะ มันไม่มีอะไรพิเศษ... เราก็แค่สนุกกันคืนเดียวไง จบนะ ” 

...ใจร้ายชะมัดเลยพี่บอมส์...

ฉันเห็นพี่บอมส์กดวางสายแล้วโยนสมาร์ทโฟนลงบนโซฟาก่อนทิ้งตัวลงนอนโดยไม่แคร์เลยว่าจะทับสมาร์ทโฟนเข้า สายตาของพี่บอมส์เหม่อมองขึ้นท้องฟ้า ริมฝีปากสวยนั้นบ้างก็เม้มบ้างก็พ่นลมหายใจ เหมือนกำลังพยายามผ่อนความเครียด จังหวะหายใจนั้น ทำให้หน้าอกขยับเบาๆ แต่แรงพอจะชวนให้ชายเสื้อยืดสีเทาเข้มเลิกสูงขึ้นเรื่อยๆ เผยให้เห็นผิวขาวเนียน

“ ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ หมวยเล็ก ” 

...เอ่อ นี่ฉันลุกจากเก้าอี้นวมมายืนเกาะรั้วปูนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

ความที่ทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้จะทักทายพี่บอมส์ยังไงดี หลังจากเผลอหื่นจนเกือบจะข่มขื่นพี่บอมส์ทางสายตาไปแบบนั้น ฉันเลยถอยกลับไปนั่งเก้าอี้นวมขณะที่พี่บอมส์ลุกจากโซฟาแล้วเดินมาที่รั้วปูน สายตาของพี่บอมส์ที่มองมาทำให้ฉันต้องหลบสายตาไปมองตึกฝั่งตรงข้ามให้ทันท่วงที เพราะฉันไม่อยากจะเขินให้เธอเห็นมากกว่านี้อีกแล้ว

“อะไรกัน ตะกี๊มองเหมือนจะกินพี่ แต่ตอนนี้เมินกันซะงั้น” พี่บอมส์ละสายตาจากฉันแล้วหันหลังยืนพิงรั้วปูน เธอทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าซึ่งเป็นดาดฟ้าตึกถัดไปที่เรียงรายกันหลายตึก

“มองพี่อีกแล้วนะ”

...นั่นสิ ฉันเป็นโรคจิตไปแล้วรึไง ชอบแอบมองตอนคนอื่นไม่รู้ตัวอะไรอย่างนั้น...

“มองพี่ตรงๆ ก็ได้ พี่ไม่กัดหรอก” พี่บอมส์บอกแล้วหันกลับมามองฉันอีกครั้ง แต่ฉันก็รีบหลบตาทันที แม้ปากฉันจะยังฉีกยิ้มไปกับวลีที่ว่า ...พี่ไม่กัดหรอก.. อยู่ก็ตาม

แต่แหม จะให้มองหน้าพี่บอมส์ตรงๆ น่ะเหรอ ฉันว่าไม่ดีหรอกมั้ง นอกจากจะทำให้เขินเพราะเกิดนึกถึงครั้งแรกที่สบตากันขึ้นมาแล้ว ฉันเองก็อาจจะหลงเสน่ห์คนๆ นี้เข้าจริงๆ ก็ได้ ถ้าฉันหลงเสน่ห์เธอมากไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ละก็ ยุ่งแน่...

“ตกลงหมวยเล็กจะให้พี่พูดคนเดียวทั้งคืนเลยใช่มั้ยเนี่ย”

...เออนะ ฉันยังไม่ปริปากพูดกับพี่บอมส์เลยสักคำนี่นา...

“ก็... ไม่รู้จะพูดอะไรนี่คะ พี่พูดมาแต่ละอย่างไม่รู้จะพูดต่อยังไง” 

“พูดมาเหอะน่า พูดอะไรก็ได้ ที่ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น พี่บอกแล้วไง พี่ไม่กัด” 

ให้ตายสิ คำพูดแบบนี้ ใช่ว่าฉันจะไม่เคยได้ยินใครพูดกับฉันมาก่อน แต่พอคนที่พูดเป็นพี่บอมส์ ฉันก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มและก้มหน้าหลบสายตาพี่บอมส์ จนเธอเดินไปยืนที่ขอบปูนฝั่งหน้าตึกนั่นแหละ ระดับความเขินที่ลอยฟุ้งในอากาศรอบตัวฉันถึงเริ่มเบาบางลง 

“หมวยเล็ก” เสียงพี่บอมส์ที่เรียกชื่อฉันแม้จะยืนหันหลังให้ฉันอยู่นั้น แผ่วเบา แต่ก็ทำให้ฉันใจเต้นเมื่อรอฟังคำพูดประโยคต่อไป

“คิดยังไงกับคำว่า One night stand ”

...ให้ตายเหอะพี่บอมส์ ฉันอุตส่าห์ลืมคำๆ นี้ไปแล้วแท้ๆ เชียวนะ ขอบคุณค่ะที่พูดขึ้นมาอีก!!!

“ ก็ จะว่าไงดีล่ะ หนูไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดียังไงนะพี่ แต่หนูไม่เคยมี แล้วก็ไม่เคยคิดเรื่องทำนองนี้เลย” ฉันพูดพลางลุกจากเก้าอี้นวมขึ้นมาเดินเพื่อยืดเส้นยืดสายไปด้วย

“อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย” อยู่ๆ พี่บอมส์ก็หันมาถามทันทีเลยค่ะ

“เกี่ยวอะไรกับอายุละคะ” คือฉันไม่อยากตอบอายุตัวเองออกไปทันทีเพราะไม่อยากโดนหาว่าเป็นเด็ก ถึงฉันจะเด็กจริงๆ ก็เหอะ แต่พอฉันถามออกไปอย่างนั้น พี่บอมส์ก็ยิ้มแล้วเดินกลับมาที่รั้วปูน ตรงที่ฉันยืนอยู่

“อยากรู้...” พี่บอมส์บอกพลางใช้สายตาแบบที่ฉันไม่อยากให้ใช้กับฉันบ่อยๆ มองมาที่ฉันอีกครั้ง ฉันก้มหน้าลงช้าๆ เพื่อหลบสายตาแบบเนียนๆ แต่หลังมือซ้ายของคนตรงหน้าก็เอื้อมมาแตะเบาๆ ที่แก้มซ้ายฉัน พอฉันหันมองมือนั้น ร่างสูงเจ้าของมือนั้นก็โน้มตัวข้ามรั้วปูนมาใกล้ฉัน ใกล้จนริมฝีปากสวยนั้นอ้อยอิ่งอยู่ไม่ไกลจากริมฝีปากฉัน มือสองข้างของฉันจับรั้วปูนแน่นขึ้นเพื่อทรงตัวจากอาการอึ้งช็อคเกินกว่าจะก้าวถอยหนีไปไหน 

ไม่กี่วินาทีต่อมา แม้สายตาของฉันกับพี่บอมส์จะไม่ละไปจากกันและกัน แต่โชคยังดีที่ฉันแค่เกือบจะเสียจูบแรกให้คนใจร้ายคนนี้เท่านั้น เพราะริมฝีปากสวยที่ฉันแสนจะหลงใหลนั้น ปล่อยให้ริมฝีปากฉันลอยนวลไปได้และจรดจูบลงบนแก้มขวาของฉันอย่างนุ่มนวลแทน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เหตุเกิดบนดาดฟ้า   คิดมาก

    มันเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งไปนะคะ ในวินาทีที่พี่บอมส์โน้มตัวเข้ามาใกล้ และจูบลงที่แก้มฉัน มือทั้งสองข้างของฉันจับรั้วปูนแน่นขึ้นเพื่อทรงตัวจากอาการอึ้งช็อค...คนใจร้าย เกือบได้จูบแรกฉันไปซะแล้วสิ...ฉันอยากจะต่อว่าอะไรพี่บอมส์สักหน่อยนะ แต่ก็พูดไม่ออกเลยสักคำ เพราะความเขินมันพุ่งขึ้นสูงเกินขีดจำกัดไปแล้ว“นี่ หมวยเล็ก” พี่บอมส์เรียกและเขย่าตัวฉันเบาๆ แต่พอฉันขยับตัวได้เท่านั้นแหละ ฉันก็วิ่งจากรั้วปูนกลับเข้ามายืนตั้งหลักหลังประตูเหล็กทันที ฉันเลยได้ยินเพียงเสียงพี่บอมส์พูดไล่หลังมาว่า “ยังไม่บอกเลยนะ ว่า อายุเท่าไหร่”...จะถามอายุกันไปทำไมนะ...ฉันคิดสงสัยในความอยากรู้ของคนๆ นั้น แต่ก็ไม่คิดจะกลับออกไปถามอะไรหรอกนะ ไม่รู้จะเอาความกล้าที่ไหนสั่งให้ขามันเดินกลับออกไปที่รั้วปูนตรงนั้น เพราะฉันยังคงยืนพิงผนั

  • เหตุเกิดบนดาดฟ้า   ใจร้าย

    หลายวันแล้วหลังจากที่ฉันได้รู้จักพี่บอมส์บนดาดฟ้า ฉันก็ไม่มีเวลาจะมาเหม่อคิดเรื่อง One night stand อะไรนั่นอีกแล้ว เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่คนงานลากลับบ้านกันหลายคน ฉันเลยวุ่นๆ อยู่กับการช่วยงานร้านข้าวมันไก่จนเหนื่อยเกินกว่าจะมีแรงตะกายขึ้นไปนอนที่ห้องบนดาดฟ้า จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้ขึ้นดาดฟ้าเลยตั้งแต่วันนั้นนั่นแหละ แต่วันนี้ดูเหมือนสถานการณ์ในบ้านจะเข้าสู่โหมดปกติ ฉันเลยเดินตรงขึ้นห้องนอนได้เลย ไม่ต้องไปนั่งล้างหม้อน้ำซุปหรือจานชามอะไรที่ในครัวอย่างสองสามวันที่ผ่านมาฉันรื้อการบ้านที่หมกทิ้งไว้เป็นกองๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเทอมออกมาเรียบเรียงว่าควรจะทำวิชาไหนก่อนโดยลำดับตามวันที่คุณครูนัดส่งงาน และเริ่มทำรายงานวิชาประวัติศาสตร์ที่ต้องส่งวันมะรืนก่อนรายงานวิชาภาษาอังกฤษที่ต้องส่งถัดไปอีกสองวัน เมื่อเห็นว่ารายงานคืบหน้าไปเกินครึ่งฉันก็ตัดสินใจลุกจากโต๊ะหนังสือแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำทันที หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินเพลียๆ ขึ้นไปนั่งเล่นที่เก้าอี้นวมตัวเดิมบนดาดฟ้า คืนนี้ดาวสวยกว่าทุกวันจริงๆ หรือ ฉันเบลอจนตาพร่ามองเห็นอะไรๆ ก็ดูฟุ้งๆ ไปหมดล่ะเนี่ย ...ได้สูดหายใจลึกๆ แล้วมองท้องฟ้ากว้า

  • เหตุเกิดบนดาดฟ้า   เพื่อนบ้าน

    แสงแดดยามเช้าที่สาดเข้ามาในห้องนอนฉันไม่เคยร้อนขนาดนี้มาก่อนเลย หรือเมื่อคืนฉันจะลืมปิดประตูระเบียง ลืมรูดม่าน แล้วก็ลืมเปิดแอร์ เดี๋ยวนะ... ฉันไม่ได้นอนหลับบนเตียงตามปกตินี่ ...โอย นี่ฉันนั่งหลับคาประตูระเบียงเลยเหรอ แล้วเมื่อคืนฉันมาทำอะไรที่ระเบียงห้องกันล่ะ... วันนี้ระเบียงห้องเรากว้างจังแฮะ แถมตึกฝั่งตรงข้ามก็หายไปด้วย มีแต่ดาดฟ้ากับโซฟาเบดสีน้ำเงินของตึกข้างๆ ...“บ้าไปแล้วฉัน ตึกหายเนี่ยนะ คิดได้ไง”กว่าฉันจะรู้ตัวในความเพี้ยนของตัวเองก็ใช้เวลาหลายนาทีเลยค่ะ สมองคงกำลังเรียบเรียงความทรงจำอยู่ เพราะฉันยังไม่ชินกับการนอนที่ห้องบนดาดฟ้า แถมคืนแรกก็ยังทรุดลงหลับพิงประตูห้องซะอีก การนั่งหลับนี่มันแย่จริงๆ นะคะ ทำเอาฉันปวดไปทั้งตัว ตอนขยับตัวเปิดประตูห้องทั้งที่คิดว่าเป็นประตูระเบียงน่ะ...กี่โมงแล้วนะ ถ้าไปโรงเรียนสายล่ะแย่เลย...ฉันเดินเซๆ ออกจากห้องในอาการที่สายตายังปรับไม่เข้ากับแสงรอบตัว แต่ฉันก็ต้องฝืนหอบสังขารตัวเองลงจากดาดฟ้าเดี๋ยวนี้ แม้จะมีสภาพเหมือนผีดิบโดนแดดก็ตาม“มอร์นิ่งค่ะ นักถ้ำมองคนสวย” เสียงทักทายจากใครบางคนทำให้ฉันชะงักฝีเท้าเพื่อมองหาเจ้าของน้ำเสียงที่เหมือนจะคุ

  • เหตุเกิดบนดาดฟ้า   พยาน (ร่วม) รัก

    “ถ้าฉันยอมแพ้ แล้วที่ฉันทำมาทั้งหมดจะมีความหมายอะไร”ฉันพร่ำบอกตัวเองอยู่ตลอดสัปดาห์หลังจากเจอภาพสงครามวาบหวิวบนดาดฟ้า คราวนี้ฉันเลือกที่จะขึ้นไปนอนห้องบนดาดฟ้าให้เร็วเป็นพิเศษเลย ตั้งใจจะหลับให้สนิทก่อนที่ตึกข้างๆ จะขึ้นมาก่อสงครามกันในที่สุดฉันก็ได้ฤกษ์ขึ้นไปเริ่มต้นไลฟ์สไตล์แบบเจ๋งๆ บนดาดฟ้าสักที โดยอาศัยประสบการณ์ครั้งก่อนๆ คือฉันจะเลี่ยงคืนวันศุกร์และเสาร์ที่คนมักไปเที่ยวปาร์ตี้กันแล้วมาจบที่เตียง เพราะฉะนั้นโอกาสที่ฉันต้องเผชิญกับเหตุการณ์ติดเรทของเพื่อนบ้านก็น่าจะลดลง ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าจะมีใครที่ไหนสวีทกันทุกคืน...แต่รู้สึกว่า ฉันจะคิดผิด...เธอคนนั้นพาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาสวีทตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งตกมุมตึก แต่ฝันไปเถอะค่ะ ว่าฉันจะหนีลงไปนอนชั้นสามเหมือนคราวก่อน ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เลี่ยงก็ไม่สำเร็จ ฉันก็ต้องเผชิญกับสถานะถ้ำมองแบบไม่ตั้งใจให้ได้ซะเลย เพราะดูเหมือนเธอคนนั้นจะไม่หยุดนิสัยชอบทำอะไรๆ กับสาวๆ บนดาดฟ้าแน่ๆ ให้ฉันใช้ประโยชน์เป็นบทเรียนนอกตำราประเภทสังเกตการณ์เก็บข้อมูลหน่อยแล้วกันเธอคนนั้น ที่ฉันพูดถึง คือ ผู้หญิงตัวสูง ผมยาวประบ่าและชอบสวมเสื้อสีเทานั่นแหล

  • เหตุเกิดบนดาดฟ้า   หลบๆ ซ่อนๆ

    เอาล่ะค่ะ ไม่ว่าต่อจากนี้ฉันจะต้องเจอกับอะไร ตอนนี้ฉันก็เริ่มทยอยแอบเอาของใช้ที่จำเป็นขึ้นมาบนดาดฟ้าทีละอย่างสองอย่างโดยไม่ให้อาม่ารู้ เพราะอาม่าไม่อนุญาตให้ฉันขึ้นมานอนที่ห้องเก็บของบนดาดฟ้าน่ะสิคะ แต่ก็เอาเถอะ กว่าอาม่าจะรู้นะ ฉันคงย้ายของมาหมดห้องแล้วแหละเนอะฉันใช้เวลาหลายวันเอาเรื่องเลยค่ะ กับการแอบย้ายของและค่อยๆ แอบทำความสะอาดห้องเก็บของบนดาดฟ้าเพื่อดัดแปลงเป็นห้องนอน แต่พอทำเสร็จจนได้ผลลัพธ์เป็นห้องนอนลับๆ เล็กๆ มันก็น่าภูมิใจบอกไม่ถูกนะคะ ฉันรักห้องนี้มาก เพราะมันคือห้องนอนที่อยู่บนดาดฟ้าอย่างที่ฉันต้องการแถมระยะนี้ดูเหตุการณ์ต่างๆ บนดาดฟ้าจะสงบดีค่ะ ไม่มีโชว์หวือหวาอะไรมารบกวนฉันอีกเลยตั้งแต่วันที่มีฝนดาวตก ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญเลยนะที่ทำให้ฉันไม่ตัดใจที่จะขึ้นมาทำห้องนอนบนดาดฟ้าเนี่ย“โอ้โห เอาจริงแฮะ”“อ่าว เจ้ มาเงียบๆ ตกใจหมด แล้วช่วยพูดเบาๆ หน่อยได้มั้ย เดี๋ยวอาม่าก็ได้ยินหรอก”พี่สาวฉันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันนี่รีบวิ่งออกจากห้องไปปิดประตูเหล็กแทบจะทันที“บ้า อาม่าอยู่ตั้งชั้นลอยจะได้ยินได้ไง”...เออ นั่นสิ ระแวงไปนะฉัน...“แล้วเจ้มีอะไร ขึ้นมาเพื่อ...”“ก็

  • เหตุเกิดบนดาดฟ้า   ฝนดาวตก

    ริ้วแสงสีขาวราวๆ สิบเส้น เคลื่อนตัวพาดผ่านท้องฟ้าเมืองกรุงที่แสงไฟยามราตรีสว่างโร่จนแทบจะกลบแสงดาวหมดสิ้น นี่ถ้าฉันไม่ได้มีบ้านเป็นตึกแถวสูงสี่ชั้นและมีดาดฟ้าให้นอนดูดาว ฉันก็คงไม่ได้เห็นแม้แต่ดาวในวันธรรมดา ไม่ต้องพูดถึง ฝนดาวตกสวยๆ แบบในวันนี้หรอกมั้ง ฉันชักจะติดใจกับอากาศเย็นๆ และท้องฟ้ากว้างๆ บนดาดฟ้านี่ซะแล้วสิ ตอนนี้ฉันนอนดูฝนดาวตกอยู่คนเดียวบนดาดฟ้าตึกที่ชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านข้าวมันไก่ มีชั้นลอยเป็นห้องพักของอาม่า ส่วนชั้นถัดมาเป็นห้องของพี่สาวที่มีระเบียงติดสะพานลอย ชั้นสามเป็นห้องของฉันเองซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สูงพอที่จะดูดาวได้ นอกจากนั้นชั้นสี่ก็เป็นห้องเก็บของซึ่งยังไม่ใช่ที่พักที่ฉันต้องการอยู่ดี...ขออาม่าขึ้นมานอนห้องเก็บของบนดาดฟ้าเลยดีกว่า จะได้ดูดาวทุกคืน...อากาศหนาวๆ บนดาดฟ้าทำให้ฉันต้องตัดใจลงจากดาดฟ้ามานอนสักที แต่ความกระหายก็พาให้ฉันเดินลงบันไดมาชั้นล่างเพื่อหาน้ำดื่มในครัวติดมือขึ้นห้องสักขวด ระหว่างที่เดินกลับขึ้นบันไดมาแล้วผ่านห้องนอนพี่สาว ฉันก็สังเกตเห็นว่า ประตูห้องของพี่ปิดไม่สนิทอีกแล้ว นี่แหละนะ เข้าออกทางระเบียงจนชิน ไม่เคยเลยที่จะเช็คประตูห้องว่า ปิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status