คุณหมอหนุ่มแอบรักเด็กหนุ่มวัยมัธยม แต่ยังไม่กล้าทำอะไรเพราะน้องยังเด็ก รอให้โตก่อนเถอะ ค่อยๆ เลี้ยงไว้ทีละนิดค่ะ “พี่หมออย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบผมมาก่อนว่าชอบไหม” “อือ ชอบ” “ก็แค่นั้น” “อะไรก็แค่นั้น” “ก็แค่พูดว่าชอบ มันไม่เห็นอยากตรงไหน” “หวาน ขอกินอีกได้ไหม” “กินช็อกแลตหรือกินผม” ถามออกไปแล้วก็หน้าแดงลามไปถึงใบหู “ใครสอนให้พูดแบบนี้” “ไม่มีใครสอน แค่พูดเพราะอยากพูด” “อย่าพูดกับใครอีก” “แล้วถ้าพูดกับพี่หมอได้ไหมครับ” “พูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด คิดว่ารับผิดชอบได้ไหม” “คิดว่าได้” “งั้นก็ต้องพิสูจน์” “ผมก็รออยู่” “ยั่วดีนัก”
View Moreเสียงร้องเพลงชาติดังไปทั่วทั้งบริเวณของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แม้ว่าเด็กที่มาเรียนในวันนี้จะมีจำนวนเพียงครึ่งเดียวก็ตาม เนื่องจากเป็นวันสอบปลายภาคเรียนวันแรก
ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง กำลังเดินขึ้นไปบนอาคารเรียนแห่งนี้ด้วยความคุ้นเคย แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ความทรงจำก็ยังไม่จางหาย ภาพที่ตัวเองเคยวิ่งบนระเบียงอาคารจนถูกอาจารย์ดุอยู่เกือบทุกวันยังฉายชัด ขายาวก้าวไปตามระเบียงทางเดินชั้นสองซึ่งมีห้องเรียนเรียงอยู่นับสิบห้อง ก่อนจะหยุดที่หน้าล็อกเกอร์เก็บของที่อยู่ด้านในสุดของตัวอาคาร
มือเรียวยาวหยิบกุญแจหมายเลข 10 ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพง จากนั้นไขกุญแจตามหมายเลขที่ตรงกับลูกกุญแจในมือของตัวเอง
ด้านในล็อกเกอร์มีอุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียน ของใช้ส่วนตัวอีกเล็กน้อย แต่ที่สะดุดตาก็คงจะเป็นรองเท้าผ้าใบราคาแพงที่เขาจำได้ว่าเพิ่งจะซื้อให้กับเจ้าของล็อกเกอร์นี้ได้ไม่ถึงเดือน
ชายหนุ่มเก็บทุกอย่างลงไปในลังกระดาษที่เตรียมมาด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องเป็นคนมาเก็บของออกจากล็อกเกอร์ของน้องชาย ในวันที่เจ้าตัวนั้นลาโลกไปแล้ว
พอตรวจสอบว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่แล้วเขาก็ปิดล็อกเกอร์ ดึงกุญแจออก ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับก็มีเสียงคนพูดมาจากริมทางเดิน
“แม่ครับ ยายครับผมขอโทษ ผมเอาเงินที่แม่ให้มาจ่ายค่าเทอม กับเงินค่าแผงที่แม่ฝากไปให้เจ๊จิตไปลงทุนกับเพื่อนที่รู้จักกันในเฟซบุ๊ก คิดว่าจะได้เงินเพิ่มแต่ที่ไหนได้พวกมันหลอกเอาเงินไปหมดเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับแม่ จะไปแจ้งความพวกมันก็ขู่ไว้ว่าจะมาทำร้ายแม่กับยาย พอถามพวกมันบ่อย ๆ มันก็บล็อกทั้งเฟซทั้งไลน์ ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้วครับ ผมเป็นลูกที่ไม่ดี เป็นหลานที่ไม่ดีเลยใช่ไหมครับ ถ้าผมตายจากอุบัติเหตุแม่กับยายจะได้เงินใช่ไหมครับ ผมคิดว่านี่คือทางออกเดียวที่เรามีตอนนี้ แต่แม่อย่าเอาโทรศัพท์ให้ตำรวจนะครับ เพราะพวกเขาจะไม่เชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุแล้วแม่จะไม่ได้เงิน ผมอยากจะบอกแม่กับยายนะครับว่าผมรักแม่กับยายมาก รักมากที่สุด ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ” น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเจอไปด้วยเสียงสะอื้น เด็กหนุ่มกำลังร้องไห้
เขายืนฟังเด็กหนุ่มพูดอยู่ตั้งแต่แรก มันดูเหมือนว่าเด็กคนนี้กำลังสั่งลา หัวใจเขากระตุกวูบ เขาไม่อยากให้ใครต้องเจอกับการสูญเสียเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
“ถ้านายรักแม่และยายอย่างที่พูด นายคงไม่ทิ้งให้พวกท่านเสียใจ”
เขาพูดขึ้นด้วยอารมณ์ไม่พอใจ แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ไม่อยากให้ใครต้องมาตาย
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นหน้าคนพูดไม่ชัดนัก เพราะตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาที่มันเอ่อล้นจนเปื้อนไปทั้งสองแก้ม เขาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกและมองผู้ชายที่พูดกับเขาอีกครั้ง จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยรู้จักมาก่อน
“พี่เป็นใคร มายุ่งอะไรกับผม”
เด็กหนุ่มถามออกไปอย่างไม่พอใจ เขาคิดว่าที่ตัวเองพูดเมื่อครู่ไม่มีใครได้ยิน แต่พอรู้ว่ามีคนแอบฟังก็รู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังเพราะถ้าเขาเป็นอะไรไปผู้ชายคนนี้คงเที่ยวไปบอกคนอื่นแน่ ๆ ว่าเขาคิดจะทำอะไร
“ไม่ได้อยากยุ่ง แค่อยากเตือน”
“เตือนตัวเองก่อนไหมว่าอย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่น”
“นายมันขี้ขลาด”
“พี่มีสิทธิ์อะไรมาว่าผม” เด็กหนุ่มถามกลับด้วยความโมโห
“นั่นสินะ พี่จะมีสิทธิ์ไปว่านายได้ยังไง พี่ไม่ใช่แม่หรือยายของนายสักหน่อย น่าสงสารท่านนะ เลี้ยงลูก เลี้ยงหลานมาจนโตขนาดนี้แล้ว เรียนมาก็เยอะแต่สุดท้ายก็มาคิดอะไรตื้น ๆ แบบนี้”
“พี่ไม่ใช่ผม พี่ไม่รู้หรอกว่าผมต้องเจอเรื่องอะไรบ้าง”
“คนเราก็เจอปัญหากันทุกคนนั่นแหละ แต่คนฉลาดเขาจะมีวิธีจัดการกับปัญหาได้ดีกว่านี้”
“พี่ว่าผมโง่”
“นายได้ยินพี่ว่านายเหรอ”
“พี่หมายความอย่างนั้น”
“ทีนี้ทำเป็นฉลาด”
“นั่นไงพี่ยอมรับแล้วว่าเมื่อกี้ว่าผมโง่”
“ก็แล้วแต่นายจะคิด นายก็ดูเป็นคนฉลาดดีนี่แล้วทำไมถึงคิดจะทำเรื่องแบบนั้น”
“มันเป็นทางออกเดียวที่คิดได้”
“นายมีปัญหาอะไร ลองเล่าให้พี่ฟังได้ไหม” เพราะไม่อยากเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเหมือนกับน้องชายของตนเอง
“พี่จะอยากรู้เรื่องคนอื่นไปทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“อย่างน้อยพี่ก็เป็นเพื่อนร่วมโลกกับนายไง ถ้านายอยากจะตายจริง ๆ พี่ก็ไม่ห้ามหรอกแต่นายไม่อยากเล่าให้ใครสักคนฟังก่อนตายเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“พี่ต้องเก็บเป็นความลับ”
“แน่สิ พี่จะไปเล่าให้ใครฟังได้ล่ะ เพราะพี่ไม่เคยรู้จักคนรอบตัวของนายเลยสักคน”
อคิราห์ไปส่งไทธัชเสร็จแล้วก็กลับมาที่คอนโด ขณะกำลังเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นก็เห็นไอแพดที่อีกคนลืมไว้เขาถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความที่เพื่อนของไทธัชส่งเข้ามาหลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ไทธัชกำลังถูกคนในคณะเข้าใจผิด เนื่องจากมีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพูดทำนองว่าไทธัชเป็นเกย์และตอนนี้กำลังมีเสี่ยใหญ่คนหนึ่งคอยช่วยเหลือเรื่องการเงินอยู่อคิราห์เปิดเข้าไปตามลิงค์ต้นเรื่องก็เห็นคนมาแสดงความคิดเห็นต่อจากเจ้าของโพสต์กันสนุกปาก บ้างก็ว่าเสี่ยที่ดูแลไทธัชอยู่นั้นภรรยาอยู่แล้ว บ้างก็ว่าไทธัชทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินก้อนโต แต่ทำให้อคิราห์โมโหที่สุดก็คือคนที่บอกว่าเสี่ยของไทธัชนั้นทั้งแก่ทั้งอ้วนและยังหัวล้านอีกด้วยแต่ก็มีบางความคิดเห็นที่บอกว่าเป็นเกย์ไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่รู้จักเลือกคนให้ดี ๆ หน่อยไม่ใช่เห็นแก่เงินจนลืมนึกถึงหน้าตาและอายุ แม้จะมีหลายคนบอกว่าไทธัชไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเคยเห็นแฟนของไทธัชแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ เพราะน้อยคนนักที่จะได้เห็นไทธัชกับแฟนอยู่ด้วยกันอคิราห์ไม่รู้ว่าไทธัชเห็นโพสต์นี้แล้วจะเป็นยังไงบ้างชายหนุ่มรีบโทรไปถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู
หลังเลิกเรียนอคิราห์ก็มารับไทธัชตามที่นัดไว้ พอชายหนุ่มเห็นรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที“รอพี่นานไหม” อคิราห์ถามพร้อมกับยื่นชาเขียวให้กับคนรัก“ขอบคุณครับ รอไม่นานเพิ่งลงมาไม่ถึงห้านาที”รถเคลื่อนออกมาได้สักระยะไทธัชก็ถามขึ้น“พี่ซันทำไมไม่บอกผมเรื่องเงิน 25 ล้าน”“พี่นึกว่าแม่บอกไทแล้วนะ เพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้อยู่เมืองไทย”“อยู่ที่ไหนก็บอกได้เหมือนกันนะครับ ผมว่าพี่ตั้งใจปิดมากกว่า”“พี่จะปิดได้ยังไง นั่นมันบัญชีของไทนะ”“แต่ก็น่าจะบอกรู้ไหม ว่าเอาเงินนั้นไปฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยเยอะเลย”“ที่ผ่านมาไม่เคยเอาสมุดบัญชีไปปรับเลยใช่ไหม”“ครับ บัญชีนี้ไม่มีในแอปธนาคารด้วยก็เลยไม่รู้ว่ามีเงินเข้า พอดีวันนี้คุณธีรธรเขาโอนเงินค่ามัดจำเขาก็เลยลองเอาไปปรับดู”“พี่อยากให้ไทเก็บไว้ใช้จ่าย”“ไม่หรอกครับ ผมว่าจะขออนุญาตเอาไปเปิดบัญชีฝากประจำได้ไหมครับ ถ้าได้ดอกเบี้ยค่อยเอามาใช้”“จะขอพี่ทำไท นั้นเงินของไท”“แต่แม่พี่บอกว่าให้พี่ แต่พี่ยกให้ผม”“นั้นไง ก็ยกให้แล้ว ไทจะเอาไปทำอะไรก็ได”“ขอบคุณนะครับ เงินมากขนาดนั้นทั้งชาติผมคงไม่มีโอกาสหาได้”“บอกแล้วไงไทเป็นเด็กดี มีอะไรที่พี่ให้ได้พี่
ไทธัชถูกประคองเดินมาที่เตียงในเวลาเกือบตีสอง ขาเขาสั่นจนแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากให้อคิราห์อุ้ม เพราะดูแล้วอีกคนก็หมดแรงไม่ต่างจากตัวเองมากนักจากที่คิดจะไปอาบน้ำให้สดชื่น แต่คนพี่ก็อาสาเป็นคนทำความสะอาดช่องทางรักที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่น แต่เพราะคนทำความสะอาดช่ำชองจนเกินไปไทธัชจึงตื่นตัวอีกครั้งและบทรักก็บรรเลงใต้ฝักบัวอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนทั้งสองจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง รู้แต่ทุกครั้งมันเต็มไปด้วยความสุข อคิราห์ส่งผ่านความรักความคิดถึงผ่านทุกสัมผัสจนไทธัชลืมเรื่องน้อยใจไปจนหมดสิ้น“ไทครับ เรียนกี่โมงนะ”“สิบโมงครับ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ไทธัชยังไม่ยอมออกจากผ้าห่ม เขายังคงกอดอคิราห์ไว้อย่างนั้น กลัวเหลือเกินว่าที่ผ่านมาเมื่อคืนมันจะเป็นเพียงความฝัน“แปดโมงครับ นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยววันนี้พี่ขับรถไปส่ง”“ผมไปเองได้ครับ นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียวก็ถึงหรือโหนรถเมล์ไปก็ได้”“อย่าดื้อครับ ลองลุกมาก่อนไหม แล้วลองเดินดูว่าตัวเองจะเดินขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้าได้ไหมหรือจะยืนเบียดคนอื่นบนรถเมล์ไหวไหม” อคิราห์มองคนที่นอนจมอยู่บนเตียงนอนแล้วก็รู้สึกสงสา
ก่อนกลับคอนโดไทธัชไลน์ไปถามอคิราห์ว่าเย็นนี้เขาจะทานอะไรแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่อ่าน ชายหนุ่มเลยแวะซื้อข้าวสวยและกับข้าวที่อคิราห์ชอบกลับไปด้วยเขากลับมาถึงห้องก็ปิดไฟมืด เขาคิดว่าอคิราห์คงนอนอยู่ที่ห้องนอนเล็กเหมือนเดิม แต่เปิดเข้าไปห้องก็ว่างเปล่า ไทธัชเริ่มกังวลหรือว่าภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง ชายหนุ่มรีบเดินมาดูที่ห้องนอนใหญ่แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคืออคิราห์จริงไทธัชไม่อยากกวนเวลานอนจึงกลับมาอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง คิดว่าให้อคิราห์นอนต่อ แต่ก็ทนใจแข็งได้ไม่นานเพราะอยากพูดคุยกับเขาให้หายคิดถึงชายหนุ่มเปิดเข้าไปในห้องอีกครั้งก็ไม่คนที่นอนอยู่เมื่อครู่ เขาได้ยินเสียงอาบน้ำ จึงรีบออกมาเตรียมอาหารไว้รอพอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินไปตามอคิราห์อีกครั้งก๊อก ก๊อก ก๊อก“พี่ซันครับ ผมเข้าไปได้ไหม”เงียบ..“ผมเข้าไปแล้วนะ”ไทธัชถามอีกครั้งแต่คนในห้องก็ยังไม่ตอบ เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกจากห้องน้ำก็เลยนั่งรออยู่บนเตียง“ผมมาตามไปกินข้าวครับ ผมไปรอข้างนอกนะครับ” ไทธัชรีบบอกเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ“ทำไมต้องไปรอข้างนอก ไหนว่าคิดถึง
ไทธัชรู้สึกว่าเวลาของตัวเองจะเดินช้ากว่าของคนอื่น ตั้งแต่ปีใหม่ครั้งนั้นอคิราห์ก็ยังไม่กลับมาเมืองไทยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าอีกคนยุ่งทั้งเรียนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ปีใหม่ครั้งที่ผ่านมาเขาต้องนอนร้องไห้อยู่คอนโดเพราะคิดถึงความทรงจำที่เคยมีด้วยกันกับคนรัก ไหนจะช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาถึงสองครั้งเขาก็เคยได้มีโอกาสฉลอง มีแต่ของขวัญที่ส่งมาทั้งปีใหม่ วาเลนไทน์รวมไปถึงวันเกิด แต่ใครบอกว่าเขาอยากได้ของขวัญมีราคาพวกนั้นแม้จะวิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บอกรักกันทุกวันแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับอ้อมกอดที่อบอุ่นของผู้ที่ชื่ออคิราห์เลยสักนิด“ไท เหนื่อยเหรอท่าทางไม่ดีเลย”“นิดหน่อยครับ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องผมเป็นพี่ปีสามก็เลยเหนื่อยหน่อย พี่ซันล่ะครับ ดูเหมือนช่วงนี้จะร่าเริงเป็นพิเศษนะครับ มีอะไรดีหรือเปล่า”“ก็แค่วันนี้อาจารย์ให้พี่ได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วพี่ก็ทำออกมาได้ดี”“พี่ซันเก่งอยู่แล้ว ผมว่าถ้ากลับมาครั้งนี้คงยุ่งจนไม่มีเวลาให้ผมแน่ ๆ เลย”“ถ้ากลับไปพี่คงพักสักระยะแล้วค่อยเริ่มงาน พี่จะให้เวลาไทเต็มที่เลยดีไหม”“อือ ถ้าพี่กลับมาเราไปเที่ยวทะเลกันไหมครับ ผมอยากพาแม่กับยายไ
หลังจากที่ส่งหลักฐานให้กับทนายแล้วไทธัชก็หมดหน้าที่ แต่เขาก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาทางอคิราห์อยู่ทุกวันเรื่องหย่าจบไปตั้งแต่สัปดาห์แรก เพราะคุณตรีวุฒิกลัวว่าเรื่องที่เขาพาเด็กผู้ชายเข้ามานอนในบ้านจะรู้ถึงหูคนอื่น และจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง เขาจ่ายค่าเลี้ยงดูคุณอรณีถึง 25 บาท แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเซ็นใบหย่าแล้ว เรื่องราวมันจะรุนแรงขึ้นในแบบที่เขาแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมมารดาของอคิราห์ร้องไห้จนเป็นลมเมื่อทราบเรื่องที่ลูกชายโดนพ่อเลี้ยงกระทำชำเรา เธอโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดี และยังพาคนชั่วอย่างตรีวุฒิเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่เธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะได้คุณอรรณพอดีตสามีคอยอยู่ข้าง ๆพอตั้งสติได้คุณอรณีก็เข้มแข็งขึ้น เธอและคุณอรรณพนำคลิปหลักฐานที่นายตรีวุฒิทำกับลูกชาย ภาพถ่าย และคำขู่ที่ฝ่ายนั้นส่งมาคุกคามลูกชายของเขาให้กับตำรวจ เธอก็บอกให้จัดการทุกอย่างตามกฎหมายโดยไม่ต้องห่วงว่าเธอจะรู้สึกยังไง จะเสียชื่อเสียงไหม เธออยากให้ผู้ชายคนนั้นรับโทษจากการกระทำของตัวเองโดยเร็วที่สุดพอมีข่าวว่าตรีวุฒิถูกจับ ก็มีเด็กหนุ่มอีกหลายคนซึ่งตกเป็นเหยื่อทางอารมร์ของตรีวุฒิเข้ามาแจ้
Comments